เหนือสิ่งอื่นใด
- เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559
- พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) ณ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙
- The 60th Anniversary Celebrations of his Majesty King Bhumibol Adulyadej's Accession to the Throne
- 63 ปี "พระเจ้าอยู่หัว ร.๙" ผู้นำที่ไม่เหมือนใครในโลก นำพาประเทศ "อยู่ดีมีสุข"
- Supreme Artist
- เศรษฐกิจพอเพียง : Sufficiency Economy พ.ศ. ๒๕๖๓
- ทศพิธราชธรรม ๑
- ทศพิธราชธรรม ๒
- ๑๐๐ ปี สวรรคตกาลสมเด็จพระปิยมหาราช
- ร.๙ ทรงห่วงเหตุการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน
- พระบรมราโชวาท ร.๙
- "พูดแล้วต้องทํา" พระบรมราโชวาท "ในหลวง ร.๙" ทรงเตือน-ครม.
- ร. ๙ ทรงพระราชทานแก่พลเอกสุจินดา คราประยูร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง
- ร.๙ ทรงรับสั่งรมต.ถวายสัตย์ฯ
- ร.๙ ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่ตุลาการทหาร
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงป้องกันน้ำท่วม ปีพุทธศักราช ๒๕๓๘
- “ในหลวง ร.๙” ทรงฝากองคมนตรีปลูกฝังคนไทยเอื้อเฟื้อ นึกถึงส่วนรวม
- “ในหลวง ร.๙” เสด็จฯ ทอดพระเนตรดนตรีที่ศิริราช
- "ในหลวง ร.๙" เสด็จเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์-สะพานภูมิพล 1,2
- ในหลวง ร. ๙ เสด็จฯทอดพระเนตรคอนเสิร์ตแจ๊ส
- ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒
- น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ"ในหลวง ร.๙"กับ"ภูมิสารสนเทศ"
- ในหลวง ร.๙ ทรงพระราชทาน ส.ค.ส.2554 แก่พสกนิกรชาวไทย
- 'ในหลวง ร.๙' ทรงมีพระราชดำรัสให้คนไทย ทำหน้าที่ ไม่ประมาท มีสติ : ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓
- วันฉัตรมงคล (ร.๙)
- ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
- พระราชดำรัสสุดท้าย ในหลวง รัชกาลที่ 9
- ๑๒ สิงหา วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
- "สมเด็จย่า"
- เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์
- อาลัยพระพี่นางฯ
- ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดให้นายโคฟี อันนัน เฝ้าถวายรางวัลฯ (๒๕ พ.ค.๔๙)
- "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร" มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์
- พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
- ศิลปาชีพ : ประจักษ์พยานของความรัก ผูกพัน และห่วงใย
- เพลงสรรเสริญพระบารมี
- ชีวิตที่หมุนไปไม่หยุดยั้ง...พระอารมณ์ขันของพระเทพฯ
- ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนฯ
- สมเด็จพระเทพฯ กับการส่งเสริมไอที เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- สมเด็จพระเทพฯ สนพระทัยเมล็ดพันธุ์ช่วยหล่อเลี้ยงประชากร
- เครือข่ายกาญจนาภิเษก
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- ทรงพระเจริญ
- ของขวัญจากก้อนดิน
- ต้นไม้ของพ่อ
- รูปที่มีทุกบ้าน
- นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ
- ติโต
- ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙
- พระราชนิพนธ์ พระมหาชนก ที่ทุกคนพึงอ่าน
- โครงการแก้มลิง
- ทำไมเรารัก "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"
Custom Search
Jul 29, 2010
อธิการบดี มธบ. แนะ ศธ.เร่งปั้นแม่พิมพ์ชาติคนรองรับประชาคมอาเซียน
มติชนออนไลน์
วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
อธิการบดี มธบ.ชี้วิกฤตใหญ่ 10 ปีข้างหน้า
ครูเรือนแสนถึงวัยเกษียณอายุ แนะสบช่อง
เป็นโอกาสเติมครูดีเข้าไปแทน
ยืนยันหากไม่รีบ แก้ปัญหาจะลากยาวต่อไปอีก 30 ปี
รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
บรรยายเรื่อง
“ปัญหาระบบการศึกษาไทยกับการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม”
ในการอบรมหลัก สูตรผู้บริหารสื่อสารมวลชนระดับกลาง (บสก.)
จัดโดยสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย
ณ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่ง ประเทศไทย
อธิการบดี ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวถึงสถิติที่น่าสนใจของประเทศไทย
เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ว่า เด็ก 100 คน
สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เพียง 53 คน
ระหว่างทางหายไป 57 คน และพบว่า
จบมหาวิทยาลัย จริงๆ ไม่ถึง 22 คน
ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปลูกฝังให้มี
การเรียนรู้ตลอดชีวิตมากกว่าการเรียนรู้ภายในห้องเรียนด้วย
แม้ว่าจะออกมา จากระบบการศึกษาไปแล้ว
เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคมในอนาคต
สำหรับ ปัญหาใหญ่ของการศึกษาไทยรศ.ดร. วรากรณ์ กล่าวว่า
ไม่มีความต่อเนื่องขาดความมุ่งมั่นการบริหาร
และนโยบายการพัฒนาปรับเปลี่ยนบ่อย
จากเหตุผล ทางการเมือง อีกทั้งระบบราชการ
ทำให้ไม่สามารถ สั่งย้ายครูให้กระจายไปยังพื้นที่ชนบทได้เกิดการกระจุกตัว
ปริมาณครู ที่มีคุณภาพและจำนวนโรงเรียนไม่สมดุลกัน
ต้องจ้างครูอัตราจ้างส่งผลต่อการเรียน การสอนเด็กที่ไม่มีความต่อเนื่อง
“แม้ในปี พ.ศ.2520- 2530 มีการรับครูเกือบ 2 แสนคน
แต่ก็ไม่ได้มีการกลั่นกรองอย่างรอบคอบ
ด้วย เหตุจากการเร่งรีบเปลี่ยนระบบการศึกษาจาก 6 ปี เป็น 9 ปี
มีการรับครู อย่างรวดเร็ว ผลที่ได้ก็คือ
วันนี้บุคลกรเหล่านั้นอยู่ในวัย 50-60 ปีและอีก 10 ปี
ครูจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งจะถึงวัยเกษียณอายุ
ซึ่ง ถือเป็นวิกฤตใหญ่ แต่ก็นับเป็นโอกาสในการเติมคนที่ดีเข้าไปแทน
หาก ไม่รีบแก้จะเป็นวิกฤตรอบยาวอย่างน้อย 30 ปี ข้างหน้า”
รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวถึงปัญหา
การจัดสรรงบประมาณทางการศึกษาที่ด้อยคุณภาพ
จากเงิน จำนวน 4 แสนล้านบาทของกระทรวงศึกษาธิการ
งบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท หรือ 78%
ลงไปที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ที่ดูแลการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา
ส่วนใหญ่เป็นเงินเดือนของครูและบุคลากรทางการศึกษา
อีก 15 % เป็นการจัดกิจกรรมเหลือเพียง 6-7 % ไปที่งบพัฒนาโรงเรียน
ซึ่งต้องกระจายไปสู่ทุกโรงเรียนทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่
“เรื่อง ที่สำคัญยิ่งต่อความสำเร็จของระบบการศึกษา
คือ คุณภาพของครู ,การพัฒนาครูให้มีประสิทธิภาพ,
และสร้างระบบการศึกษาที่ให้เกิดการสอนที่ ดีที่สุด
โดยไม่สำคัญว่า เด็กจะเก่งหรือไม่เก่ง
แต่ต้องได้รับการเรียนอย่าง เท่าเทียมเพราะสิ่งที่เกิดในห้องเรียน หรือ
การสอนที่มีคุณภาพด้วยครูที่ ทรงความรู้และ
มีใจประกอบสิ่งแวดล้อมอันเหมาะสมต่อ
การเรียนรู้นับ เป็น หัวใจของคุณภาพการศึกษา”
ส่วนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง
รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวต่อว่า
จำเป็นต้อง ปรับเปลี่ยนวิธีคิดเป็นการปฏิรูปรอบสอง
โดยเน้นให้เกิด 4 ลักษณะคือ
มีคุณภาพ ใฝ่รู้ ใฝ่ดี คิดเป็นให้ทุกคนตระหนัก
และมีส่วนร่วมในการ ปฏิรูปการศึกษา
และส่งเสริมให้เกิดสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้ เพื่อสังคม(สคส.)
ที่มีหลักเกณฑ์เหมือนการเก็บภาษีจากเหล้าและบุหรี่จาก เดิม 2 %
โดยจะเก็บเพิ่ม เป็น 2.2 %
มาตั้งเป็นกองทุนให้ทุกคนมี ส่วนร่วมในการปฏิรูปการศึกษา
ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ
รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวด้วยว่า ในอนาคต 5 ปีข้างหน้า
จะเกิดประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ขึ้น
เพื่อรวมพลังกันหาประโยชน์ ทางด้านเศรษฐกิจ การศึกษา
ดังนั้นหากให้ความสำคัญของ "คน"
เราต้องเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ มองไปอีก 30 ปีข้างหน้า
จะเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาระบบใหม่ได้ทัดเทียมโลก
"วรากรณ์" คัมแบ็กธุรกิจบัณทิตย์
ย้ำมหา"ลัยจิ๋วแต่แจ๋วไม่ปล่อยเกรด
ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553
เป็นที่จับตาในวงการการศึกษาอย่างยิ่งกับการกลับมาอีก ครั้งของ
"รองศาสตราจารย์ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ"
ในตำแหน่ง อธิการบดีคน ล่าสุดของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์แทน
"รองศาสตราจารย์ ดร.อนุมงคล ศิริเวทิน" ที่หมดวาระลง
หลังจาก 3 ปีก่อน รศ.ดร.วรากรณ์
ได้ลาไปโลดเล่นบนถนนการเมือง
ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ในรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
และแน่นอนว่าการกลับมาเป็น
แม่ทัพของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ในครั้งนี้
ย่อมอยู่ในสายตาและความคาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลง
ความเปลี่ยนแปลงที่ว่า
เริ่มตั้งแต่การทำงานวันแรกเมื่อ 1 มีนาคมที่ผ่านมา
จากการปรับทีมผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั้งหมด
และจัดเสริมเพิ่มตำแหน่งทีมผู้บริหารใหม่ อย่าง
รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ
รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย
รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาองค์กร
ที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งจะทำให้การทำงานชัดเจนขึ้น
รวมไปถึงการสานต่อภารกิจเดิมในด้านต่าง ๆ
ที่สร้างชื่อ ให้กับมหาวิทยาลัยตามเป้าหมาย
นโยบายหลัก 4 ด้านคือ
ความสัมพันธ์กับเครือข่ายภายใน องค์กรและภายนอกองค์กร
ทั้ง ในประเทศและ ต่างประเทศ,
การบริหารจัดการองค์กรที่ดี,
คุณภาพการศึกษา,
ความพึงพอใจของลูกศิษย์
ผู้ปกครองและพนักงานที่ทำงานในมหาวิทยาลัย
เพื่อนำไปสู่การเป็น องค์กรทันสมัย
เป็นรากฐานการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไปสู่จุดยืนใหม่
"นำความรู้สู่การปฏิบัติ"
"วันนี้การเรียนการสอนล้าสมัยเร็วมาก
หากไม่มีการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของตนเองการนำความรู้ไปปฏิบัติจะ
ทำให้คนตื่น ตัวอยากเรียนรู้ตลอดเวลา
เมื่อมีความรู้ใหม่มาก็สามารถรับได้
เพราะฉะนั้นการปฏิบัติจึงมีนัยสำคัญ
ของการทำงานได้ทำงานเป็นและหางานง่าย"
รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวถึงความสำคัญตามจุดยืนใหม่
ขนาดไม่สำคัญเล็กก็สร้างคุณภาพได้
" อ.วรากรณ์" เล่าถึงรางวัลคุณภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
(Malcolm Baldride National Quality Award)
หรือMBNQA ซึ่งเป็นรางวัลที่ประธานาธิบดี
จะมอบให้กับ องค์กรต่าง ๆ ทั้งรัฐและเอกชน
โดยปีที่ ผ่านมามี 79 องค์ กรได้รับรางวัล
ในนั้น เป็นสถาบัน การศึกษา 3 แห่ง 2 ใน 3
เป็นมหาวิทยาลัยขนาดเล็กซึ่งได้รับรางวัล
เนื่องเพราะมหาวิทยาลัยเล็ก
ทั้ง 2 แห่งนั้นมีแผนกลยุทธ์และผู้นำที่ดีมีผลงานเป็นเลิศ
สามารถทำได้ตามพันธสัญญาที่ให้ไว้กับสังคม
ไม่มีต้นทุนที่ สูงเกินไป
และสุดท้ายคือมีคุณค่าเพิ่มให้กับนักศึกษา
"ริชแลนด์ คอลเลจและมงฟอร์ต
เป็นมหาวิทยาลัย ขนาดเล็กที่เปิดสอน
แค่ระดับใบประกาศ วิชาชีพและปริญญาตรี
แต่สามารถชนะอุดมศึกษาใหญ่ ๆมากมาย
ที่เสนอขอเข้ารับรางวัลแต่ก็ไม่ได้
เป็นอุทาหรณ์ให้เห็นว่าการผลิตบุคลากรที่ดี ๆ
ไม่จำเป็นต้องเป็นมหาวิทยาลัยใหญ่เท่านั้น
"เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะเป็นมหาวิทยาลัย ใหญ่หรือ
เล็กก็สามารถสร้างคุณค่าให้กับตนเองได้ทั้งนั้น
ไม่ว่าโรงงานผลิตรถเบนซ์หรือจักรยานตราจระเข้
ต่าง มีคุณภาพ ได้เหมือนกัน
ไม่ได้อยู่ที่แบรนด์เล็กหรือใหญ่เพียงแต่ว่า
ตรงกับความต้องการของสังคม
หรือไม่สิ่งที่ต้องทำคือเรื่องคุณภาพ
และทำตามแผนที่ให้สัญญากับผู้ปกครอง"
ยันไม่เคยปล่อยเด็กจบแบบไร้คุณภาพ
รศ. ดร.วรากรณ์ยังกล่าวด้วยว่า
มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งก็มีจุดเด่นในแต่ละเรื่อง
ต่างกันถ้าถามว่าถ้าเทียบกันกับเด็กของเรา
ในสาขาวิชาความรู้อย่างเดียวกันและการทำงานอย่างเดียวกัน
ผมว่า สู้ได้หลักฐานจากการประเมินต่างๆที่ออกมาก็เชื่อได้อย่างนั้น
"ยืนยันว่าไม่มีปริญญาใดของ
มหาวิทยาลัยที่เราปล่อยให้เด็กจบไปโดยไม่มีคุณภาพ
เชื่อว่ามี มหาวิทยาลัยน้อยแห่งที่อาจารย์มาบรรยายแล้ว
ต้อง เซ็นชื่อว่ามาสอนตามเวลานั้นจริง
มหาวิทยาลัย ใหญ่แห่งหนึ่งเวลาผ่านไป 2-3 ปี
ถึงรู้ว่า อาจารย์ไม่ได้มาสอนแต่ให้คนอื่นมาสอนแทน
แต่เราไม่มีอันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่ง"
ด้วยความใส่ใจในคุณภาพเช่นนี้ ทำให้เมื่อ 3 เดือนก่อน
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้เป็น
มหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวที่ได้รับการรับรอง คุณภาพมาตรฐาน สากล
ด้าน บุคลากรจาก ISO 9001 : 8000 ในทุกคณะทุกระบบ
เตรียม เปิดวิทยาลัยจีน
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ยังมี
วิทยาลัยนานาชาติจากความสัมพันธ์กับ ออสเตรเลียและจีน
โดยประมาณเดือนมิถุนายนนี้จะ เปิดอาคารใหม่
เพื่อรองรับนักศึกษาใน หลักสูตร ภาษาจีน
เพราะที่ผ่านมานักศึกษาจีน
มาเรียนในหลักสูตรภาษาอังกฤษจำนวนมาก
"เพราะวันนี้โลกเคลื่อนมาสู่ศตวรรษของเอเชีย
ปีนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าจีนจะแทนญี่ปุ่นเพราะสภาพเศรษฐกิ แข็งแกร่งกว่า
ด้วยเหตุนี้เรา จึงจะเปิดวิทยาลัยจีน
เพื่อรองรับนักศึกษา จากจีน
ที่จะเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่แล้ว 300 คน
"มันเป็นปรากฏการณ์ที่เราเห็นว่า
ขณะนี้ไปเรียนที่ไหนในโลกก็ไม่จำเป็น
ต้องเรียนเป็นภาษาของประเทศนั้นในฝรั่งเศส
เยอรมนีก็เปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษ
เราต้องการไปในหลากหลายภาษามากขึ้น เช่น
อาจจะมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศมาสอน
แต่เราแปลให้เป็นภาษาอังกฤษ
จะมีคนที่มีความรู้หลากหลายสาขา
จากหลายประเทศมาให้ความรู้กับนักศึกษาของเรา"
ขณะเดียวกันธุรกิจบัณฑิตย์ก็ยังชัดเจน
ที่จะไม่ขยายสาขาไปนอกที่ตั้งเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ
ด้วยเชื่อว่าการเน้นคุณภาพและไม่สร้างตึกหวือหวา
จะเป็นปัจจัยที่ธุรกิจบัณฑิตย์สามารถอยู่ได้
ท่ามกลางความผันผวนมีความยั่งยืนกว่า
รวมถึงการใกล้ชิดรับฟังนักศึกษามากขึ้น
เร็ว ๆ นี้อาจเห็นว่า รศ.ดร.วรากรณ์
เปิดเฟซบุ๊กคุย กับนักศึกษาก็เป็นได้ !
เปิดเฟชบุ๊กคุยกับนักศึกษาก็เป็นได้!
มธบ. รับอธิการบดีคนใหม่คงนโยบาย รักษา มาตรฐานการเรียนการสอน
วันที่ 16 มี.ค 2553
http://www.dpu.ac.th
http://www.varakorn.com
มหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.)
ต้อนรับการกลับมาของ
รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีคนใหม่
หลังเสร็จสิ้นภารกิจและเงื่อนไข
การเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ในสมัยรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
เตรียมนำประสบการณ์ทั้งหมดมาบริหารมหาวิทยาลัย
ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
เน้นการสอนแบบนำความรู้สู่การปฏิบัติอย่างมีมาตรฐาน
ขับเคลื่อนด้วยเครือข่ายความสัมพันธ์กับ
ทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ
พัฒนาบุคลิกภาพบัณฑิตให้สอดคล้อง
กับตลาดแรงงานมั่นใจธุรกิจบัณฑิตย์
เป็นทางเลือกทางการศึกษาที่ดีที่สุดแห่ง หนึ่ง
โดย รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
กล่าวว่าการกลับมาบริหาร
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ในครั้งนี้
เนื่องจากมีความมั่นใจในรากฐานการ
เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ดีของ
มหาวิทยาลัยแห่งนี้มาตลอด 42 ปี
ยิ่งได้รับโอกาสไปทำหน้าที่
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมายิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้นว่าที่นี่มีคุณสมบัติที่ดี
และมีความพร้อมที่ จะพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน
ทั้งคุณภาพทางวิชาการคุณภาพอาจารย์
ผลงานวิจัยความสำเร็จของบัณฑิตและ ศิษย์เก่า
สถิติการได้งาน ของผู้สำเร็จการศึกษา
ความ ก้าวหน้าในการพัฒนาองค์กรให้ทันสมัย
โดยใช้เทคโนโลยีรวมถึงความมั่นคงทางการ เงิน
ทั้งนี้พร้อมนำความรู้และประสบการณ์ที่ ได้ รับ
ทั้งจากการเข้าไป บริหารการศึกษาของประเทศ
ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
การได้รับเลือกให้เป็น
รองประธานคณะกรรมการการปฏิรูปการศึกษารอบ 2
การได้รับเลือกให้เป็นประธานองค์กรมหาชน
คณะกรรมการความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
และการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคม
ในฐานะประธานมูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.
ในพระ ราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ฯลฯ
มาประสานในการบริหารมหาวิทยาลัย
ให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีใทุกภาคส่วนทั้งเครือ ข่ายภายในและภายนอกประเทศ
สำหรับนโยบายการบริหารนั้นจะมุ่งเน้น
การรักษาคุณภาพมาตรฐานด้านการเรียนการส อน
การวิจัยส่งเสริมให้นักศึกษาเรียนรู้สู่ การนำไปปฏิบัติจริง
และ เตรียม ความพร้อมให้นักศึกษามีคุณสมบัติครบถ้วน
สำหรับการเป็นบุคลากรขององค์กรชั้นนำระดับ ประเทศ
ซึ่งไม่ลืมการ เป็น คนดีของสังคมและมีจิตสาธารณะ
โดยมั่นใจว่ามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นทางเลือกทางการศึกษาที่ดีที่สุดแห่ง หนึ่งของประเทศ
นอกจากนี้นโยบายที่ผ่านมาของมหาวิทยาลัย
จะเน้นย้ำความเป็นมาตรฐาน
เรียกว่าเรา เป็น มวยหลัก เชื่อว่าการแข่งขันที่เน้นการ
นำความรู้สู่การปฏิบัติไม่ใช่กระบวนการสอนอย่างเดียว
แต่เป็นการปฏิบัติเพื่อให้ทำงานเป็นทำงาน ได้
เป็นจุดแข็งอย่าง หนึ่งของมหาวิทยาลัย
ซึ่งสิ่งสำคัญคือการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติขั้นตอนที่สำคัญคือการแปลง หลัก สูตรทั้งหลาย
จากการสอนให้เกิดการเรียนรู้
โดยต้องอาศัยการอ่านการทำแบบฝึกหัดการจัด กลุ่มอภิปราย
การสรุปจากการอ่านการทำการบ้านในห้องเรียน
เพื่อกันไม่ให้ลอกจากอินเตอร์เน็ต
การที่มหาวิทยาลัยของรัฐรับสมัครนักศึกษาเป็นจำนวนมาก
ทำให้ส่งผลต่อมหาวิทยาลัยเอกชนโดยตรง
ธุรกิจการศึกษาสำหรับ มธบ.เอง
ท่ามกลางสภาพการณ์แบบนี้
มหาวิทยาลัยก็สามารถดำเนินการเรียนการสอนได้เป็นปรกติ
เรียกว่าไม่ได้หวือหวาตามตลาด
โดยปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มหาวิทยาลัยอยู่ได้คือ
การยึดมั่นในมาตรฐาน
และหลักการของความคงทน
ทำสิ่งที่เป็นคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นการแข่งขันจึงต้องแข่งกันด้วยมาตรฐาน
มหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำหลายแห่ง
มุ่งไปที่มาตรฐานทั้งนั้นไม่มีใครใช้วิธีการหวือหวาส่วนใหญ่ที่
หวือหวาจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเล็กๆและเพิ่งเปิดใหม่
"โดยทั่วไปสถาบันอุดมศึกษาทั้งในเมืองและนอกเมือง
ถือว่ายังไม่ได้มาตรฐานเท่าไรนักที่เป็น เช่นนั้นส่วนหนึ่ง
มาจากคุณภาพของคณาจารย์ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคณาจารย์รุ่นเก่าแล้ว
คณาจารย์รุ่นใหม่ยังมีพื้นฐานการศึกษาไม่ เข้มแข็งเท่า
เนื่องจากการศึกษาของคนรุ่นก่อนศึกษาเข้มข้นและได้มาตรฐานมากกว่า
และคนมากขึ้นแต่จำนวนคนได้รับทุนเท่าเดิม
ทำ ให้อาจารย์ ที่ เก่ง ๆ มีน้อยลง" รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวทิ้งท้าย