Custom Search

Dec 7, 2009

ลูกของแผ่นดิน




วสิษฐ เดชกุญชร
มติชน
วันที่ 08 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ผมเป็นผู้หนึ่งที่ได้ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ในที่ประชุมมหาสมาคมที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ 5 ธันวาคม ที่เพิ่งจะผ่านไป
ในฐานะที่เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งต่างๆ
ทั้งในราชการประจำ และราชการการเมือง
และยังเป็นนายตำรวจราชสำนักพิเศษอยู่
ผมควรจะได้ไปเฝ้าฯเป็นประจำ ในทุกวันสำคัญที่แล้วมา
เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันฉัตรมงคล
แต่เพราะอายุที่สูงขึ้น และเพราะบังเอิญมีธุระการงานอื่นๆ
ในวันนั้นๆ ผมจึงไม่ได้ไป ผมใช้วิธีถือศีล 8
และทำ สมาธิถวายพระราชกุศล แทนการไปเฝ้าฯถวายชัยมงคล
แต่คราวนี้ ปีนี้ ก่อนถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระ ประชวร
เสด็จฯไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราชมาตั้งแต่ตุลาคม
ผมก็เหมือนคนไทยทั้งประเทศ ที่ห่วงใยในพระอาการทุกโอกาสที่ทำได้
ผมก็ไปลงชื่อในสมุดที่สำนักพระราชวังจัดไว้ให้ ที่โรงพยาบาลศิริราช
และน้อมเกล้าฯถวายชัยมงคล
ผมไปมาแล้วเพียง 4 ครั้ง สู้หลายคนไม่ได้ที่ไปแล้วกว่า 10 ครั้ง
และอีกหลายคนที่ไปทุกวัน
คราวนี้ เมื่อทราบว่า มีกำหนดที่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จออกมหาสมาคม
ซึ่งหมายความว่า ทรงทุเลาจากพระอาการประชวร
และทรงแข็งแรงพอที่จะทรงทำได้
ผมก็บอก ตัวเองว่า ผมต้องไปเฝ้าฯในมหาสมาคมนั้นให้ได้
ขณะที่อยู่ในรถ และกำลังบ่ายหน้าไปยังพระบรมมหาราชวังนั้น
ผมเห็นประชาชนจองที่นั่งอยู่ที่ริมถนนทั้งสองข้างอยู่ล้นหลาม
เห็นแล้วก็รู้ว่า เขาไปด้วยความประสงค์อย่างเดียวกับผม
คือเพื่อให้ได้เห็นพระพักตร์ในวันนั้น
แม้จะมิได้อยู่ในที่มหาสมาคมก็ตาม
ผมไปถึงเมื่อก่อน 9 นาฬิกา
ลงชื่อถวายชัยมงคลในศาลาลูกขุนใน
แล้วจึงไปนั่งคอยอยู่ในเต๊นท์ข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
ทางด้านตะวันออกของพระที่นั่ง
จนถึงเวลาประมาณ 10.30 นาฬิกา
จึงได้เข้าไปยืนคอยเฝ้าฯอยู่ในพระที่นั่ง
ร่วมกับท่านผู้อื่น รวมทั้งพระบรม วงศานุวงศ์
คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา และตุลาการ
เสด็จฯ ถึงล่ากว่ากำหนดประมาณหนึ่งชั่วโมง
พอพระวิสูตร (ม่าน) เปิด เราก็เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ประทับเป็นสง่างามอยู่บนพระราชบัลลังก์
เหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์
ใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงฉลองพระองค์ชุดจักรีเต็มยศ (สีขาว)
และทรงฉลองพระองค์ครุยจักรี ทับข้างนอกอีกชั้นหนึ่ง
หลังจากที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชกราบบังคมทูลถวายชัยมงคล
แทนพระบรมวงศานุวงศ์
นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลแทนคณะรัฐมนตรีและข้าราชการฝ่ายต่างๆ
และประธานรัฐสภากราบบังคมทูลแทนสมาชิกรัฐสภาและประชาชนแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน
พระราชดำรัสตอบขอบพระทัยและขอบใจ
ข้อความตอนหนึ่งของพระราชดำรัสที่ควรทราบและจำใส่ใจคือ
"ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้
ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข"

เสด็จฯออกจากพระบรมมหาราชวังเมื่อเวลาก่อนเที่ยง
กลับไปยังโรงพยาบาลศิริราช ผมเห็นจากการถ่ายทอดทาง
วิทยุโทรทัศน์ว่ารถยนต์พระที่นั่งแล่นช้า
และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโบกพระหัตถ์ให้ประชาชนไปตลอดทาง
เมื่อถึงโรงพยาบาลศิริราช ประทับรถเข็นเพื่อเสด็จฯกลับไปยังห้องที่ประทับนั้น
ยังทรงอยู่ ในฉลองพระองค์ชุดเดิม รวมทั้งฉลองพระองค์ครุย
ซึ่งตามปกติฉลองพระองค์ครุยนั้นน่าจะได้ทรงเปลื้องแล้วก่อนเสด็จฯ
ออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
ผมสันนิษฐานว่า ที่ยังทรงฉลองพระองค์ประหนึ่งว่า
ยังประทับอยู่ในที่ประชุมมหาสมาคม เช่นนั้น
คงเป็นพระราชประสงค์ ที่จะให้ประชาชนทั้งที่คอยเฝ้าฯอยู่ริมถนน
และทั้งที่โรงพยาบาลศิริราช ตระหนักว่าทุกคนอยู่ใน "มหาสมาคม" ด้วย
บ่ายสี่โมงวันนั้น ผมรับเชิญไปแสดงปาฐกถาเรื่อง "พ่อของแผ่นดิน"
ที่สภาสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ ถนนราชวิถี ในกรุงเทพฯ


ผมพูดโดยอาศัยประสบการณ์ของตนเอง
ที่ได้เคยรับราชการและตามเสด็จฯ
ในตำแหน่งนายตำรวจราชสำนักราชประจำ
อยู่เป็นเวลากว่า 10 ปี และ
จากการตามสังเกตพระราชกรณียกิจ
หลังจากนั้นมา ผมบอกผู้ฟังว่า
จากประสบการณ์และสิ่งที่ผมได้พบได้เห็น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชอุตสาหะ
บากบั่น อุทิศทั้งพระราชหฤทัย
และพระวรกายให้แก่ประชาชนมาโดยตลอด
โดยปราศจากเงื่อนไข ไม่ทรงเว้นแม้แต่เวลา
ทรงพระประชวร ทั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์
เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่ทรง
"ครองแผ่นดินโดยธรรม"
เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ตามปฐมบรมราชโองการที่ทรงประกาศ
เป็นสัญญาแก่ประชาชน
ในขณะที่รัฐบาลและประชาชนยกย่อง สดุดี
และถวายพระเกียรติให้ทรงเป็น "พ่อของแผ่นดิน" นั้น
จะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระองค์
อย่าง "ลูกของแผ่นดิน" คนหนึ่ง
สละทั้งชีวิตและจิตใจเพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน
บทความนี้ ผมเขียนเพื่อเชิญท่านผู้อ่าน
ให้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ด้วยการสละชีวิตจิตใจของทุกคน
ตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน
หน้า 6