Custom Search

Mar 28, 2020

จากเด็กขายไอศกรีมสู่ เจ้าของเบนซ์ทองหล่อ

3 ต.ค. 2018
โดย ลงทุนแมน
ที่มา https://www.longtunman.com/10457

sanook.com

“ตอนที่ชีวิตผมแย่จนรู้สึกอึดอัดนั้น ผมเคยมองดูนกแล้วอิจฉานะ
เพราะดูมันบินไปไหนมาไหนได้เป็นอิสระมากเลย”

นี่คือหนึ่งในคำพูดของอดีตเด็กขายไอศกรีม
จนวันนี้กลายมาเป็นเจ้าของเบนซ์ทองหล่อที่ชื่อว่า

คุณวสันต์ โพธิพิมพานนท์ หรือ คุณวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ
แต่กว่าที่เขาจะมีวันนี้ ชีวิตเขาต้องเจอกับอะไรมาบ้าง
วันนี้ลงทุนแมนจะมาเล่าให้ฟัง
ชีวิตในวัยเด็กของคุณวสันต์ ค่อนข้างลำบาก
พ่อแม่เขามีอาชีพค้าขาย และต้องเลี้ยงลูกอีกจำนวน 8 คน

สมัยเด็กนั้นเขาเล่าว่า ตัวเขาไม่เคยอยากได้ของเล่น
เลยไม่เคยคิดที่จะไปขอเงินพ่อแม่มาซื้อ
เพราะเขาสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานหนักเลี้ยงดูลูกหลายคน
จึงทำให้เขาพยายามหาเงินเองตั้งแต่เด็ก โดยการแบกกระติกไอศกรีมไปขาย
ทำว่าวขาย จนถึงขนาดเคยคุ้ยขยะเพื่อหาเศษเงิน ก็ทำมาแล้ว

ตอนอายุ 14 ปี สมัยที่ย้ายมาเรียนอยู่ในกรุงเทพฯ เขาพยายามประหยัดด้วยการเดินไปเรียน
วันหนึ่งขณะที่ไปเรียนตอนเที่ยงอยากกินโค้ก แต่ก็ไม่ได้กินเพราะไม่มีเงิน จึงต้องกรอกน้ำก๊อกกินแทน...

ชีวิตหลังเรียนจบมัธยมปลาย เขาก็มุ่งหน้าไปสู่สนามเอนทรานซ์เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐ
ซึ่งการที่เขาตั้งใจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐให้ได้ ก็เพื่อที่จะไม่เป็นการเพิ่มภาระค่าเล่าเรียนให้แก่ครอบครัวด้วย
แต่ปรากฏว่าเขาสอบไม่ติด จนต้องไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง...

แต่แล้วเมื่อไปสอบสัมภาษณ์เขาดันสอบตก จนตัดสินใจไปนั่งรอหน้าห้องอธิการบดี แล้วบอกว่า
“ผมไม่มีที่เรียน ช่วยรับผมเข้าไปเรียนด้วยครับ”
อธิการบดีถามว่า แล้วเกรดการเรียนดีไหม คุณวสันต์บอกว่า
“เพราะผมไม่รู้ เกรดผมจึงไม่ดี ทำให้อยากมาเรียนเพื่อจะได้รู้มากขึ้น”
จนสุดท้ายเขาก็ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย

ระหว่างเรียนเขาหารายได้ โดยรับจ้างขายที่ดินจัดสรร ได้รายได้เดือนละ 1,000 บาท
เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระครอบครัว จนเมื่อเรียนจบปริญญาตรี ทำงานได้สักพักก็ไปบวช
ซึ่งเขาเล่าว่าช่วงที่บวชนั้นไม่มีความคิดที่จะลาสึกเลย

จนมาวันหนึ่งเพื่อนสมัยเรียนมาชวนไปสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาต้องไปขอเงินพ่อเพื่อเป็นค่าเครื่องบินและค่าเรียนภาษา เรียนไปได้ 3 เดือน
เงินเริ่มหมด ทำให้ต้องไปทำงานเป็นกรรมกรที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน
ซึ่งเขาเล่าว่าเป็นงานที่หนักมาก ต้องไปกินอยู่กลางทะเล พอเก็บเงินได้สักก้อน
เขาจึงเปลี่ยนงานย้ายไปเป็นพนักงานในร้าน 7-11

เมื่อเรียนจบปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา พี่ชายชวนกลับมาช่วยทำธุรกิจขายรถเก่าที่จังหวัดกาญจนบุรี เวลาผ่านไป
เขามีแนวคิดที่จะขายรถใหม่ เพราะจะขายได้ง่ายกว่า จึงมาสมัครเป็นดีลเลอร์ให้โตโยต้า

คุณวสันต์สามารถขายรถได้กว่า 20 คันต่อเดือน
ทำให้เขากลายเป็นดีลเลอร์โตโยต้าเจ้าเดียวที่ไม่มีโชว์รูมสวยๆ และไม่มีช่างซ่อมรถในตอนนั้น

แต่จุดเปลี่ยนคือ วันหนึ่งเขามีโอกาสมาขับรถเบนซ์ แล้วรู้สึกว่ามันใช่ จนสุดท้ายเขาได้มาเป็นดีลเลอร์รถเบนซ์ในที่สุด

ในปี 2531 รถเบนซ์รุ่น 190E ได้เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย แต่ต้องยอมรับว่าสมัยนั้น คนไทยส่วนมากยังไม่มีกำลังซื้อรถยี่ห้อนี้เท่าไร
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คุณวสันต์ ตัดสินใจทำการตลาดให้กับเบนซ์รุ่น 190E ด้วยโปรโมชันที่แทบไม่มีใครคาดถึง นั่นคือ เขาลดราคารถรุ่นนี้จากจาก 1.8 ล้านบาท เหลือเพียง 1.2 ล้านบาท พร้อมโปรโมชันดาวน์เพียง 10% ผ่อนเดือนละ 17,000 บาท

ปรากฏการณ์นี้ทำให้มียอดสั่งซื้อรถรุ่นนี้กว่า 7,000 คัน แต่บริษัทแม่ให้รถเขามาเพียง 2,000 คันเท่านั้น
ทำให้ต้องมีการเรียกรถรุ่นนี้จากประเทศอื่นๆ ส่งมาที่เมืองไทย ซึ่งก็หาได้เพียง 6,000 คัน
จนผู้บริหารเบนซ์ถึงขนาดเดินทางมาเมืองไทยเพื่อพบเขาและดูว่าเกิดอะไรขึ้น

รายได้ของ บริษัท กลุ่มทองหล่อ จำกัด
ปี 2559 รายได้ 3,103 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 3,344 ล้านบาท

แน่นอนว่า การทำธุรกิจทุกคนต้องเจอทั้งช่วงเวลาที่ดีและแย่ปะปนกันไป
ไม่เว้นแม้แต่คุณวสันต์ ที่เคยเจอช่วงเวลาแย่ๆ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
ที่เคยถูกธนาคารมาขอทวงหนี้กว่า 4,000 ล้านบาท

ซึ่งเขาไม่ได้หนีไปไหนและ บอกว่าขอเวลาให้ธุรกิจผมตั้งหลักแล้วจะค่อยๆ
ใช้คืนหนี้ให้แก่ธนาคารอย่างแน่นอน จนต่อมาธุรกิจของเขาฟื้นและผ่านช่วงเวลาแย่ๆ มาได้

เขาบอกว่า คนเราต้องรู้จัก Face up to the fact หรือ เผชิญหน้ากับความจริง
เวลาเจอปัญหา อุปสรรค ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ค่อยๆ คิด
อย่าวู่วามหรือไปทำอะไรไม่ดีที่ส่งผลเสียต่อตัวเองและคนที่เรารัก
จงตั้งใจทำงานต่อไป ความสำเร็จก็จะตามมานั่นเอง...