เหนือสิ่งอื่นใด
- เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559
- พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) ณ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙
- The 60th Anniversary Celebrations of his Majesty King Bhumibol Adulyadej's Accession to the Throne
- 63 ปี "พระเจ้าอยู่หัว ร.๙" ผู้นำที่ไม่เหมือนใครในโลก นำพาประเทศ "อยู่ดีมีสุข"
- Supreme Artist
- เศรษฐกิจพอเพียง : Sufficiency Economy พ.ศ. ๒๕๖๓
- ทศพิธราชธรรม ๑
- ทศพิธราชธรรม ๒
- ๑๐๐ ปี สวรรคตกาลสมเด็จพระปิยมหาราช
- ร.๙ ทรงห่วงเหตุการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน
- พระบรมราโชวาท ร.๙
- "พูดแล้วต้องทํา" พระบรมราโชวาท "ในหลวง ร.๙" ทรงเตือน-ครม.
- ร. ๙ ทรงพระราชทานแก่พลเอกสุจินดา คราประยูร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง
- ร.๙ ทรงรับสั่งรมต.ถวายสัตย์ฯ
- ร.๙ ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่ตุลาการทหาร
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงป้องกันน้ำท่วม ปีพุทธศักราช ๒๕๓๘
- “ในหลวง ร.๙” ทรงฝากองคมนตรีปลูกฝังคนไทยเอื้อเฟื้อ นึกถึงส่วนรวม
- “ในหลวง ร.๙” เสด็จฯ ทอดพระเนตรดนตรีที่ศิริราช
- "ในหลวง ร.๙" เสด็จเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์-สะพานภูมิพล 1,2
- ในหลวง ร. ๙ เสด็จฯทอดพระเนตรคอนเสิร์ตแจ๊ส
- ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒
- น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ"ในหลวง ร.๙"กับ"ภูมิสารสนเทศ"
- ในหลวง ร.๙ ทรงพระราชทาน ส.ค.ส.2554 แก่พสกนิกรชาวไทย
- 'ในหลวง ร.๙' ทรงมีพระราชดำรัสให้คนไทย ทำหน้าที่ ไม่ประมาท มีสติ : ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓
- วันฉัตรมงคล (ร.๙)
- ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
- พระราชดำรัสสุดท้าย ในหลวง รัชกาลที่ 9
- ๑๒ สิงหา วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
- "สมเด็จย่า"
- เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์
- อาลัยพระพี่นางฯ
- ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดให้นายโคฟี อันนัน เฝ้าถวายรางวัลฯ (๒๕ พ.ค.๔๙)
- "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร" มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์
- พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
- ศิลปาชีพ : ประจักษ์พยานของความรัก ผูกพัน และห่วงใย
- เพลงสรรเสริญพระบารมี
- ชีวิตที่หมุนไปไม่หยุดยั้ง...พระอารมณ์ขันของพระเทพฯ
- ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนฯ
- สมเด็จพระเทพฯ กับการส่งเสริมไอที เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- สมเด็จพระเทพฯ สนพระทัยเมล็ดพันธุ์ช่วยหล่อเลี้ยงประชากร
- เครือข่ายกาญจนาภิเษก
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- ทรงพระเจริญ
- ของขวัญจากก้อนดิน
- ต้นไม้ของพ่อ
- รูปที่มีทุกบ้าน
- นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ
- ติโต
- ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙
- พระราชนิพนธ์ พระมหาชนก ที่ทุกคนพึงอ่าน
- โครงการแก้มลิง
- ทำไมเรารัก "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"
Jun 29, 2021
ทางหนึ่งซึ่งหวัง
Jun 27, 2021
ธรรมะหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
"จงรักษาใจของเรา
ให้เหมือนนาฬิกา
เพราะหน้าที่ของนาฬิกา
คือการอยู่กับปัจจุบัน
ด้วยความเที่ยงตรง
โดยไม่หวั่นไหวต่อเรื่องราวใดๆ"
Jun 24, 2021
ช่วยกลับมากวนหัวใจ Ost.ตราบฟ้ามีตะวัน | นนท์ ธนนท์ | Official MV
ช่วยกลับมากวนหัวใจ Ost.ตราบฟ้ามีตะวัน ศิลปิน : นนท์ ธนนท์ คำร้อง : ณรงค์วิทย์ เตชะธนะวัฒน์ ทำนอง/เรียบเรียง : เต็น ธีรภัค
Jun 23, 2021
หนึ่ง ณรงค์วิทย์ (นัก)แต่งเพลงดี ไม่ใช่ทำเอาดัง
โดย...นกขุนทอง ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
วันที่ 01 ธ.ค. 2556
ที่มา https://www.posttoday.com/ent/celeb/262262
จัดให้เป็นนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์แห่งยุคนี้
สำหรับ “หนึ่ง ณรงค์วิทย์ เตชะธนะวัฒน์”
ผลงานที่ส่งขึ้นชั้นนักแต่งเพลงของเมืองไทย
รู้จักกันแพร่หลายคือ เพลงคอนเซปต์
“สลีปเลส โซไซตี้” (Sleepless Society)
นับจากนั้นก็ฝากฝีมือให้กับนักร้องดังหลายคน
สิ่งหนึ่งที่มีอยู่ในตัวนักแต่งเพลงคนนี้ก็คือ
มักถูกจริตกับเพลงที่มีคอนเซปต์ ดังนั้น
เมื่อทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3
ให้แต่งเพลงประกอบละครและซีรีส์ “4 หัวใจแห่งขุนเขา”
เพลงให้รักเดินทางมาเจอกัน
เธอคือดวงใจของฉัน ครั้งนั้นก็ฮิตระเบิดระเบ้อทั้งละครทั้งเพลง
ส่งชื่อของหนึ่ง ณรงค์วิทย์
เป็น “เจ้าพ่อแต่งเพลงละคร” ขึ้นมาทันที ล่าสุดเพลง
“หน้าสวยใจเสีย” เพลงประกอบละครดัง “ทองเนื้อเก้า”
ก็เป็นผลงานของชายคนนี้
แต่งเพลงไหนก็ดัง เหมาะเจาะกับละครไปเสียหมด
ถูกใจผู้ชมผู้ฟังช่อง 3
จึงหยิบโอกาสให้หนึ่ง มาร่วมงานประจำเสียเลย ในตำแหน่ง
“เอกเซกคลูซีฟ โปรดิวเซอร์”
กาลนี้จึงโบกมือบ๊ายบายแกรมมี่บ้านเก่า
ที่อยู่มานาน 10 ปี งานนี้จากกันด้วยดีมาก
“มาดูแลเพลงละครเฉพาะเลยครับ คือ ทางช่อง 3
ก็ตั้งแผนกขึ้นมาใหม่ ผมเป็นเซ็นเตอร์กลางคอยแต่งเพลง
คอยดูว่าเพลงแนวนี้จะต้องใช้กับละครแนวไหนได้บ้าง
ดูการดาวน์โหลด ดูเรื่องลิขสิทธิ์
ช่วยเรื่องการโปรโมตเพลงด้วย ที่ตัดสินใจมาทำตรงนี้
เพราะส่วนตัวชอบทำงานให้ใช่ที่สุด
เรื่องขายถ้ามันดีคนจะสนใจมันเอง อันนี้โจทย์ทำให้ดีเพื่อละคร
ทางช่องพูดมาแบบนี้เราสนใจเลย
ต่อมอาร์ติสต์ของเรายังทำงานได้กับที่นี้
ถ้ามุ่งแต่แต่งเพลงให้ดัง
ให้ยอดดาวน์โหลดสูง
เรากลายเป็นพ่อค้าไปแล้วไม่ใช่นักแต่งเพลง
แต่โจทย์ที่เราทำกับเพลงละครความดังเป็นเรื่องรอง
ไม่มีใครแต่งดังทุกเพลง ละครไม่ได้ขายเพลง
แต่เราแต่งเพลงให้ละครเรื่องนั้นสมบูรณ์มากที่สุด
ด้วยเงื่อนไขที่ช่อง 3 ให้ ทำให้เรายังเป็นนักแต่งเพลง
เป็นอาร์ติสต์ได้”
ในขั้นตอนการทำงานไม่ได้ทำหรือจบที่ตัวเองคนเดียว
ทว่าเนื้อเพลงไม่กี่บรรทัดนี้ต้องผ่านทั้งทางผู้จัดละคร
ผู้กำกับ คนเขียนบทโทรทัศน์ เพื่อให้ได้ใจความเกี่ยวโยง
กับละครมากที่สุด
“สำหรับแต่งเพลงประกอบละครจะมีบทมาไกด์ให้เรา
เราอ่านเรื่องอ่านบทแล้วสัญชาตญาณจะบอกอัตโนมัติว่า
ละครแบบนี้ใช้เพลงแบบไหน ฉากนี้น่าใช้เพลงนี้
อาศัยที่เป็นคนดูละครมาก่อน
เอาความรู้สึกของคนดูมาว่าฉากนี้ต้องการ
เพลงไหม เพลงแบบไหน อารมณ์คนดูกำลังจิกหมอนแล้ว
เขาอยากได้ยินเพลงอะไรในฉากนั้น
แต่บางเรื่องเรื่องย่อเอาไม่อยู่
เราลงลึกไปกับตัวละครไปเรื่อย ก็ต้องอ่านทั้งบท
หรือโทรคุยกับผู้กำกับ คุยเยอะเลยล่ะ
เวลาอ่านเรื่องต้องมีคำถาม
คิดเยอะว่าทำไมตัวละครนี้คิดแบบนี้
แชร์กันกับผู้กำกับ
เพราะแต่ละเรื่องมีการตีความ ในเชิงของเพลงเราก็อยากให้
มองไปในทางเดียวกัน อย่างเรื่องทองเนื้อเก้า
ขับรถไปที่วัดเพื่อไปนั่งดูบรรยากาศ ไปนั่งคุยกับ
คนเขียนบทโทรทัศน์ ว่าเมสเซจที่ต้องการบอกคนดูคืออะไร
การแต่งเพลงละครคือการย่อความ
ย่อยังไงให้อยู่ในละครแล้วสมูตที่สุด ต้องทำการบ้านเยอะ”
อย่างไรก็ตาม ละครบางเรื่องถ้าเนื้อเรื่องและทางผู้จัดฯ ผู้กำกับ
เห็นควรว่าต้องใช้เพลงที่มีอยู่แล้ว
ก็สามารถซื้อลิขสิทธิ์มาใช้ได้ แม้กระทั่งนักร้อง
นอกจากจะให้โอกาสนักแสดงขับร้องเองแล้ว
ถ้ามีความเหมาะสม
ก็ยังมีศิลปินคนอื่นๆ คอยเสริม เช่นเดียวกับการแต่งเพลง
ทุกบทเพลงไม่ได้ออกมาจาก หนึ่ง ณรงค์วิทย์ เพียงผู้เดียว
“ปีหนึ่งละครเยอะมาก ลายมือหนึ่ง ณรงค์วิทย์
ไม่ได้เหมาะกับทุกเรื่อง
เราต้องควบคุมคุณภาพตัวเราอยู่แล้ว ไม่ใช่ตะบี้ตะบันทำ
แบบนั้นคงไม่เกิดขึ้นแน่
อะไรที่เราไม่ถนัดเราต้องหาคนที่เหมาะสม
กับงานให้เขาทำแทนเราดีกว่า
เพียงแต่เราไกด์ว่าอยากให้มีเพลงประมาณนี้
นักแต่งเพลงแต่ละคนมีลายมือของตัวเอง
และการทำงานกับผู้กำกับแต่ละคนก็ต้องการเพลงที่ต่างกัน”
ผลงานที่จะได้เห็นในเร็วๆ นี้ของหนึ่ง ณรงค์วิทย์
ในตำแหน่งใหม่ทางช่อง 3 คือ เพลง “ยิ่งใกล้ยิ่งใช่”
ประกอบละคร “เวียงร้อยดาว” ที่มีกำหนดออกอากาศ
ต้นปีหน้าและหลังจากนั้นอีกหลายเรื่องหลายรสเลยล่ะ
Jun 20, 2021
6 นักตบลูกยางสาวไทยอำลาทีมชาติ
21 มิถุนายน 2564
ที่มา https://news.thaipbs.or.th/content/305366
วันนี้ (21 มิ.ย.2564) สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
(เอฟไอวีบี) ร่วมให้เกียรติทีมลูกยางสาวทีมชาติไทย
ที่นำโดย วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, มลิกา กันทอง,
อรอุมา สิทธิรักษ์, อำพร หญ้าผา, ปลื้มจิตร์ ถินขาว
และ นุศรา ต้อมคำ
ด้วยคลิปอำลาแฟนๆ อย่างสุดประทับใจ
หลังลงสนามรับใช้ชาติเป็นครั้งสุดท้ายในศึกเนชั่นส์ ลีก
สำหรับทีมชุดนี้ถือว่าเป็นทีมชุดเฉพาะกิจ
เพราะนักตบตัวหลักติดเชื้อ COVID-19
ในการเก็บตัวฝึกซ้อมที่
จ.นครปฐม ทางสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลฯ
จึงแก้ปัญหาด้วยการเรียกทีมรุ่นพี่บวก
กับนักกีฬาที่ทำผลงานดีในศึกไทยลีกไปแข่งขัน
และให้โค้ชแขกกิตติคุณ ศรีอุทธวงศ์ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน
แม้จะมีข้อจำกัดเยอะแต่ประสบการ์ณของทุกคน
ก็ช่วยประคองทีมจนเก็บชัยชนะได้ 2 นัด
เหนือเยอรมนีและแคนาดา
ไทยพ่ายอิตาลี นัดส่งท้ายวอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก
ขณะที่ค่ำวานนี้ (20 มิ.ย.) นักตบลูกยางสาวไทย
ลงสนามนัดสุดท้ายในศึกวอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก
พบกับทีมอิตาลี ปรากฎว่าเซตแรกเล่นกันได้
อย่างสนุกและสูสี
ต้องดิวกันหลายครั้งก่อนที่ทีมไทยจะเบียด
เอาชนะไปได้ก่อน 35-33
หลังจากนั้นเกมยังสูสีแต่เป็นฝั่งอิตาลี
ที่แข็งแกร่งกว่าเอาชนะไปได้ใน 3 เซตหลัง
แซงเอาชนะไปได้ 3-1 เซต ส่งผลให้ทีมชาติไทย
ลงสนาม 15 นัด ชนะ 2 แพ้ 13 นัด
มี 6 คะแนน จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 16
หลังจบเกมนักตบลูกยางสาวไทยทั้ง 6 คน
ได้อำลาทีมชาติไทย
หลังจากเล่นให้กับทีมชาติไทยมายาวนานถึง 20 ปี
เริ่มต้นกันมาตั้งแต่ปี 2001 ทีมชาติไทยคว้า
เหรียญทองในกีฬาซีเกมส์ได้ครั้งแรก
ในยุคของ "โค้ชอ๊อด" เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร
ซึ่งจนถึงปัจจุบันทีมชาติไทยยังไม่เคยพลาด
เหรียญทองเลยสักครั้ง (10 สมัยติดต่อกันตั้งแต่หลังปี 2000)
นับจากนั้นก็เป็นยุคทองยุครุ่งเรืองของ
วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยปี 2011
ก้าวขึ้นไปอยู่อันดับที่ 10 ของโลก
เคยชนะทั้งบราซิลและสหรัฐอเมริกา
สำหรับทีมวอลเลย์บอลสาวไทยมี
โปรแกรมเข้าร่วมการแข่งขันรายการต่อไป คือ
รายการชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 21 ที่เมืองซูบิค และคลาร์ก
ประเทศฟิลิปปินส์
ระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-5 ก.ย. 2564 ซึ่ง
หลายๆ ทีมอาจจะต้องส่งทีมชาติชุดใหญ่
เพราะเป็นรายการแรกที่จะคัดเอา 2 ทีม
ที่มีอันดับดีที่สุดในรายการได้ตั๋วไป
แข่งขันชิงแชมป์โลกปีหน้าทันที
อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูนโยบายของ
สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย
ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไปกับผู้เล่นตัวเก๋าของทีมชุดนี้
เพราะยังมีชุดยังเติร์กอีกชุดที่สมาคมผลักดันขึ้นมา
ทดแทนรุ่นพี่ในอนาคต
และเพื่อเป้าหมายคว้าโควต้าไปแข่งขัน
โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ที่มา https://www.komchadluek.net/news/ent/471226
จากกรณีที่ 6 เซียนนักตบลูกยางสาวไทยได้ประกาศ
อำลาวงการก็ทำให้หลายคนใจหาย
โดยเฉพาะคนคลั่งรักกีฬาวอลเลย์บอลอย่าง "รัศมีแข"
ที่ทำใจไม่ได้ถึงขั้นนอนไม่หลับและออกมาโพสต์ซึ้ง
ถึงนักวอลเลย์บอล
การแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก 2021 ที่ เมืองริมินี
ประเทศอิตาลี
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในนัดที่สาม
ของสัปดาห์ที่ 5 ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้าย
ทีมตบลูกยางสาวไทย พบกับ ทีมชาติอิตาลี และ
ไทยก็พ่ายแพ้ไป 1 ต่อ 3 เซ็ต
ซึ่งเกมนี้ถือเป็นแมตช์อำลา 6 เซียนในนามทีมชาติ
อย่างเป็นทางการ
ประกอบไปด้วย นุศรา ต้อมคำ ,อำพร หญ้าผา ,
มลิกา กันทอง ,อรอุมา สิทธิรักษ์ ,วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์
และ ปลื้มจิตร์ ถินขาว
เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจ
คนคลั่งรักกีฬาวอลเลย์บอลอย่าง "รัศมีแข"
เป็อนย่างมากถึงขั้นนอนไม่หลับทำใจไม่ได้
และโพสต์ข้อความสุดซึ้ง
โดยรัศมีแขโพสต์ภาพ 6เซียนนักตบระบุแคปชั่นว่า
"ขอบคุณความสุขมากว่า10ปีที่พี่ๆมอบให้น้องครับ...
พวกพี่จะอยู่ในใจในร่างกายน้องตลอด...
และชื่อพี่..ก็จะถูกใช้ทุกครั้ง...เวลาน้อง...
ได้ลงเล่นวอลเลย์บอล...
เพราะพี่ๆคือฮีโร่ของน้อง...
ด้วยความเคารพอย่างสูงในเกียรตินักกีฬาทีมชาติของพี่...
"#วิถีคิงคอง"
หลังจากนั้นช่วงกลางดึก"รัศมีแข" ก็โพสต์ข้อความว่า
นอนไม่หลับ พร้อมระบุแคปชั่นว่า
"แขเป็นคนคลั่งและรักกีฬาวอลเลย์บอลมากกกกก....ส่วนตัวเริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่เด็ก...
การที่ต้องนั่งดูพี่หน่องเข้าจังหวะบอล...1ปีเต็มๆ...
เพราะโค้งเต็ม...เลยทำให้ได้ติดตามพี่ๆ...ดูวนไป...
จนได้กลับมาที่ไทย...เจอพี่กิฟ..พี่หน่อง...
ที่ตึกแกรมมี่กะลังจะอัดรายการ...ตัวสั่น...มือเย็น...
ทำตัวไม่ถูก....ได้แต่ช๊อก...ยืนนิ่งไปเลย...ไปดูแข่งที่สนามคือ
โอ้ยยยย....สู้มาก....
หาบัตรถึงไหนถึงกัน..... ขอยอมรับเรื่องหนึ่ง...ไปดูแข่งละเค้าแจกลูกบอลพร้อมลายเซ็น....
ลืมตัว...เดินไปข้างหน้าเลย....ละคว้าบอลมาได้....รู้ตัวอีกที่คือว้าย...
ขอโทษคนที่นั้งข้างหน้าด้วยนะ....ไม่ได้ตั้งใจ....ลืมตัวจริงๆ.....
ตอนไปรับที่สนามบินก็ฟินมากกกก....ตอนได้เหรียญเงิน asian games...อายยยย....
เขิล...ทำตัวเล็ก...จนพี่อรมาและก็ขอจับเหรียญ...เกือบเป็นลม...
เข้าใจใช่มะ...ไม่พออ...ไปตื้อขอกระเป๋าพี่อร....อยากได้....จะต้องมี...ได้มาทุกวันนี้โอ้ย...
รักกระเป๋าใบนี้ที่สุด...เป้สะพายแล้วโครตเท่เลย....
เสื้อพี่อรอีก...หวงมาก....ใสเล่นละฟิวดีมาก...
หลายครั้งที่มีโอกาศเข้าไปดูตอนพี่ๆซ้อม...และ...ได้ซ้อมกับพี่อีกหลายคน....
ทุกวันนี้สาระภาพว่า...ไม่เป็นตัวเองเวลาเจอพี่...
มันทำตัวไม่ถูก....อายยยยพี่อร...พี่ปู..พี่นุช...พี่หน่อง...พี่กิฟ..
พี่แจ็ค...ยายนา...มาคุยแซวมาหยอก...
อีนี้ก็จะเขิลลล....คือมันปลื้มจนตัวมันหดเหลือนิดเดียว....ไม่กล้ามองหน้าพี่เค้า...
ไม่กล้าสบตา...ใจมันพองโต....อยากจะนั้งจ้องหน้าทั้งวันอยู่อย่างนั้น....
มันเป็นความชอบที่มันเกือบๆคลั่งในตัวพี่ๆ....
รักแหละ...เนอะ...#volleyballthailand"
คุณมีสิงโตทั้ง 5 ของคุณหรือยัง?
*เนื้อหาในเพจนี้ จัดทำขึ้นเพื่อคนเฉพาะกลุ่ม
ที่ต้องการมีอิสรภาพทางการเงินและมีกรอบความคิดแบบเติบโต
(Growth Mindset) เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อทุกคน
กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชมและแสดงออกติดตาม Moneyland
ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
Instagram: https://www.instagram.com/moneyland.biz/
Facebook: https://m.facebook.com/moneyland.biz/
ร่วมพูดคุยแบ่งปันข้อมูลการลงทุนได้ที่: คุยเฟื่องเรื่องลงทุน By Moneyland
https://www.facebook.com/groups/2164890983750001/?ref=share
สนใจโฆษณาติดต่อ :
👉 Tel: 092-708-5757 (ตงตง)
👉 Email: info@moneyland.biz
ออกไปใช้เวลากับเหล่าสิงโต
- ออกไปใช้เวลากับเศรษฐี 5 คน คุณจะกลายเป็นเศรษฐีคนที่ 6
- ออกไปใช้เวลากับนักอ่าน 5 คน คุณจะกลายเป็นนักอ่านคนที่ 6
- ออกไปใช้เวลากับคนขี้เกียจ 5 คน คุณจะกลายเป็นคนขี้เกียจคนที่ 6
- ออกไปใช้เวลากับสิงโตทั้ง 5 คุณจะกลายเป็นสิงโตตัวที่ 6
หากคุณออกไปใช้เวลากับผู้คนที่ประสบความสําเร็จ
พวกเขาจะลงสมองคุณให้เชื่อในตัวเองและคิดว่าคุณ
สามารถสําเร็จได้ในทุกสิ่ง
Jun 18, 2021
เรามาพบกับ คุณ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ - แดง ธัญญา ผู้กำกับและผู้จัดละครโทรทัศน์ฝีมือดีของเมืองไทย 10/05/63
17 ปีผ่านไป! สาวน้อยข้าง กบ สุวนันท์ วันนี้โตเป็นนางเอกดังของช่อง 3
เครดิต : ทีมข่าวบันเทิงที่นี่ดอทคอม
ครอบครัวเดียวกัน Feel Good
- https://teetwo.blogspot.com/2021/05/blog-post_23.html
- https://teetwo.blogspot.com/2021/06/blog-post_5.html
- http://teetwo.blogspot.com/2019/05/fin-ch3thailand.html
- http://teetwo.blogspot.com/2016/10/ost.html
- http://teetwo.blogspot.com/2019/04/blog-post_20.html
- http://teetwo.blogspot.com/2019/04/fin-3-ch3thailand.html
- https://teetwo.blogspot.com/2021/06/in-past.html
Jun 16, 2021
ธันย์-ณิชชารีย์ คิดบวก ไม่ใช่โลกสวย
กรุงเทพธุรกิจ
21 กุมภาพันธ์ 2561 | โดย เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ
ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/793165
แม้จะเสียขาทั้งสองข้าง ชีวิตไม่จำเป็นต้องจมอยู่กับความทุกข์่ ยังเลือกที่จะทำสิ่งที่รักและชอบได้
ตอนอายุ 14 ไปเรียนซัมเมอร์คอร์สภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์ ประสบอุบัติเหตุรถไฟฟ้า MRT
ทับขาทั้งสองข้าง ต้องตัดขา กระทั่งอายุ 15 ปี กลายเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ
พออายุ 16 ปี ศาลสูงสิงคโปร์ยกฟ้องคดีที่เธอเรียกค่าเสียหาย 3.4 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
จากการรถไฟฟ้าสิงคโปร์ (เอสเอ็มอาร์ที) และการขนส่งทางบกสิงคโปร์ โดยให้เหตุผลว่า
จำเลยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างสมเหตุสมผลแล้ว
จึงไม่ต้องรับผิดชอบความบาดเจ็บที่เกิดขึ้น, อายุ 17 เป็นไกด์พาพ่อแม่ไปเที่ยวอเมริกา
และอายุ 20 กว่าๆ เป็นผู้สำรวจความสุขคนไข้
มีเงินเดือน 1 ล้านบาท จากโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
WORLD MEDICAL HOSPITAL (WMC)
พร้อมสัญญาจ้าง 6 เดือน และสิ้นสุดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561
ปัจจุบัน ธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ วัย 21 ปี ยังต้องนั่งวีลแชร์
ไปเรียนที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเมื่อวาน (18 กุมภาพันธ์ 2561)
เธอเพิ่งจัดงาน วิ่งให้ทัน เพื่อนำเงินรายได้มอบให้สามมูลนิธิ และวันนี้ (19 กุมภาพันธ์ 2561 )
เธอเพิ่งพ้นจากตำแหน่งผู้สำรวจความสุข เนื่องจากครบสัญญาจ้าง
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยหยุดฝัน
“ธันย์อยากเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจที่ไปได้ทั่วโลก อยากเป็นที่ปรึกษา
ด้าน Positive Thinking และจะทำงานเพื่อสังคมต่อไป...
อยากให้ขยายความคำว่า คิดบวก ในมุมของธันย์สักนิด ?
คิดบวกไม่ใช่เรื่องโลกสวย แต่เป็นการอยู่กับความเป็นจริงอย่างมีความสุข
หลายคนอาจจะมองว่า ธันย์มองโลกสวย ฐานะทางบ้านดี ก็เลยไม่เครียด
จริงๆ แล้วเรามองโลกตามความเป็นจริง เราก็ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นเรา
ในความเป็นจริงคืออยู่บนวีลแชร์ และไม่ได้มองว่า จะเดินได้โดยไม่ใช้วีลแชร์
เราไม่ได้มองโลกสวยขนาดนั้น เพราะยังไงเราก็ต้องใช้ชีวิตบนวีลแชร์ไปตลอด
และต้องใช้ชีวิตแบบนั้นให้เก่งและดี
คุณพ่อคุณแม่สอนให้เป็นคนคิดบวกตั้งแต่เมื่อไหร่
จริงๆ แล้วครอบครัวไม่ได้สอนเป็นจริงเป็นจังในเรื่องนี้
เป็นการปลูกฝังมากกว่า คุณพ่อไม่ได้บอกตรงๆ ตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อจะให้มองโลกอีกมุมในทุกๆ เรื่อง
ยกตัวอย่างสักนิด?
ตอนที่อยู่ในวัยเรียน เวลาเจอปัญหาเรื่องใด เราก็จะมองด้านเดียวว่าแย่มากเลย
เพื่อนทะเลาะกัน การเรียนตก แต่คุณพ่อคุณแม่จะให้มองข้อดีในเรื่องนั้นก่อน
ถ้าเรียนไม่ดี ก็ให้มองว่า เราอ่อนด้อยด้านไหน และเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตลอดเวลา
ก็เลยทำให้เราต้องคิดแบบนี้
ย้อนไปตอนที่ประสบอุบัติเหตุที่สิงคโปร์ ทั้งๆ ที่เจ็บแทบตาย ก็ยังปลอบใจคุณแม่ ธันต์เอาพลังมาจากไหน
ตอนนั้นอายุ 14 ก็คิดว่า เรื่องของเราไม่น่าเป็นห่วง แต่คนรอบข้าง ก็คิดไปว่าเราจะใช้ชีวิตยังไง
เมื่อเราผ่านวิกฤติเยียวยาจิตใจตัวเองได้แล้ว สามารถอยู่ในสังคมได้ เราก็เลยปลอบคนรอบข้าง
ช่วงนั้นคนที่อาการหนักที่สุดคือ คุณแม่ช็อคไปหลายเดือน ใครมาคุยกับคุณแม่หลังจากที่เราประสบอุบัติเหตุ
จะรู้สึกว่าแม่ไม่เหมือนเดิม กว่าจิตใจจะปกติก็นานมาก ธันย์ไม่ได้เยียวยาจิตใจคุณแม่ด้วยคำพูด
แต่เยียวยาด้วยการกระทำ พยายามแสดงให้เห็นว่า เราช่วยเหลือพึ่งพิงตนเองได้ ไปโน้นไปนี่ได้
แม่เพิ่งดีขึ้นตอนเราพ่อแม่ลูกไปอเมริกาด้วยกัน ตอนนั้นธันย์อายุ 17 ปี เป็นไกด์พาพ่อแม่ไปเที่ยว
ไม่ได้ไปกับทัวร์ และใช้ชีวิตที่นั่นสองอาทิตย์ ไปเจอเพื่อนๆ พ่อแม่เห็นก็รู้สึกว่า เราใช้ชีวิตตามปกติได้
ช่วงจังหวะที่ต้องปรับสภาพให้เคยชินกับการไม่มีขาทั้งสองขา และต้องฟื้นฟูร่างกายใช้เวลานานไหม
ตอนนั้นปี 2554 ใช้เวลารักษาบาดแผลอยู่ห้าเดือน พอแผลหายก็ใส่ขาเทียม ไม่กี่อาทิตย์ก็กลับมาเรียนหนังสือ
และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ได้ไปเรียนที่โรงเรียนจิตรลดา ช่วงนั้นไม่ได้ใส่ขาเทียมไปเรียน กว่าจะเดินได้เป็นเรื่องเป็นราว 7-8 เดือน
และค่อยๆพัฒนา ปล่อยไม้เท้าทีละข้าง สองปีกว่าถึงจะเดินไปไหนมาไหนได้
ตอนนั้นใครเป็นกำลังใจให้ธันย์
ต้องเป็นตัวเราก่อน แล้วก็พ่อแม่ คนรอบข้างคอยช่วยเหลือ
และโชคดีที่เพื่อนสนิทโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เป็นเพื่อนที่ลุยมาก
อยากให้เราไปโน้นไปนี่ด้วย ไปเที่ยวสยามก็อยากให้เราไปด้วย
ทำให้เราไม่เสียธรรมชาติความเป็นวัยรุ่นไป ยังอยู่ในกลุ่มเพื่อนได้
และเพื่อนกลุ่มนี้เหนี่ยวแน่น รู้ทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งเราใช้ขาเทียมยังไง
และรู้ว่าสถานที่แบบไหนที่เราจะเดินได้ เพื่อนสี่ห้าคนไปกับเราเกือบทุกที่
แต่ตอนนี้แยกกัน ไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยที่เดียวกัน
ช่วงเวลาไหนยากลำบากที่สุด
ตอนที่เกิดอุบัติเหตุใหม่ๆ ช่วงสองอาทิตย์แรก ผ่านไปยากมาก เจอมรสุมหลายอย่าง
ทั้งสับสน เคว้งคว้าง มึนงง วุ่นวาย เพราะอยู่สิงคโปร์ เป็นช่วงทรมานที่สุด
แต่ไม่ได้คิดว่าจะเสียชีวิต เพราะเรามีสติ รู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
ไม่ได้หมดสติไปเลย รู้ว่าเสียเลือดแค่ไหน คิดแค่ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
เพราะมีสติจึงผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาได้ ?
เรื่องสติไม่มีใครสอนจริงจัง ไม่ได้เป็นคนธรรมะธัมโม อาจเป็นเพราะพ่อแม่สอนให้เรานั่งสมาธิทุกวัน
วันละห้านาที ตอนเด็กๆ เรียนไม่เก่ง ก็เลยถามพ่อแม่ว่า จะทำยังไงถึงจะเรียนเก่ง พ่อก็บอกว่า
ให้ลองนั่งสมาธิ เรายังเด็กอยู่ก็คิดว่า ฝึกสมาธิห้านาที ตื่นขึ้นมาจะทำให้เราเรียนเก่ง
ก็เลยนั่งสมาธิจนเป็นนิสัยแค่ไม่กี่นาที ตอนนี้ก็ยังนั่งสมาธิสวดมนต์บ้างนิดหน่อย
หลังจากเสียขาทั้งสองข้าง ก็ยังว่ายน้ำ ดำน้ำได้ ธันย์ทำได้ยังไง
ก่อนเกิดอุบัติเหตุ ธันย์เป็นนักวิ่งโรงเรียน เมื่อประสบอุบัติเหตุ ก็ต้องทำร่างกายให้แข็งแรง
เพื่อจะกลับมาเดินได้ ต้องทำกายภาพ เขาให้ลงธาราบำบัด ก็ว่ายน้ำได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และต้องเดินออกกำลังกาย อีกอย่างเราเป็นคนชอบทะเล เมื่ออยากดำน้ำ
เมื่อสองปีที่แล้วได้ไปสมัครดำน้ำกับกลุ่มวีลแชร์สกูบา ก็เลยดำน้ำได้
และสอบจนผ่านได้บัตรอนุญาติดำน้ำ อยู่ใต้น้ำมีความรู้สึกอิสระ ลอยไปไหนก็ได้
และเคยฝึกเล่นวอลเล่ย์บอล อาจารย์ก็รู้ศักยภาพเรา โดยให้ยืนเฉยๆ แล้วโยนลูกให้เพื่อให้เราตบ
ก็เลยรู้ว่า เราสามารถใช้ร่างกายช่วงบนได้ หลังจากนั้นก็เลยคิดว่า
เราน่าจะเล่นแบดมินตันได้ โดยมือข้างหนึ่งถือไม้แบด มืออีกข้างถือไม้เท้า
แบบนี้จะเรียกว่า ใจเต็มร้อยได้ไหม
ไม่ใช่แค่ใจ คนรอบข้างช่วยเราด้วย ครอบครัวให้เวลาเรา ขับรถพาเราไปฝึก
ทำโน้นทำนี่ ก่อนที่ตัวเราจะตัดสินว่า ทำไม่ได้หรอก
เพื่อนๆ ก็เปิดโอกาสให้เราลอง ไม่อยากให้เรานั่งเล่นอยู่คนเดียว
เห็นบอกว่า ขับรถยนต์ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ด้วย ?
ก่อนหน้านี้เคยไปสอบใบขับขี่เอาไว้ ไม่ได้คิดว่าจะขับรถ แต่เมื่อมีโอกาส
ก็ลองขับรถไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ทำมาปีกว่าๆ แล้ว เป็นรถธรรมดาๆ ที่ติดเกียร์เพิ่ม
เวลาออกไปข้างนอก ธันย์ใช้ชีวิตอย่างไร
ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตปกติเกือบทุกที่ ปรับเปลี่ยนไปตามสถานที่
เวลาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เราเดินไกลๆ ไม่ได้ ที่นั่นมีวีลแชร์ไฟฟ้าให้ยืม
แม้ตอนนี้ธันย์จะพ้นจากตำแหน่งผู้สำรวจความสุข ก็อยากให้เล่าที่มาที่ไปสักนิด ?
ก่อนหน้านี้ธันย์ทำกิจกรรมเยอะ ตอนนั้นมีคนส่งรายละเอียดมาให้สมัคร เราก็คิดว่า
น่าสนใจและจินตนาการได้ว่าต้องทำอะไรบ้าง เหมือนสิ่งที่เราทำตอนที่รักษาตัวในโรงพยาบาลที่สิงคโปร์
ตอนนั้นเรายังเด็ก ก็ใช้วีลแชร์ไปตามแผนกต่างๆ เพราะอยู่โรงพยาบาลเกือบครึ่งปี
จึงรู้จักตั้งแต่พยาบาล หมอ แม่บ้าน นักกายภาพ ก็ตามเขาไปเล่น
พอย้ายมาอยู่โรงพยาบาลบ้านเราก็ทำแบบเดิม เราก็คิดว่า ตำแหน่งที่สมัคร
ก็น่าจะทำเหมือนที่เรานอนโรงพยาบาล เมื่อสมัครแล้วก็เข้ารอบ 12 คน
เป็นผู้สมัครอายุน้อยที่สุด ?
ใช่คะ ตอนนั้นอายุ 20-21 ผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน
ตอนนั้นคิดว่า มีโอกาสที่จะได้ตำแหน่งไหม
จุดประสงค์ที่สมัครคือ เราอยากได้เงินจำนวนนี้มาทำขาเทียม แต่เราไม่ได้คิดว่าจะต้องได้
เพราะเรายังไม่มีวุฒิการศึกษา และคิดว่า พี่อีกคนที่ทำงานอาสาหลายอย่าง
พูดได้หลายภาษา มีคอนเนคชั่น น่าจะมีโอกาสมากกว่า
โชคดีที่ได้เข้ารอบ 1 ใน 12 คน ก็ดีใจแล้ว และเป็นจังหวะที่เราต้องไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่แคนาดา
แต่ผู้ใหญ่เห็นศักยภาพของเรา และไม่อยากให้ทิ้งการเรียน ยังให้โอกาสเรียนที่แคนาดาหนึ่งเดือน แล้วค่อยมาทำงาน
การสำรวจความสุขคนไข้เป็นอย่างไรบ้าง
ก็ใช้วีลแชร์ไปเยี่ยม พูดคุยกับคนป่วย บางคนก็คุยนานเป็นชั่วโมง บางคนก็แค่ทักทาย
จากนั้นก็เอาเรื่องราวมาเขียนในเฟซบุ้ค และจะทำเป็นหนังสือ ชื่อเรื่องยังไม่มี
เราอยากเก็บไว้ในหนังสือไม่อยากให้หายไปกับโลกออนไลน์
โครงการที่เราทำจะจบลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 และวันนั้นจะมีงานวิ่งที่ธันย์จัดเองชื่อ วิ่งให้ทัน
รายได้มอบให้สามมูลนิธิ มีผู้ใหญ่หลายคนช่วยสนับสนุนและพี่ๆ หลายคนมาช่วย
ตั้งใจว่าจะวิ่งประมาณ 4 กิโลเมตร โดยใช้วีลแชร์ ถ้าไม่มีภาระกิจอะไรอาจจะวิ่ง 10 กิโลเมตร
ตอนที่เดินทางไปต่างประเทศ เจออุปสรรคเยอะไหม
มีอยู่ทุกจุด แต่ละประเทศคาดเดายากว่า จะเจออะไรบ้าง เราทำได้แค่เตรียมความพร้อม
เผชิญหน้ากับสิ่งที่จะเจอ อย่างในประเทศเรา การขึ้นลงรถไฟฟ้า ใช้ลิฟท์ช่วงขาขึ้น
แต่ไม่มีลิฟท์ลง ก็ต้องรอให้คนมาช่วยยก หรือให้เขาช่วยเปลี่ยนจากบันไดเลื่อนขึ้นเป็นบันไดเลื่อนลง
และอีกอย่างทางเท้าในบ้านเราขรุขระมาก หรือจะข้ามเรือไปเกาะเกร็ด
ไม่มีทางลาดที่จะเข็นรถลงได้เลย ต้องให้คนช่วยยกอีก
เป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนอายุ 15 ไปเป็นวิทยากรแห่งแรกที่สยามพารากอน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่า การเป็นวิทยากรคืออะไร
ต่อมาก็ฝึกไปเรื่อยๆ เมื่อมีคนเชิญไปพูดก็มีความสุข และหาเวลาไปเรียนเรื่องการพูด
การสื่อสารเพิ่มเติม เคยพูดให้นักเรียนประถมจนถึงมหาวิทยาลัยฟัง
รวมถึงองค์กรเอกชนและภาครัฐ และเคยไปบรรยายให้น้องๆ
ที่ปฎิบัติธรรมฟัง ส่วนใหญ่น้องๆ ชอบถามเรื่องการเรียน
เวลารู้สึกท้อแท้ ธันย์ทำอย่างไร
ถ้าทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมาก ก็จะหาเวลาอยู่กับตัวเองพักหนึ่ง
หรือหาอะไรทำให้มีความสุข หรือไปเที่ยว
ในชีวิตนี้ มีความฝันเรื่องใดบ้าง
อยากเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจที่สามารถไปพูดได้ทั่วโลก ได้แลกเปลี่ยนกับคนต่างชาติ
และอยากเรียนสูงๆ เพื่อกลับมาทำงานให้สังคม ส่วนอีกความฝันอยากเป็นที่ปรึกษาด้าน Positive Thinking
ช่วยแก้ปัญหาในการใช้ชีวิตให้คนไทย อยากเปิดมูลนิธิของตัวเอง
และทำเรื่องการคิดบวกที่มีความสำคัญมากขึ้น ธันย์คิดคร่าวๆ นะ
เพราะเรายังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ ทำให้มองภาพยังไม่ชัด