Custom Search

Sep 22, 2014

เมื่อ'ทักษิณ'สวมบทหมอดู ทำนาย อนาคตไทย อีก 10 ปี





ใครๆ ก็ต้องยอมรับโดยดุษณี หากถามว่าตลอดระยะเวลา 80 ปี บนถนนสายการเมือง คนไทยจดจำบุคคลที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนไหนได้มากที่สุด ไม่ว่าจะจำได้ในด้านไหน ด้านดี หรือด้านร้าย แน่นอนว่าชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะต้องติดอยู่ในทำเนียบฯ มีคนจดจำได้มากที่สุดคนหนึ่ง ที่มีทั้งรักมากไปจนถึงเกลียดมาก อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่ต้องยอมรับอีกอย่างคือ อดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงกับการเมืองในประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนที่มีหน้าที่นำเสนอข่าว และต้องวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างใครจึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งนี้ 'ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์' ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจพิเศษ และเวลาที่โดนบีบให้เหลืออย่างจำกัด เจาะเข้าถึงห้องนอน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เสียมราฐ กัมพูชา เพื่อสัมภาษณ์แขกรับเชิญท่านนี้ เป็นอย่างไรเราไปดูกัน 

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - เรื่องกลับประเทศไทย มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง

พ.ต.ท.ทักษิณ - ก็ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการสร้างความปรองดองในประเทศ การสร้างความปรองดอง คืออย่าคิดว่า ผมอยู่ข้างนอกแล้วจะปรองดอง บางทีเมื่อปรองดองจบแล้ว ไม่ให้ผมกลับก็มีปัญหาอีก แล้วการที่ปรองดองเสร็จแล้วผมคงกลับไป แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมไปอยู่เป็นนักการเมือง มันไม่จำเป็น แต่การที่ผมไป ก็เพื่อคนที่เค้าห่วงใยทั้งหลายได้เข้าใจว่า ทุกคนมีความรู้สึกอยากรวมใจอยากช่วยผม ให้ผมได้กลับบ้าน ความรู้สึกเป็นอย่างนี้ ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อกลับไปแล้ว ทุกฝ่ายก็คงจะหยุดเล่นการเมืองโดยตัวผมเนี่ย 

วันนี้การเมืองเอาผมไปเล่นเป็นการเมืองมากไป อย่างฝ่ายค้านพยายามมองว่าตัวผมเป็นปัญหา ความจริงผมไม่ได้เป็นปัญหาของบ้านเมืองนะ ไม่ได้เป็นปัญหากับใคร ถ้าใครไม่ได้เอาผมไปเป็นปัญหา จริงๆ แล้วผมไม่เป็นอะไร ปรองดองในบ้านเมืองมันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน มีอะไรก็พูดก็คุยกันไป มีอะไรก็แก้กันไปให้บ้านให้เมืองมันดี 

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - หลายฝ่ายบอกว่า กลัวถ้ากลับไปแล้วจะเป็นปัญหา เพราะต้องการกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี?

พ.ต.ท.ทักษิณ - คือจริงๆ แล้วอย่างที่ผมพูดตลอดเวลา ว่า น้องสาวคนเล็กด้วยนะแล้วเราจะย้อนกลับไปเป็นอีกที มันเลยไปแล้วมั้ง เลยไปแล้วล่ะ นอกจากเป็นเรื่องที่ต้องมาช่วยกันให้คำปรึกษาคำแนะนำให้ความคิดจากประสบการณ์ให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองดีกว่า

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - แต่ต้องยอมรับว่า หากว่ากลับจะมีคนเรียกร้องให้กลับมาเป็นนายกฯ แล้วที่ผ่านมาก็เคยประกาศขอพักเป็นเวลา 5 ปี ถึงวันนี้ พักมาพอหรือยัง?

พ.ต.ท.ทักษิณ - ถามว่า ถ้าให้ทำงานยังมีเรี่ยวมีแรง ทำอยู่ได้ไหม ตอบว่า ได้ แต่คิดว่าวันนี้มันสู้คนที่เป็นรุ่นหลังๆ แต่ได้ประสบการณ์ความคิดของเราไปช่วย น่าจะดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านนายกฯปู ขณะนี้ทำหน้าที่ได้ดีมาก แล้วถ้าผมมีโอกาสอยู่ใกล้ ได้ให้ความรู้ได้ให้ประสบการณ์ ช่วยให้ข้อมูลเค้าด้วย ท่านจะได้ตัดสินใจได้ดีขึ้น อันนี้จึงจะเป็นประโยชน์ 

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - วันนี้เราในฐานะประชาชนและในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน ที่ผ่านมาประเมินผลงานนายกฯปูหรือยัง มันยังมีอะไรที่ขาด เกิน เหมาะสม ไม่เหมาะตรงไหนบ้าง

พ.ต.ท.ทักษิณ - เท่าที่ดูต้องยอมรับว่า ปรับตัวได้เร็วมาก นายกฯ ปูปรับตัวได้เร็วมาก แล้วข้อดีที่มีเหนือกว่าผมมากเลยเนี่ยก็คือความอดทน ไม่ตอบโต้ทางการเมืองทำงานอย่างเดียว ความอดทน ความขยัน สามารถที่จะสู้งานได้มากอันนี้คือจุดแข็งเลย จุดอ่อนก็มีบ้าง เพราะว่าเขาไม่เคยรับราชการมาก่อน ความเข้าใจระบบราชการคงต้องใช้เวลาในการหาความชำนาญหน่อย แต่ว่าเค้าก็เร็ว เรื่องกฎหมายแม่นมาก เนื่องจากว่าตอนที่ผมโดนกลั่นแกล้งทางการเมือง ก็ทำหน้าที่เป็นคนเรียกประชุมทนายทั้งหลายเพื่อต่อสู้คดี และทำให้รู้ว่าถูกกลั่นแกล้งอะไร ยังไง เรื่องอย่างนี้ ก็เลยมีความรู้สึกเหมือนกับว่า ต้องสอนให้เขามีความรอบคอบให้มากขึ้น

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - ภาพที่ออกมาเหมือนทุกคนพูดเหมือนกันว่าอยู่เบื้องหลังนายกฯปู ก็เลยเอาตรงนี้มาโจมตี

พ.ต.ท.ทักษิณ - ต้องคิดก่อนว่าคนทุกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีคนช่วยคิดประกอบด้วย ไม่สามารถคิดด้วยตัวเองได้ทุกมิติ ถ้าคนๆ เดียวรู้ทุกมิตินี่ ก็ไม่น่าจะใช่ ถ้ารู้มิติแคบอาจจะรู้เยอะ แต่รู้มิติที่ลึกลงไป ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ อาศัยคนมีประสบการณ์ มาช่วยให้ข้อมูล อันนี้ผมเองน่าจะอยู่ในฐานะที่ให้ข้อมูลได้ดีกว่าคนอื่น 1.ความหวังดีมีเกิน 100 2. เคยเป็นนายกฯต่อเนื่องมาเกิน 6 ปี 3. เป็นนักธุรกิจ นักวิชาการมา เพราะฉะนั้นประสบการณ์ผมก็มีที่จะแนะนำกับน้องด้วยข้อมูลที่จริงใจ ฉะนั้นมันไม่น่าเสียหาย น่าจะเป็นประโยชน์

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - ยืนยันใช่ไหม เพราะที่ผ่านมาภาพออกมาเป็นแบบนั้น จนที่ผ่านมามีคนมาค่อนแคะ ต้องเป็นตระกูลชินวัตรหรือ จึงเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทยได้? 

พ.ต.ท.ทักษิณ - จะไปค่อนแคะอย่างนั้นคงไม่ได้ คือต้องดูเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย เราต้องนำเสนอถ้าประชาชนเค้าไม่เอาก็คือไม่เอา ถ้าเค้าเอาก็เอาแต่ต้องนำเสนอ แต่ในส่วนของท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อาจจะไม่ได้นำเสนอเนื่องจากท่านสมัคร สุนทรเวช มีอุบัติเหตุทางการเมือง เลยเสนอท่านสมชายไปแทน แต่ว่าคนอื่นนำเสนอชัดเจนว่า ถ้าพรรคมาที่ 1 แล้ว นายกรัฐมนตรีคือคนนี้ คราวนี้ก็ชัดเจนอีก เราก็นำเสนอ เราต้องเคารพกติกาประชาชน สมมติ ผมนำเสนอคนแบบว่า ชินวัตรไม่ได้เรื่องทำงานไม่เป็น เค้าก็ไม่เลือก อันนี้มันเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่ต้องเคารพ

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - กลัวไหมคุณยิ่งลักษณ์อาจบริหารงานผิดพลาดจนทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาอีกครั้ง 

พ.ต.ท.ทักษิณ - ผมคิดว่า ...ถ้าผมนั่งเอง (ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) คงอึดอัด โอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่า ถ้าเป็นคุณยิ่งลักษณ์ น่าจะดีกว่า เพราะเขาไม่ใช่สายล่อฟ้า ผมมันเป็นสายล่อฟ้า ส่วนตัวเห็นว่าสัญญาณที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาดำรงตำแหน่งนายกฯ อย่างที่พูดกัน อาทิ เรื่องปฏิวัติรัฐประหาร เบาลงไปเยอะ ไม่เหมือนตอนคุณสมัครเป็น ตอนนั้นแรงมาก อันนี้ก็หวิว ในเหตุการณ์ช่วงใกล้นี้ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไร เพราะท่านนายกฯ ก็ทำงานร่วมกับทหารได้เป็นอย่างดี ก็ทุกงานที่ทำก็ได้ใช้ความรอบคอบ ตั้งใจทุ่มเท ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไร

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - ส่วนที่มากระทบกับท่าน ทั้งเรื่องของพล.อ.เปรม ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หรือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าปชป. ที่ออกมาท้าท่าน เรื่องนิรโทษกรรม จนถึงวันนี้ท่านยังจะยืนยันคำเดิมหรือไม่ 

พ.ต.ท.ทักษิณ - อย่าเลย อย่าให้ตอบเรื่องนี้ดีกว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่า พรรค ปชป. เป็นพรรคที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้เก่งกาจที่สุดในโลกไม่ใช่แค่ในประเทศไทย เขาทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้เก่งกาจที่สุด ฉะนั้นคำว่าฝ่ายค้านคือไม่เห็นด้วย ถึงแม้เรื่องดีๆ ก็ไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ฝ่ายค้านที่ค้านแบบนี้ ฉะนั้นต้องทำใจได้เลยว่า จะต้องไม่เห็นด้วยซักเรื่อง 

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - เมื่อท่านยืนยันว่าไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แล้วที่เกิดความขัดแย้งอยู่ในสังคมขณะนี้ในมุมมองของท่านขัดแย้งกับอะไร 

พ.ต.ท.ทักษิณ - จริงๆ แล้วคือการต่อสู้ทางการเมืองของ 2 พรรค ซึ่งมันไม่เคยปรากฏมาก่อน ว่ามีพรรคการเมือง 2 ข้าง พรรคอื่นกลายเป็นไม้ประดับไปหมด มันก็เลยกลายเป็นการต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งหากการต่อสู้เป็นการแข่งขันกีฬากันละก็ อย่างเฟเดอเรอร์ กับยอโควิช คือนักเทนนิส 2 คน ที่แข่งกันหลายรอบ ก็ไม่เห็นต้องควักปืนมายิงกันเลย ผลัดกันชนะ รับถ้วยรับรางวัลกันไป นาดาลอีกคน ก็มีแมตช์อื่นแข่งอีก

ถ้าเป็นอย่างนั้น ตัวเองแพ้เพราะอะไร ก็กลับไปฟิตมา รอบหน้าก็มาแข่งใหม่ มันก็คือหลักการ แล้วคนที่เป็นกรรมการกลาง ต้องเป็นกลาง ถ้าคนเป็นกรรมการไม่กลางอีก กติกาออกมาวันนี้ยอโควิชไม่มีแรง แต่อยากจะช่วยยอโควิช งั้นก็เพิ่มเซตให้กับฝ่ายคู่แข่งเข้าไป อย่างนี้มันก็เจ๊งแล้ว คือระบบมันต้องมีมาตรฐาน และกรรมการต้องไม่เอียง แล้วนักกีฬาต้องเคารพกฎกติกา หากไม่เคารพกฎกติกา แพ้เป็นโวย แพ้เป็นไปยุให้เค้าปฏิวัติเนี่ยมันไม่ได้

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - แสดงว่าการเมืองที่ผ่านมามองว่ามันเป็นแค่การเมืองระหว่าง 2 พรรคเท่านั้นใช่ไหม

พ.ต.ท.ทักษิณ - ความจริง มันเลยเขตออกมาแล้วก็มันพอดีอยู่ในขีดพอดีในกติกา มันไม่มีอะไร คือถ้านักกีฬาทั้ง 2 ฝ่าย แข่งแล้วเคารพกติกาแล้วก็เมื่อแพ้ก็รู้จักแพ้ ชนะก็รู้จักชนะ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มันก็ไม่มีอะไร อันนี้เป็นหลักการ ถ้าไปยึดว่าต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น มันก็แย่

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ - อยากให้ช่วยรับบทหมอดูประเทศไทยหน่อยในอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

พ.ต.ท.ทักษิณ - คือเท่าที่เราวางไว้ในการบริหารพรรคเพื่อไทย คือ 1 รถไฟฟ้าความเร็วสูง จะมีไปในเส้นทางไกลจะมีหมดและครอบคลุม รวมไปถึงรถไฟฟ้าใน กทม. และมอเตอร์เวย์ อุดรฯ พัทยา เชียงราย เชียงใหม่ กทม.  แล้วอีกเส้น ออกไปทางเมืองกาญจนบุรี ไปทางทวาย การสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเลที่ปากอ่าวไทย (โครงการถมทะเลได้ที่ดิน 180,000 ไร่) อันนี้ต้องทำไม่งั้นน้ำจะท่วม กทม.แน่ ก็จะเกิดการพัฒนาเมืองขยาย กทม.เพื่อลดการแออัด รถราทั้งหลายก็จะได้ไม่ติดขัด แล้วก็เป็นการป้องกันน้ำท่วม ด้วยการขุดแม่น้ำเจ้าพระยาใหม่อีก 2 สาย รวมเป็น 3 สาย แยกเป็นทางตะวันออก ตะวันตก เพื่อช่วยระบายน้ำลงสู่ทะเล และก็จะมีการผันน้ำจากแม่น้ำโขงเข้ามาใช้ในพื้นที่ภาคอีสานเพื่อแก้ปัญหาน้ำแล้ง แล้วสินค้าเกษตรเราจะบุกตลาดโลกมากขึ้น เพราะจะเร่งหาตลาดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราจะทำโครงการเปิดให้ประเทศที่มีความร่ำรวย มีศักยภาพมาทำแล้วเราจะชำระด้วยสินค้าเกษตร


รายได้ประชาชนจะสูงขึ้น ค่าจ้าง เงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้น ด้านการศึกษาก็ทั่วถึง และจะมีความไฮเทค โดยเฉพาะเรื่องแท็บเล็ตพีซี ที่เด็กจะได้ใช้ จะทำให้เกิดกระบวนการสร้างปัญญาให้กับสังคมอย่างมากมาย เพราะว่าถ้าเราแจกให้ปีละ 1,600,000 ครอบครัว ทำให้มีคอมพิวเตอร์ใช้ และทำให้เค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลใหม่ๆ และทันสมัยได้ เมื่อถึงตอนนั้น ผมคงจะอยู่ในฐานะอาจารย์ใหญ่ สอนหนังสือเป็นที่ปรึกษ