Custom Search

Apr 9, 2020

ไตรภพ ลิมปพัทธ์ กับโปรเจ็คท์ใหม่ที่เงินแสนล้านก็ซื้อไม่ได้













ภาพ จากนิตยสาร ซีเคร็ต

ที่มา http://www.kanlayanatam.com/sara/sara139.htm




ตอนยังเด็กมากๆ ผมเห็นภาพผู้ชายคนนี้กับชาวบ้านฐานะยากจนนั่งร้องไห้ออกโทรทัศน์ ปิดท้ายด้วยการแจกรถเข็นในรายการ ฝันที่เป็นจริง พอโตขึ้นมาอีกหน่อย เห็นเขาหัวเราะร่าอยู่กับคณะตลกมากหน้าหลายตา และการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกและเฉียบคมในรายการ ทไวไลท์โชว์
ต่อมาก็เห็นเขานั่งบนแท่นทายคำถาม ๑๖ ข้อ อยู่กับคนที่หวังจะพิชิตเงินล้านในรายการ เกมเศรษฐี ที่มีสโลแกนว่า “เกมที่จะทำให้คุณเป็นเศรษฐีได้ใน ๑๖ คำถาม” เมื่อโตขึ้นอีก ความสนใจที่จะติดตามรายการโทรทัศน์ของผมน้อยลง มาได้อ่านข่าวผู้ชายคนนี้จริงจังอีกครั้ง เมื่อเขาขึ้นเป็นผู้บริหารระดับผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และ ได้รู้เพิ่มว่า บริษัทบอร์นแอน์โซซิเอทด์ จำกัด ที่เขาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการนั้น มีรายการในความดูแลถึง ๒๘ รายการ
แต่ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง สถานีโทรทัศน์ไอทีวีได้ปิดตัวลงขณะเขาได้หวนคืนกลับมาอยู่ช่องสาม ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังเดิม ตอนนี้เขามีรายการเหลือเพียงรายการเดียว แต่กลับมีคำถามคาใจจากคนใคร่รู้หลายเรื่อง
ผมนัดเจอเขาที่บริษัทบอร์นฯ ไตรภพในวัย ๕๔ สวมชุดเสื้อยืดลายทหาร ดูแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า พูดจาทักทายฉะฉานและเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร คำถามแรกเกิดขึ้นในห้องทำงานของเขา ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น ๓ ของตัวตึก มีพระพุทธรูปหลายองค์อยู่ด้านหลัง คำถามอันเป็นที่มาของโปรเจ็คท์ที่เงินแสนล้านก็ซื้อไม่ได้เกิดขึ้นในห้องนี้..
การทำงานในห้องทำงานที่มีพระพุทธรูปเต็มไปหมดแบบนี้ มีผลต่อตัวเองอย่างไรครับ
ไม่มีครับ พระทั้งหมดนี้มีคนให้มา นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นผมให้คนอื่นไปตั้งไม่รู้เท่าไรแล้ว ใครชอบองค์ไหนก็เอาไป เพราะผมไม่ได้สะสม ที่นำมาตั้งไว้ในที่ทำงานไม่ได้มีความหมายใดเป็นพิเศษหรือเชื่อเรื่องโชคลาง มีคนบอกว่า ตั้งพระต้องหันหน้าไปทางทิศนั้นทิศนี้ ผมว่าไม่จริง สำหรับผม พระต้องหันหน้าไปได้ทุกทิศทุกทาง พระต้องแผ่รัศมีแห่งธรรมไปได้หมด ถ้าพระต้องหันไปทางทิศเหนือกับทิศตะวันออกเท่านั้น ทิศใต้กับทิศตะวันตกไม่ได้ นั่นไม่ใช่แล้ว ผมว่าเป็นความเชื่อของคนมากกว่า พระพุทธเจ้ายังทรงเดินทางไปทุกทิศทุกทางเลย
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของไตรภพคือ การพูดที่ชัดเจน ฉะฉาน เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรหรือเปล่าครับ
ใช่ครับ ประกอบกับเป็นทนายความ สิ่งที่สั่งสมคือ การเป็นคนกล้า ไม่กลัวคน เป็นทนายความถ้าขี้กลัวก็ไม่รู้ว่าจะเป็นทำไม ส่วนหนึ่งเกิดจากการฝึกฝนด้วย อีกอย่างผมเองเป็นนักคิดมาตั้งแต่เด็ก คิดทุกเรื่อง แตกต่างจากคนอื่นตรงที่ คิดแล้วจะคิดให้ถึงที่สุดด้วย อาทิเช่น ถ้าอยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ผมก็จะไม่เป็นแบบซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป แต่ต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่เก่งที่สุด หรือถ้าเป็นสัตว์ คนทั่วไปอยากเป็นช้าง เสือ สิงโต แต่ผมไม่ ผมจะคิดว่าเราต้องแข็งแกร่งแบบเสือ แต่มีเกล็ดแบบงูกับปลา เพื่อเวลาลงน้ำจะได้สะดวก ต้องมีหางเพื่อจับทิศทาง มีเล็บที่คมแบบเพชร มีปีกที่ใหญ่อย่างพญาอินทรี เพราะฉะนั้นสัตว์ตัวนี้จะมีทั้งปีก เกล็ด และครีบ
การเป็นทั้งพิธีกรและเจ้าของรายการ น่าจะมีความกดดันมากกว่าปกติ
ผม ไม่ชอบกดดันตัวเอง ผมคิดแค่ว่า ทำรายการแบบนี้ดีไหม ถ้าดีก็มานั่งคิดต่อ จนเป็นภาพในความคิด เวลาคิด งานผม ไม่คิดแบบล่องลอย ผมเห็นเป็นฉาก ไฟ แสง สี และเสียงจริงๆ เห็นผู้ร่วมงานยืนอยู่ตรงนั้นเลย ด้วยความที่นิสัยอย่างนี้ โอกาสพลาดจึงมีน้อย ผม คิด ไม่ได้ฝัน ถามว่าเครียดหรือกดดันหรือไหม ผมไม่ชอบความเครียดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนถึงเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมาพูดคำว่าเครียดกับผม หาไม่เจอ
ที่ไม่เครียดเพราะผมรู้แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ ไม่ว่าจะดีหรือเลวร้ายแค่ไหน เดี๋ยวก็จบ การจะรู้ได้ว่าความเครียดเป็นสิ่งไม่ดี คุณต้องรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปให้ได้ก่อน ต้องรู้ว่าเพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนั้นจึงเกิด ถ้ารู้ คุณจะยังเครียดกับอะไรอีกล่ะ รถถูกชน คุณโมโหโวยวาย นั่นเพราะคุณรู้แค่ว่ารถของคุณถูกชน แต่ถ้าคุณรู้ว่าที่ถูกชนเพราะเหตุปัจจัยคือรถคันที่มาชนขับประมาท และมันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะหลีกเลี่ยงได้ คุณเองไม่ได้ทำให้มันเกิด เมื่อคิดได้อย่างนี้ คุณก็จะไม่โมโห..
แต่ถ้าเรื่องมันใหญ่กว่ารถชน เช่น ปัญหาธุรกิจ
ผมก็โดนมาแล้ว ผม หยุดงานไปตั้งหกเดือนตอนปิดไอทีวี จากคนที่มีงานทำ กลายเป็นไม่มีงานทำ จากที่มีถึง 28 รายการ พอสถานีปิดผมไม่มีสักรายการ พนักงานมีเป็นร้อย ผมให้เงินครบทุกบาททุกสตางค์ ผมไม่เห็นเครียด คุณจะไม่มีทางได้เห็นผมไปโวยวายหรือด่าใครในสังคมเรื่องที่เกิดที่ไอทีวี ใครผิดหรือถูกผมไม่พูด มันมีเหตุปัจจัยแบบนั้น ให้เขาทำกันแบบนี้ ผมเข้าใจ มันก็จบ
ถามว่า ทำไมถึงเลี้ยงคนต่อ ปิดบริษัทไปเลยก็ได้ อ้าว แล้วเขาจะกินอะไรล่ะ เราจะทำอย่างไรกับชีวิตคนที่อยู่กับเรามาเป็นสิบๆปี เวลาเห็นใครสักคนอยู่ตามข้างทาง คุณยังสงสาร ผมอยู่กับคนของผมมาเป็นสิบๆปี ผมสงสารและเห็นใจเขาก็ไม่เห็นผิด ผมรู้จักคนที่เสียเงินทีหนึ่งที่ยี่สิบสามสิบล้านบาทเพื่อสร้างโบสถ์สร้างวิหาร เราไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้ เราสร้างคนแทนก็ได้ คนเป็นร้อย ถ้ามีคนในครอบครัวอีกสี่คนที่ต้องดูแล ก็เท่ากับว่าผมได้ช่วยคนสี่ร้อยคนได้ตั้งหกเดือนจะให้บอกเขาว่า ไปบอกครอบครัวคุณนะว่าหยุดกินก่อน เพราะผมไม่มีเงิน มันไม่ได้
เงินน่ะมีแล้วต้องใช้ แล้วใช้ทำอะไรบ้าง ใช้หาความสุข ถามว่าการช่วยคนมีความสุขไหม มี เป็นความสุขของใคร ของเขา เราเป็นคนมอบ ดีไหม ดี เพราะมือผู้ให้ย่อมอยู่สูงกว่ามือผู้รับเสมอ ตอนกลางคืนไอทีวีโดนสั่งปิด ผมนั่งคิดต่ออีกหนึ่งวันในเรื่องนี้ แต่พอทำความเข้าใจกับมันแล้วก็ไม่เคยเครียดหรือมีปัญหาอีกเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องหาเหตุผลให้เจอ ต้องเข้าใจให้ได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป

พูดได้ แต่ทำยากหรือเปล่า
แล้ว ทำไมคนนี้ทำได้ ล่ะ (ชี้ตัวเอง) คุณขีดเส้นใต้ไว้เลย ในเมื่อคนนี้ทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ลองถามตัวเองว่า คนคนนั้นเขาเด็ดกว่าเราหรือเหนือกว่าเราจริงหรือ แล้วคุณยอมให้ชีวิตตัวเองด้อยกว่าคนอื่นได้อย่างไร ทั้งๆที่จิตเขาก็ไม่ได้ต่างจากจิตเราเลย มีจิตใจใครใหญ่กว่าจิตใครไหม ไม่มี้ มีแต่รูปร่างหน้าตาผิดพรรณเท่านั้นที่แตกต่าง ถ้าจิตของคุณเต็มอิ่มด้วยพุทธะ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน รู้ว่าความยิ่งใหญ่นั้นเราต้องเป็นผู้สร้าง รู้ว่าคนที่ใหญ่ที่สุด เก่งที่สุด ทำดีที่สุดหรือทำเลวที่สุดในจักรวาลนี้คือเรา คุณจะทำได้ทุกอย่าง เมื่อเรารู้ว่าเราทำได้ทุกอย่าง อะไรจะยิ่งใหญ่กว่าเราก็ไม่มี ถ้าคุณค้นพบความยิ่งใหญ่ของจิตคุณเองและศรัทธาตัวเอง เชื่อมั่นในคุณธรรมและความดีจิตคุณเองและศรัทธาในตัวเอง เชื่อมั่นในคุณธรรมและความดีจิตคุณจะยิ่งใหญ่มาก และเมื่อจิตยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เล็กนิดเดียว ถ้าถามว่าทำได้อย่างไรที่ผ่านมา ผมทำได้เพราะเหตุผลนี้เอง
แต่คำว่ายิ่งใหญ่ ข้างใน กับ ข้างนอก ไม่เหมือนกันนะ ไตรภพที่ข้างในดูยิ่งใหญ่ ข้างนอกตัวเล็กนิดเดียว ผมเป็นแค่ไอ้กระจอกคนหนึ่งในสังคม ถ้าคุณประวิทย์ มาลีนนท์ ไม่ให้เวลามาทำรายการ ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรบ้าง ทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ตลอดช้า หรือเร็วเท่านั้น ถ้าคิดได้ คุณจะรู้ว่า คนเรานี้ตลก ทั้งๆที่รู้ว่าทุกอย่างในโลกเปลี่ยนแปลงได้ ยังยึดถือมาเป็นสรณะในใจ และให้มันเหนือกว่าเรา

เคยได้ยินว่าไตรภพมีเงินเป็นพันล้าน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เงินแค่ไม่กี่สิบล้านที่จ่ายให้ลูกน้องไป คงไม่กระเทือนอยู่แล้ว
ที่เขาว่าพันล้านมันน้อยไปหรือเปล่า (หัวเราะ) คิดว่าคนที่มีเงินเป็นแสนๆล้าน ถ้าต้องทำแบบเดียวกัน เขาจะเสียดายเงินไหม ผมว่าต้องมีคนที่เสียดาย ขณะเดียวกัน คนที่มีเงินแค่ห้าล้าน ถ้าต้องให้คนอื่นผมว่า ต้องมีคนที่ไม่เสียดาย ความแตกต่างไม่ได้อยู่ที่จำนวน สิ่งที่ผมทำ บางคนบอกว่าเป็นไอดอล ยอดเยี่ยม แต่ในมุมมองของคนที่เป็นนักธุรกิจ ผมเป็นคนที่เฮงซวยมาก ใช้ไม่ได้ ไม่มีงานทำถึงหกเดือนไม่รู้ว่าจะมีงานเมื่อไร แล้วมานั่งจ่ายเงินเดือนคนเป็นร้อย แต่ผมโอเคที่ไม่ได้ทำแบบนี้ มีเท่าไร่ไม่เกี่ยวหรอก ที่พูดว่าผมมีพันล้านก็ทำได้ไม่ใช่เลย ถ้าผมมีเงินพันล้านแล้วเลือกที่จะเป็นนักธุรกิจ สิ่งที่ผมต้องทำคือปิดบริษัท แต่ผมไม่เอา ย้ำอีกครั้งว่า เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงิน แต่อยู่ที่คุณเลือกที่จะทำ

ถ้าจะบอกว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นที่ไอทีวี หนักสุดแล้วในชีวิต
ถ้าเป็นวิกฤติทางธุรกิจน่ะใช่ แต่ทางใจไม่มีเลย ทางใจมันหมดไปนานแล้ว วิกฤติบ้าบอคอแตกแบบนั้นผมถือว่ากระจอกมาก ใครทำไม่รู้ แต่รู้ว่าเป็นกรรมของเรา ไปโมโห ไปด่าเขา เป็นการสร้างกรรมเพิ่ม ไม่เอาดีกว่า เจอขนาดนี้ยังไม่พออีกหรือ ถ้าคิดไม่ได้ก็เรียกว่าโง่ซ้ำโง่เลย เรื่องที่เกิดที่ไอทีวีผมเปรียบเป็นแค่เหรียญ สลึงที่หายไปหนึ่งเหรียญแล้วมันจะเสียหายอะไรนักหนา กะอีแค่เงินสลึงเดียวหายไป แม่ผมสอนว่า “อะไรก็ตามในชีวิตที่เราสูญเสียไป ให้คิดเสียว่าเราเสียไปแค่สลึงเดียว ให้ถือเสียว่าเราไม่เคยมี”

มีคนมองว่าการกลับมาอยู่ช่องสามอีกครั้ง หลังจากไปทำที่ไอทีวีและช่องเจ็ดแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ว่าเป็นการกลับมาตายรัง
ใช่ เขาพูดถูก แต่ไม่รู้ว่าตายหรือเปล่านะ ผมไม่เขิน ไม่รู้สึกว่าเสียหน้าอะไรทั้งสิ้น รู้สึกว่านายประวิทย์มีบุญคุณ เป็นผู้มีเมตตากรุณาจะบอกว่าทั้งหมดที่ผมทำ ผมทำเพื่อลูกน้อง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ถ้าแค่ตัวเอง ตอนนี้ผมมีแบบเหลือๆแล้ว ตอนที่ผมไปจากช่องสาม ถามว่าผมรู้สึกอะไรไหม รู้สึก ตอนไปรู้สึกว่าเราไม่อยากไป ตอนกลับก็รู้สึกว่าดีใจ คนที่รู้เรื่องนี้ดีมีอยู่สองคน คือผมกับคุณประวิทย์ แต่ผมไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะเรื่องบางเรื่องมันเป็นความลับ หลายคนสงสัย ทำไมผมกลับมาทำได้ เอาน่า มันต้องมีอะไรสักอย่าง เราไม่ได้โกรธกันแน่ และไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเขาพูดด้วย เรื่องนี้ต้องเป็นคนที่รักกันถึงทำได้ ตอนที่ผมกลับมา นายประวิทย์ก็กรุณาออกมาพูดกับสื่อว่า พ่อ (คุณวิชัย มาลีนนท์) ได้สั่งไว้ว่า “ไม่ว่าต๋อยมันจะไปอยู่ที่ไหน ก็ต้องตามดูแลมันจนตาย” คนที่จะพูดอย่างนี้ได้ จะต้องมีอะไรที่ดีต่อกันแน่ๆ แต่จะให้พูดว่าดีอย่างไรก็ดูจะเกินเหตุ

ยังจำความรู้สึกความมีเงินล้านก้อนแรกในชีวิตได้ไหมครับ
จำได้ ตอนเด็กๆ ผมเคยคิดว่าถ้าเรามีเงินล้านหนึ่งคงดีใจมาก เพราะสมัยก่อนดอกเบี้ยร้อยละ ๑๒ ฝากหนึ่งปีได้ตั้งแสนสอง ก็เท่ากับว่าเราได้เงินเดือนเดือนละหมื่น สามสี่สิบปีที่แล้วถือว่ารวยเลยนะ แต่เมื่อถึงวันที่มีจริง ผมรู้สึกแค่ “อ๋อ นี่หรือเงินล้าน” พอเผลอ เอามีห้าล้าน สิบล้าน ยี่สิบล้าน ผมเห็นบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ตอนทำรายการ ฝันที่เป็นจริง มีเด็กคนหนึ่งมาออกรายการกับแม่ ผมบอกเขาว่า “อย่างอแงนะ ให้แม่อัดรายการเสร็จก่อน เดี๋ยวให้ทอฟฟี่ ตอนนี้ให้สามเม็ดก่อน ถ้าทำงานเสร็จแล้ว หนูเป็นเด็กดีลุงจะให้ถุงหนึ่งเลย”
สิ่งที่ผมเห็นคือ เขา เก็บทอฟฟี่ใส่กระเป๋าสองเม็ด แล้วแกะเอาทอฟฟี่ที่เหลือมากัดกินแค่ครึ่งเม็ด ผมเริ่มเก๊ตบางอย่างว่า คนที่ไม่มี มันขนาดนี้เลยหรือ จนถ่ายรายการเสร็จ ผมก็ช่วยแม่เขาเก็บข้าวของใส่รถกลับ สังเกตว่า เด็กคนนี้มองผมตลอด ขนาดขึ้นไปนั่งอยู่ท้ายปิ๊กอัพแล้วก็ยังมอง สงสัยว่ามองทำไม จนรถจะออก เพิ่งนึกได้ว่าผมสัญญาจะให้ทอฟฟี่เขา ผมเลยไปเอามาให้ พอได้ปุ๊บ เขากอดถุงทอฟฟี่แน่น แล้วไม่มองผมอีกเลย
ผมยูเรก้าในตอนนั้นทันที ลูกๆ ของผม ผมให้ทอฟฟี่อย่างดียี่ห้อเซนต์ไมเคิล เขากินแค่เม็ดสองเม็ดแล้วทิ้ง ไม่สนใจ เพราะเขามีผมเลยรู้ว่า คนเรามีกับไม่มีมันแตกต่างกันอย่างไร ผมเองเคยอยากมีเงินล้านมากๆ พอมีและมีเพิ่มเป็นหลักสิบล้านแล้ว ก็ยังอยากได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วความพอใจของเรามันอยู่ตรงไหนล่ะ วันที่คิดได้ก็บอกว่าพอแล้ว สิ่งที่ได้นับแต่นั้นมา ผมถือว่าเป็นกำไร ความรู้สึกเรื่องเงินของผมจึงเบาบางลงเยอะ เมื่อก่อนก็ไม่รู้ขนาดนี้ จนได้อ่านหนังสือธรรมะ ได้รู้จักคำว่า สัมมาอาชีวะในมรรค 8 รู้ว่าถ้าเราทำตามมรรค เราจะมีความสุข
ทราบว่าศรัทธาในท่านพุทธทาสมาก
เพราะอ่านหนังสือท่าน ชีวิตเลยเป็นอย่างนี้ ทำให้ได้พบทางที่ควรจะเป็นและควรจะไป ผมอ่านหนังสือของท่านทุกเล่มและทุกเรื่องเท่าที่จะอ่านได้ อ่านครั้งแรกได้อย่างนี้ ครั้งที่สองได้อีกอย่าง อ่านครั้งสาม เอ๊ะ ทำไมไม่เหมือนอ่านครั้งแรก อ่านครั้งที่สี่ครั้งที่ห้า อ๋อ ทุกครั้งที่อ่านแบบมีสติและจับจ้อง เราจะได้ความรู้เพิ่มขึ้น ได้รู้ว่าท่านมีพระคุณมากขนาดไหน ทำประโยชน์และคุณค่าแก่โลกมากแค่ไหน จะบอกว่า หนังสือของท่านเป็นเส้นทางที่ปูชีวิตให้ผมเลยก็ว่าได้ สิ่งที่ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังพูดคือ รายการของผมทุกรายการ ท่านพุทธทาสเขียนไว้ในหนังสือหมด ผมแค่ถอดรหัสลับออกมาเป็นรายการเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็น ฝันที่เป็นจริง เฉียด หรือเกมเศรษฐี
อย่างรายการ เกมเศรษฐีก็คือเรื่องของความเมตตา กรุณา การให้โอกาสคน ทำให้ผู้อื่นมีความสุข ซึ่งเป็นสิ่งควรกระทำ เพราะจะทำให้สังคมดี เราอ่านแล้วก็คิดว่าจริง หลังจากนั้นเลยคิดออกมาเป็นรูปแบบของรายการ

ถ้าพูดตามหลักศาสนาพุทธ การทำรายการ ฝันที่เป็นจริงน่าจะทำให้ได้บุญมาก
ผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าไม่มีนะ เดี๋ยวจะหาว่าทำบุญแล้วไม่ได้บุญ มันได้ แต่ปัจจุบันผมไม่เชื่อเรื่องการสะสมแล้ว ผมเชื่อเรื่องการสละมากกว่า ทุกคืนก่อนนอนผมจะอธิษฐานว่า “บุญกุศลต่างๆที่ข้าพเจ้าได้ทำมาในชาตินี้และในอดีตชาติที่ผ่านมาทั้งหมด ขอมอบให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย นางไม้ เทวดา ผีบ้านผีเรือน เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้ากรรมนายเวร และขออโหสิกรรมให้ใครก็ตามที่ทำกรรมไว้กับข้าพเจ้าไม่ว่าชาติไหนๆ จนถึงเดี๋ยวนี้ ถ้าไปทำอะไรกับใครไว้ ก็ขอให้มารับบุญกุศลส่วนนี้ด้วย ขอให้มารับบุญกุศลส่วนนี้ด้วย ขอให้อนุโมทนาและอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าด้วย..”
ถ้าบุญเป็นสิ่งสะสม คนที่พูดอย่างนี้ทุกวัน คงไม่มีบุญเหลือแล้ว คุณจะลองทำบ้างก็ได้ คืนนี้ก่อนนอนลองพูด “บุญกุศลทั้งหมดในชีวิตที่ข้าพเจ้ามีมาและจะมีต่อไป ข้าพเจ้าขอยกให้แก่...” พอถึงคำว่า ขอยกให้แก่ ลองดูว่าจิตของคุณจะยอมยกให้ได้ไหม จะให้ศัตรูได้ไหม จะให้คนที่ไม่ชอบได้ไหม จะให้เขาไปเกิดเป็นเทวดาได้ไหม หรือจะให้เขาไปตาย หรือจะเหลือเก็บไว้หน่อย ลองทำ แล้วจะรู้ว่าจิตคุณเป็นอย่างไร ถ้ารู้แล้วจะแก้ก็แก้ ถ้าไม่แก้ก็เรื่องของคุณ

ถ้าเป็นอย่างนี้ มองเรื่องชาตินี้ชาติหน้าอย่างไรครับ
ทำชาตินี้ให้ดีที่สุด ชาติหน้าเราไม่รู้นี้ ชาติที่แล้วก็ไม่รู้ พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ถ้าปัจจุบันจิตเราดี ผ่องใสละเว้นความชั่ว ทำแต่ความดี เกิดวันหนึ่งนั่งเครื่องบินแล้วเครื่องบินตกก็จะได้ไปในที่ดีๆ แต่ถ้าคิดจะขโมยเงินคนอื่น คิดแต่จะเอายานอนหลับให้ผู้หญิงคนนี้กิน คิดแต่จะโกงกินคน ตายไปก็จะได้ไปในที่ที่ไม่ดี เปรียบเทียบกับถนนที่มีรถเมล์หลายๆสาย พอชีวิตดับ จิตของคุณจะไปสายที่คุณคิดถึงและสั่งกายนั่นแหละ ถ้าก่อนตายคุณด่าไอ้...คุณก็จะได้นั่งรถสายไอ้... เพราะจิตส่งไป ถ้าไม่ฝึกจิตตั้งแต่ตอนนี้ คิดว่าก่อนตายค่อยมานั่งพุทโธ มันจะทันหรือ

ชีวิตตอนที่ทำรายการ ๒๘ รายการไม่เหนื่อยแย่หรือครับ
ผมมีลูกน้องช่วยครับ วันนี้ประชุมรายการนี้ พรุ่งนี้อีกรายการ ผมนอนน้อยอยู่แล้วด้วย เข้านอนตีสอง ตื่นไม่เกินหกโมง วันๆหนึ่งผมนอนแค่สามสี่ชั่วโมงเอง ก่อนหน้านี้ทำงานเจ็ดวัน แต่ตอนนี้ผมมีแค่รายการ ทูไนท์โชว์ รายการเดียว ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน โดยส่วนตัวผมชอบตีกอล์ฟ จะตื่นตีห้านิด ๆ เก้าโมงครึ่งก็มาทำงาน ประมาณสี่โมงเย็นก็กลับบ้าน คนอื่นพอเลิกงานอาจจะไปซื้อของนู่นนี่ ผมเองไม่เดินห้างมาสัก 20 ปี ได้แล้วมั้ง
ที่ไม่ไปเพราะผมไม่มีความรู้สึกว่าอยากไป เมียกับลูกเขาไปต่างประเทศกันทุกปี เมียผมเคยพูดว่าจะรอจนผมรีไทร์ แล้วค่อยไปด้วยกัน ผมบอกเขาว่า “อย่ารอเลย เพราะถึงรีไทร์ ฉันก็ไม่ไป ถ้าเธอรอ เธอจะมาโกรธฉันอีกว่าทำไมรีไทร์แล้วยังไม่ไป” ผมบอกเขาว่า “สิ่งที่คุณอยากเห็น คุณต้องเห็นด้วยตา ไม่เหมือนผม สิ่งที่ผมอยากเห็น ต้องเห็นด้วยใจเท่านั้น เพราะฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องไปไหน ผมอยากเห็นข้างใน เขาอย่างเห็นข้างนอก “คุณใช้ตา แต่ผมใช้ใจ” สถานที่ที่ประจำในชีวิตผมมีแค่บ้าน ออฟฟิศ และสนามกอล์ฟ แล้วไม่มีเบื่อด้วย ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ตื่นขึ้นมาทำงาน และดีใจมากช่วงใกล้เลิกงาน เพราะกำลังจะได้กลับบ้าน และพอใกล้ตีห้า ผมก็ตื่นเต้นมากที่จะได้ตีกอล์ฟ ผมไม่รู้สึกแย่กับสิ่งเหล่านี้ ผมมีความสุขกับมันมาก...พูดแล้วขนลุกเลย
ผมว่าคนที่อยู่ที่ไหนแล้วไม่สุขก็เพราะไม่ชอบ แต่ถ้าเราพอใจที่จะอยู่แบบนี้ จะดิ้นรนอีกทำไม ผมชอบต้นไม้มาก ผมปลูกไว้ที่บ้านอย่างกับป่า ผมมีบ้านหลายที่ ทุกที่มีแต่ต้นไม้ แล้วผมปลูกไว้ที่บ้านอย่างกับป่า ผมมีบ้านหลายที่ ทุกที่มีแต่ต้นไม้ แล้วผมปลูกเยอะเป็นสามหมื่นห้าหมื่นต้น ผมรักต้นไม้ รักธรรมชาติ อย่างบ้านที่เชียงรายเวลากลับไปเยี่ยม คนอื่นๆ เขาวางแผนจะไปเที่ยวแม่สาย ไปนั่นไปนี่ แต่ผมไม่ไปไหน อยู่แต่ในบ้านกับต้นไม้ ที่กรุงเทพฯก็เช่นกัน ถามว่าหลงอะไรนักหนา ผมไม่ได้หลงอะไรหรอก แค่ชอบความร่มเย็นความสงบ รู้สึกว่ามันให้ความสงบและเป็นสุขก็เท่านั้นเอง

ทราบว่าเป็นคนประหยัดด้วย ในเมื่อเที่ยวก็ไม่เที่ยว ซื้อของก็ไม่ซื้อ แล้วจะหาเงินไปทำอะไรครับ
เป็นคำถามที่ดีมาก เมื่อก่อนหาเงินเพราะอยากได้นู่นอยากได้นี่ เคยอยากได้รถสปอร์ตมากๆ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า สิ่งที่เราอยากได้เมื่อได้ มาแล้วมันก็ไม่จบหรอก สิ่งที่ให้ความสุขของผมตอนนี้ คือการทำงาน แล้วคุณดูห้องทำงานผมสิ นี่เป็นออฟฟิศที่อยู่มาแต่ไหนแต่ไร จะมีรายการเดียวหรือ ๒๘ รายการก็ออฟฟิศนี้ ส่วนเรื่องการแต่งตัว เมื่อมีหน้าที่ใส่สูทผมก็ใส่ มีคนตัดให้ฟรีผมก็เอา มีผู้ประสงค์ดีที่รักเรา เขาให้ ไม่ต้องซื้อ
ในภาวะที่บ้านเมืองมีแต่ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างรายการธรรมะที่ช่วยจรรโลงใจคน รายการเกมอภิมหาเศรษฐีลุ้นเงินล้าน กับรายการปลุกสำนึกให้คนไทยรักกัน คิดว่ารายการไหนที่น่าทำสุดในตอนนี้ครับ
น่าทำทุกรายการครับ แต่การสร้างความเข้าใจให้คนสำคัญที่สุด ผมเองมีกฎในชีวิตคือการทำ “๕ ทำ” ชีวิตจะไม่มีวันผิดเลย ถ้าทำได้ตามนี้
ข้อหนึ่ง ทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อโลก ข้อสอง ทำอะไรก็ได้ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ ข้อสาม ทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมที่อยู่ ข้อสี่ ทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวของตน และข้อสุดท้าย ทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง แค่ห้าข้อนี้ ถ้าทำได้ คุณไม่ต้องมานั่งถามเลยว่า สิ่งที่คุณทำผิดหรือถูก แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อห้าม ๕ ข้อเช่นกัน
ข้อหนึ่ง ห้ามทำอะไรที่เป็นโทษกับโลก ข้อสอง ห้ามทำอะไรที่เป็นโทษกับประเทศ ข้อสาม ห้ามทำอะไรที่เป็นโทษต่อสังคมที่อยู่ ข้อสี่ ห้ามทำอะไรที่เป็นโทษต่อครอบครัว และข้อห้า ห้ามทำอะไรที่เป็นโทษกับตนเอง

ครั้งหนึ่งคุณไตรภพ เคยได้รับการกล่าวขวัญถึง ว่าเป็นพิธีกรที่ถามตรงและถามแรง แต่ตอนนี้มีการเปรียบเทียบกับคุณวู้ดดี้ว่ามาแรงกว่า
เดี๋ ยวนี้ผมก็ยังเป็นอย่างนั้น แต่ผมไม่เคยถามอย่างวู้ดดี้ และวู้ดดี้เองก็ไม่เคยถามอย่างผม เราไม่เหมือนกันครับ วู้ดดี้เขาทำเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ต้องกลั่นกรองก็ได้ เขาให้คนดูเป็นคนกลั่นกรองเอง แต่ผมทำเรื่องที่ผมอยากรู้และอยากถาม แล้วดูด้วยว่าเรื่องนี้ได้หรือเรื่องนี้ไม่ได้ โดยส่วนตัวผมชอบวู้ดดี้นะ แต่ถ้าเขายังทำงานในรูปแบบนี้ เขาก็จะพบกับสิ่งที่ดีและไม่ดี ทั้งที่เขาชอบและไม่ชอบ ถ้าเขาถามดี แล้วไปเจอคนดีตอบ เขาก็จะเจอสิ่งดีๆ ถ้าไปถามคนไม่ดีก็จะได้แนวคิดที่ไม่ดี วิธีการทำงานของเขาคือเอาทุกคน ซึ่งคนดูก็จะได้ในสิ่งที่เขาได้ไปด้วย วู้ดดี้เขาติดต่อกับผมตลอด เขารักผมนะ แล้วผมก็รักเขา ก็ยังเตือนเขาบ่อยๆ เรื่องนู้นเรื่องนี้

ความผิดพลาดหรือความไม่ดีเรื่องไหนในอดีตครับ ถ้าย้อนกลับไปแก้ได้ก็อยากแก้
โอ้...เต็มไปหมด ให้เล่าอาทิตย์หนึ่งคงไม่จบ ที่ชั่วและร้ายแรง จนเล่าให้ใครฟังไม่ได้เลยก็มี แต่เรา ไม่ควรไปพะวงกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว อย่าไปจดจำหรือเสียอกเสียใจ ให้ทำความเข้าใจกับมันให้ได้ การรู้ว่านั่นคือสิ่งเลวร้ายและไม่ดี แล้วละทิ้งมันเสียต่างหากที่สำคัญ คุณต้องคุยกับใจตัวเองว่าทำไมตอนนั้นถึงทำอย่างนั้น ยอมรับให้ได้ว่ามันเลวจริงไม่ดีจริง แต่เราละแล้วและจะไม่ทำอย่างนั้นอีก นี่เป็นเรื่องทางใจ ส่วนทางกายที่พอแก้ได้ เช่น ไปเอาเงินเขามา ก็ค่อยๆ ใช้คืนเสีย

คุณไตรภพทั้งมีเงินและหน้าตาดี ปัญหาหนึ่งที่ผู้ชายวัยนี้มักเจอคือ มีผู้หญิงเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิต
ถ้าผมชอบไปไหนมาไหนอาจจะเจอ แต่โชคดีที่ผมไม่ไปไหน ชีวิตผมอยู่แต่บ้านและที่ทำงาน เลยไม่วุ่นวาย ผมว่ามันขำๆ ด้วยนะเรื่องนี้ ใครจะมีก็ช่างเถอะ แต่สำหรับผม...ไม่ใช่สำนึกดีนะที่ไม่มี แต่ผมว่านั่นเป็นเรื่องของคุณ พูดอย่างนี้ จะหาว่าผมไม่ใช่คนหรือ เอาหน้าตาชื่อเสียง และเกียรติยศมาเป็นตัวกีดกันหรือ ไม่ใช่เลย เพียงแต่ผมไม่สนก็เท่านั้น
ตัดได้ง่ายๆ เลยหรือครับเรื่องผู้หญิง
ไม่ง้าย...แล้วผมก็ไม่ได้ตัดด้วย เพียงแต่ไม่สนใจและไม่ยิ่งก็เท่านั้น พูดแบบนี้เดี๋ยวจะหาว่าไตรภพทำตัวเป็นอรหันต์อีก ไม่ใช่นะ ถ้ามีเข้ามาก็โด๊น ไม่ใช่โดนอย่างนั้นนะ โดนใจ คมมีดคมหอกที่พุ่งมา ถ้าไม่หลบก็โดน เรื่องนี้ถ้าคุณไม่ปล่อยให้มันโดนใจ พยายามหลีกเลี่ยงได้ก็ดี ผมไม่ได้เก่งถึงขนาดว่ามีผู้หญิงมาแก้ผ้าต่อหน้าแล้วจะไม่เป็นอะไร ถ้ามาก็โดน แต่อย่างที่บอก เราโดนนะ ไม่ใช่เขาโดน (ยิ้ม)

คิดว่าโลกนี้มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้บ้างครับ
(นิ่งไปสักพัก) สำหรับผม เงินซื้ออะไรไม่ได้สักอย่าง สิ่งที่ผมต้องการตอนนี้ต้องทำเองหมด การเจริญอริยมรรคใช้เงินซื้อไม่ได้ ผมไปบอกพระพุทธเจ้าได้หรือว่า จะให้เงินร้อยล้านแล้วขอผมสำเร็จพระอรหันต์หน่อยเถอะครับ
ตอนนี้ผม อยากมีอริยทรัพย์ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สิ่งที่คนทั่วไปหากันอยู่ ไม่ว่าเงินทอง บ้านช่อง เป็นโภคทรัพย์ เป็นทรัพย์ภายนอกที่ใช้เงินซื้อได้ แต่ทรัพย์ที่ผมอยากได้ ต้องใช้ตัวและสติ ต้องมีสติ สมาธิ ปัญญา ตี๊ต่างว่าผมอยากเป็นโสดาบัน จะได้ทุกข์น้อยลง และเข้าสู่กระแสธรรมได้ เมื่อเป็นโสดาบันแล้วก็เป็นสกทาคามี อนาคามี และอรหันต์ แต่เรื่องนี้เงินพันล้านแสนล้านซื้อไม่ได้นะ ถ้าอยากได้ ต้องทำเอง และ ถ้าทำได้แล้ว เงินสลึงหนึ่งก็ไม่ต้องเสีย
ท่านผู้อ่านก็เหมือนกัน ให้ลองคิดดูว่าอะไรที่จะทำตัวเราเป็นสุขหรือทุกข์ได้บ้าง แน่นอนว่าการใช้ชีวิตเป็นคนต้องใช้เงิน แต่ควรใช้ด้วยความเข้าใจ ใช้ตามหน้าที่ทางโลก เพื่อบำรุงร่างกายให้ครองตนอยู่ได้แต่ทางด้านจิตใจนั้น ท่านสามารถกอบโกยอริยทรัพย์เท่าไรก็ได้ ยิ่งมีความเพียรมาก ยิ่งกอบโกยได้มาก เมื่อท่านมีทรัพย์ในใจสูงแล้ว ทรัพย์ข้างนอกจะไม่มีค่าเลย ไม่ต้องวุ่นวายหาด้วย

ดูเหมือนธรรมะได้เข้ามาในชีวิตเยอะเหมือนกันนะครับ
การรู้สิ่งต่างๆ รู้นั่นรู้นี้ จะไม่มีทางรู้ได้เลย ถ้าไม่ดำเนินทางที่ถูก หรือไม่ทำสติปัฏฐาน ๔ ถ้าไม่พิจารณากาย ไม่พิจารณาจิต ก็ไม่มีทางรู้ ถ้าอยากรู้สิ่งที่ผมว่ามา คุณแค่รู้คิด รู้เดิน รู้นอน รู้ทำ รู้ดื่ม รู้กิน คิดเลวก็ให้รู้ว่าคิดเลว คิดดีก็ให้รู้ว่าคิดดี เดี๋ยวจิตจะพัฒนาเอง ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาเอาไฟแช็กบนที่มือ คุณรู้ตัวว่ามันร้อน หรือคิดว่ามันร้อน..นี้แหละตัวรู้ ไม่ใช่ “คิดว่า” แต่ “รู้ว่า” ตัวรู้นี้ทำบ่อยๆ เดี๋ยวเกิดเองแล้วเวลาเกิด มันเป็นของจริงหมด ยกอีกตัวอย่าง หิวเพราะไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน คุณรู้หรือคิดว่าหิว ให้ใช้สติรับให้ดี ให้รู้ถึงการกินดื่ม ยืน เดิน นั่ง นอน พูด คิด แล้วจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่มีความสุขกับสิ่งที่คุณเป็นและทำ

เมื่อมองชีวิตที่ผ่านมาของตัวคุณไตรภพเทียบกับแต่ละรายการที่ทำ ดูเหมือนว่าคุณเองได้ลงไปเล่นในหลายรายการมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกมเศรษฐีหรือเฉียด ว่าแต่อะไรคือฝันที่อยากให้เป็นจริงครับ
ความฝันของผมก็อย่างที่บอกมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องอยากได้ต้องทำเอง ใครก็ช่วยไม่ได้ มันเป็นฝันที่ดีมากนะสำหรับผม สมมุติว่าคุณอยากเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก นั่นเป็นฝันที่คุณต้องทำ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า เพราะอาจจะมีคู่แข่งอยู่เต็มไปหมด ต่างจากความฝันของผม ไม่มีอะไรที่จะมาขวางกั้นไม่ให้ผมทำ

ใกล้ถึงฝันนั้นหรือยังครับ
ของอย่างนี้ไม่มีใกล้หรือไกล ไม่มีการวัดเป็นระยะทางว่าอีกกี่กิโลจะถึง มีแค่รู้หรือไม่รู้เท่านั้น คนฟังเทศน์ของพระพุทธเจ้า บางคนฟังปุ๊บสำเร็จอรหันต์เดี๋ยวนั้นเลย ในขณะที่บางคนใช้เวลานานแสนนาน เมื่อไม่มีระยะทาง มีแค่รู้หรือไม่รู้...มันจึงเท่ตรงนี้เอง (หัวเราะ)