Custom Search

Jan 9, 2007

"เด็กจะเข้าใจอนาคตได้อย่างไร"

วิกรม กรมดิษฐ์
คอลัมน์ "นอกตำรา"
มติชนรายวัน
วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2548
ปีที่ 28 ฉบับที่ 9904 หน้า 31


ความเป็นเด็กที่ช่างสังเกตเกิดประโยชน์ให้กับผมเป็นอย่างมาก นับเป็นการก้าวเข้าสู่บทเรียนแห่งชีวิตโดยตรงที่ผมได้รับจากบุคคลรอบข้างไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย และคนอื่น ๆ ที่ผมสามารถสังเกต เรียนรู้ เฝ้ามองทั้งแบบครูพักลักจำ และตั้งใจสอดส่องจนนำมาปรับ นำมาคิด และประยุกต์ใช้เข้ากับวิถีทางแห่งความเป็นตัวตนของผม แน่นอนครับ เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาแบบเพียงชั่วข้ามคืน
สิ่งเหล่านี้ย่อมต้องผ่านการอบรม บ่มเพาะ การรู้จักแยกแยะความดี ความชั่ว ด้วยสติปัญญาและจิตใต้สำนึกที่ใฝ่ดี ต้องรู้จักเตือนตนเองอยู่เสมอไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี หรือยั่วยวนกิเลส เพราะเมื่อผมเป็นเด็กไม่ได้จัดว่าผมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีมากแต่ประการใด แถมยังเคยคิดจะจบชีวิตตัวเองเมื่อช่วงเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ประมาณ 10-1 5 ปีอีกด้วย คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่ารันทดหดหู่ขนาดไหน มันช่างสับสนไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร คิดจะทำอะไรก็ลำบากไปหมด มีแต่เสียงคัดค้าน ปัญหาครอบครัวนับเป็นเรื่องที่อ่อนไหว กระทบกระเทือนจิตใจของคนในครอบครัวได้มาก ความขัดแย้งก่อตัวสะสมเหมือนน้ำซึมบ่อทราย หรือภูเขาไฟระเบิดรอวันปะทุเท่านั้นเอง
เด็กๆ อย่างผมก็ต้องได้รับผลพลอยได้ไปด้วยไม่รู้ตัว ผมเชื่อว่าคงมีอีกหลายครอบครัวที่เป็นเช่นนี้ผมเองก็เคยลองทำในสิ่งที่อยากลองแม้รู้ว่าไม่ค่อยจะดีมาก่อน ด้วยความที่อยู่ในสภาพแวดล้อม สังคม และเคยทำความผิดพลาดมาก่อนในชีวิต ผมจึงเข้าใจความรู้สึกของคนที่เคยผิดพลาดพลั้งเผลอดี ซึ่งหากร้ายแรงหน่อยก็ต้องติดคุกติดตะรางกันไป ทุกวันนี้มีผู้ต้องโทษอยู่ในเรือนจำกว่า 230,000 คน พวกเขาเหล่านั้นต่างต้องพบกับจุดอับของชีวิตทั้งสิ้น แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ ผมก็เกือบจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
ถ้าผมไม่รู้จักที่จะยั้งคิด รู้จักผิดชอบชั่วดี และควบคุมสติแล้วล่ะก็ ผมคงต้องพบกับวิบากกรรมในชีวิตเช่นเดียวกัน หรือไม่ก็อาจกลายเป็นนักเลงหัวไม้ ถูกพวกยิงตายไปก็เป็นได้ หรือหากรอดพ้นเงื้อมมือศัตรูมาได้ก็คงมีลูกเมียเยอะแยะเป็นหางว่าวเลี้ยงกันไม่จบสิ้น คิดแล้วก็น่ากลัวนะครับเรื่องของการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ นั้น เราพูดกันมากในสังคม เพราะเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า เด็กๆ มักเลียนแบบจากผู้ใหญ่ ดีไม่ดีก็ไม่ต้องดูอื่นไกล เด็กจะดีได้ต้องมีผู้ใหญ่ที่ดีคอยแนะนำอบรมสั่งสอน และเลี้ยงดูปลูกฝังเขาด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ การคิด พูดและกระทำสิ่งใดต้องคิดให้รอบคอบ ลึกซึ้งว่าสิ่งที่เราทำนั้นจะส่งผลกระทบให้กับคนอื่นๆ ในสังคมด้วย โดยเฉพาะเด็กๆ ผมยังอดเป็นห่วงครอบครัวที่การศึกษาน้อย(ชนชั้นแรงงาน) ว่าพวกเขาจะสั่งสอนเลี้ยงดูเด็กให้เชื่อฟังและเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้อย่างไร เพราะมีสติปัญญาและความรู้จำกัด ขนาดผมมาจากครอบครัวระดับกลางจนถึงดีไม่ต้องแร้นแค้นกัดก้อนเกลือกินยังลำบากขนาดนี้ แล้วพวกเขาเล่าจะขนาดไหน
โอกาสที่จะเดินหลงทางหรือทางผิดย่อมมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ผมอดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าผมต้องเกิดในครอบครัวที่มีสภาพแวดล้อมอย่างนั้นแล้วผมจะสามารถฝ่าฟันทะลุทะลวงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้หรือไม่....น่าคิดนะครับมาวันนี้ อาจเรียกได้ว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว ถ้าไม่เกินเลยไปอาจเรียกว่า มากกว่าใครหลายๆ คนในรุ่นเดียวกับผมเสียด้วยซ้ำ(หรืออาจมากที่สุด) ความสำเร็จในชีวิตของผมไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ อย่างแน่นอน
สิ่งนี้ย่อมมาจากรากฐานการอบรมเลี้ยงดู การศึกษาที่ผมได้รับ และการตัดสินใจที่จะฝ่าวิกฤตในชีวิตให้ผ่านพ้นไปได้ มาถึงวันนี้ย่อมถือว่าเป็นความสำเร็จที่สง่างามและทำให้ผมภาคภูมิใจไม่น้อย