Custom Search

May 7, 2025

แก่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน วางแผนไว้บ้างหรือยัง


  หมอแดง ที่ปรึกษาคนไข้ระยะท้าย

สังคมผู้สูงอายุ หรือสังคมที่ต้องพึ่งพาตัวเองเมื่อแก่ตัวไป จะทำอย่างไร


คู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตรหลาน หรือญาติพี่น้องที่จะหวังพึ่งพิง ได้ติดต่อผมเข้ามาเพื่อปรึกษาและวางแผนสำหรับระยะท้าย

สำหรับคู่ชีวิตที่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับคู่ของตนคือการพลัดพราก แล้วคนที่เหลือจะอยู่อย่างไรหรือใครจะดูแลเมื่อถึงวันนั้น ก็โชคดีที่ได้วางแผนเตรียมตัวไว้

แต่คู่ชีวิตที่ไม่ตระหนักและไม่เตรียมตัว ท้ายที่สุดก็จะอ้างว้าง โดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้งให้จากไปตามลำพังอาจไม่มีใครรู้ หรือถูกญาตินำไปฝากไว้ที่ศูนย์(ไม่ต่างจากถูกทอดทิ้ง)

เมืองไทยยังดีมีวัด มีสำนักสงฆ์ มีสังคมที่คอยช่วยเหลือกันในยามแก่เฒ่า มีศูนย์ผู้สูงอายุต่างๆให้เราเข้าไปสอบถามรายละเอียด จะได้รู้ว่าศูนย์ไหนที่ถูกใจเรา

ศูนย์ส่วนใหญ่ไม่ยอมให้คนไข้จากลาในศูนย์ ดังนั้นไม่ต้องคิดเรื่องว่าจะตายดีในศูนย์ เพราะศูนย์เหล่านี้จะยื้อชีวิต เมื่อคนไข้อาการหนักดูแลไม่ไหวก็ส่งต่อโรงพยาบาลเพื่อยื้อต่อ ดังนั้นใครต้องการตายดีตายสบายตายแบบธรรมชาติ จึงเกิดขึ้นไม่ได้ในศูนย์เหล่านี้

ศูนย์ในเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบริการผู้สูงอายุ ที่ลูกเต้าไม่สามารถดูแลเองได้ โดยศูนย์เหล่านี้มักไม่มีนโยบายเรื่องการตายดี

เมืองไทยครอบครัวเริ่มไม่เหมือนเดิมแล้ว ยังมีบางครอบครัวที่ดูแลผู้สูงอายุกันเองจนเสียชีวิต บางครอบครัวถ้าผู้สูงอายุช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็ตัดจบโดยการเอาไปไว้ที่ศูนย์ (ทุกคนไม่นึกถึงใจของผู้สูงอายุที่ถูกส่งไป หรืออย่างน้อยลองนึกว่าตัวเองถูกส่งไปจะเป็นอย่างไร)

ขอย้ำ…คนที่รู้ตัวว่าลูกหลานคงไม่ดูแลตอนแก่เฒ่า หรืออยากเลือกสถานที่ๆถูกใจ ก็ควรวางแผนระยะท้าย

วัดป่าโนนสะอาดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งสถานที่ ที่เราควรเข้าไปศึกษา วัดนี้ท่านเจ้าอาวาส พระอาจารย์แสนปราชญ์ ปัญญาคโม มีนโยบายเรื่องการตายดีวิถีพุทธไว้รองรับ และช่วยเหลือแบบไม่มีค่าใช้จ่าย (สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดของวัดและบริจาคช่วยเหลือท่านได้ตาม qr code ในคอมเมนต์)

พระอาจารย์ได้ดูแลคนที่ต้องการจากลาแบบมีสติวิถีพุทธ แต่ทุกคนจะไปพึ่งท่านเมื่อถึงระยะท้ายท่านคงดูแลไม่ไหว ถ้าพวกเราไม่เขาไปช่วยเหลือท่านในขณะที่ยังมีแรงอยู่

ปัญหาเหล่านี้ถ้าไม่วางแผน ก็จะเหมือนสังคมผู้สูงอายุของญี่ปุ่น ลองอ่านดูครับ

❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️


นายฮิโรอากิ ชายวัย 54 ปี ได้ถูกพบเป็นศพในอพาร์ทเมนท์หลังจากเสียชีวิตมานานกว่า 4 เดือน รอบๆ ห้องเต็มไปด้วยกองขยะ ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป กระป๋องเครื่องดื่ม หนังสือพิมพ์เก่าๆ ก้นบุหรี่ และฟูกที่นอนอับๆ
.
นายฮิโรอากิซึ่งอดีตเป็นเคยวิศวกรทำงานบริษัทใหญ่ๆเช่น นิสสัน ฟูจิตสึ แต่เป็นเพียงพนักงานจ้างตามสัญญาทำให้ไม่มีเงินใช้ยามชรา เขาหย่ากับภรรยามาหลายปีจึงต้องอาศัยอยู่คนเดียวในอพาร์ทเมนท์เก่าๆ
.
ช่วงบั้นปลายชีวิต นายฮิโรอากิก็เป็นเหมือนอีกผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นอีกหลายคนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย และตายจากโลกนี้ไปโดยไม่มีใครรู้
.
นางอิโตะ อายุ 91 ปีอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์เก่าแก่ในชิบะ เธออาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แห่งนี้มานานกว่า 60 ปี ตั้งแต่สมัยอพาร์ทเมนท์นี้เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ และถือได้ว่าทันสมัยมากในยุคนั้น เธอเคยอยู่ร่วมกับสามี ลูกสาว และลูกเลี้ยงอย่างมีความสุข
.
แต่เมื่อ 25 ปีก่อน สามีและลูกสาวกลับมาด่วนตายจากไปด้วยโรคมะเร็ง ลูกเลี้ยงของเธอก็ไปมีชีวิตของตัวเองและเพียงแค่ส่งการ์ดอวยพรให้เธอตามเทศกาลเท่านั้น
.
เธอต้องอาศัยอยู่อย่างเดียวดายเพราะเพื่อนสนิทและญาติๆ ของเธอล้วนจากโลกนี้ไปก่อนเธอ เธอคิดว่าการอยู่หรือตายของเธอคงไม่สร้างความแตกต่างให้กับโลกนี้มากนัก
.
เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันไปกับการสวดมนต์ เขียนเล่าประวัติชีวิตส่วนตัว ดูรูปเก่าๆ และเดินเล่นรอบอพาร์ทเมนท์ เธอจะไปร่วมรับประทานอาหารกับคนชราคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่คนเดียวอาทิตย์ละครั้ง
.
นางอิโตะขอร้องให้เพื่อนบ้านช่วยมองมาที่ม่านหน้าต่างห้องเธอทุกๆ วันว่ายังปิดในตอนกลางคืนและเปิดในตอนกลางวันไหม หากวันใดม่านไม่ได้ปิดเปิดตามเวลา นั่นแปลว่า เธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว
.
นางอิโตะยังได้เตรียมป้ายชื่อหลุมฝังศพตัวเอง และเงินทำพิธีเล็กๆ น้อยๆ ไว้พร้อมสำหรับวันที่เธอต้องออกเดินทางสู่อีกโลกหนึ่ง
.
นายคิโนชิตะ อายุ 83 ปี เพื่อนบ้านนางอิโตะได้ย้ายเข้าสู่อพาร์ทเมนท์นี้กว่า 14 ปีมาแล้ว เขาเป็นอดีตวิศวกรใหญ่ แต่บริษัทของเขาถูกฟ้องล้มละลาย ทำให้เขาต้องไปยืมเงินจากพี่น้อง ทำให้ถูกประนามว่า “เป็นความอัปยศของวงศ์ตระกูล”
.
เขาสูญเสียบ้านจากการทำธุรกิจทำให้ภรรยาของเขาบอกเลิกโดยให้เหตุผลว่า “ไม่มีใครทนอยู่กับสามีที่ขายบ้านตัวเองได้”
.
ความภูมิใจเดียวที่ยังเหลืออยู่ของนายคิโนชิตะ คือเขาเคยเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ของบริษัทยักษ์ใหญ่คาวาซากิ เฮฟวี่ อินดัสตรีย์ที่มีส่วนสร้างอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ
.
เขายังคงเก็บรูปถ่ายเมื่อครั้งได้ไปเยือนฝรั่งเศสและพวงกุญแจรูปอุโมงค์นั้นยังติดตัวเขาไปไหนมาไหนเสมอๆ ห้องของนายอิโตะเต็มไปด้วยเศษขยะและกลิ่นเหม็นๆ เศษอาหารและของเสียที่หมักหมมมานานหลายปี เขาไม่คิดแม้แต่จะมีป้ายชื่อหลุมศพตัวเอง
.
เพราะเขากล่าวว่า “ถึงจะมีป้ายหลุมศพก็คงไม่มีใครไปเคารพศพเขาอยู่ดี” เขาจึงบริจาคร่างกายให้กับสถาบันการแพทย์
.
เรื่องราวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมญี่ปุ่นในปัจจุบัน ที่มีผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปีที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียวมากถึง 6 ล้านคน และมีมากถึง 12.71 ล้านครอบครัวที่เป็นครอบครัวที่มีแต่ผู้สูงอายุ หรือคู่สามีภรรยาสูงอายุ มากกว่าครึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นบอกว่ามีความยากลำบากในเรื่องรายได้ เนื่องจากอาศัยเพียงแค่เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ไม่เพียงพอกับการเลี้ยงชีพ
.
สาเหตุหลักที่ทำให้มีคนสูงอายุที่ต้องตายอย่างโดดเดียว ได้แก่
.

ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ครองตัวเป็นโสด โดยต้องการมุ่งมั่นทำงานอย่างเดียวโดยไม่คิดมีครอบครัว เมื่อแก่ตัวลงจึงมีแนวโน้มต้องอยู่คนเดียว
.

หลายๆ ครอบครัวตัดสินใจไม่มีลูก เพราะคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยากและเพิ่มภาระด้านค่าใช้จ่าย
.

วัฒนธรรมการทำงานตลอดชีพทำให้พนักงานญี่ปุ่นจำนวนมากมีเพียงกลุ่มเพื่อนที่ทำงาน โดยไม่มีสังคมอื่นๆ นอกจากนั้นเลย พอถึงวัยเกษียณจึงเหมือนตัดขาดจากสังคมไปด้วย


ลูกๆ หลายบ้านนิยมอยู่กันเองมากกว่าอยู่ดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่า และพ่อแม่เองก็กลัวจะเป็นภาระให้ลูกๆ จึงต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง ประเด็นนี้ผู้เขียนคิดว่าค่อนข้างต่างจากไทยเรา เพราะคนญี่ปุ่นไม่ได้พูดเรื่องความกตัญญูเด่นชัดนัก
.

คนญี่ปุ่นที่อาศัยในเมืองมักจะไม่ค่อยสนทนากับเพื่อนบ้านอยู่แล้ว คืออยู่แบบตัวใครตัวมัน ทำให้ไม่มีสังคม ชุมชน หรือญาติพี่น้องแบบการอยู่กับครอบครัวใหญ่เหมือนเช่นสังคมชนบท
.
น่าตกใจที่ได้ทราบว่ามีคนแก่ในประเทศญี่ปุ่นที่ต้องตายอย่างเดียวดายโดยไม่มีใครรับรู้มากถึง 30,000 คนต่อปีเลยทีเดียว
.
บทความโดย : พิชชารัศมิ์ 

*******

นพ.พรศักดิ์ ผลเจริญสมบูรณ์
ที่ปรึกษาทีมดูแลผู้ป่วยระยะท้าย
โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สามารถปรึกษาหมอแดงได้ดังนี้

1.ส่งรายละเอียดเข้ามาในกล่องข้อความของเพจหมอแดงที่ปรึกษาคนไข้ระยะท้าย​เพื่อกรอกแบบฟอร์ม จนท.จะต่อสายให้สนทนากับคุณหมอ หรือโทรติดต่อแอดมินเพจ​ 082-424-5363

2. มาพบหมอแดง​ที่คลินิกชีวีอภิบาล​โดยนัดหมายล่วงหน้าที่​ 061 563 2989 หรือ038 933 900 ต่อคลินิกชีวีอภิบาล เพื่อทำนัดพบกับหมอแดง

3.ติดต่อผ่านเยือนเย็นหรือในคนไข้ที่ใช้บริการของเยือนเย็นสามารถขอให้หมอแดงเข้าเยี่ยมพบได้