Custom Search

Apr 18, 2009

ยันต์กัน"วิญญาณร้าย"






ภาพประกอบ : ชัย ราชวัตร

คอลัมน์ แทงก์ความคิด
นฤตย์ เสกธีระ
max@matichon.co.th
มติชน
วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

สัปดาห์ที่แล้วเขียนเรื่อง "เริ่มต้นด้วยการสังเกต"
ปรากฏว่ามีกัลยาณมิตรอี-เมลมาแก้ไขข้อมูลตำนานวันสงกรานต์


ความ ว่า ... ตามตำนานที่จารึกในวัดพระเชตุพน บุคคลที่ปากเสีย
พูดจากดูถูกเศรษฐีพ่อของธรรมบาลกุมารในเรื่องมีบุตรยากนั้น คือ นักเลงสุรา
หาใช่ยาจกคนข้างบ้านไม่


ตรวจสอบแล้วเป็นจริงดังว่า
จึงขอบันทึกแก้ไขตามที่อี-เมลมาบอก

ยังมีอี-เมลอีกฉบับหนึ่งครับ
ฉบับนี้ส่งมาแซวเรื่องคำถามของท้าวกบิลพรหมจำนวน 3 ข้อที่ถามธรรมบาลกุมาร
บังเอิญสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้บอกว่าคำถามที่ว่านั้นเป็นฉันใด

สัปดาห์นี้จึงขอเติมให้เต็ม โดยนำคำถาม 3 ข้อที่ไม่ได้เขียน เอามาบอกกล่าว

คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารบุตรท่านเศรษฐี มี 3 ข้อ

หนึ่ง คือ เช้าราศีอยู่ที่ไหน

สอง กลางวันล่ะ ราศีอยู่ที่ไหน

และสาม ตอนค่ำราศีอยู่ที่ไหน

ส่วนคำตอบหลายคนคงรู้แล้ว
เช้าราศีอยู่ที่หน้า ตื่นขึ้นมาจึงมีการล้างหน้า
กลางวันราศีอยู่ที่อก ผู้คนจึงประพรมเครื่องหอมตามร่างกาย
และค่ำราศีอยู่ที่เท้า จึงมีการล้างเท้า
สำรวจตรวจสอบตัวเองถึงเหตุแห่งความบกพร่อง
สันนิษฐานว่า ปัจจัยเกิดจากความไม่รู้ล่ะหนึ่ง

กับอีกหนึ่งคือจิตวอกแวก แบบว่า "วิญญาณไม่เข้าร่าง"
เลยทำให้นำเสนอข้อมูลไม่ครบถ้วน

ต้องขออภัย!


ว่าถึงเรื่องจิต เรื่องวิญญาณนี่ เป็นความเชื่อมาตั้งแต่สมัยบรรพชน
ว่ากันว่าเมื่อวิญญาณออกจากร่าง คนเราก็ตาย
ร่างกายก็ผุกร่อน ส่วนวิญญาณยังต้องเวียนว่าย
ความเชื่อดังกล่าวทำให้เรามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ผี" ให้ขนหัวลุกกันมาจนถึงบัดนี้
บางคนก็เล่าเรื่องคนเห็นผี บางคนก็เล่าเรื่องคนถูก "ผีสิง"
"ผีสิง" นี่หมายถึง วิญญาณอื่นที่มีอำนาจเหนือกว่า ได้เข้าไปสิงอยู่ในร่างของมนุษย์
ทำให้พฤติกรรมการแสดงออกของคนที่ถูก "ผีสิง" เปลี่ยนไป
จริงไม่จริงไม่รู้ อย่าเอาไปเถียงกันเลยครับ
แต่เหตุที่นำเรื่อง "ผีสิง" มานำเสนอ เพราะติดตามสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้แล้ว
บางคนบางพวกเหมือนถูก "ผีสิง"
เพราะปกติแล้วคนเราทุกคนล้วนมี "วิญญาณฝ่ายดี" สถิตอยู่

""วิญญาณฝ่ายดี" ทำให้มนุษย์คิดดี พูดดี และทำดี"

หรือพวกที่ทำงานในวิชาชีพต่างๆ เช่น หมอ พยาบาล ทนายความ
คนเหล่านี้ก็มีวิญญาณฝ่ายดี เรียกว่า วิญญาณแห่งวิชาชีพ
แต่วิญญาณฝ่ายดีนี้ไม่ได้มีอำนาจกำกับเราได้ตลอดนะครับ
เพราะวันใดที่ "วิญญาณฝ่ายดี" อ่อนล้า "วิญญาณฝ่ายร้าย"
อาจจะเข้าสิงแทนได้ทุกเมื่อ

คนที่ถูกวิญญาณร้ายสิงจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
จากที่เคยคิดดี พูดดี และทำดี
กลายเป็นการคิดร้าย พูดไม่ดี และทำชั่ว

ดูอย่างผู้คนบางคนที่ร่วมชุมนุมประท้วงสิครับ

ผู้คนเหล่านั้น ปกติก็ดำรงชีวิตเหมือนอย่างเราๆ ท่านๆ นี่แหละ
คิดดี พูดดี และทำดี
"แต่พอวันหนึ่งวิญญาณฝ่ายดีอ่อนแอ ทำให้วิญญาณร้ายเข้าแทรก"
"จากคนที่เคยคิดดี ก็คิดแต่จะทำลายล้าง"

คนที่เคยพูดดี ก็พูดจาหยาบคาย
คนเคยทำดี ก็เปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม
หรืออย่างคนทำงานด้านวิชาชีพก็เหมือนกันครับ
ตอนจบมาใหม่ๆ ไฟแรงสูง "วิญญาณฝ่ายดี"
มีพลัง คนเราก็มุ่งมั่นทำงานเพื่อคนส่วนใหญ่

แต่พอเวลาผ่านไป บางคนเริ่มอ่อนล้า
กระทั่งบางคนถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง
เริ่มทุจริตคอร์รัปชั่น เริ่มเอารัดเอาเปรียบผู้คน
คนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ล้วนแต่เป็นผู้อ่อนแอครับ
จึงถูกวิญญาณร้ายสิงอยู่ในร่าง

"ใครที่ถูกวิญญาณร้ายครอบงำอยู่นาน พฤติกรรมก็เปลี่ยนไปจนถูกผู้คนมองว่าเป็นคนชั่ว"
ใครที่ถูกมองว่าเป็นคนชั่วก็โชคร้ายล่ะครับ
เพราะจะมองไปทางไหนก็มีแต่คนรังเกียจ
"หรือที่วงการเมืองมักใช้คำว่า "ต้นทุนทางสังคมต่ำ" นั่นแหละ"
คนที่ต้นทุนทางสังคมต่ำ เวลาจะทำอะไรให้สำเร็จ ก็ยากเย็นแสนเข็ญล่ะครับ
ดังนั้น หากไม่ต้องการให้ชีวิตตกอับ
เราต้องหาทางขจัด "วิญญาณร้าย" ออกไป


วิธีการขับไล่วิญญาณร้ายให้ออกจากร่างก็คือการเพิ่มพลังให้วิญญาณฝ่ายดี


"วิธีการง่ายๆ ที่สามารถเพิ่มพลังให้วิญญาณฝ่ายดี คือการคิดถึงคนส่วนใหญ่ครับ"
คือคิดถึงชาติมาก่อนองค์กร
และคิดถึงองค์กรก่อนตัวเอง

"ถ้าคิดได้เช่นนี้ จะทำให้เรารู้ว่าอะไรควรทำ และอะไรควรเว้น"
รู้ว่าควรทำความดี และเว้นการทำความชั่ว
ใครสามารถทำเช่นนี้ได้ก็ขอสาธุด้วยล่ะครับ
เพราะคนที่ทำได้คือคนที่จะแคล้วคลาดจากวิญญาณร้าย
"หลุดพ้นจากอาการ "ผีสิง""
"สวัสดี"


หน้า 17