Custom Search

Jan 7, 2007

อาจารย์ สงวน วงศ์สุชาต ผู้สร้างตัวด้วยตัวเอง





นิตยสารผู้จัดการ
ตุลาคม 2530


ถ้าการที่ใครสักคนอายุ 30 ปี ก็สามารถ
มีทรัพย์สมบัติมูลค่าหลายสิบล้านบาท
แต่มีเงินเพราะว่าเป็นทายาทของเศรษฐี
ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาสนใจอะไรมากนัก
เพราะว่าคนแบบนี้เห็นกันออกดาษดื่นไป
ในสังคมไทยปัจจุบัน
แต่การที่คนหนุ่มอายุเพียง 30 ปี

สร้างตัวด้วยตัวของเขาเองไม่ต้องพึ่งครอบครัว
ใช้สมองของเขาเป็นหลัก ไม่ต้องไปแบกหาม

ไม่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการค้า คดโกงใคร
อย่างที่รู้ ๆกันสำหรับผู้มั่งคั่งบางคน
ในปัจจุบันเพียงแต่
เขาให้ความรู้

ความสามารถและประสบการณ์
ที่ผ่านการสั่งสมมานานนับสิบปี
เพื่อสร้างตัวสร้างฐานะ
สร้างฐานทางธุรกิจของเขา
ในปริมณฑลที่ไม่ค่อยมีนักธุรกิจคนไหน

เข้าไปจับเพราะมีคำว่า

"จรรยาบรรณ" และ "คุณธรรม"
เข้ามาเป็นตัวสกัดกั้น

ยิ่งการที่เขาสามารถใช้ประสบการณ์
ที่เหนือกว่าความรู้ที่เขามีอยู่
ไปสอนสั่งคนที่มีความรู้มากกว่าเขา
หรือรู้เท่า ๆ กับเขาได้
จึงต้องสนใจเขาให้มาก ๆ ทีเดียว
สงวน วงศ์สุชาต คือคน ๆ นั้น


ปีนี้สงวน อายุ 41 เป็นเจ้าของ
โรงเรียนเสริมหลักสูตรที่กรุงเทพ
และสาขาที่เชียงใหม่
พิษณุโลก ขอนแก่น และหาดใหญ่
เป็นเจ้าของโรงพิมพ์และ
อุปกรณ์ทันสมัย ราคานับสิบ ๆ ล้าน
เป็นเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ไอบีเอ็ม
และแอปเปิ้ล นับร้อย ๆ เครื่อง

ทรัพย์สินที่เขาสร้างขึ้นมามาจาก
สมองและความชาญฉลาดของเขาเป็นหลัก

ถ้าสงวนได้เป็นนักร้องตามที่เขาใฝ่ฝัน
ในตอนวันรุ่น เขาอาจจะไม่มีวันนี้

ถ้าเขาประกอบอาชีพตามบิดาของเขา
เป็นช่างทำรองเท้า
วันนี้ก็คงไม่มีโรงเรียนเสริมหลักสูตร
โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษและ
ปัจจุบันยังเพิ่มเป็น
โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์อีกต่างหาก

เขาเริ่มฉายแววเมื่อตอนที่เขาอายุ 17
สงวนชนะเลิศการสอบแข่งขันทั่วประเทศ
จากผู้เข้าแข่งขันมากกว่าร้อยโรงเรียน
วันนั้นเป็นวันที่เขายินดีมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะ
"ผมได้รับรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
ในฐานะผู้ประสบความสำเร็จทางการศึกษา"
ว่ากันว่าเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขา
เลิกล้มความตั้งใจที่จะเป็นนักร้อง
"มันไม่เหมาะกับผม"
หลังจากที่เขาจบจากโรงเรียนบพิตรพิมุข
และเอ็นทรานส์เข้ารัฐศาสตร์จุฬา

ได้ดังหวังแล้วเขาได้กลับไป
บพิตรพิมุขอีกครั้งหนึ่งไม่ใช่ในฐานะนักเรียน
แต่เป็นติวเตอร์ให้รุ่นน้องเพราะ
เขาได้ผ่านการคัดเลือกจากโรงเรียนเก่า
นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของเขากับการก้าวไป
เจ้าของโรงเรียนกวดวิชาในอนาคต

"นักเรียนประทับใจต่อการสอนของผมมาก"สงวนเคยเล่าให้ฟัง
เขาเปิดโรงเรียนกวดวิชาชื่อ
"เสริมหลักสูตร" ขึ้นเป็นครั้งแรกที่สะพานควาย
มีนักเรียนตามมาเรียนกับเขาถึง 300 คน
"ก็เป็นพวกที่เรียนกับเขาที่พิตรพิมุขนั่นแหละ
ชวนเพื่อน ๆ มา"

นักเรียนคนหนึ่ง-เล่าให้ฟัง
สงวนย้ายโรงเรียนเรื่อยมา
เนื่องจากจำนวนนักเรียนมากขึ้นทุกวัน
จากสะพานควายมาวงเวียนใหญ่ วังบูรพา
และจบลงด้วยถนนมหรรณพ
ใกล้ศาลว่าการกรุงเทพมหานคร
ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของ "เสริมหลักสูตร"

ที่นี่เขาสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล
จนกระทั่งถึงคนที่จะไปทำดอกเตอร์
ช่วงแรกที่เขาเน้นก็คือการสอนคอร์สเอ็นทรานส์
วิชาภาษาอังกฤษซึ่งเป็นปัจจัยชี้ขาดว่า
ใครจะได้เข้ามหาวิทยาลัยหรือไม่
แต่ปัจจุบันตัวที่ทำเงินให้เขามากที่สุด
น่าจะเป็นคอร์สโทเฟิล

นอกจากนี้เขายังมีคอร์สอื่นๆอีกมากมาย
สงวนนำเอาวิดีโอเข้ามาเป็น
สื่อการสอนพวกแรก ๆ ก็ว่าได้
สมัยที่วิดีโอยังไม่แพร่หลายอย่างทุกวันนี้
เขาถ่ายวิดีโอการสอนไว้
ทุกคนที่ไม่มีเวลาเรียนในรอบที่ฟิกซ์ไว้ได้ดู

นี่เป็นการเสนอเงื่อนไขที่ที่อื่นยังไม่มี
ยังตามเขาไม่ทันนอกจากนี้สิ่งที่เขาได้ประโยชน์
จากวิดีโออีกก็คือ เขานำหนังฝรั่งมาฉาย
เขาบอกว่าเพื่อเป็นการฝึกภาษาอังกฤษแก่ผู้ที่มาเรียน
แต่ที่จริงมันก็คือการดึงดูดนักเรียนอีกทางหนึ่งนั่นเอง
"ผมมาเรียนที่นี่ตอนนั้นก็เพราะเพื่อนเขาบอกว่าที่นี่ฉายหนังให้ดู"
ศิษย์สงวนคนหนึ่งบอก

เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เขาต้องขยายตัวเขาก็สามารถขยายสาขา
โรงเรียนเสริมหลักสูตรไปต่างจังหวัดหลัก ๆ

ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ หาดใหญ่ พิษณุโลก และขอนแก่น
ที่กำลังขึ้นเอามาก ๆ
และวันนี้ก็ด้วยความเป็นคนที่ทันสมัยอยู่เสมอ
เมื่อถึงยุคที่คอมพิวเตอร์กำลังเฟื่อง
เขาก็ซื้อคอมพิวเตอร์นับร้อยเครื่อง
ทั้งไอบีเอ็มเอทีและเอ็กซ์ทีรวมทั้ง
แอปเปิ้ลรุ่นที่ดังที่สุด-แม็คอินทอช
เขาก็นำเอายุทธวิธีเดิมมาใช้อีก
นั่นคือให้คนที่เรียนภาษาอังกฤษกับ
เขามีสิทธิเรียนคอมพิวเตอร์ฟรี
และแน่นอนถ้าจะเรียนขั้นสูงก็ไม่ฟรีอีกต่อไป

ทุกวันนี้เขายังเป็นเจ้าของโรงพิมพ์มูลค่าสิบ ๆ ล้าน
ที่น่าประหลาดก็คือเขายังมีกิจการรับแจกใบปลิวด้วย โดย "มืออาชีพ" เขาบอกในใบปลิว
สงวนเป็นคนประเภท "เปอร์เฟคชั่นนิสท์"
ต้องการสมบูรณ์แบบทุกอย่าง

จนบางครั้งกลายเป็นคนขี้โม้เมื่อทำไม่ได้อย่างที่พูด
ความหวังขั้นสูงสุดที่เขาเคยบอกไว้คือ
เขาจะเรียบเรียงพจนานุกรมขึ้นมาใช้
"เพราะที่มี ๆ อยู่ยังไม่ดีพอ"
เขาเคยให้สัมภาษณ์หนังสือฉบับหนึ่ง
แต่เขาคงยังไม่มีเวลาพอเพราะ
ทุกวันนี้เขายังเอ็นจอยกับการเมคมันนี่อยู่
เพราะเขาไม่ใช่ครูบาอาจารย์ เขาเป็นนักธุรกิจ

เป้าหมายก็คือทำกำไรสูงสุด
เป็นกำไรสูงสุดบนพื้นฐานของ

"คุณธรรม" และ "จรรยาบรรณ"
ของอาชีพเรือจ้าง


ประวัติ อาจารย์ สงวน วงศ์สุชาต


จบการศึกษาระดับมัธยมต้นที่โรงเรียนวัดราชบพิธ
แล้วไปต่อระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนวัดบพิตรภิมุข
แผนกภาษาต่างประเทศ
ท่านสอบได้ที่หนึ่งมัธยมปลาย
แผนกทั่วไปของประเทศไทย
จึงได้รับพระราชทานรางวัลเรียนดี
จากพระหัตถ์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร)

เมื่อปีพุทธศักราช 2508
จากนั้นท่านเข้าศึกษาต่อที่

จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์
แผนกการต่างประเทศและการทูต รุ่นที่ 19
จนจบการศึกษาในสี่ปีต่อมา
ท่านเลือกเรียนทุกวิชาที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ
ภาษาฝรั่งเศส และ ภาษาญี่ปุ่น
ในขณะที่ยังเป็นนิสิตปีหนึ่งอยู่นั้น
ท่านได้รับเชิญจากโรงเรียนบพิตรภิมุขให้ไปช่วย
ติวนักเรียนระดับมัธยมปลายของโรงเรียน
ประมาณ 200 คน พร้อมกัน
โดยสอนในหอประชุมใหญ่ วันละ 10 ชั่วโมง

ตลอดช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัย
และได้ดำเนินการสอนเป็นวิทยาทานติดต่อกันถึงสามปี
โดยในช่วงนั้น ท่านสอนทั้งวิชาคณิตศาสตร์
สังคมศึกษา ภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ

ในปีที่สี่ ท่านจึงเริ่มต้นไปเปิดโรงเรียนของตนเอง
แต่เน้นการสอนภาษาอังกฤษแต่เพียงอย่างเดียว

ปัจจุบัน ท่านสอนภาษาอังกฤษมาแล้วร่วม 45 ปี
มีลูกศิษย์เป็นเรือนแสน และลูกศิษย์ของท่านส่วนใหญ่
สมัครเรียนกับท่านกันทั้งครอบครัว
ท่านเป็นตำนานในวงการสอนภาษาอังกฤษ

ที่ยังโลดแล่นอยู่ในยุทธจักร
ทุกวันนี้ท่านยังทำการสอนและวิจัยภาษาอังกฤษอยู่ทุกวัน
อีกทั้งยังสามารถสอนภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น
และเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระอย่างต่อเนื่อง
ครั้งละ 4-5 ชั่วโมงได้อย่างสบาย
ประสบการณ์การสอน Entrance, TOEIC, TOEFL,
IELTS, SAT, GMAT และ GRE ของท่าน
ได้รับการบันทึกเป็นดีวิดีเป็นพันๆ ชั่วโมง
เป็นหลักฐานยืนการครํ่าหวอดอยู่
ในวงการสอนภาษาอังกฤษของท่านได้เป็นอย่างดี


  • รงเรียนเสริมหลักสูตร สาขาเสาชิงช้า
ถ. มหรรณพ ระหว่างแยกกทม. กับศาลเจ้าพ่อเสือ

SLS: map 1

  • โรงเรียนเสริมหลักสูตร สาขาโรงแรมมารวย
เยื้องม.เกษตร หน้าน้ำพุโรงแรมมารวย

SLS: map 2
หลักสูตรที่เปิดสอน

  1. หลักสูตร TOFEL
  2. หลักสูตร GMAT
  3. หลักสูตร GRE
  4. หลักสูตร VOCAB
  5. หลักสูตร ENTRANCE


(ฉบับที่ 1033 ประจำวันที่ 19-9-2009 ถึง 22-9-2009)

SLS ปรับกระบวนยุทธ์สู้ศึกตลาดกวดวิชาแตกไลน์ใหม่เจาะกลุ่มองค์กรธุรกิจ
สถาบันสอนภาษาและกวดวิชาในปัจจุบันยังคง
ทวีองศาความร้อนระอุแทบปรอทแตก

ของ สภาวะการแข่งขัน สวนทางภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ถดถอย

ส่งผลให้ทุกสถาบันต่างปรับเปลี่ยนยุทธวิธีการตลาด
เพื่อกระตุ้นความสนใจของ ผู้เรียน

รวมถึงผลประกอบการของแต่ละสถาบันให้ดำรงคงอยู่ได้

ก่อนที่จะโดนคลื่นพิษเศรษฐกิจดูดกลืนจมหายไป
บวกกับกระแสสถาบันกวดวิชาโมเดิร์นเทรด
ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งกวาดช่วงชิง

พื้นที่แนวรุกการตลาด ทำให้หลากหลายสถาบันเก่าแก่
ต้องถูกกลบลบเลือนไปจากหน้าความทรงจำของผู้คนในปัจจุบัน

บับนี้ “สยามธุรกิจ” นำเสนอโรง
เรียนสอนภาษาอังกฤษ SLS ที่ยืนยงยาว

นานตั้งแต่ในอดีต พร้อมเปิดใจผู้บริหารสถาบัน
อาจารย์สงวน วงศ์สุชาต

ตำนานแห่งวงการสอนภาษาอังกฤษที่ยังโลดแล่น

อยู่ในยุทธจักร จากอดีตถึงปัจจุบัน
กับการ นำพานาวา SLS
กลับมาโลดแล่นฝ่าคลื่นกระแสโมเดิร์นเทรด

พร้อมกับปรับกลยุทธ์ ใหม่เพื่อการดำรงคงอยู่
ของแนววิธีการสอนในแบบฉบับสไตล์อาจารย์สงวน
อาจารย์สงวน วงศ์สุชาต เริ่มสอนภาษาอังกฤษ
ตั้งแต่ยังเป็นนิสิตปี 1 ของคณะรัฐศาสตร์

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดยเริ่มจากการช่วยติวนักเรียน
ระดับมัธยมปลายของโรงเรียนบพิตรภิมุข

ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของอาจารย์เอง
จนกระทั่ง ถึงปัจจุบัน

ท่านสอนภาษาอังกฤษมาแล้วร่วม 45 ปี
มีลูกศิษย์เป็นเรือนแสน

และลูกศิษย์ของท่านส่วนใหญ่มาเรียนกับ
ท่านกันทั้งครอบครัว
เรียกได้ว่าสอนตั้งแต่รุ่นพ่อ สู่รุ่นลูก

และจนถึงรุ่นหลาน
ซึ่งการสอนภาษาอังกฤษ
ของอาจารย์เป็นแบบเข้มข้น

และเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ อย่างต่อเนื่อง
หากย้อนอดีตไปเมื่อปี พ.ศ.2520
ซึ่งนับว่าเป็นช่วงขาขึ้นของโรงเรียนกวดวิชา

อาจารย์มีรายได้จากการสอนกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
กระทั่งปัจจุบันรายได้กลับลดเหลือเพียงแค่หลักล้านบาทต่อปี
และชื่อเสียงที่เคยโด่งดังของโรงเรียนสอนภาษา SLS
เริ่มจางหายไปจากวงการ

ท่านจึงดำริถึงการปรับปรุงโรงเรียน
ให้สามารถตอบสนองผู้เรียนได้ทั้งในมิติ

ของความรู้ ความเข้าใจ และทักษะด้านภาษาอังกฤษ
“เราจะก้าวไปสู่ความเป็นเลิศ
ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
ทั้งในระดับมัธยม
ระดับมหาวิทยาลัย การศึกษาต่อ
หรือการไปทำงานในต่างประเทศ

รวมทั้งการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
การใช้ภาษาอังกฤษในทางธุรกิจ

โดยโรงเรียนมีแผนงานที่จะมีครูสอนการสนทนา (Conversation)
ที่เป็นชาวอังกฤษหรืออเมริกัน
และคนไทยที่ไปใช้ชีวิตในประเทศอังกฤษหรืออเมริกา
รวมทั้งจะมีติวเตอร์รุ่นใหม่ที่มีทักษะ
และความสามารถพิเศษในการสอน

ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์
และคุณค่าสูงสุดจากการมาเรียนกับ

โรงเรียนเสริมหลักสูตรสงวน วงศ์สุชาต”
การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ครั้งนี้ไม่เพียงเป็น
การตั้งเป้ากลับมารุกตลาดอีกครั้งเพียงเท่านั้น
แต่อาจารย์มีความมุ่งหมายต้องการ
ให้วิธีการเรียนการสอนในแนวทางของท่าน

ดำรงคงอยู่ในหมู่ของอาจารย์
ผู้สอนภาษาอังกฤษต่อไปในภายภาคหน้า

ด้วยความที่ท่านรู้สึกเสียดายต่อการ
ที่แนววิธีการสอนเหล่านี้ต้องลืมหายไป

สำหรับกลยุทธ์ใหม่ของโรงเรียน SLS คือ
1.การเปิดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ซึ่งจะเริ่มในต้นปีหน้า
2.การจับมือเป็นพันธมิตรกับสถาบันสอนภาษาอื่นๆ
3.การเปิดแฟรนไชส์สถาบัน โดยผู้ที่ต้องการเปิดไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
นอกจากค่าตกแต่งการ ลงทุนปรับปรุงสถานที่
ได้รับการสนับสนุนจากนายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง
ซึ่งถือว่าเป็นศิษย์เก่าของ SLS มอบพื้นที่เพื่อจัดสร้างแฟรนไชส์
โมเดลต้นแบบให้กับผู้ที่สนใจ และ
4.การพุ่งเป้าเจาะตลาดกลุ่มองค์กรธุรกิจ
โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.5 หมื่นบาทต่อระยะเวลา 6 เดือน

ทั้งนี้การเจาะกลุ่มองค์กรธุรกิจ เป็นการเปิดตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ของ SLS

โดยแบ่งหลักสูตรเป็น 4 ระดับคือ
1.การใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน
2.การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจทั่วไป
3.การใช้ภาษาอังกฤษปาถกฐาในที่ชุมชน และ
4.การใช้ภาษาอังกฤษตอบสนองความต้องการกลุ่มธุรกิจ
ซึ่งขณะนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
จากศิษย์เก่าที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ บริหารในองค์กรธุรกิจต่างๆ
นอกจากนี้หลังจากที่มีการเปิดตัวหลักสูตรสำหรับองค์กรธุรกิจไปแล้วก็ได้รับ
การติดต่อจาก บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ซึ่งมีความสนใจในหลักสูตรดังกล่าว
โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกันอยู่
อย่างไรก็ตาม
อีกหนึ่งจุดหมายหลักของอาจารย์สงวนก็คือ

การมุ่งหมาย ให้หลักสูตร แนวคิด
รวมทั้งรูปแบบการสอนของท่านเป็นวิทยาทานให้แก่
อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนทั่วไปของเมืองไทย
เพื่อต่อไปหลักสูตรดังกล่าวยังคงดำรงอยู่เพื่อเป็น
หลักการสอนให้ลูกหลานได้ร่ำเรียนภาษาอังกฤษในวิธีแบบเข้มข้น
และตอบสนองความต้องการของผู้เรียนได้
อย่างถูกต้องตามเป้าหมายในอนาคตข้างหน้า

Fanclub