Custom Search

Feb 24, 2025

First Things First Every Day: Daily Reflections- Because Where You're Headed Is More Important Than How Fast You Get There : (February 24)

February 24


ทำบุญครบรอบ 3 ปี “แตงโม” เพื่อนและแฟนคลับ ร่วมส่งพลังบุญหวังความจริงปรากฏ

 โดย PPTV Online

 

เผยแพร่ 

https://www.pptvhd36.com

ทำบุญครบรอบ 3 ปี “แตงโม” เพื่อนและแฟนคลับ ร่วมส่งพลังบุญหวังความจริงปรากฏ


กลุ่มเพื่อนและแฟนคลับของ แตงโม นิดา จัดงานทำบุญครบรอบ 3 ปี การจากไปของดาราสาวผู้ล่วงลับ เผยอัลฟอลโล่กระติกแล้ว ส่งพลังบุญให้แตงโมให้ความจริงปรากฏ พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลนนท์

วันนี้ ( 22 ก.พ.68 ) ที่ศาลา 3 วัดปากน้ำ ซอยพิบูลสงคราม 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี กลุ่มเพื่อนและแฟนคลับ ของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ อดีตดารานักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากการจมน้ำหลังพลัดตกเรือสปีดโบ็ท ได้รวมตัวกันทำบุญถวายสังฆทานใหักับการจากไปของนักแสดงสาวครบรอบ 3 ปี โดยมีแป๊ะซะ อดีตผู้จัดการแตงโม และนายอะตอม รวมทั้งฮิปโป เพื่อนสนิทและแฟนคลับส่วนหนึ่งมาร่วมงานบางตา   ซึ่งในการทำบุญวันนี้มีการถวายเพลพระจำนวน 4 รูป พร้อมถวายสังฆทาน และกรวดน้ำ เพื่อส่งผลบุญกุศลให้กับแตงโม อดีตดารานักแสดงสาวที่ล่วงลับ

นายแปะซะ อดีตผู้จัดการแตงโมนิดา ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตาที่คลอ กล่าวว่า งานทำบุญครอบรอบการจากไปของแตงโมในวันนี้ ตนเป็นคนชวนอะตอมและฮิปโป้มาร่วมทำบุญให้กับแตงโม เพราะจะครบรอบ 3 ปีแล้วที่แตงโมได้จากไป จึงอยากทำบุญให้เพื่อนเพื่อส่งพลังให้กับแตงโมเพื่อให้ช่วยดลใจให้คดีก้าวไปข้างหน้า ที่ตนเลือกวัดแห่งนี้มาทำบุญเพราะใกล้จุดเกิดเหตุที่แตงโมเสียชีวิต ตนไม่เคยเชื่อเรื่องที่แตงโมจะไปฉี่ท้ายเรือที่มีผู้ชายอยู่ในเรือด้วย แม้แตงโมจะมีนิสัยคล้ายผู้ชายก็ตาม แต่ตนก็เชื่อมั่นล้านเปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีทางที่แตงโมจะไปทำแบบนี้ ส่วนเรื่องที่ว่าแตงโมถูกหลอกไปลงเรือหรือไม่นั้น ตนคิดว่าถ้าคนเป็นเพื่อนก็ไม่น่าจะทำแบบนั้นกับเพื่อน และถ้าทำแบบนั้นจริงหลอกเพื่อนได้ เขาไม่น่าจะเป็นเพื่อนใครได้ กับตนครั้งสุดท้ายที่คุยทางแชทกันตนได้ถามกระติกเรื่องคดี แต่เขาไม่ตอบแล้วบอกตนว่า มึงอย่าไปดูข่าวมาก

หลังจากนั้นตนก็ถูกอัลฟอลโล่ไป ปัจจุบันไม่ได้ติดต่อกันแล้วเพราะเมื่อแตงโมจากไปตนกับเขาก็ไม่สนิทกันอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรที่ต้องติดต่อกัน ตนอยากถามเขาว่าพาเพื่อนไปตายทั้งคนคืนนั้นเขากลับบ้านไปได้ยังไง ตอนนี้คดีของแตงโมจะมีการกลับมารื้อคดีใหม่อีกครั้งตนก็อยากให้มันมีความยุติธรรมเกิดขึ้นกับเพื่อนของตน


นายแป๊ะซะ กล่าวอีกว่า ในตอนที่เกิดเรื่องตอนนั้นตนอยู่ในเรือนจำพอทราบข่าวว่าแตงโมจมน้ำหายไปแล้วมาเจอเป็นศพ ความรู้สึกใจในตอนนั้นแทบจะขาดใจ ถ้าตอนนั้นตนยังอยู่กับแตงโมตนเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น ตนเชื่อว่าตนดูแลแตงโมได้ดีกว่านี้และปกป้องแตงโมได้ดีกว่าแน่นอน  แตงโมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของตน ดีกับตนและครอบครัวตน ตอนนี้ตนก็ยังเสียใจอยู่และยังคิดว่าทำไมวันนี้พวกตนต้องมาทำบุญให้แตงโม ทำไมพวกตนไม่ได้ไปรวมตัวกันกินข้าวกัยแตงโมเหมือนเมื่อก่อน ต้องมาทำบุญส่งไปให้เพื่อนแบบนี้ ตนอยากให้แตงโมส่งพลังให้กับคนที่จะช่วยแตงโมตามหาความจริงด้วย อยากให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ใครทำอะไรไว้ตนเชื่อว่าเขาจะได้รับอย่างนั้น กฏแห่งกรรมมันมีจริง คนที่คิดไม่ดีกับเพื่อนตนก็ขอให้ได้รับสิ่งนั้น

นายอะตอม กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องตนไม่เคยเจอคนบนเรือเลยสักคนเดียวในงานศพแตงโม คนที่เป็นเพื่อนกันเพื่อนจมน้ำหายไปแล้วยังหาร่างเพื่อนไม่เจอ เขากลับบ้านไปได้อย่างไร  นี่คือการเป็นเพื่อนของพวกเขาหรือ และพวกคุณก็เป็นคนชวนเพื่อนไป เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับแตงโม เพื่อนทุกคนรักแตงโม ส่วนเรื่องคดีที่ศาลจะมีำพิพากษาในสันที่ 23 พ.ค.นี้ ตนเคารพในการตัดสินของศาล ตนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ได้แต่รอติดตามเหมือนประชาชนทั้งประเทศ คดีนี้ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรก็น้อมรับคำตัดสินของศาลและอยากให้เพื่อนตนได้รับความยุติธรรมมากที่สุด

Feb 21, 2025

*** ไขมันที่สะสมที่พุง***


The Conversation

   หมอจิรรุจน์ 
ไม่ว่าจะเป็นไขมันใต้ผิวหนัง หรือไขมันในช่องท้อง
ไขมันเหล่านี้มาจากกระบวนการ สร้างไขมันใหม่
De Novo lipogenesis เสียเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งกระบวนการนี้เกิดขึ้น จากการที่เรารับประทานอาหาร ประเภทคาร์โบไฮเดรต
เมื่อย่อยเสร็จแล้วก็จะได้เป็นน้ำตาลกลูโคสและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด
ซึ่งกระบวนการนำไปเก็บที่เซลล์ไขมันนั้น จะเกิดขึ้นได้
ต้องอาศัยฮอร์โมนอินซูลิน
ในการกระตุ้น ตัวรับสัญญาณที่ชื่อว่า GLUT4 ซึ่งจะยอมให้
เซลล์ไขมันเอาน้ำตาลและไขมัน เข้าไปทำปฏิกิริยากันแล้ว
เก็บเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์อยู่ในเซลล์ไขมันของเนื้อเยื่อไขมัน
อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตจัดเป็นอาหารให้พลังงาน
ดังนั้นไขมันใต้พุงของเรา ก็คือการสะสมพลังงานในรูปแบบของไขมัน
ถ้าเราต้องการที่จะลดพุง เราก็ต้องลดหรือหยุดการเติมพลังงาน
โดยเฉพาะ พลังงานที่มาจากคาร์โบไฮเดรต หรือน้ำตาล
ขณะเดียวกัน เราก็ต้องเพิ่มการใช้พลังงานจาก
ไขมันที่เก็บไว้เหล่านี้ ซึ่งการใช้พลังงานจากไขมันเหล่านี้
จะเกิดขึ้นได้ ต้องปลดล็อคกุญแจสำคัญก่อน
นั่นคือระดับของฮอร์โมนอินซูลิน
ซึ่งทางเดียวที่จะทำให้ระดับของฮอร์โมนอินซูลินนั้นลดลง
จนปลดล็อคให้ร่างกายยอมใช้ไขมันได้
นั่นก็คือ การล็อคปากของเรา
ให้มีช่วงเวลางดกินที่มากกว่าช่วงเวลากิน
และเมื่อต้องเปิดปากกิน ก็กินสิ่งที่เป็นโปรตีน
และไขมันตามธรรมชาติ
ไม่ใช่ไปกินคาร์โบไฮเดรต
ไขมันล้นๆอยู่แล้ว
จะเติมแป้งเข้าไปทำไมให้มันไปสร้างเป็นไขมันอีก…
ที่พูดว่า ไม่เติมแป้งไม่มีแรงเพราะขาดพลังงาน…
มันแค่ช่วงแรก
เมื่อระดับอินซูลินลดลง และเราบริโภคโปรตีน
กับไขมันดีให้มากขึ้น
แรงมันจะกลับมาเอง
ส่วนการออกกำลังกาย จะให้ประโยชน์ในแง่ของ
การใช้ไกลโคเจนในตับและกล้ามเนื้อ
ทำให้เวลาเราไปกินแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ
เราเหลือที่เก็บคาร์โบไฮเดรตในรูปแบบของไกลโคเจนมากขึ้น
เหลือเก็บเป็นไขมันน้อยลง
ต้องไปให้ถูก ที่เหตุแห่งปัญหาครับ
การสะสมไขมันในช่องท้อง หรือ Visceral fat
ส่วนหนึ่งมาจากอิทธิพลของฮอร์โมน cortisol
ซึ่งหลั่งจากต่อมหมวกไต ที่มากเกินไป หรือ หลั่งมาต่อเนื่อง
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจาก
"ความเครียด" ดังนั้นต้องไป "งดเครียด" ด้วยนะครับ
ศึกษาความรู้พื้นฐานได้ตามลิงค์นี้


First Things First Every Day: Daily Reflections- Because Where You're Headed Is More Important Than How Fast You Get There : (February 21)


 February 21


Feb 19, 2025

EP.6 ซีรีส์ กุลธิดา - ไทเกอร์ วูดส์


  วิเคราะห์บอลจริงจัง

 

ความลับที่ไทเกอร์ แอบซ่อนไว้หลายปี มีชู้ 120 คน ในที่สุดก็ถูกเปิดเผย
สังคมรู้ เมียรู้ แม่รู้ และทุกสิ่งที่เขาสร้างมา ได้พังทลายลงไป ในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน
นี่คือ ซีรีส์ กุลธิดา - ไทเกอร์ วูดส์ EP.6 กับโมเมนต์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของไทเกอร์ไปตลอดกาล
----------------------
3 พฤษภาคม 2006 เอิร์ล วูดส์ คุณพ่อของไทเกอร์ เสียชีวิตจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
และคนที่จัดการเรื่องพิธีศพ คือกุลธิดา วูดส์ ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
สิ่งที่กุลธิดาทำ คือจัดงานศพขนาดเล็กที่สุด มีแค่คนในครอบครัวเท่านั้น เมื่อจบงาน เธอขุดหลุมแล้วฝังเถ้ากระดูก
ของเอิร์ลไว้ใต้ดินอย่างเรียบง่าย โดยไม่มีป้ายหน้าศพ ไม่มีสัญลักษณ์อะไรทั้งสิ้น
ลองนึกภาพตาม อย่างในหนังฮอลลีวู้ด เวลาญาติผู้ใหญ่สักคนเสียชีวิต พอครบรอบวันตายแต่ละปี
ก็จะมีลูกหลาน เอาดอกไม้ มาวางไว้ที่สุสาน แต่ของเอิร์ลไม่มีป้ายหน้าสุสานแบบนั้น เป็นแค่หลุมดินเฉยๆ
นอกจากตัวกุลธิดา ไม่มีใครรู้ว่าเอิร์ลถูกฝังอยู่ตรงไหน
สาเหตุที่กุลธิดาทำแบบนี้ เธอบอกว่า "ฉันไม่มีวันให้อภัย ใครที่ทำฉันเจ็บ"
ในสายตาเธอ คนอย่างเอิร์ลไม่มีค่าพอ ที่จะให้ใครได้จดจำ
ที่ผ่านมา กุลธิดาสั่งสมความแค้นมาตลอด เธออุตส่าห์ทิ้งชีวิตที่ประเทศไทย
มาอยู่กินกับเขาที่อเมริกา แต่กลับโดนนอกใจ โดนหักหลัง
โดนพูดจาหยาบคายใส่ ดังนั้น แม้เอิร์ลจะตายไปแล้ว เธอก็ไม่คิดจะอโหสิกรรมให้
จากพฤติกรรมของสามีตัวเอง ทำให้สิ่งที่กุลธิดาคาดหวังในตัวไทเกอร์มากที่สุด
ไม่ใช่การเป็นนักกอล์ฟอันดับหนึ่งของโลก สิ่งที่เธออยากได้
มันเรียบง่ายกว่านั้น นั่นคือ 'อย่าทำตัวเหมือนเอิร์ล'
เธออยากให้ไทเกอร์ เป็นผู้ชายที่น่าเคารพ ให้เกียรติผู้หญิง
และรักครอบครัวให้มากที่สุด
แต่อีกไม่นานนัก กุลธิดา จะต้องทรมานอย่างสาหัส
เพราะลูกชายของเธอ ทำในสิ่งเดียวกับที่สามีเธอทำ แบบไม่ผิดเพี้ยน
----------------------
25 พฤศจิกายน 2009 หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ the Enquirer พาดหัวหน้าหนึ่งว่า
"ไทเกอร์นอกใจภรรยา" พวกเขาปะติดปะต่อเรื่อง จากการเห็นราเชล อูชิเทล
ขึ้นลิฟท์ไปหาไทเกอร์ที่ห้องสวีทในโรงแรมที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตาม ทีมพีอาร์ของไทเกอร์ มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับทุกอย่างได้ เพราะ the Enquirer
ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ไม่มีแชท ไม่มีคลิปเสียง
เป็นการเชื่อมโยงด้วยตัวเองล้วนๆ แบบนี้
ยังพอแก้สถานการณ์เอาตัวรอดได้
ทีมพีอาร์จะจัดการปัญหาภายนอก ส่วนไทเกอร์ ก็ต้องมาจัดการปัญหาภายในบ้านของตัวเอง
วันนั้น ไทเกอร์ได้โทรศัพท์ 3 สาย ให้ภรรยา เอลิน นอร์เดเกร็น โทรคุยกับราเชล อูชิเทล
เพื่อยืนยันว่าทั้งคู่ไม่มีอะไรจริงๆ แค่รู้จักกัน และไปช่วยงานกันเฉยๆ ที่ออสเตรเลียเท่านั้น
ในความจริง ราเชลเป็นชู้ของไทเกอร์ แต่เธอคือชู้แบบคุณภาพ นั่นคือยอมโกหกทุกอย่าง
เพื่อช่วยเหลือไทเกอร์ในการปกปิดภรรยา
สุดท้ายทั้ง 3 คน คุยกันราวครึ่งชั่วโมงก็วางสาย ไทเกอร์ดูจะพอใจมากที่เอลินยอมเข้าใจ
ทำให้เขาเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันไปได้อีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น 26 พฤศจิกายน 2009 เป็นวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)
ซึ่งเป็นวันหยุดราชการที่สหรัฐฯ กุลธิดาบินจากแคลิฟอร์เนีย มานอนที่บ้านของไทเกอร์กับเอลินที่ฟลอริด้า
เพื่อเยี่ยมหลานๆ ทั้ง 2 คน ได้แก่ แซม วัย 2 ขวบ และ ชาร์ลี วัย 9 เดือน
สำหรับเอลิน เธอไม่สบายใจเลย ตั้งแต่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ the Enquirer
เพราะเธอลองไปไล่ไทม์ไลน์ทุกอย่าง มันก็เป็นไปได้จริงๆ ที่ไทเกอร์จะแอบนอกใจเธอ
แม้จะคุยโทรศัพท์ 3 สายแล้ว เคลียร์ใจกันไปแล้ว แถมฝั่งราเชลก็ยืนยันหนักแน่น
ว่าไม่มีอะไรจริงๆ แต่เธอก็ยังค้างคาใจอยู่ดี ดังนั้นเธอตั้งใจไว้แล้วว่า จะหาข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ให้ได้
ในวันขอบคุณพระเจ้า ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ เมื่อถึงกลางดึก ทุกคนแยกย้ายเข้านอน
ไทเกอร์ที่เจอเรื่องเครียดติดต่อกันมาหลายวัน กินยานอนหลับเข้าไป
เพื่อให้ร่างกายได้พักเสียที เขาอยากนอนหลับยาวๆ หลายชั่วโมงจนถึงเช้าไปเลย
เวลา 01.00 ของคืนนั้น ระหว่างที่ไทเกอร์กำลังนอนหลับ เอลินตัดสินใจทำ
ในเรื่องที่เธอไม่เคยคิดจะทำมาก่อน นั่นคือ ... เช็กโทรศัพท์ของสามี
ที่ผ่านมา เอลินให้อิสระกับไทเกอร์มาโดยตลอด เธอไม่เคยแตะโทรศัพท์ของไทเกอร์
แต่ในวันนี้เธอต้องการรู้ความจริง
ปกติไทเกอร์จะลบหลักฐานการสนทนากับผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ในวันนั้น เขาไม่ทันระวังตัว
เพราะไม่คาดคิดว่าเอลิน ที่ไม่เคยก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวมาก่อน จะแอบเข้ามาดูมือถือแบบนี้
เอลินหยิบโทรศัพท์ของไทเกอร์ และไล่ดูประวัติการแชท
ซึ่งไทเกอร์ก็มีส่งข้อความไป Happy Thanksgiving คนอื่นๆ บ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
เธอไล่ดูมาเรื่อยๆ จนมาถึงกล่อง sms และเห็นไทเกอร์ ได้ส่งข้อความไปที่เบอร์โทรศัพท์แปลกๆ
เบอร์หนึ่ง ซึ่งไม่ได้เมมชื่อเอาไว้ โดยข้อความล่าสุด
ไทเกอร์เพิ่งพิมพ์ข้อความไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง
ประโยคนั้นเขียนว่า "คุณคือคนเดียวที่ผมรัก"
เอลินหน้าชา มือชา แต่เธอต้องการรู้ความจริงมากกว่านี้ เธอจึงส่งแมสเซจไปที่เบอร์นั้น
แกล้งทำว่าตัวเองเป็นไทเกอร์ โดยพิมพ์ว่า "ผมคิดถึงคุณนะ เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก"
เมื่อเอลินส่งข้อความไป อีกฝ่ายส่งแมสเซจกลับมาอย่างรวดเร็วว่า
"ตอนนี้ตี 1 กว่าแล้ว คุณยังไม่นอนอีกหรอ?"
เอลินอยากใจเย็นให้มากกว่านี้ แต่มันทนไม่ไหวแล้ว เธอตัดสินใจโทรไปหาเบอร์นั้นทันที
อยากรู้ที่สุด ว่าคนปลายสายคือใครกันแน่
และคนที่รับโทรศัพท์ คือ ราเชล อูชิเทล!
เมื่อได้ยินเสียงของราเชล เอลินจึงเข้าใจว่า ข่าวที่ the Enquirer นำเสนอ มันคือความจริง
สามีของเธอเล่นชู้กับผู้หญิงคนนี้ และรวมหัวกันโกหกเธอเมื่อวันก่อน
เอลิน พูดขึ้น "ฉันรู้ว่ามันต้องเป็นเธอ ตอนนี้ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว"
เมื่อราเชลได้ยินเสียงของเอลิน เธออุทานว่า "เชี่ยละ" แล้วรีบตัดสายทิ้งทันที
เหตุการณ์ต่อจากนั้น เอลิน นอร์เดเกร็น ผู้หญิงวัย 29 ปี ที่ปกติเยือกเย็นเสมอ
เธอเป็นเหมือนเทพธิดา และทำตัวดีกับทุกคน กลับน็อตหลุตอย่างสมบูรณ์
เธอกรีดร้องใส่ไทเกอร์ที่กำลังนอนอยู่
ไทเกอร์ผวาตื่นขึ้นมา เอลินขว้างโทรศัพท์ใส่หน้าไทเกอร์ เธอชกหน้าอก
และเอาเล็บข่วนหน้าไทเกอร์ จากนั้นก็กรีดร้องว่าไทเกอร์มาทรยศเธอแบบนี้ได้อย่างไร
ก่อนที่เธอจะคว้าไม้กอล์ฟที่อยู่ใกล้ที่สุด เตรียมจะไล่ฟาดไทเกอร์ด้วยความโมโห
ไทเกอร์รีบวิ่งหนีออกมาจากห้องนอน แล้ววิ่งออกนอกบ้านไปเลยด้วยเท้าเปล่า เขาตะโกนใส่เอลินด้วยเสียงดังว่า
"คุณทำลายวันขอบคุณพระเจ้าของเราพินาศหมดแล้ว พอใจหรือยังล่ะ!"
เอลินโมโหถึงขีดสุด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมาโดนอะไรแบบนี้
เธอจงรักภักดีกับสามีมาตลอด แถมยังต้องเหนื่อยสาหัส จากการเลี้ยงดูลูกเล็กสองคน
นี่หรือคือผลตอบแทนที่เธอควรได้รับ
ไทเกอร์ วิ่งมาที่รถคาดิลแลค เอสคาเลด ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เพื่อขับหนีออกไปจากจุดนี้ก่อน
เดี๋ยวพอตอนเช้า ให้อารมณ์ของเอลินเย็นลง ค่อยมาเคลียร์กันทีหลัง ถ้าเขาอยู่ตรงนี้ มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี
ไทเกอร์เหยียบคันเร่งออกจากบ้านไป แต่ด้วยฤทธิ์ของยานอนหลับ
ที่เพิ่งกินไปก่อนหน้านี้ ทำให้เขามีความมึนงง ร่างกายตื่นขึ้นมาก็จริง แต่มันก็มีความเบลอ
สุดท้ายไทเกอร์ไม่สามารถคอนโทรลรถยนต์ได้ เมื่อขับรถคาดิลแลคพ้นประตูบ้านไปได้ไม่กี่เมตร
ก็พุ่งชนกับหัวจ่ายน้ำดับเพลิงข้างทาง แล้วไถลไปชนต้นไม้ ไทเกอร์สลบเหมือดอยู่คารถ
เมื่อเกิดเหตุรถชน เอลินวิ่งออกจากบ้าน มาเห็นสภาพรถของสามีที่พังยับเยิน
เธอตกใจมาก จริงอยู่ว่าเธอโกรธไทเกอร์ แต่นาทีนั้น รู้สึกเป็นห่วงมากกว่า
ไทเกอร์ตอนนี้ไม่ได้สติ แถมยังมีเลือดกบปาก นอนคาอยู่ในซากรถ
เอลินวิ่งเข้าไปลากไทเกอร์ออกมา ให้มานอนราบบนพื้น แล้วหยิบหมอนมารองหัวเขาไว้
เสียงรถชนที่ดังสนั่น ทำให้เพื่อนบ้านชื่อ จาเรียส อดัมส์ วิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ เอลินตะโกนบอกว่า
"ช่วยด้วยค่ะ สามีของฉันขับรถชน ฉันไม่ได้เอาโทรศัพท์มา คุณช่วยโทรแจ้ง 911
ขอรถพยาบาลให้ทีได้ไหมคะ" จากนั้น เอลินก็นั่งอยู่ข้างๆ ไทเกอร์ที่ไม่ได้สติ
ขณะที่ คุณแม่-กุลธิดา ที่ได้ยินเสียงดัง ก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน เธอเดินตามออกมานอกบ้าน และเมื่อเห็นลูกชาย
เลือดท่วมแบบนั้นอยู่ข้างๆ ซากรถยนต์ เธอได้แต่ร้องไห้ และพูดว่า "เกิดอะไรขึ้น
เกิดอะไรขึ้น" และไม่กี่นาทีต่อจากนั้น รถตำรวจ กับรถพยาบาลก็มาถึง
และเอาตัวไทเกอร์ วูดส์ ไปที่ห้องฉุกเฉิน ที่โรงพยาบาลเฮลธ์ เซ็นทรัล ทันที
----------------------
เวลา 2.25 น. ไทเกอร์ไปถึงโรงพยาบาล ก่อนจะเข้าห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน
แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรรุนแรง
เขาแค่ปากแตก และฟันหักไปหนึ่งซี่ ในช่วงเที่ยงของวันรุ่งขึ้น
แพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้
โชคดีที่ร่างกายของเขาไม่เป็นอะไรมาก แต่กับเรื่องอื่นๆ เขาไม่โชคดีแบบนั้น
ด้วยความที่เหตุการณ์นี้ มีพยานในที่เกิดเหตุมากมาย เพื่อนบ้านจำนวนมากได้ยินเสียง
ไทเกอร์ กับ เอลิน ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเรื่องชู้สาว
นั่นทำให้บรรดาสื่อมวลชนรู้แล้วว่าข่าวของ the Esquirer
คือของจริง
วันรุ่งขึ้น 27 พฤศจิกายน 2009 เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก
ทุกสำนักข่าวเล่นประเด็นนี้กันหมด คือดราม่าใต้เตียงของเซเล็บมันขายได้อยู่แล้ว
ความวิบัติของไทเกอร์ คือ บรรดาผู้หญิง ที่เคยแอบมีสัมพันธ์ลับๆ กับเขา
ต่างออกมาแสดงตัวกันเรื่อยๆ ทีละคน สองคน
บางคนต้องการเงิน เลยเอาข้อมูลไปขายให้สำนักข่าว ส่วนบางคนก็แค้น
เพราะไทเกอร์ไปหลอกพวกเธอไว้ ว่าเป็นแฟนเก็บเบอร์หนึ่งรองจากเอลินแค่คนเดียว
ทั้งๆ ที่ ความจริงไทเกอร์มีผู้หญิงอยู่ในสต็อกเป็นร้อย
สำนักข่าวโจมตีไทเกอร์แบบดุเดือด ลากเรื่องกามารมณ์ออกมาแฉจนเละ
พร้อมทั้งตราหน้าว่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชนได้อย่างไร
ส่วนรายการทอล์กโชว์ ก็เอาเรื่องของเขาไปแซวอย่างสนุกสนาน
ภาพลักษณ์ของนักกอล์ฟเบอร์ 1 ของโลก ป่นปี้ไม่มีชิ้นดี
ส่วนสปอนเซอร์ ก็ทยอยถอนตัวไปทีละเจ้า
เริ่มจาก Accenture, AT&T, P&G และ นาฬิกา Tag Heuer
ในเมื่อความจริงปรากฏแล้ว
ว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้นอกใจเมีย สินค้าต่างๆ
ก็ขอแยกตัวออกมา เพราะไม่อยากให้แบรนด์ตัวเองเสื่อมเสียไปด้วย
แบรนด์ที่เคียงข้างไทเกอร์ เหลือเพียง Nike กับ EA Sports ผู้ผลิตเกมกอล์ฟเท่านั้น
ทุกคนที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ล้วนผิดหวังในตัวไทเกอร์ แต่คนที่รู้สึกเสียใจมากที่สุดมี สองคน
คนแรก คือ เอลิน นอร์เดเกร็น
เอลินไม่ใช่แค่แค้น ที่ถูกสามีนอกใจ
แต่เธอเจ็บปวดที่ทุกคนรอบตัว รวมหัวกันหลอกเธอหมดเลย
การที่ไทเกอร์จะคั่วผู้หญิงได้มากขนาดนี้ ทีมพีอาร์ เอเยนต์ โค้ช และ กลุ่มเพื่อนสนิทของไทเกอร์
ต้องรู้เรื่องอยู่แล้ว แต่กลับช่วยปิดบังไม่ให้เธอรู้เรื่อง
เอลินให้สัมภาษณ์ว่า "ยิ่งเรื่องราวถูกเปิดเผยมากขึ้นเท่าไหร่
ฉันยิ่งกลายเป็นคนโง่ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องอะไรเหล่านี้มาก่อนเลย"
ด้วยความรักที่มีต่อสามี เธอมองข้ามสัญญาณอันตรายทุกอย่าง และเชื่อใจแบบ 100%
กลายเป็นว่า ความทรยศ คือสิ่งตอบแทนที่เธอได้รับ
เอลินเป็นผู้หญิงที่มีโพรไฟล์ดีเลิศ พ่อของเธอเป็นนักข่าวที่มีชื่อเสียง
แม่ของเธอเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสวีเดน
ส่วนพี่สาวของเธอ เรียนจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย LSE
สถาบันระดับท็อปในอังกฤษ
เธอเป็นคนสวย การศึกษาดี แต่เมื่อแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายชายแล้ว
เธอก็ทำหน้าที่ภรรยาอย่างดีที่สุด
ดูแลลูกๆ และ คุณแม่ของไทเกอร์แบบไม่มีขาดตกบกพร่อง
ดังนั้นเธอคิดว่าไม่ยุติธรรมเลย
ที่ต้องมาเจอสามีแทงหลังแบบนี้
จริงๆ ตอนแรกที่รู้เรื่องราเชล อูชิเทล เอลินก็ลังเลใจว่าจะให้อภัยไทเกอร์ดีไหม คนเราก็พลาดได้ทั้งนั้น
แต่พอมีคนที่ 2 3 4 ไปจนถึงหลักสิบ และไปจบที่ 120 คน เธอก็คิดว่า ไม่ไหวแล้วจริงๆ
หนึ่งในชู้ของไทเกอร์ มีชื่อว่า เรย์เชล ครูดิเอต สาววัย 21 ปี ที่เป็นเพื่อนบ้านของไทเกอร์
โดยเอลินรู้จักกับเรย์เชลมานานมาก ตั้งแต่เรย์เชลอายุ 14 ปี เพราะอยู่บ้านใกล้กัน
เรย์เชล ครูดิเอต ออกมาแฉว่า ตอนเอลินไม่อยู่บ้าน
ไทเกอร์แอบเอาเธอเข้าไปมีสัมพันธ์สวาทในบ้านเลย
ใกล้ๆ กับเตียงของลูกๆ เลยด้วย
เอลิน ไม่คิดฝันว่าไทเกอร์จะเก็บแต้มทุกคน
แม้กระทั่งเพื่อนบ้านที่รู้จักกันก็ยังไม่เว้น
แล้วมาเอากันในบ้านของเธอด้วย
ดังนั้นเอลินไม่รู้จะให้อภัยไทเกอร์ได้อย่างไร
มันหยามเกียรติ หยามศักดิ์ศรีกันเกินไป
เอลินกล่าวว่า "ชีวิตของคุณกำลังสวยงาม แล้วอยู่ๆ วันหนึ่ง
คุณก็ได้รู้ ว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเลย นี่มันเหมือนกับตกนรกชัดๆ"
นอกจากเอลินแล้ว อีกคนหนึ่งที่เสียใจที่สุด คือ กุลธิดา -แม่ของไทเกอร์
กุลธิดาเป็นคนที่ยอมอุทิศตนเพื่อลูกชายได้ทุกอย่าง 
แม้ต้องฝืนใจอยู่กับเอิร์ลเพื่อให้ครอบครัวเป็นครอบครัว เธอก็ทำได้
สิ่งเดียวที่เธอขอไทเกอร์ คือ อย่าทำตัวเหมือนพ่อเป็นอันขาด
อย่าทำให้ภรรยาต้องเสียใจ อย่าทรยศครอบครัวของตัวเอง
แต่ในวันนี้ เธอก็เห็นแล้วว่า ไทเกอร์ไม่สามารถทำได้
เขาเดินตามรอยของคุณพ่อเป๊ะเลยทีเดียว
สำหรับไทเกอร์ วูดส์ ก่อนจะเกิดเรื่อง เขาคือนักกอล์ฟมหัศจรรย์
ผู้คว้าแชมป์เมเจอร์ 14 รายการ
และเป็นนักกีฬาที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอีกด้วย
แต่ในชั่วพริบตาเดียว เขาโดนกระชากลงมาจากจุดสูงสุด
สูญเสียทั้งครอบครัว, สูญเสียทั้งรายได้, สูญเสียความเชื่อใจ
และ สูญเสียสถานะทางสังคมไปอย่างสิ้นเชิง
สายตาที่คนทั้งโลกมองเขา
ไม่มีวันจะเหมือนเดิมได้อีกแล้วนับจากวันนี้
นี่คือความจริงอันโหดร้ายที่ไทเกอร์ต้องเจอ
แต่ในเมื่อคุณกล้าเล่นกับไฟ
จะแปลกอะไร ถ้าจะถูกกองไฟ เผาไหม้จนไม่เหลือชิ้นดี


[ จบ EP.6 ซีรีส์ กุลธิดา - ไทเกอร์ วูดส์ ]


First Things First Every Day: Daily Reflections- Because Where You're Headed Is More Important Than How Fast You Get There : (February 19)


 February 19


Feb 17, 2025

First Things First Every Day: Daily Reflections- Because Where You're Headed Is More Important Than How Fast You Get There : (February 17)

 










February 17


17 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2568


https://lifestylesmagazine.com/

 

ไมเคิล จอร์แดน บริจาคเงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 340 ล้านบาท ให้มูลนิธิเด็กป่วยโรคร้าย

โดย ทรงวุฒิ อุ่นบริบูรณ์

เขียนเมื่อ 16/02/2023 

https://mainstand.co.th/


ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ของทุกปี ตรงกับวันเกิดของ ไมเคิล จอร์แดน
ตำนานนักกีฬาบาสเกตบอล NBA ชื่อดังของชิคาโก บูลส์
ซึ่งในปีนี้เจ้าตัวกำลังจะอายุย่างเข้าเลข 6 อย่างเป็นทางการ
เมื่อเข้าใกล้วันเกิดทั้งที ไมเคิล จอร์แดน
ได้บริจาคเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือประมาณ 340 ล้านบาท
ให้กับมูลนิธิ Make-A-Wish ซึ่งเป็นมูลนิธิที่คอยช่วยเหลือเด็ก ๆ
ที่ป่วยเป็นโรคร้าย
การบริจาคเงินของ ไมเคิล จอร์แดน ในครั้งนี้
ถือเป็นการบริจาคมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 43 ปี
ขององค์กรซึ่งไมเคิล จอร์แดน ต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
เพื่อเติมเต็มความฝันของเด็ก ๆ
"ตลอด 34 ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ
มูลนิธิ Make-A-Wish เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็ก ๆ
ผมนึกไม่ออกเลยว่าของขวัญวันเกิดที่ดีการได้เห็นคนอื่นๆ
เข้าร่วมสนับสนุนมูลนิธิ Make-A-Wish
เพื่อให้เด็กๆ ทุกคนได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่
ของการทำให้ความฝันของพวกเด็กๆเหล่านี้เป็นจริง"

ไมเคิล จอร์แดน ได้รับการยกย่องจากหลาย ๆ คนว่า
เป็นนักบาสเก็ตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยได้รับรางวัล NBA Finals MVP ถึง 6 รางวัล
นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัล MVP 5 ฤดูกาล
และเป็น All-Star 14 สมัย
ในตลอดการเล่นอาชีพของเขา
รวมถึงเป็นผู้นำแฟชั่นในเรื่องของรองเท้าอีกด้วย

Feb 16, 2025

พี่ซุป-วิวัฒน์ วงศ์ภัทรฐิติ


ประวัติ (https://th.wikipedia.org)

วิวัฒน์ วงศ์ภัทรฐิติ ได้ถูกชักชวนจาก อาจารย์กรรณิกา ธรรมเกษร ให้มาเป็นพิธีกรรายการ ซูเปอร์จิ๋ว ซึ่งเป็นรายการที่ผลิตโดย บริษัท ภาษร โปรดักชัน จำกัด (บริษัทของอาจารย์กรรณิกา) ก่อนที่วิวัฒน์ จะก่อตั้ง บริษัท ซูเปอร์จิ๋ว จำกัด เพื่อรับรายการนี้มาผลิตต่อจากบริษัท ภาษร โปรดักชัน จำกัด และในเวลาต่อมาได้ผลิตรายการอื่น เพื่อออกอากาศในสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ เช่น สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวีสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และ สถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ทีวี เป็นต้น


 f       พี่ซุป ซูเปอร์จิ๋ว

‘ซุป วิวัฒน์​’ เขียนถึง ‘ซูเปอร์จิ๋ว’ ครบรอบ 33 ปี ผ่านช่วงลำบากและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

วันที่ 28 สิงหาคม 2566 
เป็นอีกรายการวาไรตี้สำหรับเด็กและเยาวชนที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน และ
กำลังก้าวขึ้นสู่ปีที่ 33 ของรายการ ‘ซูเปอร์จิ๋ว’
ที่ล่าสุด ซุป วิวัฒน์​ วงศ์ภัทรฐิติ หรือ ซุป ซูเปอร์จิ๋ว
ได้ออกมาเขียนเล่าวิวัฒนาการของรายการจากวันแรก
จนกลายมาเป็น Super 10 (ซูเปอร์เท็น)

ในปัจจุบัน โดยมีรายละเอียดว่า
‘ซูเปอร์จิ๋ว กำลังก้าวขึ้นสู่ปีที่ 33 ครับ
นับเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก นะครับ
สำหรับรายการโทรทัศน์ รายการหนึ่ง
ที่ตั้งใจ ยืนหยัด บนความเชื่อว่า “เด็กคือทรัพยาการ ที่มีค่าที่สุด”
เราผ่านช่วงเวลา ที่ยากลำบากที่สุด มาหลายครั้ง
ไม่มีโฆษณา วิกฤตเศรษฐกิจ ถูกย้ายเวลาออกอากาศ
ต่อสู้กับการหลุดผัง ฯลฯ
จาก ซูเปอร์จิ๋ว วันแรก ในปี 2534 ถึง
ซูเปอร์จิ๋ว Super10 ในวันนี้
เราผ่านการ เปลี่ยนแปลงตัวเอง ครั้งใหญ่
นับครั้งไม่ถ้วน เพื่อให้สามารถ คงอยู่ได้ ตามยุคสมัย
ลำพังแค่ความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่ง
คงไม่สามารถพาให้ ซูเปอร์จิ๋ว เดินทางมาถึงวันนี้ได้
ทุกการก้าวเดิน ของเรา เราโชคดี ที่ได้รับการสนับสนุน
จากผู้คน จำนวนมาก
สถานี ผู้สนับสนุนรายการ
ผู้ร่วมรายการ ทีมงาน
และ ผู้ชมที่รัก ของเรา
จากก้าวแรก บนเส้นทางที่พวกเราเชื่อมั่น
สู่ก้าวปี ที่ 33 ซูเปอร์จิ๋ว จะจัดงานใหญ่ 3 งานครับ
งานประมูลผลงานศิลปะ SuperArt Charity
งานฟุตบอลการกุศล Super10 Cup
งานวิ่งการกุศล Super10 Run
รายได้ทั้งหมดจากการจัดงาน
ไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้การกุศล 100%
เพื่อส่งมอบให้ กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ส่งต่อความฝันให้เด็กๆ ที่ ตั้งใจเรียน แต่ขาดโอกาส
ได้มีอนาคตที่ดี เรียนจบ สายอาชีพ อย่างที่ฝันและตั้งใจ
โอกาสหน้า จะมาเล่ารายละเอียดแต่ละงานให้รับทราบนะครับ
กำลังใจ และ การสนับสนุน จากทุกๆคน
ทำให้ ซูเปอร์จิ๋ว เดินทาง มาได้ถึงวันนี้
และเรามุ่งมั่น ที่จะเดินต่อไป
ขอบคุณจากใจ ครับ

พี่ซุป

First Things First Every Day: Daily Reflections- Because Where You're Headed Is More Important Than How Fast You Get There : (February 16)

February 16


 

Feb 14, 2025

Happy Valentine's Day 14 February 2025



f Prapas Cholsaranon

Happy Valentine's Day
“รักเป็นดั่งต้นไม้”
เพลงรักที่เคยแต่งไว้เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้ว
จักรพัฒน์ เอี่ยมหนุน นำมาบรรเลงด้วยเปียโน
น้องอรนุชมาทำภาพที่แสนน่ารักด้วยเทคนิคใหม่ ๆ ของปัจจุบัน
น่าเอ็นดูจริง ๆ ลองเปิดดูสิครับ ลิงก์อยู่ในคอมเมนท์
จะส่งให้ใครแทนการ์ดวันนี้ ก็ยินดีครับ

f Tocktum Pansit


ในวันวาเลนไทน์ปี 1990
เสื้อเบอร์ 12 ในหน้าประวัติศาสตร์วาเลนไทน์ NBA
วันที่ 14 เดือน 2 ฉลองวาเลนไทน์กับผู้ชายคนนี้ดีกว่า
เมื่อพูดถึง ไมเคิล จอร์แดน ยอดตำนานนักยัดห่วง NBA เบอร์เสื้อที่เราคุ้นเคยมีไม่มากนัก 23
คือหมายเลขประจำตัวที่เขาใส่จนประสบความสำเร็จกับ ชิคาโก้ บูลส์ รวมถึงตอนปลายอาชีพกับ วอชิงตัน วิซาร์ดส์
หมายเลข 9 คือเบอร์ที่ใช้ในทีมชาติ จำแม่นที่สุดก็โอลิมปิก 1992 ในฐานะ ดรีมทีม 1
หมายเลข 45 คือเบอร์ที่ใส่ช่วงไปตีเบสบอล และใช้อีกครั้งเมื่อกลับสู่ บูลส์ รอบสองมาจากเล่นเบสบอลอาชีพ
ทั้งนี้อีกหมายเลขที่แฟนบาสจำแม่นเพราะเขาใส่ลงสนามครั้งเดียวในอาชีพ นั่นคือหมายเลข 12
ในวันวาเลนไทน์ปี 1990 เกมพบ ออร์แลนโด แมจิก
ใส่ลงสนามตั้งแต่เริ่มแรก
ตามข่าวรายงานว่า 1 ชั่วโมงก่อนแข่ง
มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามย่องเข้าไปในล็อกเกอร์รูม
ของ บูลส์แล้วฉกชุดแข่งของ จอร์แดน
ไปร้อนไปถึงทีมงานต้องเร่งแก้ไขหาชุดให้ MJ
ใส่ลงสนาม
เริ่มจากหาชุดแข่งของจอร์แดนในสนาม Amway Center
บ้านของแมจิก ไม่ว่าจะเป็นตัวที่หาย หรือของใหม่ทว่าไม่เป็นผล
ต้องวนหาในล็อกเกอร์ของทีมก็เหลือเสื้อแบบไม่ปัก
นามสกุลอยู่ ซึ่งเป็นเสื้อที่ไม่มีผู้เล่นคนไหน
เป็นเจ้าของนี่เอง จอร์แดน จึงเลือกเบอร์ 12
คืนนั้นเจ้าตัวจัดไป 49 แต้ม 7 รีบาวด์

ราวบทละครไหมละ


First Things First Every Day: Daily Reflections- Because Where You're Headed Is More Important Than How Fast You Get There : (February 14)


 February 14

Feb 12, 2025

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชา 2568


ภาพ f      Thai PBS


โดย PPTV Online   เผยแพร่ 12 ก.พ. 2568 , 11:12น.


เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชา จงหมั่นเตือนตนด้วยตนเอง อย่าได้ย่อหย่อนในการขัดเกลากาย วาจา และใจ
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เผยแพร่ พระคติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชา 12 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า “ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัท น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก 1,250 รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน 3 ที่เรียกอีกอย่างว่า วันจาตุรงคสันนิบาต

วันจาตุรงคสันนิบาต อาจเตือนใจพุทธศาสนิกชน ให้น้อมรำลึกถึงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานวิธีการประกาศพระศาสนา อันนักเผยแผ่ และผู้สดับธรรมะ พึงน้อมนำมาเป็นวิถีทางประพฤติแห่งตน กล่าวคือ อนูปวาโท การไม่พูดร้าย 1 อนูปฆาโต การไม่ทำร้าย 1 ซึ่งทั้งสองวิธีการนี้ ล้วนประมวลอยู่ในกุศลกรรมบถทั้งสิ้น ทั้งนี้ สังคมไทยและสังคมโลกในปัจจุบัน ถูกขับเคลื่อนไปบนกระแสชี้นำ ตามกลไกการสื่อสารอันรวดเร็วฉับไว ผู้คนจำนวนมากมักพอใจในความสะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย จนอาจมักง่าย ละเลยกระบวนการอันสุขุม รอบคอบ และชอบธรรม นำไปสู่การทำร้ายกันโดยกายทุจริต และการกล่าวร้ายกันโดยวจีทุจริต ย้อมจิตให้เสพคุ้นกับเนื้อความและรูปแบบอันก่อโทษ ประทุษร้าย หยาบกระด้าง เป็นเท็จ ส่อเสียด และเพ้อเจ้อ จนรู้สึกด้านชา หลงว่าอกุศลเป็นความดี หลงว่าความทุจริตเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งนับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา ณ โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนให้สาธุชน จงหมั่นเตือนตนด้วยตนเอง อย่าได้ย่อหย่อนในการขัดเกลากาย วาจา และใจ ให้คุ้นชินกับความประณีต อ่อนโยน สุภาพ และสุขุม เพื่อช่วยกันเหนี่ยวรั้งสังคม ให้หนักแน่นอยู่บนหลักการไม่ทำร้าย และไม่พูดร้าย อันเป็นวิธีการรักษาและเผยแผ่พระศาสนาตามพระธรรมวินัย เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที และได้พลีอุทิศตนเป็นปฏิบัติบูชา ต่อพระบรมครูผู้ประเสริฐอย่างแท้จริง

ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำรงคงมั่นอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอสาธุชนทั้งหลาย จงถึงพร้อมด้วยความอดทนและหมั่นเพียร ในอันที่จะศึกษาและเผยแผ่พระสัทธรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรืองสถาพรสืบไป เทอญ.”