เหนือสิ่งอื่นใด
- เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559
- พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) ณ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙
- The 60th Anniversary Celebrations of his Majesty King Bhumibol Adulyadej's Accession to the Throne
- 63 ปี "พระเจ้าอยู่หัว ร.๙" ผู้นำที่ไม่เหมือนใครในโลก นำพาประเทศ "อยู่ดีมีสุข"
- Supreme Artist
- เศรษฐกิจพอเพียง : Sufficiency Economy พ.ศ. ๒๕๖๓
- ทศพิธราชธรรม ๑
- ทศพิธราชธรรม ๒
- ๑๐๐ ปี สวรรคตกาลสมเด็จพระปิยมหาราช
- ร.๙ ทรงห่วงเหตุการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน
- พระบรมราโชวาท ร.๙
- "พูดแล้วต้องทํา" พระบรมราโชวาท "ในหลวง ร.๙" ทรงเตือน-ครม.
- ร. ๙ ทรงพระราชทานแก่พลเอกสุจินดา คราประยูร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง
- ร.๙ ทรงรับสั่งรมต.ถวายสัตย์ฯ
- ร.๙ ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่ตุลาการทหาร
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงป้องกันน้ำท่วม ปีพุทธศักราช ๒๕๓๘
- “ในหลวง ร.๙” ทรงฝากองคมนตรีปลูกฝังคนไทยเอื้อเฟื้อ นึกถึงส่วนรวม
- “ในหลวง ร.๙” เสด็จฯ ทอดพระเนตรดนตรีที่ศิริราช
- "ในหลวง ร.๙" เสด็จเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์-สะพานภูมิพล 1,2
- ในหลวง ร. ๙ เสด็จฯทอดพระเนตรคอนเสิร์ตแจ๊ส
- ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒
- น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ"ในหลวง ร.๙"กับ"ภูมิสารสนเทศ"
- ในหลวง ร.๙ ทรงพระราชทาน ส.ค.ส.2554 แก่พสกนิกรชาวไทย
- 'ในหลวง ร.๙' ทรงมีพระราชดำรัสให้คนไทย ทำหน้าที่ ไม่ประมาท มีสติ : ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓
- วันฉัตรมงคล (ร.๙)
- ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
- พระราชดำรัสสุดท้าย ในหลวง รัชกาลที่ 9
- ๑๒ สิงหา วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
- "สมเด็จย่า"
- เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์
- อาลัยพระพี่นางฯ
- ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดให้นายโคฟี อันนัน เฝ้าถวายรางวัลฯ (๒๕ พ.ค.๔๙)
- "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร" มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์
- พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
- ศิลปาชีพ : ประจักษ์พยานของความรัก ผูกพัน และห่วงใย
- เพลงสรรเสริญพระบารมี
- ชีวิตที่หมุนไปไม่หยุดยั้ง...พระอารมณ์ขันของพระเทพฯ
- ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนฯ
- สมเด็จพระเทพฯ กับการส่งเสริมไอที เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- สมเด็จพระเทพฯ สนพระทัยเมล็ดพันธุ์ช่วยหล่อเลี้ยงประชากร
- เครือข่ายกาญจนาภิเษก
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- ทรงพระเจริญ
- ของขวัญจากก้อนดิน
- ต้นไม้ของพ่อ
- รูปที่มีทุกบ้าน
- นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ
- ติโต
- ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙
- พระราชนิพนธ์ พระมหาชนก ที่ทุกคนพึงอ่าน
- โครงการแก้มลิง
- ทำไมเรารัก "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"

Jun 20, 2025
Jun 19, 2025
Jun 17, 2025
Jun 16, 2025
สรุปเนื้อหา เศรษฐศาสตร์พื้นฐาน ภายใน 4 นาทีอ่าน
f Loy Chunpongtong
สรุปเนื้อหา #เศรษฐศาสตร์พื้นฐาน ภายใน 4 นาทีอ่าน สำหรับผู้ที่ไม่เคยเรียน ในแบบง่ายๆครับ
1. Classical Economics (เศรษฐศาสตร์คลาสสิก)
- แนวคิดหลัก: เศรษฐกิจเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อรัฐบาลไม่เข้าไปยุ่ง (Laissez-faire)
- Adam Smith เสนอ "มือที่มองไม่เห็น" (Invisible Hand):
- การแบ่งงานกันทำ ทำในส่วนที่ตนเองถนัด
นำสินค้าและบริการมาแลกเปลี่ยนกัน ทำให้สังคมมีผลผลิตรวมสูงขึ้น
คนทำตามผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ผลลัพธ์รวมคือ
ความเจริญของสังคม (เช่น คนขายขนมปังอยากได้เงิน
แต่ก็ทำให้คนอื่นมีอาหารกินไปด้วย)
- เชื่อว่า ราคา ค่าแรง และตลาดจะปรับตัวเอง โดยธรรมชาติ
(ถ้าขนมปังแพง คนจะมาขายแข่งจนราคาลง)
- David Ricardo เสนอ "ทฤษฎีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ" (Comparative Advantage):
แต่ละประเทศควรผลิตสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดแล้วค้าขายแลกเปลี่ยนกัน
(แม้จะทำสิ่งอื่นได้ดีกว่าเล็กน้อยก็ตาม)
ไม่ควรตั้งอากรต่อกัน
2. Marxian Economics (เศรษฐศาสตร์มาร์กซิสต์)
- Karl Marx มองระบบทุนนิยมเป็นสนามรบ แทนที่จะเป็นการ
เพิ่มประสิทธิภาพ
- ทฤษฎีมูลค่าจากแรงงาน (Labor Theory of Value):
มูลค่าสินค้ามาจากแรงงาน
แต่คนงานได้ค่าแรงน้อยกว่ามูลค่าที่สร้าง →
เกิด "ส่วนเกินค่าแรง" (Surplus Value) ที่นายทุนกอบโกย
- Marx ทำนายว่า ทุนนิยมจะล่มสลายเพราะความขัดแย้งภายใน
(ถูกกดขี่จนลุกฮือ) และเปลี่ยนเป็นสังคมนิยม/คอมมิวนิสต์
- ได้พิสูจน์กว่า 50ปี แล้วว่าทฤษฎีนี้ ไม่ถูกต้อง
ทำให้ประสิทธิภาพต่ำ ไม่มีความจูงใจปรับปรุงการทำงาน
เพราะไม่มีใครเสียสละได้ 100% ยังมีความเห็นแก่ตัวบ้าง
3. Game Theory (ทฤษฎีเกม)
- ศึกษาการตัดสินใจเมื่อผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คนอื่นทำ
- ตัวอย่างดัง: ปัญหานักโทษ (Prisoner's Dilemma)
- นักโทษ 2 คนเลือกว่าจะ "ร่วมมือ" หรือ "ทรยศ"
- แม้การทรยศจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลสำหรับแต่ละคน
แต่ผลลัพธ์รวมแย่กว่าหากทั้งคู่ร่วมมือ
- Nash Equilibrium: จุดที่ไม่มีใครได้ประโยชน์
จากการเปลี่ยนกลยุทธ์คนเดียว (เช่น การขับรถชิดซ้ายในไทย)
- ใช้วิเคราะห์หลายเรื่อง ตั้งแต่สงครามราคา
กำหนดนโยบายบริหารประเทศ ไปจนถึงการต่อรองระหว่างประเทศ
4. Neoclassical Economics (เศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิก)
- เน้น การตัดสินใจของปัจเจกบุคคล แทนการมองเป็นชนชั้น
- แนวคิด Marginalism (อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม) ใน
Micro Economics (เศรษฐศาสตร์จุลภาค):
มูลค่าสินค้าขึ้นกับความพึงพอใจส่วนเพิ่ม (เช่น
เค้กชิ้นแรกอร่อยกว่าชิ้นที่ 4)
- เชื่อว่า ตลาดจะปรับสู่ดุลยภาพ (Equilibrium)
ผ่านอุปสงค์-อุปทาน
- สมมติว่าคนและธุรกิจเป็น "ผู้ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล"
(Rational Actors) ซึ่งเป็นความจริงในภาพรวม
ไม่เป็นความจริงกับทุกคน
5. Keynesian Economics (เคนส์)
- John Maynard Keynes เจ้าของแนวคิด
"รัฐบาลต้องแทรกแซงเศรษฐกิจ" ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
- ปัญหาหลัก: ในภาวะถดถอย คนเก็บออมมากขึ้น →
การใช้จ่ายลด → เศรษฐกิจแย่ลง (Paradox of Thrift)
- ทางแก้: พิมพ์แบงก์เพิ่ม (กู้ธนาคารกลาง)
นำเงินใหม่เข้าสู่ระบบ ยอมให้เงินเฟ้อ (ไม่ใช่ออกพันธบัตร
ไปดึงเงินในระบบ)
นำไปกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุน (เช่น สร้างถนน จ้างงาน)
เพื่อสร้าง Multiplier Effect (เงิน 1 บาทที่รัฐใช้
เกิดผลลัพธ์มากกว่า 1 บาทในระบบ) ไม่ใช่นำไปแจกฟรี
- เป็นจุดเริ่มต้นของ Macro Economics (เศรษฐศาสตร์มหภาค)
- ให้นิยามของสมการรายได้ประชาชาติ และเป็นที่มาของฟังก์ชัน
ดุลอุปสงค์รวม (Investment = Saving function)
6. Supply-Side Economics (เศรษฐศาสตร์ด้านอุปทาน)
- เชื่อว่า การลดภาษีและกฎระเบียบ จะกระตุ้นการผลิต →
เศรษฐกิจโต → รายได้รัฐเพิ่มแม้อัตราภาษี/อากรต่ำ
(Laffer Curve)
- ถูกนำมาใช้ในยุค Reagan (สหรัฐฯ ช่วง 1980s)
แต่ถูกวิจารณ์ว่าเพิ่มความเหลื่อมล้ำและขาดดุลงบปนะมาณของรัฐ
7. Monetarism (สำนักการเงินนิยม)
- Milton Friedman กล่าวว่า เงินเฟ้อเกิดจากรัฐพิมพ์เงินมากเกิน
- แก้ปัญหาโดย ควบคุมปริมาณเงินให้เติบโตอย่างคงที่
แทนการแทรกแซงนโยบายการคลัง
- เชื่อว่า "ตลาดแรงงานมีอัตราการว่างงานตามธรรมชาติ"
(Natural Rate of Unemployment)
- นี่คือที่มา ของแบงก์ชาติไทย ที่หัวแข็ง
เชื่อตามสิ่งที่เกิดกับ ประเทศใหญ่อย่าง USA
8. Development Economics (เศรษฐศาสตร์การพัฒนา)
- ศึกษาว่าทำไมบางประเทศรวย บางประเทศจน
- กับดักความยากจน (Poverty Trap):
ความจนทำให้คนไม่สามารถลงทุนในอนาคต
(เช่น ไม่มีเงินส่งลูกเรียน) → ยากที่จะหลุดพ้น
- เน้นความสำคัญของ สถาบันที่ดี
(เช่น กฎหมาย Strong, คอร์รัปชันต่ำ)
9. Austrian School (สำนักออสเตรียน)
- เชื่อว่า รัฐไม่ควรแทรกแซงตลาด
- สาเหตุวัฏจักรเศรษฐกิจ: ธนาคารกลางกำหนดดอกเบี้ยต่ำเกิน
→ เกิดฟองสบู่ → แตกแล้วเกิด recession
- Friedrich Hayek กล่าวว่า
"ราคาคือสัญญาณที่ส่งข้อมูลในตลาด"
10. Behavioral Economics (เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม)
- คนไม่ได้มีเหตุผลสมบูรณ์แบบ (Rational)
แต่ถูกกำหนดโดย อคติและอารมณ์
- ตัวอย่าง:
- Loss Aversion: กลัวการสูญเสียมากกว่าชอบกำไร
- Framing Effect: การนำเสนอข้อมูลเปลี่ยนการตัดสินใจ
(เช่น "เนื้อ 90% ไม่มีไขมัน" vs "มีไขมัน 10%")
11. New Institutional Economics
(เศรษฐศาสตร์สถาบันใหม่)
- เน้น บทบาทของสถาบัน (เช่น กฎหมาย บริษัท) ในการลด
"ต้นทุนการทำธุรกรรม" (Transaction Costs)
- อธิบายว่าทำไมบางประเทศพัฒนาเพราะมี "สถาบันที่ดี"
(เช่น ระบบศาลที่โปร่งใส)
12. Public Choice Theory (ทฤษฎีการเลือกสาธารณะ)
- วิเคราะห์ การเมืองด้วยหลักเศรษฐศาสตร์
- นักการเมืองและข้าราชการก็แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
(เช่น อยากได้เสียงหรืองบประมาณ)
- ปัญหา: นโยบายมักเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มเล็ก
(เช่น ส.ส. สนับสนุนโครงการในเขตตัวเองแม้ไม่ดีต่อประเทศ)
สรุปให้คนที่มีเวลาอ่านแค่ 4 บรรทัด
- ตลาดเสรี: Classical, Neoclassical, Austrian →
เชื่อว่า "รัฐอย่าเข้ามายุ่ง จะดีสุด อย่าพิมพ์แบงก์
ไปลงทุน จ้างงาน"
- รัฐแทรกแซง: Keynesian, Development →
"รัฐต้องกู้เงิน เพื่อส่งเสริมการลงทุน จ้างงาน ในปีที่เศรษฐกิจแย่"
- พฤติกรรมคน: Behavioral →
"คนไม่ได้คิดอย่างมีเหตุผลเสมอไป"
- การเมือง: Public Choice → "นักการเมืองก็มองแต่เสียงตัวเอง"
ขอเตือนว่าทฤษฎีที่ได้ Nobel Prize ไม่ได้เข้าใจกันง่าย ๆ.
และถ้าไม่เก่งจริง อย่าด้อยค่าทฤษฎีเหล่านี้
แต่ละสำนักมีจุดอ่อน จุดแข็ง ขึ้นอยู่กับบริบทที่นำไปใช้
เหมือนเลือกเครื่องมือ ถ้าแผ่นไม้ เกินมาเล็กน้อยควรใช้ตะไบ
ถ้าเกินมาเยอะต้องใช้เลื่อย อันนี้ขึ้นกับสติปัญญา ประสบการณ์
และโมเดลทางคณิตศาสตร์ที่สร้างขึ้นครับ
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ผมเชียร์
ให้ทั้งรัฐบาลและแบงก์ชาติร่วมมือกันแทรกแซง
โดยใช้เครื่องมือทั้งการเงิน และการคลัง ในแบบ Keynesian
ครับ นำน้ำใหม่มาเติมในบ่อ คือแบงก์ชาติ ต้องพิมพ์แบงก์เพิ่ม
เพื่อให้รัฐบาลกู้ นำไปลงทุน จ้างงาน อย่าห่วงแต่เงินเฟ้อ
ส่วนรัฐบาลก็ห้ามนำเงินในระบบมาแจก
เพราะมันคือน้ำในบ่อเดียวกัน จะทำให้การกู้ลงทุนของเอกชน
ยากขึ้น
ลอย ชุนพงษ์ทอง 16 มิ.ย. 2025
June 15, 2025
June 14, 2025
Jun 13, 2025
Jun 12, 2025
Jun 11, 2025
เปิดประวัติ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ฉายา แม่ทัพมนต์แคน
ที่มาข้อมูล : กองทัพภาคที่ 2
ที่มารูปภาพ : กองทัพภาคที่ 2
ที่มา https://www.tnnthailand.com/politics/201265/
Jun 10, 2025
พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี คนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรม สิริอายุ 91 ปี
f สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
“วันอานันทมหิดล” 9 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี
f กรมการปกครอง fanpage
“วันอานันทมหิดล”
Jun 8, 2025
"ทอม ครูซ" ( Tom Cruise ) คว้าสถิติ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ฉากโดดร่มสุดผาดโผนในภาพยนตร์เรื่อง Mission: Impossible – The Final Reckoning (2025)
f สวพ.91
วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 15:00 น.
สื่อต่างประเทศเผย ทอม ครูซ นักแสดงนำจากภาพยนตร์ Mission: Impossible – The Final Reckoning คว้าสถิติโลกเป็นที่เรียบร้อย หลังเจ้าตัวทุ่มสุดตัวโดดเฮลิคอปเตอร์ถึง 6 ครั้ง พร้อมร่มชูชีพที่ติดไฟ ขณะถ่ายทำฉากสุดระห่ำ
7 มิถุนายน 2568 องค์กรกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ระบุ "ทอม ครูซ" นักแสดงแอ็กชันชื่อดัง ได้รับสถิติโลกจากฉากการ "กระโดดร่มพร้อมไฟลุกจำนวนมากที่สุด" โดยบุคคลเพียงคนเดียวไม่มีนักแสดงแทน ซึ่งเป็นฉากระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ Mission: Impossible – The Final Reckoning และนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของฉากเสี่ยงตายที่ทั้งโลกต้องจดจำอีกครั้ง
สำหรับการกระโดดร่มทั้งหมด 16 ครั้ง ทอม ครูซ ต้องผูกติดกับร่มชูชีพที่ถูกแช่น้ำมันเชื้อเพลิง และจุดไฟเผาขณะอยู่กลางอากาศ ก่อนจะปลดตัวเองออกจากร่มที่กำลังลุกไหม้นั้น และกางร่มสำรองเพื่อร่อนลงอย่างปลอดภัย ไม่มีนักแสดงหรือสตันต์แมนคนใดที่กระโดดได้ใกล้เคียงกับจำนวนครั้งที่ท้าทายความตายมากขนาดนี้ของเค้า "แม้ว่าจะมีความเสี่ยง แต่ทอมก็พร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายเสมอ ดาราคนนี้มีใบอนุญาตเป็นนักกระโดดร่มมาหลายปี และเขาได้กระโดดมาแล้วหลายร้อยครั้งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงผาดโผนครั้งล่าสุดของเขา"
เครก เกลนเดย์ (Craig Glenday) บรรณาธิการผู้บริหารของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ทอมไม่ได้แค่แสดงเป็นฮีโร่ในหนังแอ็กชันเพียงเท่านั้น เขาคือฮีโร่แอ็กชันของจริงต่างหาก ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา ส่วนหนึ่งมาจากความทุ่มเทอย่างเต็มที่ในความต้องการสร้างความสมจริง และการผลักขีดจำกัดของสิ่งที่นักแสดงนำชายสามารถทำได้ เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ทางเราได้มอบตำแหน่ง ‘กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด’ นี้ เพื่อยกย่องความกล้าหาญอย่างแท้จริงของเขา"
การคว้าสถิติโลกในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการยืนยันถึงความทุ่มเท และความกล้าหาญของ ทอม ครูซ แต่ยังตอกย้ำว่าเขาคือนักแสดงที่ไม่ยอมให้ ข้อจำกัดของร่างกาย หรือ ความเสี่ยง มาหยุดยั้งการเล่าเรื่องอันยิ่งใหญ่บนจอภาพยนตร์ได้
ไม่ว่าจะเป็นการปีนตึกเบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa) ที่ดูไบในภาคก่อน หรือกระโดดร่มเพลิงในภาคล่าสุด ทอม ครูซ ในวัย 62 ปี ยังคงท้าทายขีดจำกัดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง และแฟนหนังทั่วโลกก็ตั้งตารอดูว่าเขาผู้นี้จะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อะไรอีกใน Mission: Impossible – The Final Reckoning
ทอม ครูซ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง เป็นที่รู้กันดีจากภาพลักษณ์พระเอกและการแสดงที่มากความสามารถ ด้วยบุคลิกที่บ้าบิ่นและเสน่ห์อันน่ากวน ทำให้ดาราผู้นี้สามารถครองใจผู้ชมจากทั่วโลก ภาพยนตร์ชุด Mission Impossible ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยตัวละคร "สายลับอีธาน ฮันท์ " ฉาก ปีนตึกระฟ้า ขี่มอเตอร์ไซค์ลงจากหน้าผา และแม้กระทั่งเกาะข้างเครื่องบินระหว่างบิน ล้วนสร้างภาพจำที่ยิ่งใหญ่ของเขา
ที่มา : https://www.guinnessworldrecords.com/news/2025/6/hollywood-legend-tom-cruise-becomes-record-holder-for-his-fiery-mission-impossible-stunt
Jun 7, 2025
ปัจจุบัน คนเรามีอายุเฉลี่ยที่ 72 ปี
f เป็นกำลังใจ
ปัจจุบัน คนเรามีอายุเฉลี่ยที่ 72 ปี
10 things about how to make “I’m ok // not ok” campaign
f Pete Creative
Jun 6, 2025
น้ำใจของคนแปลกหน้า เสียงจากฟอเรสต์ กัมพ์ (Forrest Gump) ที่ปลอบหัวใจถึงปลายทางชีวิต
f เจาะเวลาหาอดีต