Custom Search

May 11, 2025

พาป๊าตามรอยจิ๋นซี 2025 (นิ้วกลม)

    Sarawut Hengsawad


ถ้ามีลูกแล้วเขาโตเป็นหนุ่ม ผมคงมองเขาแล้วนึกถึงตัวเองในวันที่ยังหนุ่มแน่น
หวนคิดถึงหลายสิ่งในตอนนั้นที่เคยทำ อยากทำ และทำได้ ซึ่งตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว
แต่ยิ่งนับวัน เวลาที่ผมหันไปมองป๊า ผมยิ่งนึกถึงตัวเองในอีกสามสิบปีข้างหน้า
ป๊าใช้เวลาล่วงหน้าผมไปสามสิบกว่าปี ผมร่วงก่อน เหี่ยวก่อน แก่ก่อน ช้าลง อ่อนแรงลง
แต่ผมกำลังค่อยๆ เดินตามป๊าไป...ในเรื่องเหล่านั้น
ผมมองเห็นตัวเองในตัวป๊ามากมาย อีกไม่นานผมก็จะเป็นแบบป๊า งงๆ กับเทคโนโลยี
เดินเหินต้องการคนประคอง บันไดแต่ละขั้นดูจะยืดยาวขึ้น
ข้อเข่าก็ปวดร้าวง่ายกว่าเดิม มิต้องนับสายตา หู ฟันฟาง และกล้ามเนื้อ
ถึงแม้ผมคิดว่า ในแง่ดูแลสุขภาพ​ ผมสามารถนับป๊าเป็นไอดอลได้เลย กระนั้น
ป๊าก็สอนวิชา 'ชราภาพ'​ ให้ผมอยู่ดี ผ่านสัจธรรม​ที่เกิดขึ้นบนเรือนร่างและวิถีชีวิต
ผมมองเห็นตัวเองนับเวลาถอยหลัง ไม่มีดีขึ้น มีแต่เสื่อมทรุดลง และทราบดีว่า
ในคราวของผม-จะไม่มีโอกาสหันไปมองเด็กหนุ่มอีกคนแล้วคิดในใจว่า
"ไอ้นี่เหมือนเราสมัยหนุ่มเลยเนอะ" เพราะหันไปแล้วมีแต่ความว่างเปล่า
ผมเพียงค่อยๆ เดินทางไปสู่จุดจบ--เท่านั้น
เวลาเห็นตัวเองอยู่กับป๊า ผมว่ามันมหัศจรรย์​ดีนะ ที่มนุษย์​คนนึงที่เกิดจาก
องค์​ประกอบของมนุษย​์คนข้างๆ ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในช่วงเวลาหนึ่งบนโลกนี้
เหมือนเราแยกตัวออกมา แล้วใช้ชีวิตคนละช่วงเวลา
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เราจะแก่ และสิ้นสุดในวันหนึ่ง
ผมเกิดคนละยุคสมัยกับป๊า ป๊าเป็นคนประหยัดเพราะเคยลำบาก ความประหยัดเกินเบอร์นี้อาจถูกผมตำหนิบ้าง
แต่มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในตัวผมไปด้วยเหมือนกัน
บางเรื่องที่ป๊า 'ไม่ทันสมัย'​ แล้วมาสอบถามจากผม ผมก็เบ่งพลังใส่ป๊าด้วยความ 'ทันสมัย'​ กว่า
แต่มานั่งคิดดู วันข้างหน้าเมื่อผมไม่ทันสมัยเสียแล้ว ผมคงดูงกๆ เงิ่นๆ ยิ่งกว่าป๊าเสียอีก
แถมไม่มีลูกชายมาคอยตำหนิว่าทำไมพูดแล้วไม่เข้าใจในเทคโนโลยี​ต่างๆ เสียที
ผมคงต้องอาศัยถามจากน้องๆ หลานๆ ผู้มีน้ำใจ หรือไม่ก็หุ่นยนต์
เป็นความรู้​สึกที่แปลกดีนะครับ เมื่อเราคิดว่าตัวเองกำลังจะค่อยๆ กลายเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เรา
แล้วกำลังค่อยๆ ทิ้งร่าง ชีวิต และสิ่งที่เป็นในปัจจุบั​นเอาไว้ในวันนี้
ไม่เพียงด้านเสื่อมถอย แต่ยังรวมถึงการแปรผันไปสู่ด้านที่ส่องสว่าง เช่น ใจร้อนกลายเป็นเย็นลง
ทิฐิสูงกลายเป็นผ่อนคลาย ขี้โมโหกลายเป็นยิ้มแย้ม... ป๊าลอกคราบหลายอย่างไประหว่างทางของการชราภาพ
ชวนให้สงสัยว่า แล้วผมล่ะ มีอะไรจะหลุดร่อนออกไปบ้างจากตัวตนในวันนี้?
ยิ่งนึกยิ่งใจหาย, เมื่อนึกว่าวันหนึ่งผู้ชายที่เราเดินตามเดินข้างและเดินแซงมาตลอดชีวิตจะหายตัวไปจากโลก
เหลือเพียงบางสิ่งของเขาไว้ในตัวผม
เรารู้ว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
ผมดีใจที่เราได้มาใช้เวลาร่วมกัน กับพี่สาวอีกสองคน พี่เขยอีกสองคน--กับครอบครัว
เดินด้วยกัน กินด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน เดินทางด้วยกัน
การเดินทางครั้งนี้ผมไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์​ จำนวนสถานที่ ความสวยงาม วัฒนธรรม​ ความรู้
หรืออะไรอย่างที่ผมมักสนใจ แต่ก็รู้สึก 'เต็มอิ่ม'​ กับการใช้เวลาร่วมกันของพวกเรา
วันหนึ่งเราจะกลายเป็นความว่างเปล่า ตำแหน่งข้างๆ กายเรา ป๊าจอมวุ่นคนนี้จะหายวับไป
ผมทราบดี แต่วันนี้เราได้อยู่ข้างกัน และจะใช้เวลาด้วยกันให้ดีที่สุด
วันนี้ตอนกินอาหารจีน ผมนึกถึงอาหารที่แม่ทำ และคิดขึ้นมาว่า ถ้าผมรู้ว่าวันหนึ่งแม่จะจากผมไป
ตอนเด็กๆ ผมจะบอกแม่ทุกวันเลยว่า "ขอบคุณ​นะแม่ แม่ทำอาหารอร่อยมากเลย
เอ๋มีความสุข​ที่ได้กินอาหารฝีมือแม่นะ" ผมจะบอกแม่แบบนี้ทุกวันเลยจริงๆ
วันนี้และระหว่างเราใช้ชีวิตด้วยกัน ป๊าอาจมีอะไรขัดใจผมบ้าง
แต่ผมก็เข้าใจแล้วว่าควรทำอย่างไร ทั้งยังเข้าใจด้วยว่าป๊าก็คงขัดใจกับสิ่งที่ผมเป็นและทำบางอย่างเหมือนกันนั่นแหละ
มาเที่ยวกัน เรานอนด้วยกัน ป๊าไม่เรียกให้ผมอาบน้ำ บอกให้นอนตอนกี่โมงเหมือนสมัยเป็นเด็กแล้ว
เราปล่อยให้กันและกันเลือกทำเลือกเป็น เป็นอิสระแต่เคียงข้างกัน
ผมทั้งเหมือนป๊า และไม่เหมือนป๊า
ป๊าขัดใจผมบางอย่าง ผมขัดใจป๊าบางสิ่ง
แต่ผมเห็นตัวเองในตัวป๊าชัดเจนเหลือเกิน
และผมว่า บางทีชีวิตช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์​ที่มีคนคนหนึ่งแตกตัวกลายมาเป็นคนอีกคนที่หนุ่มกว่า

เพื่อจะแก่ตามไปในอีกหลายปีให้หลัง
ระหว่างนั้นคนสองคนนี้ก็เรียนรู้สิ่งสำคัญ​อย่างหนึ่งของชีวิต
นั่นคือการรักใครอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเอง
ซึ่งพ่อกับลูกชายมักจะไม่เอ่ยคำนี้กันสักเท่าไหร่หรอก
และบางที, การสัมผัสถึงก็ไม่จำเป็นต้องกระทำผ่านคำพูด