วรากรณ์ สามโกเศศ
มติชน
วันที่ 08 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ในจำนวนคนที่มีอายุสูงกว่า 110 ปี
(supercentenarians)
จำนวน 72 คน ในสหรัฐอเมริกาจะมีผู้หญิงอยู่ 68 คน
ถึงแม้ในแต่ละปีจะมีชายเกิดมากกว่าหญิงก็ตาม
คำถามก็คือเหตุใดหญิงจึงมีอายุยืนกว่าชาย
นิตยสาร Newsweek ฉบับ 5 October 2009
ได้รวบรวมข้อเท็จจริงของความอายุยืนของหญิง
จากวารสารวิชาการของหลายสมาคม เช่น
American Heart Association/Arthritis Foundation/
American Autoimmune Related Diseases Association
ฯลฯ ดังต่อไปนี้
ช่วงแตกต่างของ
อัตราการตายมากที่สุดระหว่างสองเพศคือ
อายุระหว่าง 20 ถึง 24 ปี ซึ่งช่วงเวลานี้ชาย
มีโอกาสถูกฆ่าตายมากกว่าหญิง 6 เท่าตัว
และมีโอกาสตายมากกว่าหญิง 5 เท่าตัว
จากอุบัติเหตุที่มิใช่รถยนต์
ผู้เขียนเข้าใจว่าที่เป็นเช่นนี้ก็
เพราะฮอร์โมนชาย (Testosterone)
ทำให้ชายรักความเสี่ยง รักความตื่นเต้น
ชอบความโลดโผนโจนทะยานมากกว่าหญิง
จนทำให้ประสบเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น
ถูกฆ่าตายหรืออุบัติเหตุมากกว่าหญิง
ฮอร์โมนชายอีกเช่นกันที่ทำให้
ชายกล้า "เล่น" ปืนมากกว่าหญิง
จนทำให้ความเป็นไปได้ในการฆ่าตัวตาย
การฆาตกรรม
หรืออุบัติเหตุจากปืน
ทำให้เสียชีวิตสูงกว่าหญิงถึง 5 เท่าตัว
ใน การอุดตันของหลอดเลือดหัวใจอันเนื่อง
มาจากคอเลสเตอรอลในเลือดสูง
ชายประสบชะตากรรมนี้สูงกว่าหญิง
โดยเฉพาะในวัยก่อนหญิงถึงวัยทอง
ฮอร์โมนชาย (Testosterone)
ทำให้ระดับของ LDL
(คอเลสเตอรอลชนิดเลวซึ่งสร้างการอุดตัน) เพิ่มขึ้น
และลดระดับของ HDL
(คอเลสเตอรอลชนิดดีซึ่ง
ช่วยทำให้ไม่เกิดการอุดตัน)ลง
ในขณะที่ฮอร์โมนหญิง (Estrogen)
ทำงานในลักษณะตรงกันข้าม
หญิงจึงประสบโรคหัวใจน้อยกว่า
ชายในตอนอายุต้นและกลางคน
ในขณะที่ชายประสบโรคนี้ในทุกวัย
ใน ขณะที่โรคมะเร็ง โรคหัวใจ
ซึ่งทำให้ตายได้ฉับพลันเป็นเรื่องปกติของเพศชาย
โรคที่ไม่ถึงกับตายฉับพลันและ
เป็นเรื้อรังกลับเกิดในเพศหญิงมากกว่า
เช่น โรคกระดูกผุ โรคไข้ข้ออักเสบ
หรือโรคอันเกิดจากความผิดปกติของ
Autoimmune (ระบบคุ้มกันตัวเอง)
สำหรับเรื่องอารมณ์นั้นพบว่าด้วยทางโน้มของหญิง
ที่ให้ความสนใจแก่อาการของการเศร้าซึม
และการกดดันของอารมณ์มากกว่าชาย
ทำให้ในช่วงอายุ 75 ถึง 79 ปี มีความเป็นไปได้
ที่ชายจะฆ่าตัวตายสูงกว่าหญิงถึง 9 เท่าตัว
เมื่อลอง ค้นคว้าเพิ่มเติมก็พบว่า
ife expectancy หรืออายุขัยเฉลี่ย
(ไม่ใช่อายุเฉลี่ย แต่เป็นการคาดคะเนว่าจะมีอายุยืนเท่าใด)
เมื่อแรกเกิดของมนุษย์ใน
โลกเปลี่ยนแปลงไปมากในประวัติศาสตร์
ในสมัยโรมันเมื่อสองสามพันปีที่ผ่านมา
อายุขัยเฉลี่ยคือ 22-25 ปี
ในปี 1900
อายุขัยเฉลี่ยของพลเมืองโลกประมาณ 30 ปี
ในปี 1985 ประมาณ 62 ปี
และปัจจุบันประมาณ 65 ปี
หากเพศชายก็ประมาณ 62.7 ปี
หญิงประมาณ 66 ปี
กล่าวคือหญิงอายุยืนกว่า
ชายประมาณ 3 ปี
ในโลกโดยเฉลี่ย
ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปหญิง
มีอายุขัยเฉลี่ยสูงกว่าชายประมาณ 4-6 ปี
ที่น่าสนใจก็คือในรัสเซีย
หญิงมีอายุยืนกว่าชายประมาณ 13 ปี
(อิทธิฤทธิ์ของ Vodka?)
ในทุกแห่งทั่วโลก หญิงมีอายุขัยเฉลี่ยสูงกว่า
ชายเสมออย่างน่าประหลาดใจ
บ้างให้เหตุผลว่าเพราะ
ชายต้องเป็นทหาร ทำงานก่อสร้าง
ทำงานในโรงงาน ต้องเดินทาง เลี้ยงครอบครัว
กินเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวผู้หญิง ฯลฯ
จึงมีความเสี่ยงมากกว่าในการตาย ซึ่งก็ไม่น่าจะผิด
อย่างไรก็ดี คำอธิบายที่
อาจเข้าท่าสำหรับหญิงหลายคน
(รวมทั้งภรรยาผู้เขียนด้วย)
ในการที่หญิงมีอายุยืนกว่าชาย
ก็เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการให้หญิงได้มี
เวลาอันสงบในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตบ้าง
หลังจากที่สามีได้ตายจากไปแล้ว
สิ่ง พึงสังเกตก็คือ
ตัวเลขอายุขัยเฉลี่ยเหล่านี้มิได้หมายถึง
ความมีอายุยืนของทุก คน
แต่ละคนแตกต่างกันออกไป
เมื่อเป็นตัวเลขเฉลี่ยก็หมายความว่า
มีคนอายุขัยต่ำกว่านี้จำนวนหนึ่ง
และมีอายุขัยสูงกว่านี้จำนวนหนึ่ง
ถ้าท่านเกิดใน
ครอบครัวที่อุดมสมบูรณ์ตอนแรกเกิด
มียีนและสิ่งแวดล้อมที่ดี
ดูแลสุขภาพตนเองเป็นอย่างดีมาตลอด
มีความเป็นไปได้สูงมากที่ท่านจะอยู่
ในกลุ่มที่อายุขัยสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ย
สำหรับ ประเทศไทย
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม
มหาวิทยาลัยมหิดล
คำนวณว่าอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่องตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
(ในปี 2480 ตัวเลขอยู่ที่ 40 ปี ในปี 2507
เพิ่มเป็น 58 ปี และเป็น 70 ปี ในปี 2542)
อายุขัยเฉลี่ยนับตั้งแต่แรกเกิดเคยต่ำกว่า 50 ปี
เมื่อ 50 ปีก่อน ได้เพิ่มสูงขึ้นจน
อยู่ที่ประมาณ 70 ปี ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี ในรอบ 10-20 ปีที่ผ่านมานี้ดูเหมือน
อายุขัยเฉลี่ยของประชากรไทยจะ
ชะลอตัวลงคือเกือบไม่เพิ่มขึ้นเลย
และอาจจะลดลงด้วยซ้ำ
ประเทศ ไทยขาดข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
ของจำนวนผู้ที่มีอายุเกิน 100 ปีขึ้นไป
หรือ "ศตวรรษิกชน"
ในปี 2548 สำนักงานสถิติแห่งชาติ
พบว่าประชากรที่มีอายุเกินกว่า 100 ปีมีอยู่ 8,098 คน
(ชาย 2,768 คน หญิง 5,330 คน)
ซึ่งตัวเลขที่มีหญิงมากกว่าชายก็
สอดคล้องกับข้อมูลที่พบในประเทศอื่นๆ เช่นกัน
ความรู้ทางการแพทย์ของโลกก้าวไกลและรวดเร็วอย่างยิ่ง
ใน ปัจจุบัน เชื่อกันว่าการมีอายุเกินกว่า 100 ปี
ของมนุษย์โลกเป็นสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับผู้เกิดในวันนี้
และดูแลสุขภาพตนเอง ดี และเช่นกันสำหรับผู้ที่เกิดแล้ว
และดูแลสุขภาพตนเองดีมาตลอดชีวิตโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์
ช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า
จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก
ของความก้าวหน้าทางการแพทย์
ถ้าใครอยู่รอดได้ใน 10 ปีข้างหน้า
จะมีโอกาสมีชีวิตอยู่รอด
อย่างมีสุขภาพดีอีกนานหลายปี
ดังนั้นใน 10 ปีข้างหน้า
จงดูแลตนเองให้ดีและพยายามหายใจเข้าไว้
หน้า 6