Custom Search

Jun 30, 2025

Jun 29, 2025

Jun 28, 2025

มวลชนคึกคัก ชุมนุมจี้นายกฯ ลาออก | 28 มิ.ย. 68 |

f     เนชั่นสุดสัปดาห์ NationWeekend

“มวลชน” ทยอยสมทบ “ม็อบรวมพลังแผ่นดิน” จี้นายกฯลาออก


วันที่ 28 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว การชุมนุมของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย" โดยเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น.ของวันนี้ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาเริ่มมีกลุ่มมวลชนทยอยเดินทางมาสมทบอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กลุ่ม คปท.ซึ่งก่อนหน้านี้ปักหลักบริเวณสถานชมัยมรุเชฐ ใกล้กับทำเนียบรัฐบาล ได้เดินทางมาที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เพื่อมาสมทบและชุมนุมกับกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เน้นย้ำถึงจุดยืนการชุมนุมครั้งนี้ว่า 1.นายกฯต้องลาออก 2.พรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัว 3.ประชาชนมาแสดงพลังปกป้องอธิปไตยของชาติ

ส่วนบรรยากาศการชุมนุม มีการนำแผงเหล็กมากั้น พร้อม
จัดจุดรองรับมวลชนและใช้พื้นพื้นผิวจราจรโดยรอบอนุสาวรีย์ฯ 1 ช่องทาง ภายหลังทำพิธีสงฆ์ในช่วงเช้า จากนั้นมีแกนนำทยอยขึ้นปราศรัย สลับกับการแสดงดนตรีสด นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสังเกตการณ์และดูแลความเรียบร้อย ทั้งบริเวณหน้าเวทีการปราศรัย รวมถึงกระจายตัวกันไปตาม สกายวอล์ครอบอนุสาวรีย์ฯ

อย่างไรก็ตามไฮไลต์สำคัญอยู่ในช่วงเวลาหลัง 18.00 น. เป็นต้นไป เนื่องจากจะมีการปราศรัยของแกนนำหลักหลายคน อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชนนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำม็อบ คปท. เป็นต้น

ทั้งนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยของพื้นที่ ตามมาตรการดูแลพื้นที่ชุมนุม บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีนายสบโชค ณ ศรีโต ผู้อำนวยการเขตราชเทวี หัวหน้าฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ โดยได้ตรวจความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยของประชาชน

ขณะเดียวกัน กทม.ได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจดูแลพื้นที่และอำนวยความสะดวก ในจุดคัดกรอง ร่วมดูแลประชาชนด้านการจราจร การข้ามถนน เพื่อการเดินทางลื่นไหล การตั้งจุดบริการสาธารณสุข ซึ่งได้เตรียมรถสุขา รถน้ำดื่ม และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่และรถพยายามบาล พร้อมปฐมพยาบาลและช่วยเหลือประชาชนหากมีกรณีฉุกเฉิน

ทั้งนี้ ได้มีการตั้งศูนย์บัญชาการเชื่อม CCTV ทุกระบบของรัฐและเอกชน พร้อมทั้ง เชื่อมสัญญาณโดรน มองภาพมุมสูง ลดความเสี่ยงภัยแฝง เฝ้าติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ พร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงมาตรการเตรียมความพร้อมว่า ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุมเกี่ยวกับการใช้สิทธิเสรีภาพภายใต้กรอบของกฎหมาย พร้อมขอความร่วมมือผู้เข้าร่วมชุมนุมงดนำสิ่งของผิดกฎหมาย วัตถุต้องห้าม หรือของมึนเมาเข้าพื้นที่การชุมนุม

อีกทั้งขอให้ประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ร่วมกันสอดส่องดูแล หากพบพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ขณะนี้ยังไม่มีการปิดถนนหรือประกาศห้ามจราจรแต่อย่างใด โดยผู้จัดการชุมนุมได้แจ้งขอใช้เวลาในการทำกิจกรรมเพียงหนึ่งวัน และไม่มีการพักค้างคืนในพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

สำหรับการจัดกิจกรรมอย่างเป็นทางการ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. ไปจนถึงเวลา 21.00 น. ซึ่งการจัดกิจกรรมก็จะมีการปราศรัยสลับกับแสดงดนตรีต่อเนื่องไปตลอดทั้งวัน ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านจุดดังกล่าว หรือหากจำเป็นก็ขอให้มีการเผื่อเวลาสำหรับเดินทาง

Jun 26, 2025

26 มิ.ย. วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

f     สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 กรมประชาสัมพันธ์ 


26 มิถุนายน วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระสังฆราช
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีพระนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2470 ตรงกับแรม 12 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ณ ตำบลบางป่า อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี พระองค์ผนวชเป็นสามเณร ณ วัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เมื่อ พ.ศ.2483 โดยมีพระธรรมเสนานี (เงิน นนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วย้ายไปอยู่วัดตรีญาติเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม ต่อมาได้ทรงเข้าพิธีผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2491 ณ พัทธสีมาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีพระเทพโมลี (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระจินดากรมุนี (ทองเจือ จินฺตากโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์

ทรงศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักเรียนวัดราชบพิธฯ จน พ.ศ.2491 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค และ พ.ศ.2493 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค ต่อมา เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นนักศึกษารุ่นที่ 5 จบศาสนศาสตรบัณฑิต เมื่อปี พ.ศ.2500 และได้เดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยพาราณสี (Banaras Hindu University) ประเทศอินเดีย จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ.2512 ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ปี พ.ศ.2552 สภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ถวายศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ ปี พ.ศ.2553 สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาธรรมนิเทศ

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการโปรดสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีสถาปนาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 16.50 น. ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม


   Hollywood in Vienna


🎼
In Memoriam: Lalo Schifrin  (June 21, 1932 – June 26, 2025)

We are deeply saddened by the passing of legendary composer Lalo Schifrin. His iconic music, from Mission: Impossible to countless film and TV scores, shaped generations.

In 2012, we had the honour of presenting him with the Max Steiner Film Music Achievement Award at „Hollywood in Vienna“.

Thank you, Maestro, for your timeless musical legacy. Our thoughts are with his family and loved ones.












Jun 25, 2025

June 25, 2009

 In Memory of Michael Jackson.

August 29, 1958 – June 25, 2009

Jun 20, 2025

คลิปสนทนาระหว่าง "นายกฯแพทองธาร 🇹🇭 - ฮุน เซน 🇰🇭 "

f        PPTV HD 36

คลิปสนทนาระหว่าง "นายกฯแพทองธาร - ฮุน เซน" เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า นายกฯอิ๊งค์ อยากแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำนายกฯ แต่เจอ สมเด็จ ฮุน เซน อัดเสียงไว้

Jun 19, 2025

ทำทีละอย่าง ด้วยความรู้ตัว

June 19, 2025


f    ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro

คนชอบบ่นว่าความจำไม่ดี ที่จริงปัญหามักจะอยู่ที่สัญญามากกว่า
ยกตัวอย่าง เช่น หาแว่นตาไม่เจอ
ปัญหามักเกิดขึ้นในขณะที่เราวางแว่นตาโดยไม่ตั้งใจมากกว่า
เหมือนกับว่าไม่ป้อนข้อมูลให้กับสมอง ดังนั้นเวลาจะค้นหาข้อมูล
เช่น เอ..แว่นอยู่ไหน
ก็ไม่ได้ผลเพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่การค้นหาข้อมูล
แต่อยู่ที่ไม่มีข้อมูลให้ค้นพบ
สติคือความระลึกได้ สติจะระลึกอะไรได้เมื่อมีสิ่งให้ระลึก
สิ่งนั้นปรากฏเพราะความตั้งใจป้อนข้อมูลให้กับสมอง
เพราะฉะนั้นถึงจะยุ่ง จะทำอะไรก็ทำทีละอย่าง ด้วยความรู้ตัว

พระอาจารย์ชยสาโร






June 18, 2025


f    Sarawut Hengsawad

วิธี "เพิ่มเวลา" ในแต่ละวัน
---
1. ลองตื่นเช้าขึ้นสัก 1 ชม.
2. ล็อกเวลาทำงานอย่างมีสมาธิ จะใช้เวลาน้อยลง
3. กำจัดสิ่งก่อกวน (ปิดแจ้งเตือน, ฯลฯ)
4. ตอบข้อความเป็นเวลาเฉพาะ (ไม่ใช่ตลอด)
5. พอเหนื่อย ลองหลับตาชาร์จพลัง
6. ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ​กับผู้คน (ไม่ต้องยาวแต่เข้มข้นลึกซึ้ง)
7. นอนให้ดี พลังจะเต็มหลอด
8. ออกกำลังกาย​ 30 นาที ชาร์จพลัง ทำให้ทำงานดีในเวลาน้อยลง
9. พักผ่อนระหว่างเดินทาง (ฟังเพลง อยู่กับลมหายใจหรือรู้สึกร่างกาย)
10. ลดการใช้เวลาที่แตกกระสานซ่านเซน เช่น ยกมือถือมาดูบ่อยๆ ทำอย่างนึงแล้วไปทำอีกอย่าง
11. จัดตารางสิ่งต้องทำตั้งแต่เช้า ทำเรียงลำดับไป หากคิดอะไรออกก็ทดใส่ลงไปเลย
12. อะไรทำได้ในเวลาสั้น นึกออกก็ทำเลย
13. ปฏิเสธกิจกรรมและงานที่ไม่จำเป็น (ลดความเกรงใจลงบ้าง)
14. ลดการเดินทางด้วยวิธีต่างๆ เท่าที่ทำได้ เช่น รวบนัดมาวันเดียวกัน ใกล้กัน
15. อยู่เฉยๆ บ้างเพื่อไม่ลนลาน ปรับสมองมาสู่โหมดสงบและผ่อนพัก ทำครั้งละ 5 นาทีก็จะรู้สึกลนน้อยลง รู้สึกมีเวลามากขึ้น ตั้งตัวได้ พร้อมเดินหน้าต่อ
ชวนฟังเต็มๆ ในลิงก์ด้านล่างครับ 😊👇


นิ้วกลมบันทึก

Jun 17, 2025

Jun 16, 2025

สรุปเนื้อหา เศรษฐศาสตร์พื้นฐาน ภายใน 4 นาทีอ่าน

     Loy Chunpongtong


สรุปเนื้อหา #เศรษฐศาสตร์พื้นฐาน ภายใน 4 นาทีอ่าน สำหรับผู้ที่ไม่เคยเรียน ในแบบง่ายๆครับ

 1. Classical Economics (เศรษฐศาสตร์คลาสสิก)  

- แนวคิดหลัก: เศรษฐกิจเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อรัฐบาลไม่เข้าไปยุ่ง (Laissez-faire)  

- Adam Smith เสนอ "มือที่มองไม่เห็น" (Invisible Hand): 

- การแบ่งงานกันทำ ทำในส่วนที่ตนเองถนัด

นำสินค้าและบริการมาแลกเปลี่ยนกัน ทำให้สังคมมีผลผลิตรวมสูงขึ้น

คนทำตามผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ผลลัพธ์รวมคือ

ความเจริญของสังคม (เช่น คนขายขนมปังอยากได้เงิน

แต่ก็ทำให้คนอื่นมีอาหารกินไปด้วย)  

- เชื่อว่า ราคา ค่าแรง และตลาดจะปรับตัวเอง โดยธรรมชาติ

(ถ้าขนมปังแพง คนจะมาขายแข่งจนราคาลง)  

- David Ricardo เสนอ "ทฤษฎีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ" (Comparative Advantage): 

แต่ละประเทศควรผลิตสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดแล้วค้าขายแลกเปลี่ยนกัน 

(แม้จะทำสิ่งอื่นได้ดีกว่าเล็กน้อยก็ตาม)

ไม่ควรตั้งอากรต่อกัน

 2. Marxian Economics (เศรษฐศาสตร์มาร์กซิสต์)  

- Karl Marx มองระบบทุนนิยมเป็นสนามรบ แทนที่จะเป็นการ  

เพิ่มประสิทธิภาพ

- ทฤษฎีมูลค่าจากแรงงาน (Labor Theory of Value): 

มูลค่าสินค้ามาจากแรงงาน

แต่คนงานได้ค่าแรงน้อยกว่ามูลค่าที่สร้าง →

เกิด "ส่วนเกินค่าแรง" (Surplus Value) ที่นายทุนกอบโกย  

- Marx ทำนายว่า ทุนนิยมจะล่มสลายเพราะความขัดแย้งภายใน 

(ถูกกดขี่จนลุกฮือ) และเปลี่ยนเป็นสังคมนิยม/คอมมิวนิสต์  

- ได้พิสูจน์กว่า 50ปี แล้วว่าทฤษฎีนี้ ไม่ถูกต้อง 

ทำให้ประสิทธิภาพต่ำ ไม่มีความจูงใจปรับปรุงการทำงาน 

เพราะไม่มีใครเสียสละได้ 100% ยังมีความเห็นแก่ตัวบ้าง

 3. Game Theory (ทฤษฎีเกม)  

- ศึกษาการตัดสินใจเมื่อผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คนอื่นทำ  

- ตัวอย่างดัง: ปัญหานักโทษ (Prisoner's Dilemma)  

  - นักโทษ 2 คนเลือกว่าจะ "ร่วมมือ" หรือ "ทรยศ"  

  - แม้การทรยศจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลสำหรับแต่ละคน 

แต่ผลลัพธ์รวมแย่กว่าหากทั้งคู่ร่วมมือ  

- Nash Equilibrium: จุดที่ไม่มีใครได้ประโยชน์

จากการเปลี่ยนกลยุทธ์คนเดียว (เช่น การขับรถชิดซ้ายในไทย)  

- ใช้วิเคราะห์หลายเรื่อง ตั้งแต่สงครามราคา 

กำหนดนโยบายบริหารประเทศ  ไปจนถึงการต่อรองระหว่างประเทศ  

 4. Neoclassical Economics (เศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิก)  

- เน้น การตัดสินใจของปัจเจกบุคคล แทนการมองเป็นชนชั้น  

- แนวคิด  Marginalism (อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม) ใน 

Micro Economics (เศรษฐศาสตร์จุลภาค):

มูลค่าสินค้าขึ้นกับความพึงพอใจส่วนเพิ่ม (เช่น

เค้กชิ้นแรกอร่อยกว่าชิ้นที่ 4)  

- เชื่อว่า ตลาดจะปรับสู่ดุลยภาพ (Equilibrium) 

ผ่านอุปสงค์-อุปทาน  

- สมมติว่าคนและธุรกิจเป็น "ผู้ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล" 

(Rational Actors)  ซึ่งเป็นความจริงในภาพรวม

ไม่เป็นความจริงกับทุกคน

 5. Keynesian Economics (เคนส์)  

- John Maynard Keynes เจ้าของแนวคิด

"รัฐบาลต้องแทรกแซงเศรษฐกิจ" ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ  

- ปัญหาหลัก: ในภาวะถดถอย คนเก็บออมมากขึ้น → 

การใช้จ่ายลด → เศรษฐกิจแย่ลง (Paradox of Thrift)  

- ทางแก้: พิมพ์แบงก์เพิ่ม (กู้ธนาคารกลาง)

นำเงินใหม่เข้าสู่ระบบ  ยอมให้เงินเฟ้อ (ไม่ใช่ออกพันธบัตร

ไปดึงเงินในระบบ)

นำไปกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุน (เช่น สร้างถนน จ้างงาน) 

เพื่อสร้าง Multiplier Effect (เงิน 1 บาทที่รัฐใช้

เกิดผลลัพธ์มากกว่า 1 บาทในระบบ) ไม่ใช่นำไปแจกฟรี

- เป็นจุดเริ่มต้นของ Macro Economics (เศรษฐศาสตร์มหภาค) 

- ให้นิยามของสมการรายได้ประชาชาติ และเป็นที่มาของฟังก์ชัน 

ดุลอุปสงค์รวม (Investment = Saving function)

 6. Supply-Side Economics (เศรษฐศาสตร์ด้านอุปทาน)  

- เชื่อว่า การลดภาษีและกฎระเบียบ จะกระตุ้นการผลิต →

เศรษฐกิจโต → รายได้รัฐเพิ่มแม้อัตราภาษี/อากรต่ำ

(Laffer Curve)  

- ถูกนำมาใช้ในยุค Reagan (สหรัฐฯ ช่วง 1980s) 

แต่ถูกวิจารณ์ว่าเพิ่มความเหลื่อมล้ำและขาดดุลงบปนะมาณของรัฐ

 7. Monetarism (สำนักการเงินนิยม)  

- Milton Friedman กล่าวว่า เงินเฟ้อเกิดจากรัฐพิมพ์เงินมากเกิน  

- แก้ปัญหาโดย ควบคุมปริมาณเงินให้เติบโตอย่างคงที่ 

แทนการแทรกแซงนโยบายการคลัง  

- เชื่อว่า "ตลาดแรงงานมีอัตราการว่างงานตามธรรมชาติ"

(Natural Rate of Unemployment)  

- นี่คือที่มา ของแบงก์ชาติไทย ที่หัวแข็ง 

เชื่อตามสิ่งที่เกิดกับ ประเทศใหญ่อย่าง USA

 8. Development Economics (เศรษฐศาสตร์การพัฒนา)  

- ศึกษาว่าทำไมบางประเทศรวย บางประเทศจน  

- กับดักความยากจน (Poverty Trap): 

ความจนทำให้คนไม่สามารถลงทุนในอนาคต 

(เช่น ไม่มีเงินส่งลูกเรียน) → ยากที่จะหลุดพ้น  

- เน้นความสำคัญของ สถาบันที่ดี 

(เช่น กฎหมาย Strong, คอร์รัปชันต่ำ)  

 9. Austrian School (สำนักออสเตรียน)  

- เชื่อว่า รัฐไม่ควรแทรกแซงตลาด  

- สาเหตุวัฏจักรเศรษฐกิจ: ธนาคารกลางกำหนดดอกเบี้ยต่ำเกิน

→ เกิดฟองสบู่ → แตกแล้วเกิด recession  

- Friedrich Hayek กล่าวว่า 

"ราคาคือสัญญาณที่ส่งข้อมูลในตลาด"  

 10. Behavioral Economics (เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม)  

- คนไม่ได้มีเหตุผลสมบูรณ์แบบ (Rational) 

แต่ถูกกำหนดโดย อคติและอารมณ์  

- ตัวอย่าง:  

  - Loss Aversion: กลัวการสูญเสียมากกว่าชอบกำไร  

  - Framing Effect: การนำเสนอข้อมูลเปลี่ยนการตัดสินใจ 

(เช่น "เนื้อ 90% ไม่มีไขมัน" vs "มีไขมัน 10%")  

 11. New Institutional Economics 

(เศรษฐศาสตร์สถาบันใหม่)  

- เน้น บทบาทของสถาบัน (เช่น กฎหมาย บริษัท) ในการลด

"ต้นทุนการทำธุรกรรม" (Transaction Costs)  

- อธิบายว่าทำไมบางประเทศพัฒนาเพราะมี "สถาบันที่ดี"

(เช่น ระบบศาลที่โปร่งใส)  

 12. Public Choice Theory (ทฤษฎีการเลือกสาธารณะ)  

- วิเคราะห์ การเมืองด้วยหลักเศรษฐศาสตร์  

- นักการเมืองและข้าราชการก็แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว

(เช่น อยากได้เสียงหรืองบประมาณ)  

- ปัญหา: นโยบายมักเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มเล็ก

(เช่น ส.ส. สนับสนุนโครงการในเขตตัวเองแม้ไม่ดีต่อประเทศ)  

 สรุปให้คนที่มีเวลาอ่านแค่ 4 บรรทัด

- ตลาดเสรี: Classical, Neoclassical, Austrian →

เชื่อว่า "รัฐอย่าเข้ามายุ่ง จะดีสุด  อย่าพิมพ์แบงก์

ไปลงทุน จ้างงาน"  

- รัฐแทรกแซง: Keynesian, Development →

"รัฐต้องกู้เงิน เพื่อส่งเสริมการลงทุน จ้างงาน ในปีที่เศรษฐกิจแย่"  

- พฤติกรรมคน: Behavioral →

"คนไม่ได้คิดอย่างมีเหตุผลเสมอไป"  

- การเมือง: Public Choice → "นักการเมืองก็มองแต่เสียงตัวเอง"  

ขอเตือนว่าทฤษฎีที่ได้ Nobel Prize ไม่ได้เข้าใจกันง่าย ๆ.

และถ้าไม่เก่งจริง อย่าด้อยค่าทฤษฎีเหล่านี้

แต่ละสำนักมีจุดอ่อน จุดแข็ง ขึ้นอยู่กับบริบทที่นำไปใช้

เหมือนเลือกเครื่องมือ ถ้าแผ่นไม้ เกินมาเล็กน้อยควรใช้ตะไบ

ถ้าเกินมาเยอะต้องใช้เลื่อย อันนี้ขึ้นกับสติปัญญา ประสบการณ์

และโมเดลทางคณิตศาสตร์ที่สร้างขึ้นครับ

สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ผมเชียร์

ให้ทั้งรัฐบาลและแบงก์ชาติร่วมมือกันแทรกแซง

โดยใช้เครื่องมือทั้งการเงิน และการคลัง ในแบบ Keynesian

ครับ นำน้ำใหม่มาเติมในบ่อ คือแบงก์ชาติ ต้องพิมพ์แบงก์เพิ่ม

เพื่อให้รัฐบาลกู้ นำไปลงทุน จ้างงาน อย่าห่วงแต่เงินเฟ้อ

ส่วนรัฐบาลก็ห้ามนำเงินในระบบมาแจก

เพราะมันคือน้ำในบ่อเดียวกัน จะทำให้การกู้ลงทุนของเอกชน

ยากขึ้น

ลอย ชุนพงษ์ทอง 16 มิ.ย. 2025


June 15, 2025



หากวันนี้เราจากโลกนี้ไป จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?




June 14, 2025

Jun 13, 2025

Jun 12, 2025

Jun 11, 2025

เปิดประวัติ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ฉายา แม่ทัพมนต์แคน

 ภาพจาก : กองทัพภาคที่ 2

ที่มาข้อมูล : กองทัพภาคที่ 2

ที่มารูปภาพ : กองทัพภาคที่ 2

ที่มา https://www.tnnthailand.com/politics/201265/


เปิดประวัติ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ชายชาติทหารผู้ยืนหยัดแนวชายแดน

ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาเริ่มครุกรุ่น เฟซบุ๊กของกองทัพภาคที่ 2
ได้เผยข้อความที่สร้างความอุ่นใจไม่น้อย โดยระบุว่า "ขอบคุณพี่น้องคนไทยที่มีจิตใจรักชาติ รักบ้านเมือง
ยามนี้เป็นหน้าที่ของทหารตามแนวชายแดน เรามุ่งมั่นและเชื่อมั่นในทหารของประเทศไทยว่าจะสามารถปกป้องอธิปไตย
และไม่ยอมให้เสียดินแดนตามที่พี่น้องมุ่งหวังและเป็นกำลังใจให้" โดยสารนี้มาจาก “พลโท บุญสิน พาดกลาง”
หรือที่รู้จักกันในนาม “แม่ทัพกุ้ง” ซึ่งชื่อก้าวขึ้นมาเป็นที่สนใจของสังคมไทยในฐานะแม่ทัพภาคที่ 2
ผู้ที่ยืนหยัดอยู่แนวชายแดนท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องจับตามองระหว่างประเทศไทย และ
เพื่อนบ้านกัมพูชา "ศาลโลก" หรือ "JBC" ไทยควรเลือกทางไหน ในเกมสร้างฮีโร่รักชาติของ
"ฮุน เซน" ปลุกคะแนนนิยมเลือกตั้ง
ประวัติ “พลโท บุญสิน พาดกลาง” จากผู้น้อยสู่แม่ทัพใหญ่

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง สำเร็จการศึกษาจาก เส้นทางการรับราชการของเขาผ่าน
บทบาทสำคัญหลายตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมกำลังและ ภารกิจชายแดน ไม่ว่าจะเป็น
- ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3
- ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22
- เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 3
- ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3
- ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3
- รองแม่ทัพภาคที่ 2 , แม่ทัพน้อยที่ 2

จนก้าวสู่ตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ลำดับที่ 44 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 ต่อจาก พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ
พิธีรับส่งหน้าที่เป็นไปอย่างสมเกียรติ ณ ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย จังหวัดนครราชสีมา
โดยมีการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำกองทัพภาคที่ 2 ก่อนลงนามรับมอบภารกิจที่ยิ่งใหญ่
เพื่อนตท.26 สายแข็งแห่งกองทัพบก
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ แม่ทัพบุญสินเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของนายทหารระดับสูงในกองทัพ อาทิ
- พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก
- พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ 

ผู้มีบทบาทต่อประเด็นความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนพิเศษ
ยืนหยัดเพื่อผืนแผ่นดินไทย เมื่อชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มเกิดความไม่แน่นอนช่วงต้นปี 2568
ทั้งการร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมือนธม การเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายผิดธรรมเนียม กองทัพภาคที่ 2
ภายใต้การนำของแม่ทัพบุญสิน กลายเป็น “ป้อมปราการด่านหน้า” ที่ประชาชนฝากความหวังไว้
แม้ภาครัฐจะยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งอย่างเป็นทางการ แต่การที่แม่ทัพแสดงท่าทียืนหยัด
ถือเป็นการส่งสัญญาณสำคัญถึงทุกฝ่ายว่า “ประเทศไทยพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์
เพื่อรักษาอธิปไตย” ในช่วงที่ชายแดนไทย - กัมพูชาเผชิญแรงกดดันของเพื่อนบ้าน





Jun 10, 2025

พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี คนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรม สิริอายุ 91 ปี

  สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว


วันที่ 10 มิถุนายน 2568 มีรายงานว่า พล.อ. สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 19
อดีตผู้บัญชาการทหารบก ถึงแก่อสัญกรรม ในวัย 91 ปี
พลเอก สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 19 ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา
เมื่อเวลา 01:57 น. ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ สิริอายุ 91 ปี 10 เดือน 4 วัน
พล.อ. สุจินดา คราประยูร เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2476 ท่านเป็นทั้งนายทหารและนักการเมือง
โดยเคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม,
ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด
รวมถึงเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ก่อรัฐประหารในปี พ.ศ. 2534
กำหนดการพิธีศพจะแจ้งให้ทราบต่อไป


“วันอานันทมหิดล” 9 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี

 f         กรมการปกครอง fanpage

“วันอานันทมหิดล”

9 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี

เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ ผู้ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ในการพัฒนาวงการแพทย์และการศึกษาของประเทศไทย





Jun 8, 2025

"ทอม ครูซ" ( Tom Cruise ) คว้าสถิติ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ฉากโดดร่มสุดผาดโผนในภาพยนตร์เรื่อง Mission: Impossible – The Final Reckoning (2025)

f         สวพ.91 

วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 15:00 น.

สื่อต่างประเทศเผย ทอม ครูซ นักแสดงนำจากภาพยนตร์ Mission: Impossible – The Final Reckoning คว้าสถิติโลกเป็นที่เรียบร้อย หลังเจ้าตัวทุ่มสุดตัวโดดเฮลิคอปเตอร์ถึง 6 ครั้ง พร้อมร่มชูชีพที่ติดไฟ ขณะถ่ายทำฉากสุดระห่ำ

7 มิถุนายน 2568 องค์กรกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ระบุ "ทอม ครูซ" นักแสดงแอ็กชันชื่อดัง ได้รับสถิติโลกจากฉากการ "กระโดดร่มพร้อมไฟลุกจำนวนมากที่สุด" โดยบุคคลเพียงคนเดียวไม่มีนักแสดงแทน ซึ่งเป็นฉากระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ Mission: Impossible – The Final Reckoning และนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของฉากเสี่ยงตายที่ทั้งโลกต้องจดจำอีกครั้ง

สำหรับการกระโดดร่มทั้งหมด 16 ครั้ง ทอม ครูซ ต้องผูกติดกับร่มชูชีพที่ถูกแช่น้ำมันเชื้อเพลิง และจุดไฟเผาขณะอยู่กลางอากาศ ก่อนจะปลดตัวเองออกจากร่มที่กำลังลุกไหม้นั้น และกางร่มสำรองเพื่อร่อนลงอย่างปลอดภัย ไม่มีนักแสดงหรือสตันต์แมนคนใดที่กระโดดได้ใกล้เคียงกับจำนวนครั้งที่ท้าทายความตายมากขนาดนี้ของเค้า  "แม้ว่าจะมีความเสี่ยง แต่ทอมก็พร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายเสมอ ดาราคนนี้มีใบอนุญาตเป็นนักกระโดดร่มมาหลายปี และเขาได้กระโดดมาแล้วหลายร้อยครั้งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงผาดโผนครั้งล่าสุดของเขา"

เครก เกลนเดย์ (Craig Glenday) บรรณาธิการผู้บริหารของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ทอมไม่ได้แค่แสดงเป็นฮีโร่ในหนังแอ็กชันเพียงเท่านั้น เขาคือฮีโร่แอ็กชันของจริงต่างหาก  ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา ส่วนหนึ่งมาจากความทุ่มเทอย่างเต็มที่ในความต้องการสร้างความสมจริง และการผลักขีดจำกัดของสิ่งที่นักแสดงนำชายสามารถทำได้  เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ทางเราได้มอบตำแหน่ง ‘กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด’ นี้ เพื่อยกย่องความกล้าหาญอย่างแท้จริงของเขา"

การคว้าสถิติโลกในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการยืนยันถึงความทุ่มเท และความกล้าหาญของ ทอม ครูซ แต่ยังตอกย้ำว่าเขาคือนักแสดงที่ไม่ยอมให้ ข้อจำกัดของร่างกาย หรือ ความเสี่ยง มาหยุดยั้งการเล่าเรื่องอันยิ่งใหญ่บนจอภาพยนตร์ได้

ไม่ว่าจะเป็นการปีนตึกเบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa) ที่ดูไบในภาคก่อน หรือกระโดดร่มเพลิงในภาคล่าสุด ทอม ครูซ ในวัย 62 ปี ยังคงท้าทายขีดจำกัดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง และแฟนหนังทั่วโลกก็ตั้งตารอดูว่าเขาผู้นี้จะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อะไรอีกใน Mission: Impossible – The Final Reckoning

ทอม ครูซ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง เป็นที่รู้กันดีจากภาพลักษณ์พระเอกและการแสดงที่มากความสามารถ ด้วยบุคลิกที่บ้าบิ่นและเสน่ห์อันน่ากวน ทำให้ดาราผู้นี้สามารถครองใจผู้ชมจากทั่วโลก ภาพยนตร์ชุด Mission Impossible ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยตัวละคร "สายลับอีธาน ฮันท์ " ฉาก ปีนตึกระฟ้า ขี่มอเตอร์ไซค์ลงจากหน้าผา และแม้กระทั่งเกาะข้างเครื่องบินระหว่างบิน ล้วนสร้างภาพจำที่ยิ่งใหญ่ของเขา 

ที่มา : https://www.guinnessworldrecords.com/news/2025/6/hollywood-legend-tom-cruise-becomes-record-holder-for-his-fiery-mission-impossible-stunt

 
http://www.impawards.com


Jun 7, 2025

ปัจจุบัน คนเรามีอายุเฉลี่ยที่ 72 ปี

        เป็นกำลังใจ

ปัจจุบัน คนเรามีอายุเฉลี่ยที่ 72 ปี

ถ้าคุณอายุ 50 ปีไปแล้ว จะมีชีวิตได้อีก 22 ปี
ถ้าไม่ตายเพราะเหตุอื่นซะก่อนนะ
เวลาผ่านไปเร็วมาก จงอย่าประมาท
และเตรียมตัวให้พร้อม
1. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
เพราะชีวิตหลังเลข 5 คือขาลงแล้ว
สวยหล่อเป็นเรื่องรอง สตรองคือเรื่องหลัก
2. ทำงานและเก็บเงินให้ได้ หากตอนแก่ไม่มีเงิน
ถ้าป่วยแล้ว หนังเหนียว เป็นโรคเรื้อรัง จะตายก็ไม่ตาย
แล้วจะเอาเงินที่ไหนมารักษา
3. ปลดหนี้เก่า และไม่สร้างหนี้ใหม่
4. มีที่อยู่เป็นของตัวเอง
(ห้อง หรือบ้าน มีโลกส่วนตัว)
5. เรียนรู้เทคโนโลยี และรับรู้ข่าวสารใหม่ๆ เสมอ
จะทำให้เราไม่บื้อ รู้เท่าทันโลกในปัจจุบัน
6. พูดคุยกับลูกหลาน ฟังเขาด้วย ไม่ใช่ให้เขาฟังแต่เรื่องของเรา
ต้องแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่เสมอ
7. เพื่อนดี ไม่ต้องมีเยอะ เพื่อนเรื่องเยอะ ไม่ต้องมี
8. ฝึกคิดบวก เลิกอารมณ์ร้อน ปากร้าย ขาเม้าท์นินทา
อาจจะหมดวัยที่คนอื่นจะอภัยให้เราแล้ว
เพราะคุณจะไม่น่าเอ็นดูเหมือนตอนที่เป็นหนุ่มสาว
9. ยิ้มให้มาก โกรธให้น้อย หัวเราะให้มากๆ
10. อภัยให้กันในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
เพราะอีกไม่ช้า ก็ต้องแยกย้ายลาโลกกันไปแล้ว
ยังแข็งแรง จงรีบออกไปใช้ชีวิตซะ ไปหาเพื่อน ไปเที่ยว
เพราะประสบการณ์จะติดตัวติดตาคุณไปจนวันสุดท้าย
ใครก็ขโมยตัวตนของคุณไปไม่ได้

10 things about how to make “I’m ok // not ok” campaign

 f       Pete Creative


สำหรับคนที่เป็นนักโฆษณา และมาร์เก็ตเตอร์จะเข้าใจ
คำว่า Organic Viral สำหรับพวกเรา มันยากมากๆ
นอกจากพี่มาร์ค จะปิดกั้นการมองเห็นแล้ว
ความสนใจของคนดู ทุกวันนี้มันสั้นลง และสั้นลง
ตาม Media Platform ต่างๆ ที่ยิ่งลดความสั้นของคอนเทนท์ลงไปทุกที
แต่ใครจะไปเชื่อว่า เอ็มวีความยาว 6 นาที จะสามารถแย่งพื้นที่ Facebook Feed / X / IG
ที่กำลังพูดถึงข่าวประเทศเพื่อนบ้านเรา หรือหนังซีรี่ย์สุดเจ๋งอย่าง Mad Unicorn ไปได้
ขณะที่เขียนบทความบทนี้ยอดวิวของเอ็มวีตัวนี้ก็ปาไป 4 ล้านแบบ Organic
ผมชื่อพีท ทสร เป็นผู้กำกับเอ็มวี “I’m ok // not ok” ตัวนี้ครับ
จริงๆแล้วอาชีพของผมคือครีเอทีฟโฆษณา คนที่ติดตามเพจของพีทอยู่ก็จะรู้ว่า
เพจนี้วิเคราะห์งานโฆษณาทั้งในประเทศและนอกประเทศ
หลายครั้งพีทก็หยิบงานตัวเองมาเล่าให้ทุกคนฟัง หลายครั้งพีทก็แชร์ประสบการณ์การไปตัดสินงาน
ที่ต่างประเทศให้ทุกคนฟัง แต่วันนี้พีทอนุญาตเล่าวิธีคิดเอ็มวีตัวนี้ในแบบครีเอทีฟโฆษณา
คราฟด้วยวิธีผู้กำกับให้ทุกๆคนฟังนะครับ
และขอพูดถึง Effect ที่งานชิ้นนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ให้ทุกคนฟังนะครับ
.
1. จุดเริ่มต้นของทั้งหมด
พี่บอยกลับมาทำอัลบั้ม BoydPod ในรอบ 16 ปี เลยอยากให้เราช่วยคิดคอนเซ็ปต์ให้เค้า
หลังจากช่วยโยนไอเดียไป ก็ทักไปเช็คพี่บอยเรื่อยๆว่ามีอะไรให้ช่วยไหม
จนเค้าบอกว่ามี 1 เอ็มวีที่ยังหาคนทำไม่ได้ คือเพลงๆนี้
เราเลยบอกเค้าว่า เราอยากช่วย แต่ขอเช็คกับทีมงานเราก่อน
.
ตอนนั้นที่บริษัทโฆษณาที่เราทำงาน กำลังมียูนิตใหม่ชื่อว่า Flare Bangkok
เป็นโปรดักชั่น ที่สามารถรับทำคอนเทนท์ ทำโฆษณาออนไลน์ง่ายๆ
ยังไม่ได้มีพอร์ทอะไรมากมาย ก็เลยคุยกับ พิม-ตวงรัก เป็นหัวหน้าโปรดิวเซอร์
และหัวหน้ายูนิตนี้ว่า พี่บอยมาชวนทำเอ็มวี เรามาทำกันมะ จะได้เป็นพอร์ท Flare
พิมดีใจมาก เพราะชอบเพลงของพี่บอยอยู่แล้ว (พวกเราเป็นสาวกพี่บอย พี่ป๊อด และ Bakery Music)
อยู่แล้วครับ เราเลยสามารถ Confirm กับพี่บอยได้ทันทีว่าเดี๋ยวทำแคมเปญและกำกับให้
2. ไอเดียมายังไง?
โจทย์ที่พี่บอยโยนให้ผมคือ “เพลงที่เกี่ยวกับเพื่อน” แค่นี้เลย ง่ายๆ ซิมเพิ้ล
ผมลองฟังเพลงที่เป็นเดโม่ จำได้ว่าเป็นเสียงนักร้องไกด์ที่ร้องเป็นคนสองคน
พี่บอยแยกเสียงคนสองคนไว้ที่หูซ้าย และหูขวา เพื่อเป็นไกด์ว่า
ฝั่งนึงเป็นพี่ป๊อด อีกฝั่งเป็นบิวกิ้น โดยที่ผมยังไม่รู้ว่าใครร้องก่อน ร้องหลัง
ฟังเสร็จแล้วก็คิดถึงเพื่อนตัวเอง ที่ไม่ได้คุยกันช่วงนี้ทันทีเลย เออเพลงแม่งโดนว่ะ
เลยคิดคอนเซปว่า “ถ้าเพลงๆนึง มันมีพลังมากกว่าแค่เพลง แต่สามารถพาเพื่อนสองคนให้กลับมาคุยกันได้ไหม?”
ผมมองว่า งานนี้จะไม่ใช่เอ็มวีท่าปกติ แต่เป็นงานทดลอง (Experimental Film)
ที่อยากพาคนสองคนให้มาเจอกัน โดยมีเครื่องจับเท็จ ที่เป็น Tools ที่คอยบอกคนดูว่า
เพื่อนที่ถูกจับเข้าเครื่องจับเท็จ เค้าโอเค หรือไม่โอเค
ได้ไอเดีย ก็เลยเล่าให้พี่บอยฟัง พี่บอยตอบทันที “โคตรโดนเลยครับพีท” จัดไปครับ
.
3. ทำไมถึงเป็นดากานดาและไข่ย้อย
ตอนแรก Direction ที่อยากได้ คือเอาเพื่อนจริงๆนี่แหละ ที่ทุกคนในประเทศรู้ว่าเค้าไม่คุยกัน
ให้กลับมาเจอกันได้ไหม? พิม ก็ช่วยติดต่อไปหลายคู่เลย คิดไปคิดมา เลยลอง Explore อีกทาง
นั่นคือ Fictional Character พิมกับผมเห็นตรงกัน หรือจะไข่ย้อยกับดากานดาดี?
เหตุผลที่หนึ่งเราสนใจในคาเรคเตอร์สองคนนี้คือเรื่อง Target ครับ
ผมถามพี่บอยก่อนทำเอ็มวีว่า คนฟังเพลงพี่เป็นใคร
เค้าบอกว่า Gen-Y ขึ้นไป จนถึง Gen-X เลย
แสดงว่าหนังเรื่องเพื่อนสนิท คือตรงทาร์เก็ตเป๊ะๆ
และเชื่อว่าคนฟังเพลงบิวกิ้น ก็น่าจะมีฐานแฟนที่ Overlap กันอยู่
เหตุผลที่สองที่ตัวละครคู่นี้น่าสนในคือความ PRable ของทั้งคู่
ถึงวันนี้เวลาพูดถึงไข่ย้อย กับดากานดา มันไม่เคยหายไปจากหัวของใครเลย
กลายเป็นความทรงจำที่ฝังลึกลงไป
ลำพังแค่ความเชื่อ มันไปต่อไม่ได้ ผมเลยทำการบ้านต่อ ในเชิงสตอรี่
โดยการกลับไปนั่งดูหนังเรื่อง “เพื่อนสนิท” อีกครั้งนึง
(ขอบคุณ Netflix ที่ยังฉายอยู่นะครับ)
กลับไปดูครั้งนี้ เก็บรายละเอียดในเรื่องใหม่หมดเลย เพราะจะเอามาเขียน Treatment
ผมได้ข้อมูลจากการดูแบบนี้ครับ
.
ตัวละคร
หมู - ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ (ฉายาไข่ย้อยได้มาจากไข่แตกในกางเกงตอนไปขโมยไข่ไก่)
ดากานดา - นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา
ดากานดา [-กานดา] แปลว่าหญิงผู้เป็นที่รัก.
ฟุเหยิน – เพื่อนสนิททั้งคู่ สายหม้อ แต่จีบสาวไม่ติดซักที
พรหล้า กับ บอลลูน – เพื่อนในคณะ เห็นตอนเป็นเฟรชชี่
.
นุ้ย - นางพยาบาลที่ตกหลุมรักกัน
พี่แตน - นางพยาบาลเพื่อนนุ้ย
โอ๋ - เพื่อนดากานดา มนุษย์อิ้ง
.
Easter Eggs
-ดอกไม้ที่วาดเป็นดอกแรกคือ ชงโค กับ ขี้เหล็กเมกัน
-โปสการ์ด เป็นเหมือน Diary ที่เค้าส่งให้ดากานดา
เป็นกล่องที่รวบรวมโปสการ์ดเหล่านั้น
-หนังสือเจ้าชายน้อย
-รักและคิดถึงแกเสมอ ไข่ย้อย
.
ตอนจบ
-ทั้งคู่แยกย้าย ดากานดารับ Post Card ของไข่ย้อยมาอ่าน
แล้วก็ไม่เคยกลับมาเจอกันอีกเลย
.
จากข้อมูลชุดนี้ สิ่งที่ทำให้ผมสนใจมันคือตอนจบของหนังเรื่องเพื่อนสนิท
ทั้งคู่แยกย้ายกัน แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลยเนี้ยะ แปลว่าชุดข้อมูลในหัวของคนดู
ก็ต้องรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน… เราไม่เคยเห็นเค้ากลับมาเจอกันอีกเลย
แม้กระทั่งในชีวิตจริงด้วยซ้ำ (ถึงแม้ผมจะสัมเค้ามาก่อน ว่าเจอกันไหม
เค้าบอกว่าเคยไปออกงานแล้วเจอกัน ผมว่าคนส่วนมากก็ยังคิดว่า ไม่เคยเจออยู่ดี)
แปลว่า เรามั่นใจละว่าคู่นี้มา งานนี้ได้ฟรี PR แน่นอน
4. พี่ซันกับพี่นุ่นอยากเจอกัน
-ผมเรียน Com Arts เหมือนกับพี่ซันนี่ เจอกันตั้งแต่ผมไปรับน้อง ไปกินเหล้า เตะบอล
แต่หลังๆไม่เจอกัน ก็เลยทักแล้วขอโทรหาเค้า เล่าไอเดียให้ฟังว่าอยากทำแบบนี้
ส่วนพี่นุ่น พิมเป็นคนติดต่อไป ปรากฏว่าทั้งคู่อยากเจอกัน และก็อยากเจอพี่ป๊อดด้วย 5555
เลยสนใจรับงานนี้ เหมือนเป็นโอกาสที่ปลายอุโมงค์ความหวังของผมมากๆ
ตอนที่พิมโทรมาบอกว่า เค้ารับงานนี้ทั้งคู่นะพี่ ผมแม่งตะโกนเลยว่า ลุยยยยยยยยย
นอกจากการติดต่อพี่ซันกับพี่นุ่นแล้ว พิมยังต่อติดต่อ GDH เรื่องลิขสิทธิ์ของหนังเรื่องเพื่อนสนิท
และหนังสือเรื่องตู้ไปรษณีย์สีแดงอีกด้วย ตรงนี้ก็ขอขอบคุณ เบย์ กับพี่เอ๋ มาด้วยนะครับ
5. ช็อตที่ยากที่สุดในงานนี้
-ช็อตที่ลืมตา มองหน้ากัน แล้ว Express ด้วยภาษากายล้วนๆอันนี้ยากจริง
ถ้าภาษากายเรามันโกหกกันไม่ได้ แต่ไอเดียมันคือการเอา Fictional Character มาเจอกัน
ผมโทรหาพิม เฮียไม่มั่นใจช็อตนี้เลยว่ะเอาไงดี
พิมบอก Acting Coach ไหมพี่ พี่มีแนะนำใครไหม
ผมเลยบอกพิมไปว่าขอ “พี่ร่ม ร่มฉัตร Spark Drama Studio” ได้ไหม
เรียกได้ว่าถามถูกคนจริงๆครับ เพราะครูร่ม (ให้เกียรติพี่ร่มก่อน)
เค้าแนะนำว่า ทั้งพี่ซันกับพี่นุ่น เค้าเป็นนักแสดงมืออาชีพ
พีทไม่จำเป็นต้องมี Acting Coach ในกอง แต่มาเวิร์คช้อปกัน
แล้วลองดึงคาเรคเตอร์ดากานดากับไข่ย้อยออกมาให้พีทดูก่อน
ผมก็เลยเห็นด้วย แล้วก็ไปเจอพวกเค้าวันเวิร์คช้อป
.
ครูร่มอ่าน Director Treatment ของผมเค้าเลยรู้ว่าช็อตที่สำคัญมากๆ
ของหนังเรื่องนี้ คือตอนลืมตามาเจอกัน และรู้ว่าพีทอยากให้ทั้งคู่
ใช้ภาษากายสื่อสารกันมากๆ เค้าเลยแนะนำให้พี่นุ่นกับพี่ซันแยกกันเวิร์คช้อป
โห ดีเลย แยกเค้าไม่ให้เห็นกันตอนถ่ายหนังไปด้วยเลยดีไหม
แปลว่า ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันเลยแหละ อันนี้ผมให้อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้มันดี
คือเรื่อง “เวลา” หมายความว่าไร เวลาที่ทั้งคู่ไม่เจอกันนี่แหละครับ
เลยทำให้ความคิดถึงมันเกิดขึ้น
.
6. ตัวละครที่สามในเรื่อง
วันเวิร์คช้อป เริ่มจากพี่ซันก่อน ตอนเค้าเข้าคาเรคเตอร์เป็นไข่ย้อย
ทั้งทีมงานผมวันนั้นช็อคเลย แบบเชื่อเลยว่านี่คือไข่ย้อยตัวจริง
ครูร่มบอกให้ผม สร้างสตอรี่ ให้ชวนไข่ย้อยไปเจอดากานดา
ผมก็พยายามคอนวิ้นซ์เค้าอยู่นาน จนทำให้
หลังจากไข่ย้อย เป็นตาของพี่นุ่น ครูร่มก็ชวนให้ดากานดาออกมา
แล้วให้ผมหาวิธีคอนวิ้นซ์ดากานดาให้ไปถ่ายเอ็มวี
วิธีการนี้เอง มันเลยทำให้เกิดตัวละครที่สามในเรื่องขึ้นมา
เกิดที่มาที่ไป สร้างความคุ้นเคยของนักแสดงกับผู้กำกับ
ตอนนั้นผมรู้เลยว่า เรื่องนี้กูรอดแล้วว่ะ
เพราะไข่ย้อยกับดากานดา เค้าไม่เคยหายไปไหนเลย
เค้าแค่ซ่อนอยู่ในตัวสองคนนี้เท่านั้นเอง
เรื่องนี้จึงมี ดากานดา ไข่ย้อย และรุ่นน้องที่เป็นผู้กำกับที่ชวน
พี่ๆ มาทำหนัง Experimental กัน
7. สถานที่และ Set Design
โลเคชั่นสำคัญมาก ด้วยความที่ Budget ทำเอ็มวีๆนึง มันไม่เหมือนหนังโฆษณา
มิ้งค์ พิม เลยเป็นหัวเรือใหญ่ในการช่วยหาทำเลถ่ายทำ มียุ้ย-ปารมี ทีมของพิมช่วยด้วยอีกแรง
วิธีคิดของการหาโลนี้ คืออยากได้โลที่เป็นสตูดิโอวาดรูป มีหน้าต่าง หรือกระจกใหญ่ๆ
โปร่งๆ ไม่อึดอัด เพราะอยากได้แสง Day Light จากข้างนอก
สุดท้ายมิ้งค์เป็นคนหาโลนี้มาจนเจอ…
เห็นในโซเชี่ยลมีคนพยายามหาว่าโลเคชั่นนี้คือที่ไหน วิเคราะห์จริงจังมากๆ
ฟิลเกมส์ GeoGuesser เลยครับ 55555 ผมเลยขอโปรโมตให้เค้าเลย
สตูชื่อ Fame Light Studio อยู่สุขุมวิท 67 ครับ
ส่วนเรื่องเซ็ตดีไซน์ มิงค์ แนะนำ น้องเสือ อาร์ทได มาช่วยเปลี่ยนสตูภาพนิ่งให้เป็นสตูวาดรูป
8. Lyric Video ที่ไม่ใช่ Lyric Video
ในวงการดนตรี เราจะเห็น Music Video ที่ออกมาพร้อมกับ Lyric Video
ใครเป็นแฟน T-Pop น่าจะรู้ดีเลยแหละ
แต่ตอนที่ผมถ่ายพี่ป๊อดกับบิวกิ้น ในช็อต Line Sync
ผมถามพี่ป๊อดว่า เค้าร้องเพลงนี้ให้ใคร
พอเค้าเล่าเรื่องของเพื่อนคนนั้นให้ผมฟัง
ผมเลยบอกพี่ป๊อดว่า ลองเอาเพื่อนคนนั้นมานั่งตรงข้ามได้ไหม?
เราลองถ่ายเป็น Full Song
แล้ว Magic ก็เกิดขึ้นทันทีตั้งแต่ 1st Take
พี่ป๊อดน้ำตาไหล คิดถึงเพื่อนคนนั้น
บิวกิ้นส่งความรู้สึก เหมือนกับว่าเค้าคือเพื่อนคนนั้นที่มานั่งจริงๆ
แล้วมันทำให้เพลงๆนี้ มีความหมายกว้างขึ้นในหัวคนฟังทันที
ตอนแรกตั้งใจทำหนึ่งเอ็มวี แต่มันกลายเป็นว่า
เราคุยกับพิมว่า แยกกันดีกว่า
เพราะตัวพี่ป๊อดบิวกิ้นตัวนี้ สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้
กลายเป็น Lyric Video ที่เหมือนเป็น Another MV
ในคอนเซ็ปต์เพลงเดียวกัน พี่บอยจะได้มีสองระรอก
15 ชั่วโมงแรกใน YT ไป 250K วิวแล้วครับ
กลายเป็นว่า ในแคมเปญงานนี้เรามีวีดีโอ 3 ชิ้นหลัก
- Teaser ที่เลือกช่วงแรก จนถึงแนะนำตัวว่าชื่อดากานดา เพื่อเช็คว่า คนดูคิดถึงตัวละครนี้ขนาดไหน
- MV ที่พาเพื่อนสนิทสองคนกลับมาเจอกัน
- Lyric Video ที่มากกว่า Lyric Video
9. Teamwork จากทีมงานคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
การจะสร้างงาน Masterpiece ได้ต้องมีทีมงานที่เราเชื่อใจ
ผมว่าผมโชคดีมากๆเลย ที่ได้เซ็ททีมนี้มาทำงานด้วยกัน
ถือว่าผมขอเขียนโปรโมตทีมงานผม และขอบคุณพวกเค้านะครับ
- ขอเริ่มจาก “มิ้งค์ ศิรดา” Producer งานนี้ก่อนเลย จริงๆเคยทำงานกับมิ้งค์ สมัยงาน Nike ที่ทำกับ “จีน-คำขวัญ” แล้วมิ้งค์เป็นโปรดิ้วเซอร์ที่ทำเอ็มวีและหนังใหญ่มาแล้วอย่างเรื่อง เพื่อน(ไม่)สนิท หรือ MV เช่น Whal and Dolph “ไม่รู้ทำไม” Taitosmith “กี่ฤดู” Three man down “ถ้าเธอรักฉันจริง” Lomosonic “ส่งเธอได้แค่นี้”
- “เบส ชุติมณฑน์” ผู้ช่วยผู้กำกับเรา ซึ่งเบสผ่านงานเอ็มวีเจ๋งๆมากมาย อาทิ Only Monday “ซ่อนเธอไว้ในเพลง” Polycat “เครื่องหมายมากกว่า” เบสที่เรียกผมว่าพ่อใหญ่ ช่วยผมได้เยอะมากๆเลย
- อาร์ทไดงานนี้คือ “เสือ” เคยทำเอ็มวีอย่าง Only Monday “ซ่อนเธอไว้ในเพลง” หรือ แว่นใหญ่ “ปล่อยให้มันเป็นไป” เสือน่ารักมาก ทำงานด้วยง่ายสุดๆ
- Editor 1 งานไข่ย้อยดากานดาคือ บอล Krint ที่ตัดเอ็มวี Slot Machine “หมื่นล้านคำ”
หรือ Youngohm “ดูไว้”
- Editor 2 งานพี่ป๊อดบิวกิ้นคือ กัน-ภาณุวัตร มือตัดเบอร์ตองของบริษัทผมเอง แค่คัทแรกที่ตัดมาก็ดีมากๆแล้วครับ
- ตากล้อง1 คือพี่แอนท์ ยืนหนึ่งในดวงใจผมตลอดมา พี่แอนท์มีผลงานหนังใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น One for the road, Bad Genius, หรือซีรีย์สุดดัง Mad Unicorn สงครามส่งด่วน คงไม่ต้องบอกว่าพี่แอ้นท์เก่งขนาดไหน ดีใจที่พี่รับงานผมครับ!
- ตากล้อง2 น้องฟาง ถ้าใครเคยดูโฆษณา Jason Wang กับ Pantene เค้าเป็นคนกำกับภาพงานนั้นครับ สุดยอด
- เจด ภีรดล Colorist ที่ Young Blood ที่ทำหนังภาพยนตร์มาหลายเรื่องเช่น เธอกับฉันกับฉัน เพื่อนไม่สนิท วิมานหนาม เดี๋ยวก่อนนะ มึงอายุเท่าไหร่ก่อนเจด เก่งไปปป!
- ขอบคุณ พิม PM ประจำงานนี้ น้องบอสน้องนน ที่มาฝึกงาน แล้วช่วยพวกเราในกองด้วยนะครับ
10. ดอกไม้เก่าๆ กับบทสนทนากับดากานดา กับไข่ย้อย
เรื่องวันถ่ายเป็นยังไง พิม เค้าได้เล่าในโพสต์ของเค้าอยู่แล้ว
ส่วนผมอยากเล่าซีนตอนจบให้ฟัง
หลังจากที่ไข่ย้อยกับดากานดากลับมาเจอกันแล้ว
ผมคิดว่าคนดูคงอยากรู้ว่า พวกเค้าจะยังไงต่อ
เลยชวนทั้งคู่มานั่งคุยกัน โดยที่ผมไม่ถ่ายอะไรทั้งนั้น
แค่อยากเก็บเสียงที่เค้าคุยกันไว้นั้นแหละ
จริงๆ เค้าคุยกัน 10 นาทีเลยนะครับ 
และแต่ละไดอาล็อคที่คุยกัน มันดีมากๆเลย
เลยเลือกที่จะใช้ช่วงดอกไม้ตอนจบกับ End Credit พื้นดำ
ให้คนดูยังเห็นชื่อคนทำงาน และได้จิ้นไปกับทั้งคู่อีกด้วย
ส่วนซีนดอกไม้ ถ้าใครไม่ทันเรื่องเพื่อนสนิท ก็จะรู้สึกถึง
Aesthetic ของเสียงเปียนโนที่พี่บอยแต่งขึ้น แต่ถ้าใครเคยดู
เพื่อนสนิทก็จะรู้ว่ามันคือ ขี้เหล็กเมกัน กับชงโค ที่ไข่ย้อยกับดากานดา
เคยวาดด้วยกัน ตั้งแต่ตอนเจอกัน
.
I’m ok // not ok // effect
เหมือนเวลาผมทำแคมเปญให้ลูกค้า KPI ลูกค้าสำคัญที่สุด
แคมเปญจะได้ถึงที่ลูกค้าตั้งใจไว้รึเปล่า
พี่บอยเค้าตั้ง KPI ไว้ว่าอยากให้คนฟังเพลงเค้า รู้จักเพลงเค้า
วันแรกที่ออก MV ตัวนี้มา ยอดวิวก็ปาไป 1 ล้านตั้งแต่ 14 ชั่วโมงแรก
แบบไม่มีบูสต์มีเดี่ยใดๆทั้งนั้น
วันที่สอง FB ฟีดของผม และเชื่อว่าทุกคนในโซเชี่ยล
เปลี่ยนจากคอนเทนท์สงครามส่งด่วน หรือปัญหาเรื่องเขมร
กลายเป็นการกลับมาของไข่ย้อยและดากานดา
- #Im_Ok_NotoOk ขึ้นเทรนด์ดิ้งใน X #1 คืนวันที่ 5 มิถุนายน ส่วนอีก #BOYdPODxBillikin อันดับ 2
- I’m ok // not ok ขึ้น #1 Trending music ของ Youtube ตั้งแต่คืนแรก จนถึงวันที่ผมโพสต์
- รายการเรื่องเล่าเช้านี้ นำปรากฏการณ์ของเอ็มวี มาเปิด วันที่ 6 มิถุนายน อันนี้คือรู้เลยว่าดังจริงละ
- หนังเรื่องเพื่อนสนิท กลับมาติดอันดับหนัง Top 10 Movies อันดับ 2!
- หนังสือตู้ไปรษณีย์สีแดงภาค 2 กำลังผลิตเพิ่ม เพราะยอดออร์เดอร์ถล่ม!
- แบรนด์เป็นสิบๆแบรนด์ หยิบภาพในเอ็มวีมากลายเป็นมีม
- ยอดวิวใน Youtube 4 วันคือ 4.4 ล้าน แบบ Organic ยอดวิวใน IG พี่นุ่นศิรพันธ์คือ 3.1 ล้าน
- เกิดกระแส Reaction Video ใน Tiktok 5,026 วีดีโอ ภายใน 4 วัน
- Reach 190M Engagement 1M จาก Brandwatch // Hashtag ทั้งหมดสร้างให้เกิด 545M Impression
16 ปีที่รอคอย อัลบั้มใหม่ของพี่บอย กลับมาอยู่ในใจคนอีกครั้ง
สิ่งที่ผมเรียนรู้จากการทำแคมเปญนี้คือ
1. ความเชื่อใจจากลูกค้าสำคัญที่สุด… ผมไม่ได้ทำงานกำกับมานานมากๆ และพี่บอยเองก็ไม่รู้จักตัวละครดากานดากับไข่ย้อยมาก่อน แต่เค้าก็เชื่อใจให้เราทำเอ็มวีนี้ แล้วมันก็ออกมาประทับใจเค้าจริงๆ ความเชื่อใจจึงสำคัญ
2. บรีฟที่ดี คือบรีฟที่ Simple… แต่เปิดพื้นที่ให้ครีเอทีฟสามารถ Explore Option ได้
3. Make it Happens สำคัญที่สุด…ไอเดียดีแค่ไหน ถ้าไม่สามารถสร้างมันจริงๆได้ ไอเดียก็คงถูกคุมกำเนิดงานนี้ต้องยกเครดิตให้พิม-ตวงรัก หัวหน้าโปรดิ้วเซอร์ของผม ว่าเค้าสามารถพาไอเดีย และทรีตเมนท์ของเรา ให้เกิดขึ้นได้จริงๆ ขอชื่นชมพิมออกสื่อครับ (มีอะไรเรียกใช้ Flare Bangkok และ BBDO Bangkok ได้นะครับ ฮ่าๆๆ)
4. การฟังสำคัญที่สุด…ผมฟังคอมเมนท์ทุกคนเลย ไม่ใช่แค่ได้ยิน.. อย่างเช่น ในเอ็มวีจะมี
5. งานไวรัลจริงๆ มันวางแผนเป๊ะๆไม่ได้ แผนต้องยืดหยุ่น… ลูกค้ามากมายอยากได้งานไวรัล แต่มีข้อจำกัดมากมาย มีแต่ข้อห้าม ซึ่งมันทำให้ความเพียวของไอเดีย หายไป งานนี้ทำให้ผมรู้เลยว่า มันวางแผนไม่ได้
6. คิดถึงคนดูก่อนคิดถึงแบรนด์ตัวเอง… ในยุคนี้ หมดสมัยแบรนด์ทอล์คแล้วครับ การยิงแอดโฆษณาช่วยให้คนเห็นงานก็จริง แต่ถ้าอยากให้คนจำ หรือเสิร์จ หรือแชร์ หรือรักมันมากๆ จนปกป้องแคมเปญลูกค้า ต้องเอาสิ่งที่คนชอบเป็นตัวตั้ง แล้วค่อยหาวิธีเอาแบรนด์ตัวเองเข้าไป งานนี้เพลงคือโปรดัก ที่มีพี่บอยเป็นเจ้าของแบรนด์ การที่ทำให้คนรักเพลง อาจจะง่ายกว่าการทำให้คนรักสินค้าต่างๆ
7. ทีมงานสำคัญมากๆ… ผมกับพิมทำงานกันมาปีที่สี่ เรารู้มือกันอยู่แล้ว พี่แอนท์เป็นตากล้องที่ผมทำงานด้วยในทุกๆงานที่ผมกำกับ เดียร์ (อาร์ทไดในทีมผม) หรือแบม Retoucher เหล่านี้คือเราทำงานด้วยกันอยู่ทุกวัน แต่นอกนั้นคือใหม่หมดเลย เจอทั้งคนที่เป็น Solutionist และคนที่ทำให้ผมปวดหัวก็มี ทีมงานจึงโคตรสำคัญเลย
8. AI ยังแย่งงานเราไม่ได้… แย่ง Acting พี่นุ่นพี่ซันไม่ได้ งานชิ้นนี้น่าจะพิสูจน์ให้เห็นอยู่ครับ
9. อย่าให้ความดังข้ามคืน ทำให้เราเป็นคนเหี้ย… ผมเคยแต่เห็นคนดังแบบ over night หรือคนดังแบบ over week / over year อีโก้ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว… หลังจากที่เอ็มวีออกมา คนแท็กผมเยอะมาก ทั้ง mention ทั้งไลน์มาหา ทั้งโทรมา แปลว่าเค้าชอบในผลงานของเราจริงๆ มันเป็นความรู้สึก Overwhelming นะครับ แต่ผมพยายามไม่เกาะกระแสนั้น กระทั่งโพสต์ๆนี้ ยังรอให้กระแสมันเงียบลง แล้วค่อยลง เพราะคิดว่า มันน่าจะเปิดมุมมองของมาร์เก็ตติ้ง และเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ วงการโฆษณา ให้ลองทำงานที่ตัวเองมี Passion
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณแม่ของผม ขอบคุณภรรยาและลูก ที่เข้าใจชีวิตของผม และให้ผมได้ทำงานที่ตัวเองชอบ
Effect MV ที่ผมชอบที่สุด คือคลิปที่ลูกผมเอาตุ๊กตามาใส่เครื่องจับเท็จ แล้วบอกว่า “เบเบ๋ โกหก”
ผมดูคลิปนั้นแล้วร้องไห้เลย ถ้าเราจะทำงานๆนึงให้ดี คนที่เราอยากให้ message มันไปถึงจริงๆ
ก็คือครอบครัวของเรานี่แหละ ขอบคุณเพื่อนทุกๆคน ที่ชอบงานนี้แล้วแชร์ด้วยนะครับ
ขออนุญาต Signing Off ไว้เท่านี้ ใครที่ติดตามเพจนี้ต่อไป ผมจะลงแคมเปญอื่นๆของพวกเราต่อละครับ
พีท-ทสร บุณยเนตร