เหนือสิ่งอื่นใด
- เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559
- พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) ณ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙
- The 60th Anniversary Celebrations of his Majesty King Bhumibol Adulyadej's Accession to the Throne
- 63 ปี "พระเจ้าอยู่หัว ร.๙" ผู้นำที่ไม่เหมือนใครในโลก นำพาประเทศ "อยู่ดีมีสุข"
- Supreme Artist
- เศรษฐกิจพอเพียง : Sufficiency Economy พ.ศ. ๒๕๖๓
- ทศพิธราชธรรม ๑
- ทศพิธราชธรรม ๒
- ๑๐๐ ปี สวรรคตกาลสมเด็จพระปิยมหาราช
- ร.๙ ทรงห่วงเหตุการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน
- พระบรมราโชวาท ร.๙
- "พูดแล้วต้องทํา" พระบรมราโชวาท "ในหลวง ร.๙" ทรงเตือน-ครม.
- ร. ๙ ทรงพระราชทานแก่พลเอกสุจินดา คราประยูร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง
- ร.๙ ทรงรับสั่งรมต.ถวายสัตย์ฯ
- ร.๙ ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่ตุลาการทหาร
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงป้องกันน้ำท่วม ปีพุทธศักราช ๒๕๓๘
- “ในหลวง ร.๙” ทรงฝากองคมนตรีปลูกฝังคนไทยเอื้อเฟื้อ นึกถึงส่วนรวม
- “ในหลวง ร.๙” เสด็จฯ ทอดพระเนตรดนตรีที่ศิริราช
- "ในหลวง ร.๙" เสด็จเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์-สะพานภูมิพล 1,2
- ในหลวง ร. ๙ เสด็จฯทอดพระเนตรคอนเสิร์ตแจ๊ส
- ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒
- น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ"ในหลวง ร.๙"กับ"ภูมิสารสนเทศ"
- ในหลวง ร.๙ ทรงพระราชทาน ส.ค.ส.2554 แก่พสกนิกรชาวไทย
- 'ในหลวง ร.๙' ทรงมีพระราชดำรัสให้คนไทย ทำหน้าที่ ไม่ประมาท มีสติ : ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓
- วันฉัตรมงคล (ร.๙)
- ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
- พระราชดำรัสสุดท้าย ในหลวง รัชกาลที่ 9
- ๑๒ สิงหา วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
- "สมเด็จย่า"
- เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์
- อาลัยพระพี่นางฯ
- ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดให้นายโคฟี อันนัน เฝ้าถวายรางวัลฯ (๒๕ พ.ค.๔๙)
- "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร" มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์
- พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
- ศิลปาชีพ : ประจักษ์พยานของความรัก ผูกพัน และห่วงใย
- เพลงสรรเสริญพระบารมี
- ชีวิตที่หมุนไปไม่หยุดยั้ง...พระอารมณ์ขันของพระเทพฯ
- ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนฯ
- สมเด็จพระเทพฯ กับการส่งเสริมไอที เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- สมเด็จพระเทพฯ สนพระทัยเมล็ดพันธุ์ช่วยหล่อเลี้ยงประชากร
- เครือข่ายกาญจนาภิเษก
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- ทรงพระเจริญ
- ของขวัญจากก้อนดิน
- ต้นไม้ของพ่อ
- รูปที่มีทุกบ้าน
- นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ
- ติโต
- ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙
- พระราชนิพนธ์ พระมหาชนก ที่ทุกคนพึงอ่าน
- โครงการแก้มลิง
- ทำไมเรารัก "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"
Mar 25, 2022
ความสุขอันเรียบง่ายแต่ลุ่มลึกของอู๋ - ธนากร โปษยานนท์
25 มี.ค. 59 (10:45 น.)
https://www.sanook.com/men/12873/
เป็นเวลาสิบกว่าปีที่ อู๋ - ธนากร โปษยานนท์
คือพระเอกชื่อดังคนหนึ่งของวงการละครโทรทัศน์
ก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นบทอื่นๆ เพียงปีละไม่กี่เรื่อง
จนกระทั่ง 4 - 5 ปีหลังมานี้ที่คนดูละครเริ่มกลับมาสนใจเขา
อีกครั้งในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาทแม้ไม่ใช่พระเอก
แต่ก็สร้างกระแสชื่นชมในฝีมือการแสดงไม่แพ้เมื่อก่อน
และล่าสุดแฟนละครจำนวนไม่น้อยต่างสมัครเป็น #ทีมน้าราม
แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเขาหันมาศึกษาธรรมะ
และปฏิบัติอย่างจริงจังคนหนึ่งเลยทีเดียว
ทราบว่าสนใจศึกษาธรรมะมาระยะหนึ่งแล้ว
ย้อนไปเมื่อสี่ปีก่อน มีโอกาสบวชเป็นครั้งที่สองที่
วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ผมเคยบวชครั้งแรกตอนอายุสามสิบ
จริง ๆ ตั้งใจจะบวชตอนเบญจเพส แต่ไม่มีเวลา
พอคุณพ่อเสียและพอมีเวลาก็เลยบวช
แต่ตอนนั้นประตูธรรมะก็ยังไม่เปิด
จำได้ว่าก่อนสึกพระอาจารย์สอนว่า
เราออกมาจากกองมูตรแล้วนะ
แต่สุดท้ายผมก็กระโดดลงไปใหม่
คราวนี้ใช้ชีวิตเละเทะหนักกว่าเดิม
ครั้งแรกบวชที่วัดไหนคะ
ทำไมออกมาเป็นอย่างนั้นได้ วัดบวรฯครับ
แต่ผมว่าไม่เกี่ยวกับวัดนะ มันอยู่ที่ตัวคน
ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหนกแล้วแต่
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราหมด ไม่เกี่ยวกับสถานที่
เหมือนเราไปนั่งวิปัสสนาในป่า ถ้าใจเราไม่สงบ ม
นก็ไม่สงบ สถานที่ไม่ช่วยอะไร
ทำไมถึงบวชครั้งที่สองคะ
ก่อนบวชครั้งที่สองประมาณหนึ่งปี
พี่ที่เป็นหุ้นส่วนบริษัทเป็นมะเร็ง จริง ๆ พี่คนนี้
ไม่เห็นความสำคัญของการบวช ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง
เขาเชื่อแค่ว่ามีคำสอนเท่านั้น
จะว่าไปการบวชครั้งแรกของผมก็มีข้อดี
คืออย่างน้อยเวลาที่เจอเหตุการณ์ร้าย ๆ
ก็คิดว่าธรรมะช่วยได้ จึงพาเขาไปหาพระอาจารย์ที่วัดบวรฯ
ไปขอบวช
พอเขาเขียนใบสมัครเสร็จ ผมก็ไม่รู้ยังไง ยกมือไหว้พระอาจารย์
บอกว่าขอบวชด้วยคนครับหลังบวชก็ไปอยู่ที่วัดวังพุไทร
จังหวัดเพชรบุรีและอีกวัดที่ปากช่อง
บวชคราวนี้พระอาจารย์บอกว่าบวชนานนะ บวชสองเดือน
คือบวชเดือนธันวาคมปีนี้ แล้วไปสึกมกราคมปีถัดมา
จริง ๆ แล้วคือบวชเดือนเดียว
ระหว่างบวชเป็นอย่างไรบ้างคะ
ตอนบวชพระอาจารย์ไม่ได้ให้ฝึกอะไรมาก ส่วนใหญ่ผมฟังธรรมะของหลวงปู่ชาแล้วนำมาปฏิบัติเองมากกว่า
สิ่งที่พระอาจารย์สอนส่วนใหญ่เป็นเรื่องการใช้ชีวิตทางโลกว่าใช้อย่างไรให้พอเหมาะพอดี
เหตุที่ท่านสอนอย่างนี้คงเป็นเพราะเห็นว่าผมไม่ได้บวชระยะยาว อย่างไรเสียก็ต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอก
อย่างเรื่องการดื่ม พระอาจารย์ก็บอกว่าถ้าจำเป็นต้องไปงานก็ให้ดื่มแต่พอประมาณ อย่าดื่มมากเกินไป
สิ่งหนึ่งที่พระอาจารย์เคยสอนแล้วผมมองว่าเป็นเรื่องยากที่คนทางโลกจะเข้าใจก็คือ
เมื่อพ่อแม่ป่วยแล้วท่านไม่ยอมกินข้าวเราก็อยากป้อนข้าวท่าน แต่ไม่เคยมองเลยว่านั่นคือการทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์
ฉะนั้นเราก็ต้องวางอุเบกขา ไม่อย่างนั้นจะเป็นการก่อกรรมต่อกัน ในอีกมุมหนึ่ง พระท่านบอกว่า
นั่นอาจเป็นกรรมของพ่อแม่ก็ได้ที่ทำให้ท่านไม่อยากกินข้าว
อย่างเรื่องของพระทางอีสานที่ถูกฆาตกรรม
แล้วโยมพ่อของท่านออกมาบอกว่าอโหสิกรรมให้ เรื่องเหล่านี้ผมมองว่าเป็นเรื่องยาก
ตอนบวชได้ไปธุดงค์ไหมคะ
ไม่ครับ เพราะพระที่จะไปนั่งอยู่โคนต้นไม้ออกธุดงค์ด้วยตนเองได้ต้องบวชไม่ต่ำกว่าสี่ปี
พระที่บวชต้องอยู่กับพระพี่เลี้ยงก่อน ถ้าไปธุดงค์เลยอาจบ้าได้ แล้วระยะเวลาในการบวชของผมก็สั้นเกินไป
ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ แต่บวชครั้งแรกผมก็นอนผ้าห่มศพ นอนข้างหลวงปู่ที่มรณภาพอยู่กับของคนตาย
ฉันอาหารมื้อเดียวแบบใส่อาหารรวมกันในบาตร คือทำตามหลักปฏิบัติของพระธุดงค์ แต่ไม่ได้ออกธุดงค์เท่านั้นเอง
กลัวผีไหมคะ
เรื่องผีถ้าคิดก็กลัว ถ้าไม่คิดก็ไม่กลัวอย่างวันแรกที่ไปอยู่ต่างจังหวัด พระอาจารย์สอนนั่งสมาธิ เดินจงกรมจนถึงตีสอง
แล้วบอกให้ผมไปเดินจงกรมก่อนเข้ากุฏิ ตอนนั้นมืดมาก
มองไม่เห็นอะไรเลย ใจก็คิดไปแล้วว่าถ้าหันไปเจอนั่งรอ
เป็นแถวจะทำอย่างไรดีพอคิดอย่างนั้น
เดินรอบแรกขาก็เริ่มก้าวเร็วขึ้น พอขึ้นรอบที่สองในใจก็คิดว่า ผมเพิ่งบวชใหม่นะ ยังไม่มีบุญ อย่าเพิ่งมา
พอคิดแบบนี้ก็เดินได้แค่สี่รอบ สุดท้ายถึงรู้ว่าทั้งหมดมันอยู่ที่ใจ พอเราคิดไปต่าง ๆ นานาก็เกิดความกลัว
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับใจเราทั้งนั้น เขาถึงบอกว่าห้ามปล่อยใจไปตามอารมณ์
ตอนบวชผมได้ไปอยู่ที่สำนักสงฆ์ซึ่งมีเชิงตะกอนเผาศพเป็นกองฟืนสุมกันขึ้นไปแล้วเผาศพกันกลางแจ้ง
กลับเข้ากุฏิก็มีผ้าห่อศพรออยู่อีก ต้องอยู่กับความตายตลอดเวลา
ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือกลัวอะไร เพราะคิดว่าถ้าพระอาจารย์ให้มา ท่านก็คงหวังดี
การทำอย่างนี้เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่พระอาจารย์ต้องการสอนว่า เราจะไปอยู่ที่ไหนหรือนอนตรงไหนก็ได้
ตอนบวชมีของไม่มากมีแค่บาตร ผ้าครอง แปรงสีฟัน ยาสีฟันเท่านั้นเอง
จะไปไหนก็สะดวกแต่พอกลับออกมาอยู่ทางโลก จะไปไหนทีต้องเตรียมของเยอะ
ถ้ามีโอกาสผมก็อยากไปบวชอีก ช่วงนี้พยายามหาธรรมะมาฟัง นอกจากหลวงปู่ชาแล้วก็มีของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
หลวงปู่ขาวอนาลโย ส่วนใหญ่เป็นสายหลวงปู่มั่น ซึ่งหาฟังค่อนข้างยาก
ได้อะไรจากการบวชครั้งนี้คะ
ได้เห็นแนวทางในการใช้ชีวิต ก่อนบวชครั้งนี้
ก็ไม่รู้ว่าอยู่ดี ๆ ทำไมอยากหาธรรมะฟังอาจ
เป็นช่วงที่ใช้ชีวิตเละเทะ แล้วเริ่มรู้สึกว่าไปจนสุดทางแล้ว
มันไม่สนุก ไม่มีอะไรใหม่เลย อยากหาแนวทางอื่น ๆ
ในการใช้ชีวิตจึงลองเสิร์ชหาในอินเทอร์เน็ต
โดยพิมพ์คำว่าหลวงปู่ แล้วก็มีชื่อหลวงปู่ชาขึ้นมา
พอลองฟังดูก็รู้สึกว่าธรรมะที่ท่านสอนไม่มีศัพท์อะไรยาก
พอคิดตามสิ่งที่ท่านสอน ก็นั่งหัวเราะว่า “กูโง่มานานมาก”
อย่างที่บอกครับ เราอยู่ที่ไหน ถ้าใจไม่เป็นสุข
เราก็ไม่มีความสุขเราต้องกลับมามองตัวเอง
หลวงปู่ชาบอกว่าถ้าให้คนเอานิ้วแหย่เข้าไปในรู
ถ้าแหย่ลงไปไม่ถึงก้นรู ทุกคนจะบอกว่ารูมันลึก
ไม่เคยมีใครบอกว่านิ้วเราสั้น
ท่านสอนให้เรากลับมามองตัวเองมากกว่าไปโทษสิ่งแวดล้อม
ผมจึงเริ่มกลับมามองตัวเอง เมื่อก่อนผมเอาตัวเองเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ชอบไม่ชอบอะไรก็ใช้ตัวเองวัด
สิ่งหนึ่งที่ได้จากคำสอนของท่านก็คือ
ความทุกข์คือกิเลสอย่างหยาบ
ความสุขคือกิเลสอย่างละเอียด
การที่เราไปยึดติดกับความสุข
เพราะคิดว่ามันจะตอบสนองชีวิตเรา
กลับยิ่งทำให้เป็นทุกข์หนักกว่า
เพราะความทุกข์กับความสุขมันคือสิ่งเดียวกัน
เพียงแต่มันแปรสภาพ
สุขมากก็ทุกข์มาก
ดังนั้นจงรับสุขพอสมควรทุกข์พอสมควร
รับสรรเสริญพอสมควรรับนินทาพอสมควร
ต้องมองว่าชีวิตมีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง
หลังจากบวชครั้งที่สอง ความคิดเรื่องการดำเนินชีวิตเปลี่ยนไปไหมคะ
ดูเหมือนว่าธรรมะทำให้คุณอู๋นิ่งมากขึ้น
ไม่นิ่งหรอกครับ ถึงเวลาที่มันเละเทะมันก็เละเทะครับ แต่ก็พยายามดึงกลับมาหรือเวลาที่ใจมันฟูขึ้นมามาก ๆ
ก็จะหยุดพยายามมีสติในทุก ๆ ลมหายใจ ผมตั้งใจไว้ว่า ทุกวันอังคารซึ่งเป็นวันเกิดของผม
ผมจะพยายามถือศีล 8 และจะดูตัวเองให้รู้ตัวอยู่ตลอด
ถ้าต้องไปทำงานก็ทำได้ตามปกติเพราะตราบใดที่ยังหายใจอยู่ก็ทำได้ตลอดเวลา การทำงานไม่ได้ขัดขวางการดูตัวเอง
การทำบุญในมุมมองของคุณอู๋คืออะไรคะ
ผมมองคำว่าทำบุญตามแบบหลวงปู่ชาที่ท่านสอนว่า คนเราถ้าทำบุญแล้วไม่ละบาป จะได้บุญได้อย่างไร
ตอนนี้เราละบาปก่อนถ้าจิตคุณสงบก็ถือว่าได้ทำบุญแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับวัตถุหรือสิ่งของอะไรพวกนี้เลย
ผมจะเข้าวัดทุกครั้งที่มีโอกาสตอนเช้า ๆ ถ้าไม่ติดธุระอะไรจะขี่จักรยานไปเป็นเด็กวัดที่วัดบวรฯ
ช่วยจัดของถือของหรือตอนบวช ก่อนที่สมเด็จพระสังฆราชจะสิ้น ผมก็มีโอกาสไปเฝ้าอยู่ที่นั่น
คนเป็นจำนวนไม่น้อยมองว่าเรื่องทางโลกกับทางธรรมแยกจากกันคิดอย่างไรกับเรื่องนี้คะ
บวชครั้งแรกผมก็คิดว่าทางโลกกับทางธรรมคนละเส้นทางกัน แต่บวชครั้งที่สองถึงรู้ว่า
จริง ๆ แล้วมันคือทางเดียวกันเลยเพราะตอนเกิดมา เราก็เกิดจากธรรมชาติธรรมชาติก็คือธรรมะ
แล้วจะบอกว่าชีวิตเราไม่เกี่ยวกับธรรมะได้อย่างไร มันแยกกันไม่ออกเลยนะครับ
ธรรมะกับชีวิต หลายคนคิดว่าต้องมีทุกข์ก่อนแล้วจึงจะเริ่มหาธรรมะ แต่ถ้าเขารู้และทำความเข้าใจ
ก็จะรู้ว่าธรรมะคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราทั้งหมด พื้นฐานง่าย ๆ ก็คือศีล บางคนบอกว่าถือศีลลำบาก
ถ้าศีล 8 ไม่ได้ก็ถือศีล 5 ถ้าถือศีล 5 ไม่ได้ก็เอาแค่ 3 ข้อ คือ สำรวมกาย วาจา ใจ
สำรวมวาจาคือไม่พูดจากระทบคนอื่น สำรวมใจคือไม่คิดร้ายกับคนอื่น
สำรวมกายคือประพฤติตนให้ดูเรียบร้อยเหมาะสม ทำ 3 ข้อนี้ได้คุณก็ได้ศีล 5 แล้ว
ความทุกข์ที่สุดของมนุษย์คืออะไรคะ
ความมีตัวตนครับ คนเราเกิดมาด้วยจิตประภัสสร คือจิตบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเลยอาจมีนิสัยเก่าติดมาจากชาติที่แล้วบ้าง
พอโตมาก็มีสิ่งที่เราชอบบ้างไม่ชอบบ้าง สิ่งเหล่านี้สร้างตัวตนให้เรามากขึ้นเรื่อย ๆ
จึงทำให้คนเราเป็นทุกข์เพราะความมีตัวตนของตัวเอง
ผมเองก็มีความทุกข์จากการมีตัวตนบ้าง
แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเอาตัวตนนั้นไปทำอะไรที่ไหนมากกว่า เช่น
บางทีเราพูดแบบไม่ได้คิดทำให้รู้สึกแย่
จึงพยายามมีสติตลอดเวลา
เวลาเครียด มีวิธีรับมืออย่างไรคะ
คนเป็นจำนวนไม่น้อยมองว่าเรื่องทางโลกกับทางธรรมแยกจากกันคิดอย่างไรกับเรื่องนี้คะ
บวชครั้งแรกผมก็คิดว่าทางโลกกับทางธรรมคนละเส้นทางกัน แต่บวชครั้งที่สองถึงรู้ว่า
จริง ๆ แล้วมันคือทางเดียวกันเลยเพราะตอนเกิดมา เราก็เกิดจากธรรมชาติธรรมชาติก็คือธรรมะ
แล้วจะบอกว่าชีวิตเราไม่เกี่ยวกับธรรมะได้อย่างไร มันแยกกันไม่ออกเลยนะครับ ธรรมะกับชีวิต
หลายคนคิดว่าต้องมีทุกข์ก่อนแล้วจึงจะเริ่มหาธรรมะ แต่ถ้าเขารู้และทำความเข้าใจ
ก็จะรู้ว่าธรรมะคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราทั้งหมด พื้นฐานง่าย ๆ ก็คือศีล บางคนบอกว่าถือศีลลำบาก
ถ้าศีล 8 ไม่ได้ก็ถือศีล 5 ถ้าถือศีล 5 ไม่ได้ก็เอาแค่ 3 ข้อ คือ สำรวมกาย วาจา ใจ
สำรวมวาจาคือไม่พูดจากระทบคนอื่น สำรวมใจคือไม่คิดร้ายกับคนอื่น
สำรวมกายคือประพฤติตนให้ดูเรียบร้อยเหมาะสม ทำ 3 ข้อนี้ได้คุณก็ได้ศีล 5 แล้ว
เราจะพัฒนาตัวเองอย่างไร
ถ้าให้แนะนำ ผมชวนให้ฟังหลวงปู่ชาครับ อย่างคุณแม่ผม ผมทำไอพ็อดเล็ก ๆ เอาไว้ให้ฟัง ใครที่มีความทุกข์
ก็ลองฟังธรรมะ สวดมนต์ น้ำหยดลงตุ่มวันละหยดตุ่มยังเต็มเลยครับ ผมเองก็พยายามลดละมา 4 ปีแล้ว
พยายามฝึกดึงสติกลับมาอยู่ที่ลมหายใจ ทำจิตให้นิ่ง แต่ก็ได้เป็นบางจังหวะเท่านั้นครับ ยังไม่ได้ตลอดเวลา
ช่วงเข้าวงการใหม่ๆ คุณอู๋นับเป็นพระเอกดังคนหนึ่งของวงการจากนั้นก็เงียบไป ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร เสียดายไหมคะ
ไม่รู้สึกอะไรครับ ไม่เสียดาย เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะดังขึ้นมาถึงขนาดนั้นผมบอกตัวเองมา
ตั้งแต่เข้าวงการว่าเราเป็นนักแสดง ไม่ได้ยึดติดอะไร แสดงบทอะไรก็ได้
พอกลับมามีกระแสอีกครั้ง รู้สึกอย่างไรคะ
ก็ทำตัวตามปกติ กระแสที่เกิดขึ้นทำให้เราหายเหนื่อยเท่านั้น เป็นเหมือนรางวัลครับมีบ้างที่ทำให้หัวใจเราพองโต
แต่ถ้าเราเข้าใจคำว่ากระแส จะรู้ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ได้นำธรรมะมาใช้ในการเล่นละครอย่างไรบ้างคะ
เวลาอยู่หน้ากล้อง ถ้าเราวางตัวตนของเราได้ ก็จะเอาตัวละครมาใส่ได้
เคยมีด๊อกเตอร์ท่านหนึ่งที่ศึกษาธรรมะบอกว่าไอ้พวกดารานี่มันหลุดพ้นยาก ผมก็เห็นด้วยจริงของท่าน
เพราะอาชีพนี้ต้องใช้อารมณ์ทั้งหมด ถ้าเราไม่สามารถเอาตัวเองออกจากฉากละครนั้น ๆ ก็จะลำบาก
ที่ผ่านมาผมไม่เคยยึดเอาไว้เลย แสดงจบก็คือจบ เคยมีช่วงท้อแท้ในชีวิตบ้างไหมคะ
ท้อแท้ในเป้าหมายของชีวิตมากกว่าครับ ก่อนบวช ชีวิตเหมือนลอย ๆ อยู่
ไม่รู้ว่าเป้าหมายของชีวิตคืออะไร ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน แต่พอได้บวชก็ไม่ได้คิดถึงตรงนั้นไม่ได้รู้สึกเป็นทุกข์กับอนาคต
ที่เราไม่รู้เหมือนได้เจอคำตอบในชีวิต แม้จะยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
ในฐานะที่มีธุรกิจของตัวเองด้วยธรรมะสวนทางกับการทำธุรกิจที่ต้องการกำไรสูงสุดบ้างหรือไม่คะ
โชคดีที่ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องของราคาเรื่องกำไร ผมทำอาหารอย่างเดียว ราคาผมก็ไม่ได้ตั้ง
เรื่องของบริษัท พี่กล้วย (กิตติ แจ้งวัฒนะ) เป็นคนดูแลทั้งหมด
ไม่ได้หมายความผมโยนบาปให้เขานะครับแต่มองว่าพี่เขามีความเป็นธรรมเรื่องราคา
และผมก็ไม่มีเวลาเข้าไปจัดการ เนื่องจากติดงานแสดง
ครั้งหนึ่งผมเคยมองว่าเงินสำคัญมากเพราะหาเลี้ยงตัวเองได้มาตั้งแต่เริ่มทำงาน ตอนนั้นผมฟุ้งเฟ้อไปกับการใช้เงิน
ไม่ได้สนุกฟุ้งเฟ้อไปกับชื่อเสียงนะครับ แต่หลงระเริงกับชีวิตที่เป็นอิสระ หาเงินได้เองโดยไม่ได้รบกวนขอเงินพ่อแม่
อยากใช้เงินอย่างไรก็ใช้ไป สมัยก่อนจะซื้ออะไรก็ต้องเป็นรุ่นท็อปเท่านั้น ต้องดีที่สุด
เดี๋ยวนี้ซื้อเฉพาะเท่าที่จำเป็น ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่ใช้เงินไปเพื่อสนองกิเลสตัวเอง
ตอนนี้ชอบใช้เงินซื้ออาหารให้คนในกองถ่ายกินกัน ซื้อวัตถุดิบไปให้น้อง ๆ ที่ร้านทำอาหาร
จะออกเป็นแนวนี้มากกว่าคือผมเริ่มให้คนรอบตัวมากกว่าให้ตัวเองอาจเป็น
เพราะผมชอบเห็นคนกินข้าว เวลาเขาได้กินของอร่อยผมจะมีความสุข นิสัยนี้ผมเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว
พูดได้ไหมว่าความสุขของคุณอู๋คือการเห็นคนอื่นมีความสุข
ส่วนหนึ่งครับ แต่อย่าอยู่บนความทุกข์ของผมก็พอ อย่างเช่น ถ้าผมนั่งกินข้าวอยู่แล้วมีคนมาขอถ่ายรูป
ผมจะมีความรู้สึกว่าไม่โอเค ผมจะบอกว่าขอกินข้าวให้เสร็จก่อนเดี๋ยวไปถ่ายกัน
แต่ก็มีบางคนบอกไม่เป็นไรขอถ่ายนิดเดียว พอลุกไปถ่ายกับคนนี้ คนอื่นก็ต้องมาขอถ่ายต่อ เราก็พูดไม่ได้ สุดท้ายเลย
ไม่ได้กินข้าวก็มี แต่ไม่ใช่ว่าถ่ายไม่ได้นะครับ
การได้เป็นทูตของเมืองคะงะวะประเทศญี่ปุ่น มีที่มาอย่างไรคะ
ตอนผมไปถ่ายละครเรื่อง รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน และ รอยฝันตะวันเดือด ที่ญี่ปุ่นมีทีมเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นคอยประสานงาน
เวลาเดินผ่านผมมักได้ยินเขาพูดกันว่า คักโค่ย ๆ ซึ่งแปลว่าเท่ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงใคร
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาคุยและถามว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า ผมก็บอกไปว่าคนไทยครับ
เขาบอกว่าผมเหมือนคนญี่ปุ่น จากนั้นเขาก็ไปหาข้อมูลผมในอินเทอร์เน็ต
และรู้ว่าผมชอบทำอาหาร ชอบถ่ายรูป จึงเอาโปรไฟล์ไปเสนอให้คณะกรรมการเมืองคะงะวะซึ่งคล้าย ๆ
อบจ.ของบ้านเราที่ดูแลเรื่องการท่องเที่ยว เขาบอกว่าคาแร็คเตอร์ผมใกล้เคียงกับคนเมืองคะงะวะ
จึงว่าจ้างมอบหมายให้เป็นทูตเมืองนี้
ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้างคะ
ต้องขอบคุณน้าราม ไม่ใช่อู๋ - ธนากรที่ทำให้คนรู้จักคะงะวะ ตอนนี้ยังรอวัดผลกันอยู่ครับ
เพราะเพิ่งทำได้ยังไม่ครบปี แต่ผมไปเมืองนี้ครบสี่ครั้งในสี่ฤดูแล้ว
ผู้ว่าจ้างจะคอยเช็กดูว่ามีคนไทยไปเที่ยวที่คะงะวะโดยผ่านสนามบินทะกะมะสึหรือว่าเช็กอินโรงแรมในเมืองนี้มากเท่าไหร่แล้ว
เป้าคือ 2,000 คน แต่ตอนนี้คนไปเที่ยวคะงะวะยังอยู่ที่หลัก 800 -900 คน
เดือนมีนาคมนี้จะเป็นตัวตัดสินถ้าครบ 2,000 ก็จะแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
ถ้าใครอยากให้น้ารามได้เป็นทูตอย่างเป็นทางการ ก็ต้องรีบไปเที่ยวกันใช่ไหมคะ
เมืองคะงะวะเป็นเมืองที่น่าเที่ยวจริง ๆ ครับ ผมไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งก็เริ่มเบื่อเมืองใหญ่ ๆ หลัง ๆ ผมมักหาโอกาสไปเมืองเล็ก ๆ
ซึ่งทำให้ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของญี่ปุ่น ได้สัมผัสวิถีชีวิตจริง ๆ ของเขา ผมไม่ชอบไปเที่ยวกับทัวร์
ที่เรียกว่าตดยังไม่ทันหายเหม็นก็เรียกขึ้นรถแล้ว ผมชอบเดินดูตามซอกหลืบบ้านเรือนเขา ชอบอยู่ดูนาน ๆ
ผมตั้งคอนเซ็ปต์เมืองคะงะวะว่าเป็นเมืองแห่งเส้น ศิลป์ และธรรมชาติ เส้นคือการที่เขาเป็นต้นกำเนิดของเส้นอุด้ง
ศิลป์คือมีเทศกาลอาร์ตเซโตะอุจิ (Setouchi) ซึ่งนำศิลปินจากทั่วโลกมาจัดแสดงงานศิลปะ
เมืองนี้ยังมีหมู่เกาะต่าง ๆ บนเกาะมีประชากรอยู่ราวสองสามร้อยคน เป็นคนสูงอายุเกือบทั้งหมด
เพราะคนหนุ่มสาวพากันย้ายเข้าเมืองหมดดังนั้นพวกโรงเรียนอนุบาลประถมนี่ปิดหมดเลย
เขาจึงพยายามหาวิธีดึงคนเหล่านี้กลับมาบริษัทเบเนซเซ่ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบบเรียนของญี่ปุ่นได้เข้ามาช่วยตรงนี้
ความจริงก่อนหน้านั้นก็มีบริษัททัวร์พยายามทำแบบนี้เหมือนกัน
โดยจัดกิจกรรมให้คนมาตกปลาช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ปรากฏว่าเศรษฐกิจไม่ดี
คนต้องทำงานวันเสาร์ บริษัทนี้เลยเจ๊ง บริษัทเบเนซเซ่จึงมารับช่วงต่อ เขาพาผมไปดูที่เกาะนาโอชิมะ
และบอกว่าเกาะนี้สวยงามมาก อยากให้คนทั่วโลกได้เห็น ที่นั่นไม่สร้างโรงแรม
แต่สร้างพิพิธภัณฑ์แสดงงานศิลปะ และไม่มีการตัดต้นไม้ใด ๆ เพราะต้องการรักษาธรรมชาติ
เวลาจะสร้างอะไรแต่ละอย่าง เขาจะคำนึงถึงประโยชน์ของคนท้องถิ่นก่อน อย่างที่นาโอชิมะมีฟักทองเป็นงานศิลป์ชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ริมทะเล
เขาบอกว่าไม่อยากให้คนไปถ่ายเซลฟี่ลงโซเชียล ตอนผมไปเขาก็บอกว่าไม่อยากให้ถ่ายรูป
หรือถ่ายได้แต่ห้ามนำไปลงโซเชียล เขาให้เหตุผลว่า ถ้าคนมาเที่ยวเยอะ เขาจะรับมือไม่ทันและจะเป็นผลเสียต่อเกาะมากกว่า
ถ้าอยากดูก็ให้มาดูเองด้วยตา เขาอยากให้เล่ากันไปแบบปากต่อปากต้องบอกว่าเป็นวิธีคิดที่ดีมาก
มีเป้าหมายในชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไรคะ
คิดว่าคงทำงานเบื้องหลัง เพราะเหตุผลหนึ่งที่เล่นละครคืออยากศึกษางานเบื้องหลังเล่นละครมา 21 ปี
ถ้าเรียนหนังสือก็เรียกว่าจบปริญญาเอกแล้ว
ที่ผ่านมาต้องเรียกว่าประสบความสำเร็จทั้งในด้านการแสดงและธุรกิจร้านอาหาร คิดว่าเคล็ดลับความสำเร็จคืออะไรคะ
จริงใจกับมันครับ คือทำอย่างจริงจังไม่ได้ทำเล่น ๆ
เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ค้นพบว่าทางโลกกับทางธรรมต้องดำเนินไปด้วยกัน และพิสูจน์แล้วว่าชีวิตที่อยู่บนความพอดีนำสุขมาให้
Mindfulness : การเจริญสติของผู้นำ (ดร.กุลกนิษฐ์ สุธรรมชัย)
- https://pagoda.or.th/all-video/whatever-is-dhamma-sound/mindfulness-clubhouse.html
- https://teetwo.blogspot.com/2010/11/blog-post.html
- https://teetwo.blogspot.com/2010/09/blog-post_05.html
- https://teetwo.blogspot.com/2009/04/blog-post_15.html
- https://teetwo.blogspot.com/2009/06/mindfulness-for-all.html
- https://teetwo.blogspot.com/2009/10/blog-post_17.html
- http://teetwo.blogspot.com/2009/07/blog-post_1515.html
Mar 23, 2022
50 Years: The Making of the Modern Thai Economy (2022)
Mar 21, 2022
เปิดตัว "อุ๊งอิ๊ง" หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขยับเข้าใกล้ แคนดิเดตนายกฯ
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล
20 มี.ค. 2565 เวลา 12:41 น."เพื่อไทย"คึกคัก จัดงาน ครอบครัวเพื่อไทย
บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม ชู"อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร"
หัวหน้าครอบครัว เจ้าตัวประกาศทวงคืน
สมาชิก 14 ล้านเสียง ลั่น ! สมัยเลือกตั้งหน้าตั้งเป้าแลนสไลด์ทั้งแผ่นดิน ชิงแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
วันที่ 20 มี.ค.65 พรรคเพื่อไทย จัดงาน ‘ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม’
ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ มลฑาทิพย์ ฮอลล์ อ.เมือง จ.อุดรธานี
โดยมีผู้บริหาร ส.ส. จากหลากหลายจังหวัด รวมทั้งสมาชิกพรรค เข้าร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก
นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร
ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม บรรยากาศเป็นอย่างคึกคัก
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ "อุ๊งอิ๊ง"
ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย
และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า
ในช่วงที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร
ผู้เป็นบิดาก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ในขณะนั้นตนอายุ 12 ปี
จนรัฐบาลที่นำโดย ดร.ทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์
ถูกคณะรัฐประหารยึดอำนาจ
ตนเป็นเพียงผู้เฝ้ามอง ไม่ได้มีส่วนร่วมในทางการเมือง
ได้รับรู้ว่าเส้นทางของพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะเป็นผู้ได้รับผลกระทบด้วย
แต่ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยเติบโต เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด
ฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย แม้หลายคนจะไม่ได้อยู่ในแวดวง
การเมืองและย้ายบ้านไปบ้าง
แต่ยังมีหลายคนที่ยังอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวเพื่อไทย
นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยมีต้นทุนที่สำคัญที่สุด คือ ประสบการณ์การเป็นรัฐบาลมาหลายยุค
เป็นจุดเด่นที่พรรคเพื่อไทยมีมากกว่าพรรคอื่น เป็นพรรคการเมืองที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยพรรคเดียวหลายสมัย
พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมามีประสบการณ์ทั้งดีและร้าย พรรคเพื่อไทยพร้อมนำมาเป็นบทเรียนเพื่อทำปัจจุบันและอนาคตที่ดีกว่า
ประสบการณ์ของรัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ทำให้ตนได้เรียนรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทย
จะต้องเปลี่ยนแปลงในเพื่อปรับตัวให้ทันกับความต้องการของพี่น้องประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป
ต้องเป็นพรรคเพื่อไทยในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าโดยที่จะไม่มีทางลืมประชาชนที่สนับสนุน
ต้องอยู่อย่างแข็งแกร่งและอยู่รอด เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นความหวังของประชาชนอีกครั้ง ภายใต้เป้าหมาย 2 ประการ ได้แก่
ประการแรก สร้างการมีส่วนร่วมให้คนหลายรุ่นได้มาทำงานร่วมกัน
เพื่อหาตรงกลาง ตอบสนองความต้องการของ
คนทุกรุ่นให้ได้มากที่สุด เช่น
การศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า ถือเป็นตัวอย่างของความสำเร็จจากการร่วมมือของคนหลายรุ่น
ที่มีความถนัดแตกต่างกัน มีบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการเป็นรัฐบาลจริง
และมีบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีมุมมองความสนใจที่หลากหลาย
เป็นการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเรา และพัฒนาจุดอ่อน โดยที่ยังคง
DNA เรื่องเศรษฐกิจ และปากท้องไว้ เพิ่มมิติทางด้านอัตลักษณ์ให้กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว
2.เราต้องเป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ระบอบเผด็จการต้องหมดไป โดยการเตรียมความพร้อมเอาไว้
หากไม่สามารถสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นโยบายจะดีแค่ไหน จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
อำนาจรัฐเท่านั้นที่จะเป็นทางออกในเวลานี้
นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยต้องสร้างการมีส่วนร่วมกับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดผ่านโครงการครอบครัวเพื่อไทย
เหมือนกับที่ในสมัยไทยรักไทย มีสมาชิกพรรคกว่า 14 ล้านรายชื่อ ไม่มีใครทำลายสถิตินั้น แต่เมื่อถูกยุบพรรค
สมาชิกทั้งหมดถูกยกเลิกไป และเมื่อมีการรัฐประหารในปี 2557
มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำให้การมีส่วนร่วมระหว่างพรรคการเมืองและพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องยาก
ดังนั้น กิจกรรม 'ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม' จึงเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนอย่างไม่ผูกมัด
ไม่มีเงื่อนไขทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อไปสู่เป้าหมายการเลือกตั้ง แลนสไลด์ทั้งแผ่นดิน
เราพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อถึงเวลา และ 14 ล้านเสียงในช่วงพรรคไทยรักไทย จะเกิดขึ้นอีกในครั้งนี้
Mar 18, 2022
รักเธอมากกว่า (รักในร้อยแค้น) : เต๋อ เรวัต
ข้อความโดย
"รักเธอมากกว่า" ศิลปิน เรวัต พุทธินันทน์ เพลงประกอบละคร รักในรอยแค้น ออกอากาศทาง ททบ. 5 ปี พ.ศ. 2535
เพลงนี้นอกจากต้นฉบับจะขับร้องโดยพี่เต๋อ เรวัต แล้ว พี่เต๋อยังเป็นคนเขียนคำร้องของเพลงนี้ด้วย
ทำนองโดยคุณวิชัย อึ้งอัมพร และเรียงเรียงโดยพี่ป้อม อภิไชย เย็นพูนสุข
สำหรับละครเรื่อง "รักในรอยแค้น" ที่มีบทเพลง "รักเธอมากกว่า" เป็น Official Soundtrack นั้น
เป็นละคร Drama เรื่องแรกของบริษัท EXACT ที่ออกอากาศช่วงต้นปี พ.ศ. 2535
รวมทั้งเป็นผลงานการกำกับละครยาวเรื่องแรกของคุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ
นำแสดงโดยพี่แท่ง ศักด์สิทธิ์ แท่งทอง และ คุณนุสบา วานิชอังกูร (นามสกุลขณะนั้น)
ทั้งยังเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของคุณนุสบา ที่นำพาเธอเข้าสู่วงการบันเทิงอีกด้วย
เค้าโครงเรื่องของละครโดยคุณวาณิช จรุงกิจอนันต์ นักเขียนและกวีซีไรต์ (ปี พ.ศ. 2527)
เป็นความรักระหว่างชายหนุ่ม-หญิงสาว ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความแค้นระหว่างตระกูลของทั้ง 2 ฝ่าย
จะว่าไปแล้ว "รักในรอยแค้น" ถ้าเปรียบไปก็น่าจะประมาณ Romeo and Juliet
(ของ William Shakespeare) ที่ปรับมาเป็น version ไทย
- https://teetwo.blogspot.com/2020/06/blog-post_28.html
- http://teetwo.blogspot.com/2007/04/blog-post.html
- http://teetwo.blogspot.com/2017/04/blog-post_28.html
Mar 17, 2022
สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต)
"สมเด็จพระวันรัต" อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารละสังขาร สิริอายุ 85 พรรษา 65
สำหรับสมเด็จพระวันรัต มีนามเดิมว่า จุนท์ พราหมณ์พิทักษ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2479 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 ปีชวด ณ บ้านเกาะเกตุ ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายจันทร์และนางเหล็ย พราหมณ์พิทักษ์ ท่านสำเร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดคิรีวิหาร ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด
จากนั้นเข้าพิธีบรรพชาเมื่อวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2491 ณ วัดคิรีวิหาร ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด โดยมีพระวินัยบัณฑิตเป็นพระอุปัชฌาย์ กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2499 ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยบัณฑิต (ถาวร ฐานุตตโร) วัดคิรีวิหาร จ.ตราด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูวิสุทธิธรรมภาณ (แจ่ม ธัมมสาโร) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
จากนั้นได้เข้าพิธีบรรพชาเมื่อวันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2491 ณ วัดคิรีวิหาร ต.ชำราก อ.เมืองตราด จ.ตราด โดยมีพระวินัยบัณฑิตเป็นพระอุปัชฌาย์ กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2499 ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยบัณฑิต (ถาวร ฐานุตฺตโร) วัดคิรีวิหาร จ.ตราด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูวิสุทธิธรรมภาณ (แจ่ม ธมฺมสาโร) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังอุปสมบทได้ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค จากสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร
ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2551 สมเด็จพระวันรัต ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระพรหมมุนี ได้ปฏิบัติหน้าที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่ นั่งพระเสลี่ยงกลีบบัว (พระยานมาศพระนำ) และราชรถน้อย (รถพระนำ) อ่านพระอภิธรรมนำขบวนพระอิสริยยศ ในการเคลื่อนพระศพ จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สู่พระเมรุ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
รวมทั้ง ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี วันที่ 9 เมษายน 2555 สมเด็จพระวันรัต ได้ปฏิบัติหน้าที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่ นั่งพระเสลี่ยงกลีบบัว (พระยานมาศพระนำ) และราชรถน้อย (รถพระนำ) อ่านพระอภิธรรมนำขบวนพระอิสริยยศ ในการเคลื่อนพระศพจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สู่พระเมรุ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงอีกวาระหนึ่ง