![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqbZZ7sjp2oL8TfJNDDK-zfut2F3heH9fq5-yOjHBGYq_-72_dOq4mIa7VT9DmgEpW9ioSaLQKsUx5jOiO1ts2MOclH0zRCJmYO8URuBDgAo694dLds05Q3ppP4zwUCvcFHZ9SFA/s200/238px-Buddha-Sarnath-sepia.jpg)
ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกถึง
นิคมเกสปุตตะของพวกเจ้ากาลามะ
ชาวกาลามะได้พากันมาเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลถามว่า
ได้มีสมณะและพราหมณ์พวกหนึ่ง
มายังเกสปุตตนิคม ได้สำแดง เชิดชู
วาทะของตนฝ่ายเดียว แต่กระทบกระทั่งดูหมิ่น
เหยียดหยามวาทะของฝ่ายอื่นให้เห็นว่าเป็นฝ่ายต้อยต่ำ
ต่อมามีสมณะและพราหมณ์อีกพวกหนึ่งได้มาสำแดง
เชิดชูวาทะของตนฝ่ายเดียวโดยกระทบกระทั่ง ดูหมิ่น
เหยียดหยามวาทะของฝ่ายอื่นว่าเป็นฝ่ายต้อยต่ำเช่นเดียวกัน
พวกตนจึงสงสัยว่าทำอย่างไรจึงจะรู้ได้ว่า
พวกตนสมควรเชื่อใคร และสมณะและพราหมณ์เหล่านั้น
ใครพูดจริง พูดเท็จอย่างไร
พระพุทธเจ้าได้ตรัสต่อชาวกาลามะทั้งหลาย
ให้ใช้หลักวินิจฉัยด้วยตนเองโดย
มิให้ปลงใจเชื่อถือ ด้วยเหตุ ๑๐ ประการ ดังต่อไปนี้
เพียงเพราะเหตุใดเหตุหนึ่งใน ๑๐ ประการดังกล่าวข้างต้น
แต่ให้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
และโดยที่ปฐมเหตุแห่งการที่
ท่านเทศนาหลักกาลามะสูตรดังกล่าว
ก็เนื่องจากความแตกต่างในหลักธรรมที่มีผู้สอนผิดแผกกันไป
ท่านจึงให้ไตร่ตรองว่า หลักธรรมใดที่เป็นอกุศล
มีโทษ ผู้คนติเตียน กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้ว
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือสร้างความทุกข์ให้แก่ตนเอง
หรือผู้อื่น ให้ปล่อยทิ้งไปไม่ควรเก็บมาเป็นอารมณ์
แต่ถ้าหลักธรรมใดเป็นกุศล ไม่มีโทษ ผู้คนสรรเสริญ
กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์
และนำความสุขมาให้แก่ตน ก็ให้พึงรับมาปฏิบัติได้
หลักการดังกล่าวได้ผ่านพ้นมาสองพันห้าร้อยกว่าปี
แต่ถ้าไตร่ตรองดูให้ดี จะเห็นได้ว่ายังสามารถ
นำมาใช้ได้ในยุคปัจจุบัน และใช้ได้กับทั้งศาสนจักร และอาณาจักร
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEioRPMinB-oB-Ctj7oOBkx7bw63_IKhwA_6FjzcnqkHypOcHfWa_Oi8shv_dwEp_YEe1wQOnw1ClZRTnurfMemMma6aDwW9YB933i9IpeA1s_QmXJGiStonmPigU6kBGGGy3IOiZw/s320/IMG_3169.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEinZiAvRRiPbTFwnDzHaB98am883vjI7JUIqhlE0xOQL5xymJvIDB06X7WRjb-BykPPpN3QdSDWwmCkDJAnv2ASMbkpvYegWoI0CsvYUW4R_4l5yc0XROpdSNW0Yj66nQWhNMqi2A/s400/Kesariya-0.jpg)
เกสปุตตนิคม หรือ เกสริยา
(อังกฤษ: Kesariya, เทวนาครี: केसरिया)
ในปัจจุบัน เป็นสถานที่ตั้งของมหาสถูป
พบใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย
ในสมัยพุทธกาลเป็นที่อยู่ของ
พวกชาวกาลามโคตรหรือกาลามชน
อยู่ในแคว้นโกศล เป็นหมู่บ้านทางผ่าน
ระหว่างเมืองในสมัยพุทธกาล
พระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จผ่านมาที่เกสปุตตนิคม
และได้ทรงแสดงกาลามสูตร
หรือเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า
เกสปุตตสูตรแก่กลุ่มคนเหล่านี้
จนยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา
ย้อนพุทธกาล แนะใช้ (ชาว)กาลามสูตร10 สู้เฟคนิวส์ (10ก.พ.63)
ฟังหูไว้หู | 9 MCOT HD (https://www.mcot.net)
ฟังหูไว้หู |10ก.พ.63 OnAir
แนะใช้กาลามสูตร สู้เฟคนิวส์, ย้อนประวัติศาสตร์ สมัยพุทธกาล
กับการเปิดปูม กาลามสูตร 10 ประการ โดยมีที่มาจากความสงสัยของ ชาวกาลามะ
ซึ่งได้ถูกนำมาใช้เรียกพระสูตรเรื่องนี้ แต่ชื่อที่แท้จริงของ กาลามสูตร
ตามข้อมูลพระไตรปิฏกคืออะไร ติดตามข้อมูลได้ในคลิปรายการ