Jan 15, 2007
ครูดีศรีแผ่นดิน
เหะหะพาที
ไทยรัฐ
ปีที่ 58 ฉบับที่ 17892
วันอังคาร ที่ 16 มกราคม 2550
ผมไม่ได้เขียนถึง “คุณครู” ใน “วันครู” มาหลายปีแล้ว
ทั้งๆที่ ยังมีความเคารพนบนอบต่อคุณครูทุกๆท่าน
และยังรำลึกถึง พระคุณของคุณครูที่มีต่อเด็กไทยอยู่เสมอ
แต่อาจจะเป็นเพราะเมืองไทยเรามีวันสำคัญต่างๆมากมาย
หากจะมุ่งเขียนถึงแต่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวันสำคัญๆที่ว่านี้...
เผลอๆเราอาจจะไม่ต้องเขียนเรื่องอื่นๆ
เพราะจะมีเรื่องราวของวันสำคัญ
ทั้งที่ประเทศไทยเรากำหนดไว้
และที่สหประชาชาติ
ตลอดจนองค์กรสำคัญของโลกกำหนดไว้เกือบทั้งปี
ในกรณีของคุณครู บ่อยครั้งที่เกิดเรื่องต่างๆ
ทำให้คอลัมนิสต์มักจะนำมาเขียนวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยๆ
ผมเองก็เขียนถึงวิจารณ์ถึง
ฝากข้อคิดเห็นไปถึงเท่าที่จะเขียนได้
แม้จะไม่บ่อยนักก็ตาม
แต่สำหรับ “วันครู” ปีนี้ ผมอยากจะขออุทิศเนื้อที่เป็นพิเศษ
เพื่อ เขียนถึงคุณครูทั้งคอลัมน์ครับ
เหตุเพราะวันนี้จะเป็นวันพระราชทานเพลิงศพ
คุณครู จูหลิง ปงกันมูล คุณครูผู้กล้าหาญและเสียสละ
ณ วัดปงสนุก ต.ปงน้อย กิ่ง อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จแทนพระองค์ทั้ง 2 พระองค์
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่
ครอบครัวของคุณครูจูหลิงอย่างเหลือล้น
ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ
แม้นมิมีโอกาสไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพครั้งนี้
ต่างก็คงจะส่งจิตใจไปร่วมคารวะ
คุณครูจูหลิงอย่างพร้อมเพรียง
ขณะเดียวกัน ก็คงต้องถือโอกาสนี้
กราบเรียนต่อรัฐบาลและผู้รับผิดชอบ
ในการดูแลความสงบใน 3 จังหวัดภาคใต้
ขอให้เอาใจใส่และคุ้มครองคุณครู ทั้งหลายให้มากขึ้น
นับตั้งแต่ต้นปี 2547 เป็นต้นมา
เราได้สูญเสียคุณครูไปแล้ว
ถึง 64-65 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัด
เราจะต้องปกป้องคุณครูของเราอย่างสุดความสามารถ
และจะต้องคุ้มครองคุณครูทุกคนให้ปลอดภัย
ในฐานะผู้เสียสละอย่างใหญ่หลวง
เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า
กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศชาติ
ได้เพิ่มการโจมตีและก่อกวนออกไปอย่างกว้างขวาง
โรงเรียนและครูเป็นเป้าหมายที่สำคัญ
เป้าหมายหนึ่งของบุคคลกลุ่มนี้
แน่นอนย่อมเป็นเป้าหมายที่ถูกโจมตีได้ง่ายที่สุด
เพราะคุณครูไม่มีอาวุธและไม่มีเครื่องป้องกันตัวใดๆ
หรือถึงแม้จะมีอาวุธ
แต่จะให้มือที่เคยแต่จับชอล์กหันมาจับปืน
คุณครูจะทำได้ถนัดถนี่หรือครับ?
ขอให้หน้าที่คุ้มครองป้องกัน
จงเป็นของเจ้าหน้าที่โดยตรงต่อไปเถอะครับ
ด้วยความเข้มแข็งและเข้มข้นยิ่งขึ้น
นี่คือความปรารถนาเป็นพิเศษ
ที่ผมอยากเห็นและอยากได้ในวันครูปีนี้
สำหรับ 3 จังหวัดภาคใต้โดยเฉพาะ
แต่สำคัญคุณครูทั่วประเทศนั้น
ผมใคร่ขอถือโอกาสที่แรงใจของผู้คนทั้งชาติ
กำลังหลั่งไหลไปสู่คุณครูผู้กล้าใน 3 จังหวัดภาคใต้
ปลุกปลอบ ขวัญและกำลังใจ
ของคุณครูทั่วประเทศให้กลับคืนมา
ต้องยอมรับว่าในห้วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
ข่าวคราวทั่วไปของวงการครู
ค่อนข้างออกมาในทางลบ
อาทิ ครูมีหนี้สินมากขึ้น ไม่ค่อยสนใจการสอน
ไม่ปรับปรุงตัวเอง ทำให้คุณภาพลดลง ฯลฯ
ไปจนถึงการกระทำในเรื่องที่ผิดศีลธรรม
แม้จะเป็นการกระทำของครูส่วนน้อย
แต่ทุกครั้งที่เกิดข่าวขึ้น
ผลกระทบย่อมจะกระเพื่อมไปถึง
คุณครูส่วนใหญ่อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
วันครูปีนี้ขอให้คุณครูส่วนน้อยที่ว่า
จงลดเลิกการกระทำในทางลบเสียให้หมด
เพื่อให้ภาพของคุณครูทั้งหลายกลับมาอยู่
ในหัวใจของประชาชน
เช่นในอดีตที่ผ่านมา
คำขวัญวันครูปีนี้ก็คือ
“ครูดีศรีแผ่นดินศิษย์ทั่วถิ่นศรัทธาบูชาครู”
อย่างที่ผมบอก...คุณครูเป็นศรีแผ่นดินอยู่แล้ว
และลูกศิษย์ทั้งหลายก็ศรัทธาอยู่แล้ว
แต่จะเกิดความศรัทธาเต็มร้อยถ้าครูส่วนน้อย
แต่ก็มากพอจะทำความเสียหายได้ทั้งหลายแหล่เหล่านั้น
หันมาปรับปรุงตัวเองให้เป็นศรีแผ่นดินอย่างแท้จริง
Jan 9, 2007
"เด็กจะเข้าใจอนาคตได้อย่างไร"
วิกรม กรมดิษฐ์
คอลัมน์ "นอกตำรา"
มติชนรายวัน
วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2548
ปีที่ 28 ฉบับที่ 9904 หน้า 31
ความเป็นเด็กที่ช่างสังเกตเกิดประโยชน์ให้กับผมเป็นอย่างมาก นับเป็นการก้าวเข้าสู่บทเรียนแห่งชีวิตโดยตรงที่ผมได้รับจากบุคคลรอบข้างไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย และคนอื่น ๆ ที่ผมสามารถสังเกต เรียนรู้ เฝ้ามองทั้งแบบครูพักลักจำ และตั้งใจสอดส่องจนนำมาปรับ นำมาคิด และประยุกต์ใช้เข้ากับวิถีทางแห่งความเป็นตัวตนของผม แน่นอนครับ เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาแบบเพียงชั่วข้ามคืน
สิ่งเหล่านี้ย่อมต้องผ่านการอบรม บ่มเพาะ การรู้จักแยกแยะความดี ความชั่ว ด้วยสติปัญญาและจิตใต้สำนึกที่ใฝ่ดี ต้องรู้จักเตือนตนเองอยู่เสมอไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี หรือยั่วยวนกิเลส เพราะเมื่อผมเป็นเด็กไม่ได้จัดว่าผมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีมากแต่ประการใด แถมยังเคยคิดจะจบชีวิตตัวเองเมื่อช่วงเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ประมาณ 10-1 5 ปีอีกด้วย คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่ารันทดหดหู่ขนาดไหน มันช่างสับสนไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร คิดจะทำอะไรก็ลำบากไปหมด มีแต่เสียงคัดค้าน ปัญหาครอบครัวนับเป็นเรื่องที่อ่อนไหว กระทบกระเทือนจิตใจของคนในครอบครัวได้มาก ความขัดแย้งก่อตัวสะสมเหมือนน้ำซึมบ่อทราย หรือภูเขาไฟระเบิดรอวันปะทุเท่านั้นเอง
เด็กๆ อย่างผมก็ต้องได้รับผลพลอยได้ไปด้วยไม่รู้ตัว ผมเชื่อว่าคงมีอีกหลายครอบครัวที่เป็นเช่นนี้ผมเองก็เคยลองทำในสิ่งที่อยากลองแม้รู้ว่าไม่ค่อยจะดีมาก่อน ด้วยความที่อยู่ในสภาพแวดล้อม สังคม และเคยทำความผิดพลาดมาก่อนในชีวิต ผมจึงเข้าใจความรู้สึกของคนที่เคยผิดพลาดพลั้งเผลอดี ซึ่งหากร้ายแรงหน่อยก็ต้องติดคุกติดตะรางกันไป ทุกวันนี้มีผู้ต้องโทษอยู่ในเรือนจำกว่า 230,000 คน พวกเขาเหล่านั้นต่างต้องพบกับจุดอับของชีวิตทั้งสิ้น แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ ผมก็เกือบจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
ถ้าผมไม่รู้จักที่จะยั้งคิด รู้จักผิดชอบชั่วดี และควบคุมสติแล้วล่ะก็ ผมคงต้องพบกับวิบากกรรมในชีวิตเช่นเดียวกัน หรือไม่ก็อาจกลายเป็นนักเลงหัวไม้ ถูกพวกยิงตายไปก็เป็นได้ หรือหากรอดพ้นเงื้อมมือศัตรูมาได้ก็คงมีลูกเมียเยอะแยะเป็นหางว่าวเลี้ยงกันไม่จบสิ้น คิดแล้วก็น่ากลัวนะครับเรื่องของการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ นั้น เราพูดกันมากในสังคม เพราะเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า เด็กๆ มักเลียนแบบจากผู้ใหญ่ ดีไม่ดีก็ไม่ต้องดูอื่นไกล เด็กจะดีได้ต้องมีผู้ใหญ่ที่ดีคอยแนะนำอบรมสั่งสอน และเลี้ยงดูปลูกฝังเขาด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ การคิด พูดและกระทำสิ่งใดต้องคิดให้รอบคอบ ลึกซึ้งว่าสิ่งที่เราทำนั้นจะส่งผลกระทบให้กับคนอื่นๆ ในสังคมด้วย โดยเฉพาะเด็กๆ ผมยังอดเป็นห่วงครอบครัวที่การศึกษาน้อย(ชนชั้นแรงงาน) ว่าพวกเขาจะสั่งสอนเลี้ยงดูเด็กให้เชื่อฟังและเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้อย่างไร เพราะมีสติปัญญาและความรู้จำกัด ขนาดผมมาจากครอบครัวระดับกลางจนถึงดีไม่ต้องแร้นแค้นกัดก้อนเกลือกินยังลำบากขนาดนี้ แล้วพวกเขาเล่าจะขนาดไหน
โอกาสที่จะเดินหลงทางหรือทางผิดย่อมมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ผมอดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าผมต้องเกิดในครอบครัวที่มีสภาพแวดล้อมอย่างนั้นแล้วผมจะสามารถฝ่าฟันทะลุทะลวงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้หรือไม่....น่าคิดนะครับมาวันนี้ อาจเรียกได้ว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว ถ้าไม่เกินเลยไปอาจเรียกว่า มากกว่าใครหลายๆ คนในรุ่นเดียวกับผมเสียด้วยซ้ำ(หรืออาจมากที่สุด) ความสำเร็จในชีวิตของผมไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ อย่างแน่นอน
สิ่งนี้ย่อมมาจากรากฐานการอบรมเลี้ยงดู การศึกษาที่ผมได้รับ และการตัดสินใจที่จะฝ่าวิกฤตในชีวิตให้ผ่านพ้นไปได้ มาถึงวันนี้ย่อมถือว่าเป็นความสำเร็จที่สง่างามและทำให้ผมภาคภูมิใจไม่น้อย