Custom Search

Apr 29, 2022

29 เมษายน วันคล้ายวันประสูติ 'เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ'

ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ จาก Jarm.com

29 เมษายน วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร
(ประสูติ 29 เมษายน พ.ศ. 2548)
พระนามและพระอิสริยยศก่อนหน้านี้ ‘พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ’
พระราชทานโดยพระอัยกา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2548 ซึ่งในการนี้ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอธิบาย
ความหมายของพระนามดังกล่าวไว้ว่า
ผู้ทำประทีปคือปัญญาให้สว่างกระจ่างแจ้ง และผู้ทำเกาะคือที่พึ่งให้รุ่งเรืองโชติช่วง

แพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล


ภาพ จาก FB พิริยะ จันทรมณี

เพียร เวชบุล : ตำนานแม่พระเมืองไทย


ข้อมูลจาก https://www.silpathai.net/

นักสังคมสงเคราะห์ผู้อุทิศตนในการช่วยเหลือผู้หญิง เด็ก โสเภณี จนได้รับการยกย่อง ทั้งจากคนไทยและต่างประเทศ
เป็นผู้ก่อตั้ง พีระยานุเคราะห์มูลนิธิ ในพระราชูปถัมภ์ ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
แพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๑ ที่ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
เป็นธิดาของนายตรงกิจ นางพันธ์ ฮุนตระกูล ครอบครัวมีฐานะดี เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนเสาวภา กรุงเทพฯ
ตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ ต่อมาเข้าเรียนที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ จนแพทย์หญิง ดร.คุณเพียร เวชบุลจบชั้นมัธยมปีที่ ๖
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘ จากนั้นสมัครเป็นครูสอนที่โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ และโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์อยู่ประมาณ ๒ ปี
แล้วเดินทางไปศึกษาภาษาฝรั่งเศสที่โรงเรียนเซนต์ปอลคอนแวนต์ เมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนามเป็นเวลา ๑ ปี
ต่อมาได้เดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนลีเซบูมาเฟมองต์ ประเทศฝรั่งเศส จนจบชั้นมัธยมปีที่ ๘
แล้วจึงเข้าศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยปารีส จบแพทยศาสตรบัณฑิต เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗
และประกาศนียบัตรวิชาแพทย์ชั้นสูง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙
ขณะศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศนั้น แพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล มีความอุตสาหะในการศึกษาเล่าเรียนอย่างยิ่ง
บางเวลาได้รับทุนการศึกษาจากสถาบันและบุคคลต่างๆ เช่นทุนสมเด็จพระนางเจ้า รำไพพรรณี พระบรมราชินี ทุนมหิดล
ทุนพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ บางเวลาทุนการศึกษาที่ได้รับหมด
ตามกำหนดเวลาและเงื่อนไข ท่านต้องทำงานหาเงินเป็นค่าใช้จ่าย และค่าเล่าเรียน
เมื่อสำเร็จการศึกษา แพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล เดินทางกลับประเทศไทย เข้ารับราชการครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐
ในตำแหน่งนายแพทย์โท กรมสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ต่อมาอีก ๔ ปี ย้ายไปสังกัดแผนกกามโรค
กองแพทย์สังคม กระทรวงสาธารณสุข รับราชการเรื่อยมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๐๕
นอกจากรับราชการแล้ว แพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล
ยังอุทิศทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ ช่วยเหลือสตรีผู้ประสบปัญหาในชีวิตครอบครัว
เด็กที่มีปัญหาจากการสมรสของบิดามารดา รักษาผู้ป่วยกามโรค และช่วยเหลือหญิงโสเภณี
ประสบการณ์สำคัญในการทำงานมุ่งอุทิศตนช่วยเหลือสังคม เนื่องมาจาก
วันหนึ่งมีหญิงสาวมาจากครอบครัวผู้มีอันจะกินมาปรึกษาขอทำแท้งเพราะผิดหวังเรื่องความรัก
ท่านเห็นว่าการทำแท้งเป็นบาป ให้หญิงสาวคนนั้นกลับไปปรึกษาแม่
แต่หญิงสาวกลับถูกแม่ดุด่าเสียใจจนคิดสั้นดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย
ท่านพยายามจะช่วยชีวิตเธอไว้แต่สุดความสามารถ
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ท่านอุทิศตนช่วยเหลือสตรีที่ประสบปัญหาในชีวิต
รับเลี้ยงดูเด็กที่เกิดนอกสมรส ให้ความรู้แก่สตรี โดยมีจุดมุ่งหมายว่า
“อบรมแม่คนเดียวเท่ากับอบรมคนทั้งบ้าน” สถานที่ทำการก่อตั้งครั้งแรก
อยู่ที่ย่านพลับพลาชัย ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ เรียกว่า มาตาภาวสถาน ต่อมาย้ายไปอยู่ที่เลขที่ ๑๘๗ ถนนสาทรใต้ เขตยานนาวา
พระวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ประทานนามว่า พีระยานุเคราะห์มูลนิธิ
ปัจจุบันสถานทำการของมูลนิธิตั้งอยู่ที่ เลขที่ ๓๑/๒ ซอยพหลโยธิน ๔๗ ถนนพหลโยธิน ลาดยาว จตุจักร

แพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล ดำเนินกิจการพีระยานุเคราะห์ มูลนิธิในการให้ความอุปการะแก่สตรีที่ประสบปัญหาในชีวิตครอบครัว
รับเลี้ยงดูเด็กกำพร้า แรกทีเดียวท่านให้เด็กๆ เหล่านั้นใช้นามสกุลของท่าน คือ ฮุนตระกูล แต่ญาติของท่านขอให้ใช้นามสกุลอื่น
จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้ใช้นามสกุล เวชบุล
เด็กๆ เหล่านั้นมีแพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล เป็นมารดา พลโทปุ่น วงศ์วิเศษ เป็นบิดาตามกฎหมาย
และตัวท่านเองได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุล เวชบุล ด้วย บุตรบุญธรรมของท่านมีประมาณ ๔,๐๐๐ คน
ส่วนมากจะประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะท่านเลี้ยงดูเอาใจใส่บุตรบุญธรรมของท่านอย่างดียิ่ง
ไม่ให้มีปมด้อย โดยอาศัยหลักวิชาจิตวิทยา สังคมวิทยา
จากกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเช่นนี้ มูลนิธิจึงได้รับเงินอุดหนุนทั้งจากชาวไทยและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดเหตุการณ์วิกฤตของมูลนิธิขึ้นครั้งหนึ่ง เนื่องจากในการดำเนินการคงต้องใช้เงินมาก
จึงเป็นหนี้ธนาคารออมสินกว่า ๓ ล้านบาท ใน พ.ศ. ๒๕๐๗ ธนาคารออมสินฟ้องให้ชดใช้หนี้สิน
เหตุการณ์ครั้งนั้นประชาชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศร่วมใจกันบริจาคสมทบทุนรวมเงินได้ ๓ ล้าน ๔ แสนบาท
ไปใช้หนี้ธนาคารได้ เรียกการบริจาคเงินครั้งนั้นว่า “ประชาอุทิศ”
นอกจากการรับอุปการะเด็กและสตรีแล้ว แพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล ยังมีชื่อเสียงในการรักษากามโรคด้วย
ประการสำคัญคือ มิได้รักษา โรคแก่บุรุษเท่านั้น ท่านให้ความสำคัญในการป้องกันโรคให้กับหญิงขายบริการทางเพศ
ความตั้งใจในการทำงานของท่านมีมาก บางคราวถึงกับปลอมตัว เข้าไปในสถานบริการเพื่อฉีดยาป้องกันและรักษาโรค
ให้แก่ผู้ป่วย ท่านเป็นผู้ก่อตั้งบ้านเกร็ดตระการ ของ กรมประชาสงเคราะห์
ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสงเคราะห์หญิงขายบริการและเด็กเร่ร่อน
จากกิจกรรมอันเป็นประโยชน์แก่สังคมดังกล่าว สถาบันการศึกษาหลายแห่ง จึงส่งนักศึกษา
ไปศึกษาดูงานที่พีระยานุเคราะห์มูลนิธิ โดยศึกษาเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก จิตวิทยาเด็ก
และยังมีนักทัศนาจร นักวิชาการ องค์กรของชาวต่างประเทศมาเยี่ยมชมกิจการของมูลนิธิอยู่เสมอ
ด้วยการอุทิศตนทำงานด้านสังคมสงเคราะห์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง แพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล
ได้รับการยกย่องให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น กรรมการสภาสงเคราะห์แห่งประเทศไทย กรรมการ สันนิบาตมูลนิธิแห่งประเทศไทย
กรรมการสมาคมสตรีนานาชาติ ฯลฯ ท่านได้รับยกย่องจากหน่วยงาน สถาบันต่างๆ
ทั้งในและต่างประเทศมากมาย เช่น ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้า
เหรียญกาชาดสรรเสริญ ได้รับพระราชทานปริญญาสังคมวิทยาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ประจำปีการศึกษา ๒๕๒๓ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เลยิอองดอนเนอร์ 
(Commander Legion d’Honnour)
จากประเทศฝรั่งเศส ได้รับเหรียญทอง Woman of the World จากสมาคมสตรีนานาชาติ
ได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย EWHA WOMAN UNIVERSITY ประเทศเกาหลี ได้รับรางวัล
Spirit of Achievment
จากมหาวิทยาลัยอัลเบิร์ตไอน์สไตน์แห่งเยนิวา เมืองนิวยอร์ก ฯลฯ ผลงาน ของท่านแพร่หลาย
จนบริษัทฮอลลีวู้ดขอนำชีวประวัติไปสร้างภาพยนตร์ นิตยสาร รีดเดอร์ ไดเจสต์
นำประวัติผลงานของท่านตีพิมพ์แพร่หลายไปทั่วโลก
แพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๗ รวมอายุ ๘๖ ปี
ปัจจุบันพีระยานุเคราะห์มูลนิธิยังดำเนินการสืบต่อเจตนารมณ์อุดมการณ์ของแพทย์หญิง ดร. คุณเพียร เวชบุล
โดยมีศาสตราจารย์ ดร. อุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน และได้ร่วมงานกับสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน
พีระยา นาวิน มูลนิธิศาสตราจารย์ ดร. อุกฤษ มงคลนาวิน ขยายกิจการสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน
จากครอบครัวที่มีรายได้น้อยไปยังต่างจังหวัด เช่น จังหวัดเลย จังหวัดลำปาง จังหวัดกาญจนบุรี
และยังจัดสร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนด้วย เช่น โรงเรียนบ้านคลองชล ตำบลวังทอง อำเภอวังสมบูรณ์
จังหวัดสระแก้ว โรงเรียนโคกป่าจิก ตำบลปรือ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ โรงเรียนบ้านสว่างใหม่
ตำบลนํ้าพาง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน โรงเรียนบ้านบูกาฮาแลแม ตำบลปะโค อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี
นับเป็นการขยายขอบข่ายการดำเนินงานให้เป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือสังคมให้กว้างขวางหลากหลายยิ่งขึ้น

ที่มา: จากหนังสือเรื่อง สตรีสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย
เรียบเรียงโดย:ธีระ แก้วประจันทร์


แบบฝึกหัดการคิดบวก


คิดมาก

1) เชื่อว่า เรามีความสุขได้ด้วยตัวเอง
2) เชื่อว่า ทุกอย่างเป็นไปได้
3) เชื่อว่า เราเป็นคนที่มีความสามารถ
4) เชื่อว่า ปัญหาทุกอย่างมีวันผ่านไป
5) เชื่อว่า ทุกเรื่องมีบทเรียนให้รู้
6) ฝึกชื่นชมตัวเอง
7) ฝึกชื่นชมคนอื่น
8) ฝึกเป็นคนมีอารมณ์ขัน

คำพูดนั้นระวังยาก ฉะนั้นอย่าพูดให้มาก

 

คำพูดนั้นระวังยาก ฉะนั้นอย่าพูดให้มาก

Apr 25, 2022

ศิลปะแห่งการ'ช่างแม่ง'

กลา นิสัยอันตราย

ศิลปะแห่งการ'ช่างแม่ง'
เลือกโฟกัสแต่เรื่องที่สำคัญ
อย่าคาดหวังกับสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม

หลายครั้งที่เราต้องเสียใจเพราะบางสิ่งบางอย่างไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคาดหวัง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน การเรียน ความรัก ความสำเร็จอะไรต่างๆ นานา
จนทำให้บางทีก็รู้สึกท้อแท้และเหนื่อยกับชีวิตเหลือเกิน
ทุกอย่างมันดูมืดไปหมด หาทางออกไม่เจอ
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วหากลองพิจารณาดูดีๆ
เราอาจพบว่ามันก็ไม่ได้สำคัญกับชีวิตขนาดนั้น
.
การที่เราแคร์คนอื่นหรือสิ่งรอบๆ ตัวมากเกินไป
ทำให้เราต้องเสียสละบางอย่างที่สำคัญในชีวิตไปด้วย
โดยเฉพาะ'เวลา'
และการที่เราเอาแต่โฟกัสกับทุกๆ สิ่งมันก็เหมือนกับ'ไม่ได้โฟกัสอะไรเลย'
.
Life is too short to waste your time for nonsense thing
(ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ)
.
แล้วจะทำยังไงให้เราเลิกเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแล้วโฟกัสแต่สิ่งสำคัญๆ ?
#ศิลปะแห่งการช่างแม่งที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้แฮปปี้กว่าเดิม

1 #ช่างแม่งเพราะเป็นเรื่องเหนือการควบคุม
ทำหน้าที่ของเราในปัจจุบันให้ดีที่สุด
ส่วนอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ก็ต้องปล่อยวาง
การที่เราเอาแต่คิดซ้ำไปวนมา มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
ถึงจะควบคุมไม่ได้แต่เราคาดการณ์ได้นะ
ดังนั้นทำในส่วนที่เราทำได้ให้ดีที่สุดค่ะ
.
2 #แคร์เฉพาะสิ่งที่สำคัญและเป็นปัจจุบัน
ซึ่งแน่นอนว่า'เรื่องสำคัญ'ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
เราไม่จำเป็นต้องแคร์ในสิ่งเดียวกับที่คนส่วนใหญ่ให้ค่า
เราให้คุณค่ากับสิ่งไหน ให้ความสำคัญกับอะไรก็โฟกัสที่เรื่องนั้น
.
ทำปัจจุบันให้ดี อย่ามัวจมปลักและเสียใจกับอดีต
หรือกังวลกับอนาคตมากเกินไป เพราะถ้าเราทำปัจจุบันได้ดี อนาคตย่อมต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
.
3 #รู้จักการปฏิเสธและยอมรับการถูกปฎิเสธ
ไม่ได้บอกให้เป็นคนแล้งน้ำใจนะคะ
สิ่งไหนที่เราช่วยไหวก็ช่วยได้ แต่ถ้ามันมากเกินไปจนล้ำเส้นเราเองจะเป็นฝ่ายที่ลำบาก
คล้ายสำนวน'เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด'
ที่สำคัญต้องฝึก #ยอมรับการถูกปฏิเสธ เช่นกัน
อย่าลืมว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสมหวังไปหมดซะทุกอย่าง
การถูกปฏิเสธบ้างมันก็เป็นธรรมดาของชีวิต
#ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ดี แต่สิ่งนั้นอาจไม่เหมาะสมกับเราก็ได้
ค่อยๆ ฝึกและเรียนรู้กับมันไป
ซึ่งสิ่งนี้นี่แหละที่จะทำให้เราเติบโตขึ้น
.
4 #เลิกกังวลสายตาคนอื่น
ทุกคนล้วนสนใจชีวิตของตัวเองเป็นหลักค่ะ
คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาก็แค่สิ่งที่น่าสนใจคั่นเวลาเท่านั้น
ต่อให้อีกฝ่ายจะขี้นินทาหรือช่างเม้าท์แค่ไหน
แต่สุดท้ายแล้วทุกคนล้วนสนใจเรื่องของตัวเองก่อนทั้งนั้นแหละ
.
เราไม่ได้ชอบคนทั้งโลกฉะนั้นคนทั้งโลกไม่ต้องมาชอบเราก็ได้...
เป็นตัวของตัวเองที่ไม่เดือดร้อนหรือทำร้ายใคร เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรเฟอร์เฟ็ค 100%
.
จำไว้เสมอนะคะว่า #ไม่มีใครจะทำร้ายเราได้มากเท่ากับตัวเราเองอีกแล้ว
'ความสุขของคุณ'คุณต้องปกป้องมันนะ
ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ค่านิยม กรอบแนวคิดหรืออะไรก็ตามแต่ที่มันมาบั่นทอนและทำร้ายเรา
#จงช่างแม่งกับมันซะ
.
ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและไม่ประมาทนะ
แล้ววันนี้คุณ"ช่างแม่ง"บ้างหรือยัง?

#ศิลปะแห่งการช่างแม่ง
#เกลาไปพร้อมกัน
#เกลานิสัยอันตราย

Writer : kanompang

Ref.
https://www.mangozero.com/the-subtle-art-of-not-giving/
ปรัชญาและศิลปะแห่งการ “ช่างมัน(แม่ง)”
https://m.se-ed.com/Product/Detail/9786168109069
ชีวิตติดปีก ด้วยศิลปะแห่งการ "ช่างแม่ง"
https://bit.ly/3K9afME
The Subtle Art of Not Giving a F*ck

Apr 21, 2022

ประวัติ “เสี่ยแหบ” วิทยา ศุภพรโอภาส เจ้าพ่อวงการวิทยุ ผลงาน - รางวัล การันตีฝีมือ




 
ข้อมูลจาก PPTV HD 36

สำหรับประวัติของ “วิทยา ศุภพรโอภาส” หรือ เสี่ยแหบ เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2492
จบการศึกษาระดับปริญญาตรีศิลปศาสตร์บัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ด้านชีวิตครอบครัว ได้สมรสกับ “นางนัยนา ศุภพรโอภาส” มีบุตรด้วยกัน 3 คน

บุตร : นายศุภวิทย์ ศุภพรโอภาส

ธิดา : นางสาวศุภมาศ ศุภพรโอภาส และ

นางสาวศุภนุช ศุภพรโอภาส



ที่อยู่ปัจจุบัน : 78/1 - 2 ซอยวัดราชวรินทร์ (ตากสิน 21)

ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน บุคคโล ธนบุรี กทม. 10600


“เสี่ยแหบ วิทยา” ทำงานในวงการบันเทิงหลายด้าน เป็นนักจัดรายการวิทยุ พิธีกร
ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ถึงปัจจุบัน โดยในปี 2526
จากการสำรวจโดยบริษัท DEEMAR (A.C.NIELSON) เป็นนักจัดรายการติดอันดับ 1 ยอดนิยม 6 ปีซ้อน
ปี 2528 เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “18 กะรัต” ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่รวบรวมเอาศิลปิน
นักร้องเพลงสตริงชื่อดังมาร่วมแสดงทั้งหมด และประสบความสำเร็จอย่างสูง
ปี 2540 เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสถานีวิทยุ ลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. และติดอันดับ 1 ของสถานีวิทยุยอดนิยม
โดยการสำรวจของ A.C.NIELSON 5 ปีซ้อน
ปี 2545 ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “มนต์เพลงลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม.”
ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่รวบรวมเอาศิลปินนักร้องลูกทุ่งชื่อดังมาร่วมแสดงทั้งหมด
และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทำรายได้ถึง 60 ล้านบาท
ปี 2557 ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “รวมพลคนลูกทุ่ง”
เป็นภาพยนตร์ที่รวมนักร้องลูกทุ่งทั่วฟ้าเมืองไทยทุกค่ายเพลง
ในส่วนของงานบริหารองค์กรใหญ่ๆมากมาย โดยปี 2526-2535 เป็นคนร่วมก่อตั้ง
และเป็นที่ปรึกษาให้แก่ บริษัท นิธิทัศน์ โปรโมชั่น จำกัด
ปี 2537 - 2540 กรรมการผู้จัดการ บริษัท M Square Entertainment
ในเครือบริษัท Media of Media จำกัด (มหาชน)
ปี 2540 - 2547 ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัทลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. จำกัด
ปี 2542 ถึงปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ
นอกจากนี้ “เสี่ยแหบ วิทยา” ยังเป็นที่ปรึกษาสมาคมต่างๆ อาทิ ที่ปรึกษาดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
กรรมการสมาคมเทปและแผ่นเสียงไทย , กรรมการสมาคมเทปและแผ่นเสียงไทย ,
ที่ปรึกษาสมาคมศิลปินตลก (แห่งประเทศไทย) ,
ที่ปรึกษาสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ
อนุกรรมการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติปี 2563 และ ปี 2554
ด้วยความสามารถที่มาอย่างมากล้น “วิทยา ศุภพรโอภาส” เคยได้
รางวัลพระราชทาน เทพทอง ครั้งที่ 12 ปี 2554 สาขารางวัลนักวิทยุกระจายเสียงดีเด่น ,
รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 ปี 2562 สาขารางวัลเกียรติยศ ,
รางวัลนาฎราช ครั้งที่ 12 ปี 2564 สาขารางวัลเกียรติยศด้านวิทยุ
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เอ็กซ์เพรส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด
เป็นเจ้าของรายการที่ออนแอร์ผ่านทางหน้าจอมากมาย รวมทั้งเคยร่วมงานกับทาง “พีพีทีวี ช่อง36”
ใน “ศึกชิงแชมป์ลูกทุ่งเงินล้าน” นอกจากนั้นยังทำรายการทางยูทูบช่อง “วิทยา ศุภพรโอภาส official”
ให้แฟนๆได้ติดตามอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก FB Vitaya Supaporn O Pas และ Sanook.com


นับว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวร้ายของวงการเพลง หลังต้องทราบข่าวการจากไปของ เสี่ยแหบ วิทยา ศุภพรโอภาส นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง

และประธานกรรมการบริหารบริษัทลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. จำกัด ได้จากไปแล้วจากโรคมะเร็ง สิริอายุ 72 ปี เมื่อเช้าวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2565 

กำหนดการบำเพ็ญกุศล ที่วัดราชวรินทร์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร

วันที่ 22 เม.ย.65 เวลา 15.00 น.

พิธีรดน้ำศพ และ 19.00 น. พิธีสวดอภิธรรมคืนแรก

ถึงวันที่ 28 เม.ย.65 ก่อนบรรจุร่างไว้ 100 วัน เพื่อขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป






Apr 20, 2022

คนธรรพ์รำพัน : Grand Ex' แกรนด์เอ็กซ์ อัลบั้ม : สายใย



(เพลง Cover  คนธรรพ์รำพัน วงแกรนด์เอ็กซ์ ที่มาจาก
สตริงวันวาน )



"คนธรรพ์รำพัน" คำร้อง - ทำนองและเรียบเรียง โดย "ดนุพล แก้วกาญจน์"
เป็นเพลงที่ร้องยากเพลงหนึ่ง แต่จังหวะสนุกเกินห้ามใจ โดยเฉพาะได้พี่ ๆ
และน้อง ๆ สมาชิกวง "Windows"
มาร่วมเล่นอยู่ข้าง ๆ ด้วย บทเพลงนี้ อยู่ในอัลบั้ม "สายใย" อัลบั้มชุดสุดท้าย
ที่ "ดนุพล แก้วกาญจน์"
ทำงานในชื่อวง "แกรนด์เอ็กซ์" ก่อนจะออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว
สมาชิกวง "Windows" ประกอบไปด้วย
"นิฤทธิ์ มณีจำนงค์" หัวหน้าวง คีย์บอร์ดและทรัมเป็ต / ประเสริฐ ฉิมท้วม คีย์บอร์ด
และ แซกโซโฟน
/ อภิสิทธิ์ ลิ้มไชยโรจน์ กลอง / วรารัตน์ บรรพโคตร ร้องนำหญิง และ
อรรณพ ศิรธรานนท์ คนร้องนำเพลงนี้
สำหรับคลิปนี้ เป็นคลิปที่ 7 จากงานครบรอบ 12 ปี ร้านอาหารเอ็นจอย
ดูแลระบบเสียงเพื่อความสมบูรณ์แบบโดย "นิฤทธิ์ มณีจำนงค์ (เก๋)
ถ่ายภาพ พีระนันดิ์ ผุลละศิริ / ภาพนิ่ง Yod Kanokkeekarin
คลิปโดย เอ็นจอยกรุ๊ป ครับ





เพลง คนธรรพ์รำพัน   Grand Ex'  ชุด 16  อัลบัม สายใย
คอนเสิร์ต พ.ศ. 2528  ศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง


ลอย ชุนพงษ์ทอง (Loy Academy)

Loy Academy


เคล็ดลับ ลดความอ้วน1 รักษาเบาหวานที่ได้ผลจริง ความเสื่อมจากงานเลี้ยงที่ไม่มีวันเลิกรา


เบาหวาน2 ทำร่างกายเสื่อมตายเร็ว แนะทำ IF (Intermittent Fasting) 

Apr 18, 2022

"อิทธิ" "เสือ" ตำนาน เก็บตะวัน


เก้ากระบี่เดียวดาย

อิทธิ พลางกูร มีชื่อจริงว่า เอกชัยวัฒน์ พลางกูร เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2498

เป็นบุตรชายคนที่ 3 ของศาสตราจารย์ นายแพทย์โอกาส และ

แพทย์หญิงสุมาลย์ พลางกูร

อิทธิ พลางกูร จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร มัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

และอนุปริญญาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

เล่นเครื่องดนตรีชิ้นแรกคือกลองก่อนจะหันมาเล่นกีตาร์

ซึ่งเพลงแรกที่หัดเล่นกีตาร์คือเพลง 500 Miles ของวง The Journeymen โดยได้รับอิทธิพลทางดนตรีมาจาก

พี่ชาย อุกฤษฏ์ พลางกูร

อิทธิเข้าสู่วงการเพลงด้วยการเป็นสมาชิกวง "เดอะ เบลสส์" (The Bless) ซึ่งเป็นการออดิชั่นเพื่อหางานดนตรีเล่นประจำตามไนท์คลับ

มีสมาชิกยุคเริ่มแรกคือ สุรสีห์ อิทธิกุล ในตำแหน่งมือกีตาร์, สมชาย กฤษณะเศรณี ตำแหน่งมือเบส , โชด นานา มือกลอง

และไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว(ปั่น) เป็นนักร้องนำ โดยอิทธิ พลางกูร รับหน้าที่เล่นกีตาร์

พร้อมทั้งได้ปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นให้เบาลงเพื่อให้สามารถเล่นกับโรงแรมช่วงกลางคืนได้

ตราบ ทิวา ไร้ สุรีย์ ตราบราตรี ไร้ ศศิธร

ตราบ หิมาลัย โยกคลอน ตราบนั้น ฉันจะ ร้างลา

ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ซึ่งเป็นยุคที่เพลงไทยกำลังเฟื่องฟู เดอะ เบลสส์ ได้ออกอัลบั้มที่เป็นผลงานของตัวเองชุดแรกในชื่อ

หัวใจขายขาด สังกัดห้องอัดเสียงทอง ซึ่งมีอุกฤษฏ์ พลางกูร พี่ชายของอิทธิ เป็นผู้บริหารและควบคุมการบันทึกเสียงในขณะนั้น

มีเพลงฮิตอย่าง หัวใจขายขาด ซึ่งเป็นเพลงเก่าของสุเทพคอรัส แนวร็อค แอนด์ โรล ร้องโดย ธนิต และเพลง เมื่อใดฉันไร้รัก

เพลงช้าที่โดดเด่นมาก จากการร้องของอิทธิ โดยอัลบั้มนี้ได้ สุรพล โทณะวณิก มาเขียนคำร้อง

ภายหลัง คุณเศรษฐา ศิระฉายา นำเพลงนี้มาร้องใน ภาพยนตร์ไทย เรื่อง สงครามเพลง(2526)

ปีต่อมา เดอะ เบลสส์ได้ออกอัลบั้ม คืนเหงาใจ แต่อัลบั้มนี้กลับไม่ประสบความสำเร็จทางยอดขายมากนัก

จากนั้นทางวงประสบปัญหาไม่มีที่เล่นดนตรีประจำ จึงต้องยุบวงไป

อิทธิหันไปเปิดร้านเหล้าที่สุขุมวิท 11 แต่ประสบปัญหาขาดทุน

จนกระทั่ง อุกฤษฏ์ พลางกูร พี่ชายมาเปิด สตูดิโออัดเสียง "แจม สตูดิโอ"

อิทธิจึงขอมาเป็นหุ้นส่วนและทำงานเป็นซาวนด์ เอ็นจิเนียร์ และโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปิน

ซึ่งมีลูกค้าคนสำคัญคือ ‘เฮียฮ้อ’ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ แห่งบริษัท “โรสซาวด์” (Rose Sound)

ที่มีการสร้างศิลปินอย่าง เรนโบว์ บรั่นดี ฟรุตตี้ คีรีบูน

ในฐานะ ซาวนด์ เอ็นจิเนียร์ หน้าที่ของอิทธิ คือ สร้างทำนอง เรียบเรียงดนตรี

และร้องไกด์ให้ศิลปินก่อนบันทึกเสียงจริง

เฮียฮ้อ จึงเป็นคนที่ได้ฟังเสียงของอิทธิ ก่อนที่ศิลปินจะมาร้องอัดเสียงจริงบ่อยครั้งเข้า

จึงรู้สึกว่า อิทธิ พลางกูร สมควรออกอัลบั้มเดี่ยวของตนเอง

แต่อิทธิ ปฏิเสธ ด้วยความคิดที่ว่า “โรสซาวด์”

ในตอนนั้นทำแต่ศิลปินวัยรุ่นใสๆ ไม่เคยมีผลงานเพลงร็อค บัลลารด์มาก่อน

บวกกับตอนนั้นอิทธิ อายุ 33 ปีแล้ว อีกอย่างอิทธิ แม้จะเคยร้องเพลงมาบ้าง

แต่ ไม่ได้เป็นนักร้องนำของวง

หากจะให้ยืนร้องเพลงเป็นศิลปินเดี่ยวนับว่าเป็นสิ่งที่อิทธิ​ไม่เคยทำมาก่อนเลย

แต่เฮียฮ้อ ยังคงยืนยัน บอกกลับไปว่า ให้อิทธิ ทำงานเพลงมาเลย เฮียฮ้อจะไม่เข้าไปยุ่ง

โปรเจคอัลบั้มเพลง ‘ให้มันแล้วไป’ จึงเริ่มขึ้น โดย อิทธิ ดึงเพื่อนร่วมวง เดอะ เบลสส์ อย่าง

เต้ง-ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล หมู-ศิริศักดิ์ ศิริโชตินันท์ มือกีตาร์วงคาไลโดสโคป

พี่ชาย ของเขา อุกฤษฏ์ พลางกูร และ ตี่-กริช ทอมมัส

มือคียบอร์ดวงบาราคูดัส มาเป็นโปรดิวเซอร์

ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้ม เมฆหม่น

พายุฝน อยู่บนฟากฟ้า

คงไม่นานตะวัน สาดแสงแรงกล้า

ส่งให้ฟ้า งดงาม

ในอัลบั้ม ให้มันแล้วไป มีเพลงเด่นอย่างเพลง ให้มันแล้วไป ยังจำไว้

และ เพลง เก็บตะวัน เพลงแรกที่ แต่งโดย ธนพล อินทฤทธิ์

ในช่วงเวลานั้น เสือ-ธนพล อินทฤทธิ์ ยังเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ ประจำ บริษัทโรสซาวด์ ด้วยความบังเอิญ

เสือมาหาอิทธิที่ห้องอัดเสียง เพื่อนำโลโก้อัลบั้มมาให้ อิทธิเลือก ในระหว่างนั้น อิทธิ

ก็ได้ปรึกษาเสือและเปิดเพลงเก็บตะวันที่ยังไม่มีเนื้อร้องให้เสือฟังพร้อมปรึกษาว่า

จะหาใครมาแต่งเนื้อเพลงนี้ดี

"พี่..ขอผมลองหน่อยได้ไหม ผมพอแต่งได้ ให้ผมลองหน่อยผมอยากแต่ง”

เสือรีบขออิทธิด้วยความลิงโลด อิทธิก็ลองให้โอกาสเสือได้ลองทำดู ด้วยความอยากให้โอกาส

อิทธิให้เวลาเสือไปแต่งเนื้อ 3 วัน แต่เพียงสองวันเนื้อเพลงเก็บตะวันก็เขียนเสร็จออกมา

อิทธิได้ฟังก็ชอบใจเพียงแก้ไขบางคำเพื่อให้ร้องเข้าปากมากขึ้น

"ให้มันแล้วไป" ในปี พ.ศ. 2531เป็นอัลบั้มที่เรียกได้ว่าพลิกโฉมเพลงร็อคให้กับทางอาร์เอสเลยก็ว่าได้ ด้วยยอดขาย 7 แสนตลับ

สำหรับศิลปินหน้าใหม่แจ้งเกิด อิทธิ พลางกูรได้อย่างงดงาม เพลงเก็บตะวัน

ยังกลายเป็นเพลงฮิตตลอดกาล สร้างตำนานให้กับทั้งอิทธิ เสือ ธนพล และอีกคน

คือ ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับมิวสิควีดิโอ

เพลงเก็บตะวันที่ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขามิวสิกวิดีโอดีเด่น อีกด้วย

เก็บตะวัน เป็นเพลงที่ให้ความหวังและกำลังใจแด่ผู้ฟังมาทุกยุคทุกสมัย

เปรียเปรยชีวิตกับการขึ้นลงของดวงตะวัน ขอเพียงมีหัวใจที่เข้มแข็ง

ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ ดวงตะวันยังคงทำงานเป็นแสงแรกของวันใหม่เช่นเดิม

ชีวิตแม้ตกลงในเย็นย่ำค่ำคืน ก็สามารถลุกขึ้นยืนใหม่ได้ในตอนเช้าเช่นกัน

หากตะวัน ยังเคียงคู่ฟ้า

จะมัวมา สิ้นหวังทำไม

เมื่อยังมีพรุ่งนี้ ให้เดินเริ่มใหม่

มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน

Apr 13, 2022

๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย




สงกรานต์ปีนี้..
ไม่ได้เล่นน้ำ ไม่เป็นไรเนอะ
ขอให้ทุกคน..
มีความสุข มีแต่เรื่องดีๆ
สดชื่น สุขใจ ทุกข์ใดๆให้ผ่านพ้น
ช่วงนี้ก็ขอให้ดูแลตัวเอง
ผ่านทุกเรื่องราวตอนนี้ไปด้วยกันนะ
#ไอ่เป็ด 


Apr 11, 2022

แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์


Old song please กรี๊ดเพลงเก่า


นักร้องชายที่ได้รับการยอมรับว่า ได้รับความนิยมเป็นระดับซูเปอร์สตาร์ รุ่นเดียวกับ พี่เบิร์ด ธงไชย

ในสมัยนั้น อัลบั้มฝันสีทอง ทํายอดขายเฉียด 2 ล้านตลับ ซึ่งถือว่ามากเป็นประวัติการณ์ในสมัยนั้นเลยทีเดียว

ชื่อของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ เป็นชื่อที่เหมาะสมอย่าง ยิ่งที่เราจะต้องกล่าวถึงเขาในวันนี้

ตั้งแต่ต้นยุค 90 จนถึงปัจจุบันถ้าสํารวจประชามติว่าใครคือนักร้องชายอันดับหนึ่งของวงการดนตรีป๊อปไทย

ธงไชย แมคอินไตย์

น่าจะเป็นภาพแรกที่ปรากฏขึ้นทันทีของ ผู้ที่ถูกตั้งคำถามดังกล่าว

แต่ถ้าย้อนกลับไปถามคําถามเดียวกันในยุค 80 (2523-2532)

คําตอบที่ได้อาจเป็นไปดังนี้ สุชาติ ชวางกูร, ธงไชย แมคอินไตย์

หรือ ดนุพล แก้วกาญจน์

ช่วงต้นของทศวรรษที่แปดสิบเป็นยุคของ สุชาติ ชวางกูร และเมื่อเข้าสู่กึ่งกลางของทศวรรษ

สุชาติได้ตัดสินใจเลือกเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศและผลงานที่ออกมาในช่วงหลัง ๆ

ไม่ประสบความสําเร็จในระดับเดียวกับตอนอยู่ อี.เอ็ม.ไอ.

ธงไชย แมคอินไตย์ เห็นความสําเร็จของ สุชาติ ชวางกูร จึงมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่วงการเพลงและเขา

ได้ฝึกฝนพัฒนาตนเองโดยการเคี่ยวกรําของ เรวัต พุทธินันทน์

จนในที่สุดก็ได้ออกเทปกับแกรมมี่ ชุดแรกในปี 2529 และประสบความสําเร็จทันที

ส่วน ดนุพล แก้วกาญจน์ เขาเป็นมากกว่าทั้งสองคนในยุคเดียวกัน คือเป็นนักร้องนำของวงดนตรี

ระดับสุดยอดของวงการเพลง แกรนด์เอ็กซ์ และ เป็นนักร้องเดี่ยวที่ประสบความสําเร็จอย่างสูงเมื่อ

ได้ออกผลงานของตัวเอง

ดนุพล แก้วกาญจน์ เกิดวันที่ 11 ตุลาคม 2502 เป็นคนสุดท้องในจํานวนพี่น้อง 5 คน

จบการศึกษาในระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนหอวัง เริ่มเล่นโฟลค์ซองตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปลาย

ร้องอาชีพครั้งแรกที่เลิฟคอฟฟี่ช็อปและต่อมาเล่นที่ เบิร์ธเดย์ โรงหนังเพรสซิเด้นท์

พี่แจ้ร้อง แนวของ The Bee Gees ได้ดีไม่มีที่ติ เมื่อ จํารัส เศวตาภรณ์

ลาออกจากวงแกรนด์เอ็กซ์ ทางวง จึงต้องหานักร้องนําคนใหม่เข้ามาเสริม

แกรนด์เอ็กซ์ไปนั่งดูดนุพลเล่นที่ร้านและสนใจในความ สามารถด้านการร้องของเขามาก

จึงทาบทามให้เข้าร่วมวง ดนุพลในตอนนั้นไม่ได้ต้องการเข้าร่วม

เนื่องจากเขามองภาพของแกรนด์เอ็กซ์ซึ่งในขณะนั้นออกชุด ลูกทุ่งดิสโก้ 1-2 มาแล้ว

ว่าไม่น่าจะ ใช่แนวทางหรือแนวดนตรีที่เขาจะร่วมงานด้วย แต่ นคร เวชสุภาพร

ได้อธิบายถึงแผนการทํางาน ของวงในอนาคตทําให้ในที่สุดพี่แจ๋ได้กลายมา

เป็นนักร้องของวงแกรนด์เอ็กซ์ในยุคที่ ดนุพล แก้วกาญจน์

เป็นนักร้องนําประสบความสําเร็จอย่างสูง สร้างปราฏการณ์ ให้กับวงการเพลงในหลายๆด้าน

เขาอยู่กับวงจนถึง อัลบั้ม "สายใย" จากนั้นก็แยกออกมาท่างาน เดี่ยว

โดยงานชุดแรกเขาฟอร์มวงดนตรีเฉพาะกิจชื่อ "พลอย" มาเล่นแบ็คอัพ โดยได้ ชาตรี คงสุวรรณ

มาร่วมด้วย วงการเพลงเฝ้ารอฟังผลงานชุดนี้ว่าจะดีเด่นเพียงไร พี่แจ้ เป็นนักร้องที่แต่ง

เพลงและโปรดิวซ์งานได้ด้วยตัวเอง "ฝันสีทอง" (2529) เป็นงานที่แฟนเพลงเฝ้ารอคอยและก็ไม่ทํา

ให้ผิดหวังเป็นงานที่มีเพลงดีทั้งอัลบั้ม ทํายอดขายได้เกินล้านตลับ

"ของขวัญ" (2529) งานชุดที่สองออกตามมาโดยดนุพลดึง จิ๊บ - ไผท เดชสิริ เข้ามาเสริมวงพลอย

เพื่อต้องการให้วงมีผลงานของตัวเองต่อไป ปี 2530 พี่แจ้ไม่ได้ออกงานใหม่ แต่มีงานชุด "ที่สุดของแจ้" และ

"ที่สุดของที่สุด" ซึ่งเป็นงานรวมเพลงและมีแต่งเพลงใหม่เพิ่มเติมเข้าไป ยอดขายดีมาก "เทวดาเดินดิน" (2531)

เป็นงานชุดที่สาม ในช่วงเวลานั้นวงการเพลงเริ่มเปรียบเทียบ และตั้งคําถามขึ้นมาแล้วว่าระหว่าง พี่แจ้ กับ พี่เบิร์ด

ใครคือเบอร์หนึ่ง ตอนโปรโมทเทปชุดเทวดาเดิน พี่แจ้ดูเหมือนจะเสียศูนย์เล็กน้อย

เพราะต้องการสร้างภาพความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ให้มากขึ้น

ดูได้จากการแต่งตัวเป็นหุ่นยนตร์ในคอนเสิร์ตหนึ่งซึ่งดูแล้วไม่ใช่ตัวเขา หลังจากนั้นก็มี

งานเพลงตามมาอีกเรื่อยๆ และยังรักษามาตรฐานของงานและยอดขายไว้ได้ในระดับหนึ่ง

อินเทอร์นอล เป็นค่ายเพลงที่พี่แจ้ตั้งขึ้นเพื่อผลิตงานของตัวเองและผลิตงานของนักร้องในสังกัด

เป็นธุรกิจที่เขามองไว้เพื่อสร้างความมั่งคงให้กับชีวิต ศิลปินเบอร์แรก คือ เฮนรี่ ปรีชาพานิช

ไม่ประสบความสําเร็จจากแนวเพลงที่พี่แจ้ให้สัมภาษณ์กับสื่อในภายหลังว่าเป็นงานที่มาก่อนเวลาไปนิด

อินเทอร์นอล ได้งานชุด ลีลา 1 โดย ปุ้ม-อรวรรณ เย็นพูนสุข มาช่วยกู้สถานการณ์ไว้ได้

พี่แจ้ออกงานกับสังกัดตัวเองทั้งงานที่เป็นผลงานใหม่และงานขับร้องเพลงเก่าหลายๆชุด ได้รับ

การต้อนรับจากกลุ่มแฟนเพลงของพี่เขาในระดับที่น่าพอใจ ส่วนชื่อเสียงในระดับมาสต้องยอมรับว่า ค่อยๆ เฟดลงตามวัฏจักร

ปี 2547 หลังจากพี่แจ้ห่างหายไปจากการออกงานเพลงใหม่เป็นเวลานานก็มีงานออกกับทางอาร์เอส

ซึ่งในตอนนั้นค่อนข้างเป็นเรื่องเซอร์ไพร์สวงการมากๆ แต่การตอบรับค่อนข้างเงียบ

ดนุพล แก้วกาญจน์ เป็นทั้ง นักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ที่มีความสามารถ ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาหาคนทาบยากมาก

อัสนี โชติกุลให้สัมภาษณ์ว่า พี่แจ้มีคุณสมบัติ

ของการเป็นโปรดิวเซอร์ที่ดีเป็นการตอกย้ำถึงความเป็น "คนดนตรี" ของเขา

สําหรับผู้เขียนแล้ว พี่แจ้คือเบอร์หนึ่งในยุคนั้น

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.oknation.net/blog/kilroy ครับ

เพิ่มเติม ทุกวันนี้ใครที่ยังอยากฟังเสียงเพลงของพี่แจ้ และสัมผัสตัวเป็นๆของเขาก็สามารถเข้าไปได้ที่ร้าน บ้านแสนรัก ย่านเลียบทางด่วนเอกมัยรามอินทรา ได้นะครับ

คนธรรพ์รำพัน วง แกรนด์เอ็กซ์ Cover โดย วง Windows


Apr 10, 2022

ฝันสีทอง (พ.ศ. 2529) ดนุพล แก้วกาญจน์

 


ข้อความจาก

"ลงตัว ยอดเยี่ยม และมากไปด้วยบทเพลงไพเราะฮอตฮิต"
#ฝันสีทอง
อัลบั้ม “ฝันสีทอง” สตูดิโออัลบั้ม โดย ดนุพล แก้วกาญจน์
วางแผงครั้งแรกเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 เป็นผลงานเดียว
ครั้งแรกของดนุพล แก้วกาญจน์ กับ บ. นิธิทัศน์โปรโมชั่น
โดยมี วงพลอย และ โอม ชาตรี จาก ดิ อินโนเซ้นท์ เป็นวงแบคอัพให้
ดูแลการบันทึกเสียงโดยสุดยอดนักดนตรีนักแต่งเพลงอย่าง เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์
ที่ห้องบันทึกเสียงศรีสยาม ด้วยความลงตัว ยอดเยี่ยม
และมากไปด้วยบทเพลงไพเราะฮอตฮิตของฝันสีทอง
ทําให้ยอดขายอัลบั้มนี้ที่เป็นอัลบั้มแรกของพี่แจ้
ที่สามารถทํายอดขายเทปทะลุเกินล้านตลับได้

ข้อมูลจาก Wikipedia

1."พังเพย"สันติ เศวตวิมล3.26
2."คำถาม"ดนุพล แก้วกาญจน์2.46
3."แสนรัก"ดนุพล แก้วกาญจน์3.07
4."น้ำค้างกลางแดด"อารี อุไร (สุรพล โทณะวนิก)3.28
5."ฝันสีทอง"ดนุพล แก้วกาญจน์3.02
6."ใครสักคน"สันติ เศวตวิมล, ดนุพล แก้วกาญจน์4.27
7."ดอกไม้ให้คุณ"เนื้อร้อง: สุรชัย จันทิมาธร
ทำนอง :จากเพลง ฮานะ โดย โชคิชิ คินะ
3.46
8."ด้วยมือของเธอ"สันติ เศวตวิมล3.27
9."ฝันลำเอียง"ดนุพล แก้วกาญจน์3.07
10."มองโลกให้เป็น"อารี อุไร (สุรพล โทณะวนิก)2.59
11."เธอ"วรพันธ์ ทองนพคุณ2.55
12."แสนรัก (บรรเลง)"ดนุพล แก้วกาญจน์3.08




ความยาวทั้งหมด:  39.40



พลอย (แบ็คอัพ)
ชาตรี คงสุวรรณ - กีตาร์, แซ็กโซโฟน
อนุสาร คุณะดิลก - เบส
รักษ์ สวัสดิ์ซิตัง - กีตาร์
ศิริศักดิ์ นันทเสน (ติ๊ก ชิโร่) - กลอง
มืด ไข่มุก - กลอง , เพอร์คัสชั่น
อภิไชย เย็นพูนสุข - คีย์บอร์ด
อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา - คีย์บอร์ด
สมบูรณ์ สุทธิสัตตบุศย์ - คีย์บอร์ด
วสุ แสงสิงแก้ว - ร้อง,คีย์บอร์ด


Apr 7, 2022

สิ้น 'เสฐียรพงษ์ วรรณปก' ราชบัณฑิตสาขาศาสนศาสตร์ ด้วยวัย 83 ปี

ศาสตราจารย์ (พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก นักปรัชญาศาสนา เสียชีวิตลงแล้ว ในวัย 83 ปี เบื้องต้น
ญาติแจ้งว่า สาเหตุหลักของการเสียชีวิต
เนื่องจากอาการทรุดเพราะเส้นเลือดในช่องท้องกับตรงหัวใจที่ทำไว้แต่เดิมปริ

Sulak Sivaraksa


[ แด่ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ]

เสฐียรพงษ์ วรรณปก เป็นสามเณรประโยค 9 รูปแรกในรัชกาลที่ 9 และเป็นรูปแรกแต่เกิดการสอบแบบข้อเขียน

แทนการสอบปากเปล่าดังแต่ก่อน 

เขาเป็นศิษย์ของพระธรรมเจดีย์ (กี มารชิโน) แห่งสำนักเรียนวัดทองนพคุณ

ต่อมาเสฐียรพงษ์ได้ทุนไปเรียนที่วิทยาลัยตรีนิตี้ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ทั้งๆ ที่ยังบวชอยู่

อาจจะเรียกได้ว่าเป็นพระไทยรูปแรกที่จบจากที่นั่น  เสียดายที่กลับมาไม่ทันไร เขาก็สึก

เขาถนัดเป็นนักหนังสือพิมพ์มากกว่าเป็นครูบาอาจารย์ ทั้งที่เขาเคยอยู่มหาวิทยาลัย

เดิมเขาเขียนให้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ต่อมาเมื่อไทยรัฐไม่เล่นงานธรรมกาย

เขาจึงย้ายมาอยู่กับมติชน และมีผลงานรวมเล่มมากมาย ทั้งกับสำนักพิมพ์มติชน

และกับทางเคล็ดไทย  ภาษาไทยเขาดี หนังสือที่มีชื่อเสียงก็เป็นหนังสือตั้งชื่อ ที่เขาสามารถตั้งชื่อคนเพราะๆ

ผมกับเขาเป็นกัลยาณมิตรกันมายาวนาน เมื่อเขาตายจากไป ก็หวังว่าเขาจะไปสู่สุคติในสัมปรายภพ

ส. ศิวรักษ์

6-4-65