เมื่อความต้องการถูกผนวกเข้ากับงานดีไซน์และได้สะท้อนออกมาเป็นบ้านยุคใหม่
ที่สอดรับกับชีวิตได้อย่างลงตัวที่สุดซึ่งหลายคนมักคิดว่าการออกแบบให้มีดีไซน์นั้น
อาจจะต้องใช้เวลาและงบประมาณที่สูงกว่าปรกติ
แต่แท้จริงแล้วคงไม่ใช่ทั้งหมดเพราะปัจจุบันมีบริษัทรับสร้างบ้านที่เข้ามาเป็นตัวช่วย
และทำให้คุณคลายความกังวล
อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามใจชอบภายใต้กรอบงบประมาณที่สมดุล
ทั้งนี้เพื่อให้คุณได้บ้านที่ตรงใจมากที่สุด
คุณภาธร และคุณอัษฎาภรณ์ วงษ์วานิช เป็นอีกหนึ่งครอบครัวยุคใหม่ที่ปรับจูน
ความต่างระหว่างวัยของคนในครอบครัวให้ดูลงลงตัวอย่างที่สุด
ภายใต้บ้านหลังใหม่ที่ผ่านการออกแบบให้มีฟังก์ชันครบทุกการใช้งาน โดยคุณภาธรได้เล่าให้ฟังว่า
“บ้านหลังนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากที่เราอยากแยกครอบครัวออกมาซึ่ง
แต่เดิมนั้นเราอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่เป็นบ้านไม้เก่า
โดยยังคงสร้างบนที่ดินแปลงเดิม เป็นที่ดินของคุณแม่ภรรยา แต่กว่าจะตัดสินใจสร้างบ้านก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร
เพราะว่าเราเองก็ต้องดูความต้องการของตัวเราและครอบครัวว่ามีความสัมพันธ์กับจำนวนห้องที่มีหรือไม่
ดูงบประมาณรวมถึงเรื่องของพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันต่างๆ
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและลงตัวกับการใช้ชีวิต
ซึ่งหลังจากที่มีแบบบ้านในใจแล้วก็เริ่มมองหาบริษัทรับสร้างบ้านและสุดท้ายก็มาจบที่พีดีเฮ้าส์
“เหตุผลที่เราตัดสินใจใช้บริการกับบริษัทรับสร้างบ้านนั้นก็เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ตัวผมเองเคยสร้างบ้าน
โดยใช้ผู้รับเหมาของเราเอง
แต่ก็เจอปัญหาความยุ่งยากทั้งเรื่องของการขอยื่นแบบ
การติดต่อหน่วยงานราชการหรือแม้แต่ตัวช่างเองรวมถึงการเบิกเงินค่างวด
อีกอย่างคือเราเองไม่มีเวลาเพราะตัวผมมีธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับงานขึ้นรูปพลาสติก
ส่วนภรรยาก็ทำงานการบินไทย
ทำให้ไม่ควบคุมดูแลได้มากนักหากเราต้องใช้บริการกับผู้รับเหมา” คุณภาธร กล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า
“ส่วนเหตุผลว่าทำไมเราถึงเลือกใช้บริการกับทางพีดีเฮ้าส์นั้น
ก็เพราะว่าผมและครอบครัวได้ดูโปรไฟล์ของบริษัทแล้ว
มีความน่าเชื่อถือ
มีรูปแบบบ้านและฟังก์ชันต่างๆที่ตรงกับใจ
รวมทั้งจากการที่เราได้สอบถามเพื่อนเพื่อให้ทราบถึง
ข้อมูลของบริษัททำให้รู้สึกถึงความมั่นใจมากขึ้น
จึงได้ตัดสินใจเลือกใช้บริการกับทางบริษัท”
สำหรับบ้านที่คุณภาธรและครอบครัวตัดสินใจเลือกสร้างนั้นได้ถูกออกแบบไว้อย่างสวยงามและมีฟังก์ชันที่ครบ
แม้จะมีการปรับขนาดบ้างแต่ก็เพื่อให้สอดรับกับความต้องการ
และที่น่าสนใจคือมีการยกตัวบ้านให้สูงจากพื้นประมาณ 1.2 เมตร
ทำให้มีช่องพื้นที่ด้านล่างที่สามารถปรับเป็นส่วนเก็บของและจุดสำหรับซ่อมแซมได้
โดยในส่วนของพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านนั้นก็มากถึง 270 ตร.ม.ด้วยขนาด 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ
ซึ่งตรงกับความต้องการของครอบครัว
ส่วนในเรื่องของฟังก์ชันต่าง ๆ
ภายในบ้านนั้นต้องบอกว่าลงตัวและคุ้มค่าทุกตารางนิ้ว
เนื่องจากตัวคุณภาธรนั้นจบการศึกษาทางด้านสถาปัตย์
ทำให้มีความเข้าใจในเรื่องของการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใช้สอย
โดยชั้นล่างนั้นจะแบ่งพื้นที่เป็นมุมรับแขก
ส่วนรับประทานอาหาร ห้องครัว
และห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเป็นห้องนอนแขกได้
ส่วนพื้นที่ชั้นบนนั้นถูกออกแบบให้เป็นห้องนอนและห้องพระ
ด้านการตกแต่งนั้นจะเน้นความเรียบง่ายแต่ใส่เรื่องของดีไซน์ไว้พอสมควร
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเฟอร์นิเจอร์และการจัดวาง
โดยจะเน้นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวเป็นหลักเพื่อ
ที่จะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและทำความสะอาดได้ง่าย
แต่ในบางส่วนบางมุมก็จะเลือกใช้บิลท์อินเพื่อให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้น
แต่ทั้งหมดนั้นสามารถเข้าถึงได้ง่ายแบบตรงไปตรงมาไม่ซ่อนเร้นปิดบังทำให้บ้านดูน่าอยู่มากขึ้นเลยทีเดียว
โดยคุณภาธรได้กล่าวเพิ่มเติมว่า
“ประทับใจกับบ้านหลังนี้มาก
ทั้งที่ในตอนแรกไม่ค่อยมั่นใจนักแต่เห็นความตั้งใจของทีมงานเห็นฝีมือการทำงานแล้วคิดไม่ผิดจริงๆ
ที่เลือกใช้บริการกับทางพีดีเฮ้าส์ ที่สำคัญเรื่องของการบริการ
การเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการและการให้คำปรึกษาในสิ่งที่เราไม่มีความรู้ก็ยิ่ง
สร้างความประทับใจให้กับเรามากขึ้นอีกด้วย”
หากนิยามของคำว่า “บ้าน” คือศูนย์รวมของทุกคนในครอบครัว
ก็เชื่อได้ว่าคงจะเป็นจริง เพราะวันนี้ครอบครัววงษ์วานิชได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
และถึงแม้ว่าภายใต้ชายคาของบ้านหลังนี้มีจะหลายเจนเนอเรชั่น แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต
ด้วยเพราะการออกแบบที่สอดรับกับความต้องการจึงทำให้ทุกวันนี้ทุกคนได้ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า
และมีความสุขมากที่สุดนั่นเอง