Custom Search

Dec 19, 2007

ผู้ช่วยศาสตราจารย์มานิตย์ ภู่อารีย์ ศิลปินแห่งชาติ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์มานิตย์ ภู่อารีย์
ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(ภาพพิมพ์)พ.ศ. ๒๕๔๓

บทความ-สารคดีโดย
ศิลปบัณฑิต สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ เกียรตินิยมอันดับ 2 มหาวิทยาลัยศิลปากร
ศึกษาด้านถ่ายภาพที่ Brooke Institute of Photography
และ California State University,Los Angeles สหรัฐอเมริกา
อาจารย์มานิตย์ ภู่อารีย์ เกิดเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘
ที่กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอายุ ๖๕ ปี
ท่านได้รับการศึกษาทางด้านศิลปะจากวิทยาลัยเพาะช่าง
แล้วจึงสอบเข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรม ประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร
และได้เดินทางไปศึกษาต่อที่สถาบันวิจิตรศิลป์กรุงโรม ประเทศอิตาลี ตามลำดับ
ท่านได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ที่คณะจิตรกรรม ประติมากรรม
มหาวิทยาลัยศิลปากรเมื่อปี ๒๕๐๕
และโอนย้ายไปเป็นอาจารย์ประจำคณะมัณฑนศิลป์
ของมหาวิทยาลัยเดียวกันในเวลาต่อมา
อาจารย์มานิตย์ได้รับราชการก้าวหน้ามาตามลำดับ
โดยเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาประยุกต์ศิลป์ศึกษา คณะมัณฑศิลป์
และเกษียณอายุราชการเมื่อปี ๒๕๓๙
ในตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ระดับ ๘
และผู้เชี่ยวชาญพิเศษภาควิชาประยุกต์ศิลป์ศึกษา
อาจารย์มานิตย์ ได้เริ่มทำงานสร้างสรรค์ศิลปะมาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา
และได้ปฏิบัติต่อเนื่องมาโดยตลอดไม่เคยหยุดนิ่ง
ประเภทของงานศิลปะที่ท่านทำมีทั้งงานจิตรกรรม ภาพพิมพ์
และงานเครื่องเคลือบดินเผา ท่านได้สร้างผลงานอันทรงคุณค่าเอาไว้มากมาย
และได้นำผลงานเข้าประกวดจนได้รับรางวัลเกียรติยศหลายรางวัล
รางวัลสำคัญที่ท่านได้รับได้แก่
- รางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๒ เหรียญเงิน ประเภทมัณฑนศิลป์
- รางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๓ เหรียญทองแดง ประเภทจิตรกรรมและ
- รางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๓ เหรียญทองแดง ประเภทภาพพิมพ์
จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ ๙ เมื่อปี ๒๕๐๑
- รางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๑ เหรียญทองประเภทจิตรกรรม
จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๐ เมื่อปี ๒๕๐๒
- รางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๑ เหรียญทองประเภทภาพพิมพ์และ
- รางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๒ เหรียญเงิน ประเภทจิตรกรรม
จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ ๑๒ เมื่อปี ๒๕๐๔
- รางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๑ เหรียญทองประเภทภาพพิมพ์ และ
- รางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๒ เหรียญเงิน ประเภทจิตรกรรม
จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ ๑๓ เมื่อ ๒๕๐๕
จากการที่ท่านได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๑ ในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ
ถึง ๓ ครั้ง ทำให้ท่านได้รับเกียรติยกย่องให้เป็นศิลปินชั้นเยี่ยมประเภทภาพพิมพ์
ซึ่งในวงการศิลปะยอมรับนับถือว่าผู้ที่ได้รับเกียรตินี้นับเป็นสุดยอดฝีมือ
ที่ควรยกย่องเอาไว้และถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบเนื่องกันมาว่าท่านเหล่านี้
จะไม่ส่งผลงานเข้าประกวด
ในงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติอีก
อย่างไรก็ตาม แม้จะกว่าขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่บรรดาศิลปินน้อยใหญ่ทั้งหลายใฝ่ฝัน
ด้วยวัยเพียงไม่ถึง ๓๐ ปี
อาจารย์มานิตย์หาได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ตรงกันข้าม
ไฟในการทำงานของท่านยังคงลุกโชนอยู่เสมอโดยจะเห็นได้
จากการที่ท่านยังคงสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
และได้นำออกแสดงในโอกาสต่างๆ นับครั้งไม่ถ้วนทั้งภายในประเทศ
และต่างประเทศอาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อิตาลี อังกฤษ
เยอรมนี บราซิล เนปาล และสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น
ผลงานศิลปะทุกประเภทของท่านเป็นที่ปรารถนาอย่างยิ่งของ
บรรดานักสะสมน้อยใหญ่ทั้งไทยและเทศ แม้จะมีราคาสูงมากก็ตาม
อาจารย์มานิตย์เคยกล่าวเล่นๆ ติดตลกเกี่ยวกับเรื่องผู้สะสมงานของท่านว่า
“หลายคนที่ซื้องานของผมไปเพื่อเก็งกำไรคงจะแช่งให้ผมตายอยู่ทุกวัน
งานที่เขาเก็บไว้จะได้ราคาขึ้นแล้วขายต่อได้แพงๆ”
อาจารย์มานิตย์ ภู่อารีย์ เป็นทั้งศิลปินอาวุโสผู้มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์
เป็นครูบาอาจารย์ผู้ให้ความรู้ทางด้านศิลปะมาเป็นเวลายาวนาน
ทั้งยังเป็นผู้ทรงคุณวุฒิรับเชิญให้เป็นกรรมการตัดสินงานประกวดศิลปะ
ทั้งของภาครัฐและเอกชนเสมอๆ จึงนับว่าท่านเป็นบุคลากรท่านสำคัญ
ในวงการศิลปะของประเทศไทย ผู้ได้ปฏิบัติตนในการสร้างสรรค์สังคมมาโดยตลอด
ท่านจึงได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพพิมพ์)
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๒
โดยส่วนตัว ผมรู้จักกับอาจารย์มานิตย์เป็นอย่างดีมาเป็นเวลาถึง ๑๙ ปีแล้ว
เพราะท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาพื้นฐานทางศิลปะของผม
ตั้งแต่เมื่อผมเริ่มเข้าศึกษาในชั้นปีที่ ๑
ที่ คณะมัณฑศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แม้จะไม่ได้พบท่านมาเป็นเวลานาน
แต่ในความรู้สึกของผม ท่านไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของบุคลิกภาพที่เป็นคนสนุกสนานร่าเริงนั้น
ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ
ผมยังจำได้ดีถึงความสนุกสนานเมื่อตอนที่นั่งวาดรูปในวิชาของอาจารย์มานิตย์
อยู่ที่บริเวณระเบียงของตำหนักพรรณราย อันเป็นส่วนหนึ่งของวังท่าพระ
ที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เคยประทับอยู่
ซึ่งก็คือจุดเดียวกันกับบริเวณที่ผมถ่ายภาพอาจารย์มานิตย์ในภาพที่ท่านเห็นนี้นี่เอง
ในปัจจุบันบริเวณนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานหอศิลป์
ของมหาวิทยาลัยศิลปากร อาจารย์มานิตย์เป็นคนสนุกสนานร่างเริง
และมีเอกลักษณ์ในการสอนที่พิเศษไม่แหมือนใคร
ท่านมักจะมีเรื่องเล่าที่ตลกเฮฮา ประกอบท่าทางที่เรียกเสียงหัวเราะ
จากนักศึกษาได้ตลอดเวลา
แต่ทั้งนี้หาได้หมายความว่าเรื่องที่ท่านเล่าเป็นเรื่องไร้สาระไม่
ตรงกันข้ามท่านได้สอดแทรกสาระและความรู้ที่ท่านต้องการจะสอน
ผ่านวิธีการแบบของท่าน
ได้อย่างแนบเนียน ทำให้ทุกคนได้ความรู้โดย
ไม่เกิดความเบื่อหน่ายแม้แต่น้อย
อันที่จริงผมตั้งใจจะถ่ายภาพอาจารย์มานิตย์
กับผลงานเก่าแก่ชิ้นหนึ่งของท่าน
ซึ่งเป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่ท่านเขียนภาพตัวเองสวมหมวก
โดยผมได้ไปพบภาพนั้นในหนังสือศิลปินแห่งชาติประจำปี ๒๕๔๒
ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
ภาพนี้เป็นผลงานตั้งแต่ท่านยังเป็นนักศึกษาอยู่
เมื่อคิดดังนี้แล้วผมจึงติดต่อกับท่านและเรียนถึงวัตถุประสงค์ของผม
แต่น่าเสียดายว่าท่านได้ขายภาพนี้ไปเสียแล้วก่อนหน้านี้ไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ท่านก็ได้แนะนำให้ลองไปสอบถามแกลเลอรีที่ซื้องานชิ้นนั้นไป
เผื่อว่าเขาจะยังไม่ได้ขายต่อไปให้ใคร หรือหากขายไปแล้วก็อาจตามไป
ขออนุญาตถ่ายภาพจากเจ้าของภาพได้
แต่หลังจากที่ได้พยายามติดต่อไปทางแกลเลอรีดังกล่าวหลายครั้ง
ก็ไม่ได้รับความร่วมมือช่วยเหลือแต่ประการใดทั้งสิ้น
อาจเป็นด้วยเหตุผลทางธุรกิจหรืออื่นใดก็ไม่สามารถหยั่งรู้ได้
ผมจึงยอมแพ้และยกเลิกความคิดที่จะติดตามภาพนั้นต่อไป
ทั้งที่ยังรู้สึกเสียดายแทนเจ้าของภาพว่าท่านน่าจะพึงพอใจเสียด้วยซ้ำ
ที่จะได้มีภาพศิลปินผู้สร้างผลงานชิ้นนั้นถ่ายคู่กับภาพเขียนล้ำค่าที่ท่านซื้อไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจึงเรียนให้อาจารย์มานิตย์ทราบ
และขอถ่ายภาพท่านกับผลงานชุดอื่นของท่านแทน
บังเอิญอาจารย์มานิตย์เพิ่งจะเสร็จสิ้นการแสดงผลงานเดี่ยวชุดใหม่ของท่าน
ที่หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
และท่านก็ยังไม่ได้นำผลงานกลับบ้าน
ท่านจึงได้นัดให้ผมไปถ่ายภาพที่นั่น
ท่านได้อธิบายแนวความคิดในผลงานชุดนี้ว่าท่านได้นำเอาพลังจักรวาล
ที่ท่านได้ศึกษาและปฏิบัติมาเป็นเวลายาวนานเป็นแรงบันดาลใจอันสำคัญ
ในการสร้างสรรค์ผลงาน
โดยท่านเล่าว่าในการทำงานชุดนี้
ท่านทำโดยได้รับพลังจักรวาลที่วิ่งลงมาสู่กลางกระหม่อม ผ่านลำตัว
และสั่งงานให้มือเขียนภาพแต่ละภาพออกมา
งานดังกล่าวมีลักษณะที่เป็นงานแบบนามธรรมที่เน้น
ในเรื่องของพลังงานสีและเส้นสายนอันเป็นสิ่งที่ท่านเห็น
ในขณะที่จิตของท่านอยู่ในสมาธิ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
แต่ซับซ้อนเกินกว่าที่ผมจะอธิบายแทนให้ผู้อ่านเข้าใจอย่างถ่องแท้กว่านี้ได้
ผมรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเก่าอีกครั้ง
และอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนรำลึกถึงวันเก่าๆที่แสนจะสนุกสนานในอดีต
เมื่อผมเดินสำรวจบริเวณที่จะถ่ายจนเป็นที่พอใจ
แล้วก็คิดว่าจะลองเล่นกับการจัดวางผลงานของอาจารย์ให้ดูแปลกไปจากปกติธรรมดาบ้าง
โดยผมได้นำผลงานของท่านหลายชิ้นจัดวางในตำแหน่งต่างๆ
ของภาพตั้งแต่จุดที่อยู่ใกล้กล้อง
ไปจนถึงสุดทางเดินประหนึ่งอยู่ในงานนิทรรศการของท่าน
หากต่างกันตรงที่ว่าการจัดวางออกจะพิสดารกว่าธรรมดาสักหน่อย
ทั้งนี้ต้องการสื่อสารไปถึงความไม่ธรรมดาของเนื้อหาในงานของอาจารย์มานิตย์นั่นเอง
การถ่ายภาพภาพนี้ ผมได้ใช้การผสมผสานกันของแสงแดดตามธรรมชาติ
และแสงไฟถ่ายภาพดวงหนึ่ง เพราะหลังจากที่ลองถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ
เพียงอย่างเดียวแล้ว
ผลออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจเพราะแสงสีดูแบน และไม่สดใส
ผมได้จัดให้ท่านยืนเท้าแขนบนกรอบรูปผลงานชิ้นหนึ่งของท่าน
โดยเปลี่ยนท่าให้ท่าน ๒ - ๓ ท่า และได้เลือกท่าที่คิดว่าเก๋ไก๋ที่สุดแล้ว
ของอาจารย์ผมมาอวดท่านนี่แหละครับ
อาจารย์สอนศิลปะบางท่าน มีความสามารถสูงในการสร้างสรรค์งานศิลปะ
ในแนวทางของตนเอง แต่ไม่สามารถถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ศิษย์ได้ดีเท่าที่ควร
ในทางกลับกัน บางท่านก็มีเทคนิคในการสอนที่ดี แต่ก็ไม่โดดเด่นนักในการทำงานศิลปะ
เป็นเรื่องยากที่จะหาผู้ที่เพียบพร้อมทั้ง ๒ ด้าน
แต่อาจารย์มานิตย์ ภู่อารีย์ ก็เป็นหนึ่งในน้อยคนผู้มีคุณสมบัติทั้ง ๒ ด้าน
นั้นอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เอื้อเฟื้อข้อมูล
บริษัทโกดัก (ประเทศไทย) จำกัด
สนับสนุนผลิตภัณฑ์ถ่ายภาพ

คุณบันลือ อุตสาหจิต แห่งบริษัทศรีสยามพริ้นท์แอนด์แพคก์ จำกัด อุปถัมภ์โครงการ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์มานิตย์ ภู่อารีย์ ถึงแก่กรรม
เมื่อประมาณเวลาเที่ยงวันเสาร์ ที่ 30 พฤศจิกายน 2551
ขอเชิญพี่ๆน้องๆ ที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ มาร่วมแสดงความอาลัย
และร่วมแสดงความกตัญญูให้อาจารย์ มานิตย์โดยพร้อมเพรียงกัน
กำหนดการรดน้ำศพ เวลา 16.00-17.00 น. วัดรัชฎาธิษฐานราชวรวิหาร (วัดเงิน)
ซ.จรัญสนิทวงศ์ 35คลองบางพรหม แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กทม. ศาลา 1
ส่วนการสวดพระอภิธรรม ที่ศาลา 1 เวลา 19.00-20.00 น.
ตั้งแต่จันทร์วันที่ 1 ถึงวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2551 (เวันวันที่ 5 ธันวาคม)
รายละเอียดเกี่ยวกับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์มานิตย์ ภู่อารีย์ ดูได้จาก