f Dunning Kruger
กระตุ้นต่อมสำนึกคนไทย
ลักษณะที่สะท้อน Dunning_Kruger ในบริบทไทยเป็นเจอะมาก ๆ ครับ เพราะความด้อยในการคิดวิเคราะห์ของคนไทยมีรากฐานมาจากหลายปัจจัยทางวัฒนธรรมและระบบการศึกษา ซึ่งเอื้อให้เกิดปรากฏการณ์ Dunning_Kruger ได้ง่ายขึ้น ดังนี้ครับ
* ระบบการศึกษาที่เน้นการท่องจำ (Rote Learning): ระบบการเรียนการสอนแบบไทยมักเน้นให้ผู้เรียนท่องจำเนื้อหาและคำตอบที่ถูกต้องตามตำรา มากกว่าการตั้งคำถาม, หาเหตุผล, หรืออภิปราย Teachers are seen as unquestionable authority figures, and challenging them is often discouraged. Consequently, students rarely get the opportunity to develop the skills needed to differentiate between credible information and misinformation. เมื่อคนคุ้นชินกับการรับข้อมูลสำเร็จรูปโดยไม่มีการวิเคราะห์เชิงลึก พวกเขาก็จะขาดเครื่องมือในการประเมินความรู้ของตัวเองว่า "รู้จริง" หรือ "รู้แค่ผิวเผิน"
* วัฒนธรรม "การไม่เผชิญหน้า" และการ "เกรงใจ": การแสดงความเห็นต่างหรือการโต้แย้งกับผู้ที่มีอำนาจหรือผู้ที่อาวุโสกว่าถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมและอาจทำให้เสียหน้าได้ This social dynamic creates an environment where people are reluctant to admit their lack of knowledge or to question the statements of others. Instead, they might overcompensate with confidence, even if they're not fully knowledgeable on the topic.
* ยุคของข้อมูลข่าวสารที่มาพร้อมกับ "ความมั่นใจ": สื่อสังคมออนไลน์ทำให้ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ข้อมูลได้ง่ายโดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ ผู้ที่รู้เพียงผิวเผินหรือเชื่อข้อมูลผิด ๆ จึงสามารถแสดงความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ และคนอื่นก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อคนที่ดูมั่นใจหรือมีคนตามเยอะ ๆ มากกว่าที่จะเชื่อคนที่ดูลังเลหรือรอบคอบ This is a classic example of "Loud over Smart", a phenomenon where confidence is rewarded more than competence.
ผลกระทบในชีวิตประจำวันของคนไทย
ปรากฏการณ์ Dunning-Kruger effect ที่เกิดจากจุดอ่อนด้านการคิดวิเคราะห์นี้ส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้านของสังคมไทย เช่น:
* การแพร่กระจายของข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน: ผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้รับการฝึกฝนให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลหรือวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ มักจะเชื่อข่าวปลอมได้อย่างง่ายดาย และที่น่ากังวลกว่านั้นคือ พวกเขาอาจจะมั่นใจในข้อมูลผิด ๆ ที่ได้รับมาจนกลายเป็นผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลนั้น ๆ ต่อไปโดยไม่รู้ตัว
* การโต้เถียงที่ไร้เหตุผลในโลกออนไลน์: การสนทนาบนโซเชียลมีเดียมักเต็มไปด้วยการโต้แย้งที่อิงกับความเชื่อส่วนตัวหรืออารมณ์ มากกว่าการใช้เหตุผลหรือข้อมูลที่ถูกต้อง คนที่ไม่เก่งเรื่องการให้เหตุผลจะยิ่งมั่นใจและโจมตีคนที่เห็นต่างด้วยอารมณ์ ซึ่งท้ายที่สุดก็ไม่ได้นำไปสู่การหาข้อสรุปที่ถูกต้อง
* การตัดสินใจส่วนตัวและส่วนรวม: ในระดับบุคคล บางคนอาจตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต เช่น การลงทุน หรือการเลือกซื้อสินค้า โดยอาศัยความเชื่อมั่นที่ผิด ๆ ในความรู้ของตัวเอง ส่วนในระดับสังคม ปรากฏการณ์นี้อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเชิงนโยบาย หรือการเลือกผู้แทนที่ใช้แต่คำพูดที่ดูมั่นใจแต่ขาดการวิเคราะห์ที่แท้จริง
กราฟนี้เริ่มจากนักศึกษาปี 1 Freshy ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ส่วนปี 2 Sophomore ที่รู้นิดหน่อย ก็พยองตนว่ารู้เยอะ จนจะขึ้นปี 3 Junior จึงรู้ว่าตนเองยังโง่มาก
ผมคิดว่าบทความนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ ช่วยกระตุ้นต่อมสำนึกคนไทยได้จำนวนมาก
ลอย ชุนพงษ์ทอง เรียบเรียง 20 กันยายน 2025