กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปยังอาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ประจำปีการศึกษา 2562 โอกาสนี้ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเข้ารับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ โดยทรงเป็นนักศึกษารุ่นที่ 5 และทรงเสนอหัวข้อวิทยานิพนธ์ในรูปแบบนิทรรศการ "หลากลาย หลายชีวิต" ซึ่งปัจจุบันจัดแสดงที่หอศิลป์พิมานทิพย์ พระตำหนักทิพย์พิมาน อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมกันนี้ สภามหาวิทยาลัย ได้ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จากนั้น พระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน, พระราชทานเกียรติบัตรศาสตราจารย์เกียรติคุณ 1 คน, ประกาศเกียรติคุณรางวัลนักวิจัย นวัตกรรม สร้างสรรค์ดีเด่น ประจำปี 2563 และรางวัลนักวิจัย นวัตกรรม สร้างสรรค์ รุ่นใหม่ดีเด่น ประจำปี 2563 รวม 3 คน, พระราชทานทุนภูมิพลแก่นักศึกษา ประเภทรางวัลเรียนดี และประเภทส่งเสริมการศึกษา จำนวน 28 คน แล้วพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก โท และตรี รวม 4,585 คน
ในการนี้ พระราชทานพระราโชวาทความว่า "ความรู้ที่บัณฑิตได้สร้างสมอบรมมานั้น เป็นทั้งพื้นฐานอันมั่นคง และเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพ สำหรับแต่ละคนจะนำไปใช้ประกอบอาชีพการงาน แต่ความรู้ดังกล่าวจะเป็นคุณเป็นประโยชน์หรือไม่เพียงใด ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้เป็นสำคัญ ผู้ใดนำความรู้ไปใช้ในทางที่ถูกต้อง ก่อให้เกิดประโยชน์สร้างสรรค์ ความรู้ของผู้นั้นก็มีคุณค่า แต่ผู้ใดนำความรู้ไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดโทษเสียหายความรู้ที่มีอยู่ก็ย่อมไร้ค่าไป บัณฑิตทั้งหลายสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้ว ถือได้ว่าเป็นผู้มีความรู้สูง หากนำความรู้ไปใช้ในทางที่ดีที่ถูกต้อง ก็จะบังเกิดผลเป็นประโยชน์อย่างมาก แต่หากนำไปใช้ในทางตรงข้าม ก็จะเป็นโทษเสียหายมากเช่นเดียวกัน จึงขอให้ทุกคนตั้งตัว ตั้งใจให้แน่วแน่ ที่จะใช้ความรู้ของตนอย่างมีคุณค่า โดยนำไปใช้ประกอบกิจการงานที่สุจริต ด้วยวิธีการที่ดี ที่ถูกต้องให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์ เป็นความเจริญมั่นคง ทั้งแก่ตน แก่งานที่ปฏิบัติ และแก่ประเทศชาติของเรา"