ผมดูบทบาทแรกของ สรพงษ์ ชาตรี บนจอเงินในบทคนเลว
คือเรื่อง เทพธิดาโรงแรม กำกับโดย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
แต่หลังจากนั้นนักแสดงคนนี้ก็เปลี่ยนบุคลิกไปโดยสิ้นเชิง ในหนังหลายเรื่อง
เช่น แผลเก่า ของ เชิด ทรงศรี ชอบอย่างยิ่ง
ผมดูหนังที่ สรพงษ์ ชาตรี แสดงมาตั้งแต่วัยรุ่นจนโต เขาเป็นองคาพยพหนึ่งของหนังไทย
โดยเฉพาะหนังไทยระดับคุณภาพ เช่น ชีวิตบัดซบ ของ เพิ่มพล เชยอรุณ เล่นคู่กับ เปียทิพย์ คุ้มวงศ์
เมืองในหมอก ก็เป็นหนังของ เพิ่มพล เชยอรุณ เช่นกัน หนังดูยากมาก แต่จำได้จนบัดนี้
ไผ่แดง รับบท แกว่น แก่นกำจร เล่นคู่กับรุ่นพี่ถาปัด สุรพล วิรุฬห์รักษ์ ซึ่งรับบทเจ้าอาวาส ชอบมากเช่นกัน
หลังจากนั้นก็ตามดูมาเรื่อยๆ แต่ซาลงหลังจากไปทำงานเมืองนอก
กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ก็ยังได้ดูหนัง มือปืน สาละวิน ฯลฯ
จนกระทั่งเมื่อเขารับบทกระเบนดำใน ปืนใหญ่จอมสลัด จึงมีโอกาสได้เจอตัวจริง
เขาเล่าว่าแต่ละวันต้องตื่นเช้า มาแต่งหน้าหลายชั่วโมง เป็นนักแสดงที่มีวินัยสูง และมีความสุขกับงานที่ทำ
นักแสดงบางคนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา เราจะรู้สึกว่าชีวิตเราไม่ครบถ้วน
หากเขาคนนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกบันเทิงและจินตนาการของเรา สรพงษ์ ชาตรี เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
แต่ชีวิตก็คือชีวิต มันคือความไม่เที่ยง ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย
กายไม่อยู่ แต่ความทรงจำดำรงอยู่ตลอดไป
โลกมายาก็เช่นฟองสบู่ ไม่จีรัง ไม่ยั่งยืน แต่บางครั้ง บางห้วงยามของความเจิดจรัสของฟองสบู่นั้น
ดำรงอยู่ในความทรงจำของเราไปตลอดกาล