หลังจากที่ผมได้รับเกียรติสูงยิ่งในชีวิตให้แต่งเพลง "ต้นไม้ของพ่อ"
เมื่อคราวเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบห้าสิบปี
ผมก็ได้รับมอบหมายอีกครั้งจากทางราชการ
ให้แต่งเพลงขึ้นมาเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ท่าน
ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาในปีต่อมา
ผมก็นั่งคิดอยู่ว่าจะเขียนอะไรดี
แล้วก็เกิดแรงบันดาลใจจากภาพพระราชกรณียกิจ
ภาพที่สะเทือนใจอย่างยิ่งก็คงเป็นภาพที่คนไทย
อีกนับแสนนับล้านคงสะเทือนใจเช่นผม คือ
ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่มีหยาดพระเสโท (เหงื่อ)
ไหลย้อยลงมาจนถึงปลายพระนาสิก (จมูก)
ในขณะที่ทรงงานอยู่ ผมเห็นภาพนั้นครั้งใดก็คิดทุกทีว่า
ทำไมพระองค์ท่านที่ทรงอยู่ในระดับที่จะให้ใครทำอะไรให้ก็ได้
ถึงต้องทรงทำอะไรเหนื่อย ๆ
แบบนี้ไม่รู้กี่สิบปี พระชนมพรรษาก็มากขึ้นตามลำดับ
ทำไมคนไทยถึงได้รบกวนเบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ท่านขนาดนี้
ทุกปีที่เวียนมาบรรจบในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ก็จะมีการเฉลิมฉลองเป็นประหนึ่งของขวัญ
ที่น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระองค์ท่าน
มีการจุดเทียนชัยทั่วประเทศสว่างไสวสวยงาม
ร่วมสามัคคีกันเปล่งเสียงร้องเพลงสดุดีมหาราชา
แล้ววันรุ่งขึ้นคนไทยก็เป็นเหมือนเดิม
ทุกคนยังเป็นคนละพวกเหมือนเดิม
รัฐบาลบลัฟฟ์ฝ่ายค้าน ฝ่ายค้านก็ค้านตะบี้ตะบันแบบศรีธนญชัย
ไม่ได้ใช้สามัญสำนึก
เอ็นจีโอบางส่วนก็ตั้งตัวเป็นคนไทย
อีกพวกหนึ่งที่ไม่ยอมฟังเสียงอะไรใครทั้งสิ้น
ทุกฝ่ายมีจุดยืน แต่เป็นจุดยืนแบบนักเรียนช่างกลเสียมากกว่า
ถ้าเห็นเครื่องแบบหรือหัวเข็มขัดไม่เหมือนกัน กูเป็นไม่ยอม
มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายขนาดที่ผมคิดหรอก
แต่พอนึกเลยเถิดไปเรื่อยก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้คิดต่อว่า
ในวันเกิดของคนที่เรารักมาก ๆ คนหนึ่ง
เราก็พยายามนึกเดาว่าใครคนนั้นอยากได้อะไรมากที่สุดแล้ว
วันเฉลิมพระชนมพรรษาขององค์พระบิดาของชาวไทยทั้งปวงล่ะ
พระองค์ท่านจะทรงโปรดสิ่งใดมากที่สุด
ผมบังอาจเดาด้วยตัวเองจากแรงบันดาลใจที่จะเขียนเพลง
ผมเดาว่า ของขวัญนั้นคงไม่ใช่แสงจากเทียนนับล้านเล่ม
เพลงสดุดีมหาราชาในเวลาสิบเก้านาฬิกาเก้านาทีเท่านั้น ผมเดาว่า
พระองค์ท่านจะทรงโปรดให้ชาวไทยมีความสมานสามัคคีกันมากที่สุด
เพื่อที่จักได้ใช้ความฉลาดเฉลียวที่คนไทยไม่แพ้ใครในโลก
มาร่วมกันแก้ปัญหาของพี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่าให้หมดสิ้นไป
ผมเดาว่า สิ่งที่พระองค์ไม่ทรงปรารถนาเลย
คือ ต้องทรงออกมาประทับอยู่ตรงกลางความขัดแย้งเพื่อยุติเรื่องเหล่านั้น
เหมือนในเดือนตุลาคมหรือพฤษภาคมของบางปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดเวียนอยู่ในหัวผม แล้วก็กลายเป็นแรงบันดาลใจว่าจะเขียนเพลงนี้ขึ้นมา
มิบังอาจน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย
แต่ถ้าเพลงนี้เผยแพร่ออกไปแล้วพอจะมีส่วนสักนิด
ช่วยลดความขัดแย้งแบบนักเรียนช่างกลของคนไทยลงได้บ้าง
ก็จะรู้สึกว่าตนเองมีประโยชน์แก่ประเทศชาติได้สักกระผีกหนึ่งก็ยังดี
จึงเกิดเป็นเพลงนี้
คำร้อง/ทำนอง : นิติพงษ์ ห่อนาค
เรียบเรียง : สราวุธ เลิศปัญญานุช
ขับร้อง : ธงไชย แมคอินไตย์
เราทุกคนก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง เปราะบาง
ไร้ค่า ไร้ความหมาย
อ่อนแอเหมือนโคลน ไหลไปตามทางเรื่อยไป
เมื่อน้ำแห้งไป ก็แตกระแหง
มีพลังเพียงแค่แรงเดียวที่ยึดเรา
เหนี่ยวรั้งเราไว้ให้กล้าแข็ง
รวมผู้คนมากมาย
ให้ทรงพลังแข็งแรง รวมเม็ดดินทุกเม็ด
ให้เป็นแผ่นดิน เราก็รู้
พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงใหน
ต้องลำบากใจกายไม่เคยสิ้น
เพราะพ่อรู้ พ่อคือพลังแห่งแผ่นดิน
ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป
หากจะหาของขวัญให้พ่อสักกล่อง
เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม
บวกกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ
ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา
ช่วยกันทำความดีให้พ่อได้สุขใจ
ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่แล้วมา