Custom Search

Aug 19, 2006

หลักกาลามสูตร


ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกถึง
นิคมเกสปุตตะของพวกเจ้ากาลามะ
ชาวกาลามะได้พากันมาเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลถามว่า
ได้มีสมณะและพราหมณ์พวกหนึ่ง
มายังเกสปุตตนิคม ได้สำแดง เชิดชู
วาทะของตนฝ่ายเดียว แต่กระทบกระทั่งดูหมิ่น
เหยียดหยามวาทะของฝ่ายอื่นให้เห็นว่าเป็นฝ่ายต้อยต่ำ


ต่อมามีสมณะและพราหมณ์อีกพวกหนึ่งได้มาสำแดง
เชิดชูวาทะของตนฝ่ายเดียวโดยกระทบกระทั่ง ดูหมิ่น
เหยียดหยามวาทะของฝ่ายอื่นว่าเป็นฝ่ายต้อยต่ำเช่นเดียวกัน
พวกตนจึงสงสัยว่าทำอย่างไรจึงจะรู้ได้ว่า
พวกตนสมควรเชื่อใคร และสมณะและพราหมณ์เหล่านั้น
ใครพูดจริง พูดเท็จอย่างไร


พระพุทธเจ้าได้ตรัสต่อชาวกาลามะทั้งหลาย
ให้ใช้หลักวินิจฉัยด้วยตนเองโดย
มิให้ปลงใจเชื่อถือ ด้วยเหตุ ๑๐ ประการ ดังต่อไปนี้

๑) มา อนุสสะเวนะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะได้ยินได้ฟังอยู่เนือง ๆ
๒) มา ปรัมปรายะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะเป็นไปตามประเพณีสืบ ๆ กันมา
๓) มา อิติกิรายะ อย่าเชื่อถือตามคำที่เขาเล่าลือกัน
๔) มา ปิฏะกะสัมปะทาเนนะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะตรงกับตำรา
๕) มา ตักกะเหตุ อย่าเชื่อถือเพราะคาดคะเนเอา
๖) มานะยะเหตุ อย่าเชื่อถือเพราะมีนัยเทียบเคียงกันได้
๗) มา อาการะปริวิตักเกนะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะคิดไปตามอาการที่ได้เห็น
๘) มา ทิฏฐินิชฌานักขันติยา อย่าเชื่อถือเพียงเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎี
๙) มา ภัพพะรูปะตายะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะคนพูดน่าเชื่อถือ
๑๐) มา สะมะโณ โนคะรูติ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะผู้พูดเป็นสมณะหรือครูอาจารย์
พระพุทธเจ้าท่านสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่าย ๆ
เพียงเพราะเหตุใดเหตุหนึ่งใน ๑๐ ประการดังกล่าวข้างต้น

แต่ให้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
และโดยที่ปฐมเหตุแห่งการที่
ท่านเทศนาหลักกาลามะสูตรดังกล่าว

ก็เนื่องจากความแตกต่างในหลักธรรมที่มีผู้สอนผิดแผกกันไป
ท่านจึงให้ไตร่ตรองว่า หลักธรรมใดที่เป็นอกุศล
มีโทษ ผู้คนติเตียน กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้ว
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือสร้างความทุกข์ให้แก่ตนเอง
หรือผู้อื่น ให้ปล่อยทิ้งไปไม่ควรเก็บมาเป็นอารมณ์

แต่ถ้าหลักธรรมใดเป็นกุศล ไม่มีโทษ ผู้คนสรรเสริญ
กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์
และนำความสุขมาให้แก่ตน ก็ให้พึงรับมาปฏิบัติได้

หลักการดังกล่าวได้ผ่านพ้นมาสองพันห้าร้อยกว่าปี
แต่ถ้าไตร่ตรองดูให้ดี จะเห็นได้ว่ายังสามารถ
นำมาใช้ได้ในยุคปัจจุบัน และใช้ได้กับทั้งศาสนจักร และอาณาจักร



เกสปุตตนิคม

เกสปุตตนิคม หรือ เกสริยา
(อังกฤษ: Kesariya, เทวนาครี: केसरिया)

ในปัจจุบัน เป็นสถานที่ตั้งของมหาสถูป
พบใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย

ในสมัยพุทธกาลเป็นที่อยู่ของ
พวกชาวกาลามโคตรหรือกาลามชน

อยู่ในแคว้นโกศล เป็นหมู่บ้านทางผ่าน
ระหว่างเมืองในสมัยพุทธกาล

พระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จผ่านมาที่เกสปุตตนิคม
และได้ทรงแสดงกาลามสูตร

หรือเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า
เกสปุตตสูตร
แก่กลุ่มคนเหล่านี้
จนยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา




ย้อนพุทธกาล แนะใช้ (ชาว)กาลามสูตร10 สู้เฟคนิวส์ (10ก.พ.63)
ฟังหูไว้หู | 9 MCOT HD (https://www.mcot.net)
ฟังหูไว้หู |10ก.พ.63 OnAir

แนะใช้กาลามสูตร สู้เฟคนิวส์, ย้อนประวัติศาสตร์ สมัยพุทธกาล
กับการเปิดปูม กาลามสูตร 10 ประการ โดยมีที่มาจากความสงสัยของ ชาวกาลามะ
ซึ่งได้ถูกนำมาใช้เรียกพระสูตรเรื่องนี้ แต่ชื่อที่แท้จริงของ กาลามสูตร
ตามข้อมูลพระไตรปิฏกคืออะไร ติดตามข้อมูลได้ในคลิปรายการ