Custom Search

Jan 10, 2017

บันทึกการแสดงสด หมู่โชว์ อุดมและผองเพื่อน (เจอละเมิดลิขสิทธิ์หนัก)

'หมู่ วาไรตี้โชว์' ถูกโซเชียลละเมิดลิขสิทธิ์หนักหลายช่องทาง ผู้บริหารเผยลงทุนผลิตไป 200,000 ชุด ผ่านไป 5 วันมียอดขายไม่ถึง 10% หากปีหน้าสถานการณ์ยังวิกฤตอาจต้องพิจารณาปิดกิจกาารที่ดำเนินมากว่า 35 ปี วอนคนไทยอุดหนุนสินค้าลิขสิทธิ์... เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในสังคมออนไลน์กำลังพากักันแชร์กระทู้เว็บไซต์พันทิปหัวข้อ '20 ล้านบาท ที่หายไปกับ FB live' โดยผู้เขียนอ้างว่าเป็นหนึ่งในครอบครัว EVS Thailand เนื้อหาภายในเป็นการระบายต่อปัญหา
การละเมิดลิขสิทธิ์กับการแสดงชุด 'หมู่ วาไรตี้โชว์' ของ โน้ส อุดม แต้พานิช ที่ถูกเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันอาทิ Facebook Live ทำการละเมิดผลงานอันมีลิขสิทธิ์ถูกต้อง

นายสุทธิสรร สุรนันท์กิ่งเพชร อายุ 60 ปี หรือเฮียเสก ประธานกรรมการบริษัท อี.วี.เอส. เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการจัดจำหน่าย CD/ DVD 'หมู่ วาไรตี้โชว์' เปิดเผยกับทีมข่าวสายตรวจโซเชียลว่า ทางบริษัทได้จัดเตรียมสินค้าไว้ประมาณ 2 แสนชุด โดยใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่เริ่มจัดจำหน่ายเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ผ่านมา 5 วัน เช็กยอดขายกับร้านสะดวกซื้อพบว่าขายออกได้ประมาณ 13,000 แผ่นเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะปกติแล้วยอดขายแผ่นการแสดงประเภทนี้ จะขายได้ในช่วงแรกๆ เท่านั้น และตนคิดว่ายอดขายของการแสดงชุดนี้น่าจะขายได้เยอะกว่านี้

"โซเชียลมีเดียมันโหดร้ายมาก เฟซบุ๊กไลฟ์ เว็บหนังเถื่อน ได้เข้ามาละเมิดลิขสิทธิ์เรา ซึ่งจากการที่เราได้ขอความร่วมมือไปพบว่าบางแห่งทำการปิดให้ แต่ขณะที่บางส่วนตอบกลับมาว่าไม่ปิดแล้วจะทำไม ซึ่งเบื้องต้นตนได้ไปแจ้งความไว้ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. แต่ส่วนตัวคิดว่าหากจับผู้กระทำผิดได้ เขาคงได้แต่ร่ำไห้ขอโทษอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์" นายสุทธิสรร กล่าว

นอกจากนี้ นายสุทธิสรร ยังระบุต่อว่า ก่อนหน้านี้การแสดงชุดเดี่ยว 10 และเดี่ยว 11 ก็มียอดขายที่ตกลงเหลือเพียงราวๆ 1 แสนชุดเท่านั้น โดยปีก่อนๆ ทางบริษัทฯ
ได้รับความร่วมมือจากทางยูทูบประเทศไทยที่ช่วยปิดกั้นผลงานละเมิดลิขสิทธิ์ แต่มาเจอปีนี้ถือว่าเข้าขั้นสาหัสจากระบบเฟซบุ๊กไลฟ์ ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร หากปีหน้าสถานการณ์ยังคงวิกฤตเช่นนี้ ธุรกิจที่ดำเนินการมากว่า 35 ปีคงต้องปิดกิจกาาร ซึ่งอดีตที่ผ่านมาเมื่อ 6-7 ปีก่อนเคยมีคนงานถึง 400 คน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงราวๆ 100 คนเท่านั้น จึงอยากใคร่ขอความกรุณาและความเมตตาผู้บริโภคทุกท่านให้ช่วยกันอุดหนุนสินค้าลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นของบริษัทใดก็ตาม มิเช่นนั้นไม่ต่างกับการทำลายธุรกิจของคนไทยด้วยกันเอง สุดท้ายเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงแนวคิดการจัดจำหน่ายในรูปดิจิตอล นายสุทธิสรร กล่าวว่าที่ผ่านมาเคยทดลองมาแล้วกับแอพพลิเคชั่นดูหนังชื่อดัง แม้ว่าผู้ชมจะเสียเงินเพียงไม่กี่บาท แต่พบว่ายังไม่ค่อยเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค ปีนี้จึงผลิตแต่ในรูปแบบ CD/DVD ส่วนบลูเรย์นั้นพบว่ายังไม่ค่อยเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค ปีนี้จึงผลิตแต่ในรูปแบบ CD/DVD ส่วนบลูเรย์นั้นพบว่ายังไม่ค่อยได้รับความนิยมเช่นกัน.





อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/817096

https://pantip.com/topic/35930630


http://teetwo.blogspot.com/2009/10/udomteam.html