Custom Search

Aug 26, 2023

10 วิธีที่จะช่วยคุณไปให้ถึงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

เดี๋ยวดิดสรุปเอง


1. ซื่อสัตย์ต่อเป้าหมายของตัวเอง

คุณต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อเป้าหมายของตัวเอง
และวัดผลผลลัพธ์ที่ได้ลงมือทำไปแล้วว่าเป็นยังไง
โดยไม่หลอกตัวเอง
“คุณหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้หรอก”

2. เน้นการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ
ซอยเป้าหมายระยะยาวที่ตั้งไว้ออกมาเป็นส่วนเล็กๆ
แล้วค่อยๆ ทำทีล่ะน้อยๆ ฝึกให้ตัวเองสะสมนิสัยแห่ง
การลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ เก็บ small win บ่อยๆ

3. มี mindset ต่อตัวเองว่าเป้าหมายที่เราลงมือทำไม่มีคำว่า "สูญเสีย"
ให้คิดเสมอว่า...
“เราไม่ได้สูญเสีย แต่เรากำลังได้ประโยชน์”
ความสำเร็จคือการได้มาซึ่งสิ่งดีๆ ทั้งมวลในปริมาณที่มากมาย คุณมีแต่จะได้ประโยชน์จากความสำเร็จ แต่สำหรับความล้มเหลวนั้นเป็นเรื่องที่คุณมีแต่ความสูญเสียอยู่เสมอ ให้คิดแลบนี้ครับ

4. เลิกมีนิสัย “ขี้แหย”
คนขี้แหย พวกเขาชอบฟังแต่เรื่องลบๆ จากคนอื่นและโลกภายนอก คนเหล่านี้มักชอบแก้ตัวอยู่ตลอดในเวลาทำอะไรผิดพลาด
พวกเขามักหวั่นไหวต่ออิทธิพลในด้านลบของ
ผูอื่น และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงแนะนำให้คุณระมัดระวังในการเลือกคนที่คุณจะเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณ
ดังนั้นจงปรึกษาให้ถูกที่ ถูกคน อย่าไปถามเรื่องความสำเร็จกับพวกที่มีนิสัยเหล่านี้ เพราะพวกเขามักจะบอกคุณว่า... “มันเป็นไปไม่ได้หรอก”

5. เริ่มต้นสักหนึ่งอย่างก่อน
ให้ลองตั้งเป้าหมายระยะสั้นก่อน ถ้าทำได้แล้วค่อยขยับไปในเป้าหมายที่ไกลกว่าเดิม ฝึกสำเร็จระยะสั้นก่อน เพราะความสำเร็จสั้นๆ จะชักนำให้เกิดความสำเร็จติดตามมาอีกเป็นระลอก
6. กล้าที่จะเจอกับสิ่งใหม่ๆ
คุณต้องกล้าที่จะเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ เพราะในขณะที่คนเราตั้งเป้าหมายแล้วเจอกับอุปสรรคหรือความล้มเหลวแล้ว พวกเขามักชอบถอดใจ และเมื่อไหร่ที่คุณคลายล๊อคที่ปิดหัวใจของคุณออก โลกทั้งโลกก็จะเปิดโอกาสให้กับตัวคุณ ดังนั้นเมื่อเจอความล้มเหลวอย่าท้อครับ อย่าจมอยู่กับที่ ลุกขึ้นสู้ต่อไปครับ

7. ให้เชื่อว่าเราต้องสำเร็จตั้งแต่เริ่มทำตามเป้าหมาย
ถ้าเราอยากไปให้ถึงเป้าหมายในชีวิตหรือไปให้ถึงที่ๆอยากไปให้ถึง สิ่งสำคัญคือเราต้องทำตัวให้ตัวเรา
มองเห็นให้ได้ว่าเราไปถึงหรือประสบความสำเร็จได้
เราเชื่ออย่างไร เราก็จะได้อย่างนั้น เชื่อว่าล้มเหลว เราก็จะล้มเหลว เพราะใจเราแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว
สู้เปลี่ยนมาเชื่อว่าเราสำเร็จได้ไม่ดีกว่าเหรอ ถึงแม้อาจจะทำได้ไม่ถึงเป้า แต่ผลที่ได้ก็ดีกว่าเดิมแน่นอน

8. ฝึกฝนแบบไร้ความกดดัน
ฝึกมองตัวเองให้ไปถึงเป้าหมายอยู่ทุกๆ วัน เมื่อ
คุณฝึกฝนอย่างไรก็ความกดดันอย่างเพียงพอ คุณจะสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นในสภาวะสถานการณ์จริงที่อยู่ภายใต้ความกดดัน
ซึ่งสิ่งสำคัญในการฝึกแบบไร้ความกดดันคือ การมองเห็นตัวเองไปถึงเป้าหมายนั้นให้ได้จริงๆ ต้องเห็นภาพในใจเสียก่อน ก่อนที่คุณจะบรรลุเป้าหมายได้จริงๆ และคุณจะไม่เครียดในการทำเป้าหมาย เพราะคุณจะมี “ความมั่นใจสูง” แล้วว่าคุณทำได้

9. หาคนที่มีเป้าหมายแบบเดียวกัน
การที่จะเราจะประสบความสำเร็จได้เราจำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมทางที่มีความคิด มีทัศนคติที่ดี เข้ามาอยู่รอบตัวเรา เพราะเพื่อนร่วมทางเหล่านี้แหละจะคอย
ช่วยประคับประคองฝ่าฟันเป้าหมายไปกับเรา

10. บอกตัวเองว่าต้องทำให้ได้
เมื่อเราบอกกับตัวเองว่าต้องทำให้ได้ ต้องสำเร็จให้ได้ ตัวเรานั้นจะไม่มีความกลัวต่ออุปสรรคที่เจอเลย
เพราะเราจะเชื่อแล้วว่าต้องทำให้ได้ หน้าที่เราคือต้องสำเร็จเท่านั้น ถ้าไม่สำเร็จจะไม่ยอมล้มเลิกในเป้าหมายเด็ดขาด

Reference: หนังสือ SEE YOU AT THE TOP

Aug 23, 2023

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีคนที่ 30



PPTV 36
เผยแพร่ 

โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เผย ในหลวงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "เศรษฐา ทวีสิน" เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เตรียมพิธีรับพระบรมราชโองการที่พรรคเพื่อไทย 18.00 น.

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวานนี้ ลงมติให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้จัดทำเอกสารให้ประธานรัฐสภาลงนาม เพื่อกราบบังคมทูล ถึงผลการเลือกนายกรัฐมนตรี โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธย แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เรียบร้อยแล้ว แต่หนังสือยังมาไม่ถึง

ในวันนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร จะเข้าไปรับหนังสือและนำหนังสือไปที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประทับตราพระราชลัญจกร 5 ดวง และนำกลับมาที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะนำพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯไปยังพรรคเพื่อไทยในเวลา 18.00 น. ซึ่งมีสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตรวจความเรียบร้อยที่พรรคเพื่อไทย 

ทั้งนี้ นายคัมภีร์ ระบุว่า ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ ตั้งแต่เมื่อคืนนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะยังอยู่ในกระบวนการ และทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่ได้แจ้งให้สื่อทราบ แต่วันนี้ได้แจ้งให้ทราบเบื้องต้นแล้ว เพื่อให้สื่อมวลชนได้เตรียมความพร้อม

Aug 22, 2023

สรยุทธ เปิดเพลงรับ ทักษิณ กลับไทยยิ่งลักษณ์ดูข่าว พีคเพลงนี้



ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง สรยุทธ สุทัศนะจินดา ไลฟ์ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ รายงานบรรยากาศ
ก่อนที่ นายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี
เตรียมเดินทางกลับไทย โดยช่วงหนึ่งได้ให้ทีมงานเปิด
เพลง ‘เราจะทำตามสัญญา’ พร้อมภาพบรรยากาศประกอบ
หลังมีแฟนรายการคอมเมนต์
ขอเพลงดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวก็สงสัยว่า มันจะเข้ากัน เหรอ “เพลงนี้มันเกิดหลังการรัฐประหารนะ
แต่มัน เป็นเพลงเดียวที่เปิดแล้วคลิปไม่ปลิว (โดน ลิขสิทธิ์) ไม่มีเจตนาอื่นเลย”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นคลิปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิน วัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน้องสาวนายทักษิณ
ขณะส่งพี่ชายขึ้นเครื่องบินกลับไทย สรยุทธ ก็บอก ว่า “ตาย เราก็ลืมคิดไป ถ้าเกิดคุณยิ่งลักษณ์บางที
อาจจะแวบมาดูเรานะ อาจจะเสียใจไหม คุณยิ่ง ลักษณ์ คุณปูที่เคารพ เนี่องจากเป็นเหตุผลด้าน ลิขสิทธิ์จริง ๆ
ไม่สามารถจะนำเสนอเพลงอื่นได้ ๆซึ่งเพลงนี้ถ้าจะบาดใจ จะไปบาดเจ็บใครที่สุดล่ะ
ไม่เป็นไร วันนี้เขาสลายความขัดแย้งแล้ว สลาย ขั้ว”
ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทวีตภาพขณะดู
ไลฟ์กรรมกรข่าว คุยนอกจอไปด้วย พร้อมกับเขียน
แคปชั่นตอบกลับว่า “ฟังอยู่พอดีค่ะ คุณสรยุทธ”
พร้อมติดแฮชแท็กดังประจำวัน #ทักษิณกลับบ้าน
#ทักษิณกลับไทย
และเมื่อ สรยุทธ ทราบว่า ยิ่งลักษณ์ ติดตามดู รายการ
จึงกล่าวทักทายว่า
“อุ๊ย สวัสดีครับ สบาย ดีนะครับ ให้ใครฝากไลน์มาให้ผมก็ได้นะ
เดี๋ยวจะ ได้คุยกัน นี่…ท่านผู้ชม คุณยิ่งลักษณ์ ไม่ว่ากันนะที่ เปิดเพลง นี่ทีมงานปิดเพลงพรึ่บเลย”

การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย


THE STANDARD TEAM

ที่มา https://thestandard.co/30th-prime-minister-vote-22082023-14/

วันนี้ (22 สิงหาคม) หลังที่ประชุมร่วมรัฐสภา เริ่มการประชุมตั้งแต่เวลา 09.30 น. โดยมีวาระสำคัญคือ

การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272

ต่อมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.จังหวัดน่าน และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เสนอชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’

เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเพียงชื่อเดียว โดยที่ประชุมทั้ง สส. และ สว.ได้อภิปรายถึงคุณสมบัติของเศรษฐา อย่างต่อเนื่อง

ก่อนที่ในเวลา 15.22 น. ได้มีการปิดการอภิปราย และเริ่มโหวตว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่

ด้วยการขานชื่อสส.และ สว.ตามลำดับตัวอักษร

หลังใช้เวลาลงมติประมาณ 2 ชั่วโมง สรุปผลการลงมติ อย่างเป็นทางการปรากฏว่า

เห็นชอบ 482 เสียง

ไม่เห็นชอบ 165 เสียง

งดออกเสียง 81 เสียง

อย่างไรก็ตามคะแนนเห็นชอบ ‘เศรษฐา’ เป็นนายกฯ

มีจำนวนเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่ง จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 747 คน

ซึ่งตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องได้เสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาเท่าที่มีอยู่ของ

ทั้งสองสภาคือ คือต้องได้ 374 เสียงขึ้นไป

เป็นอันว่าที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติ ‘เห็นชอบ’ ให้เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย

นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี กลับไทย








ทักษิณกลับไทยแล้ว ไม่ปล่อยให้เก้ออีก "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว ในรอบ 17 ปี
แฟนคลับรอรับแน่นสนามบิน คาดจากนี้ เจ้าหน้าที่คุมตัวไปศาลฎีกา ก่อนส่งตัวให้กับกรมราชทัณฑ์
วันที่ 22 ส.ค. 2566 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย (พท.)
บุตรสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่า คุณพ่อ
มีกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทยนี้
เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. นายทักษิณ
ได้เดินทางมาถึงสนามบินดอนเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บริเวณลานจอดเอ็มเจ็ท ด้วยเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งล้อแตะพื้นตามกำหนดเวลาเดิม
โดยก่อนที่เครื่องจะลงนั้น นายทักษิณ ได้วิดีโอคอล
มาจากบนเครื่อง พูดคุยกับแฟนคลับ
แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่มานั่งรอต้อนรับอยู่ที่สนามบินดอนเมือง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า เมื่อนายทักษิณ
เดินทางมาถึงสนามบินแล้ว
จะผ่านการตรวจและยืนยันตัวตนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)
จากนั้นกองบังคับการการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2)
จะรับมอบตัวเพื่อลงบันทึกประจำวัน
และนำตัวไปยังศาลฎีกา
แผนกคดีอาญาของ
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองการ (สนามหลวง)
เพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายศาลและออกหมายขัง
จากนั้นจะส่งตัวให้กับกรมราชทัณฑ์เพื่อนำควบคุมตัวไปยังเรือนจำ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะดูแลความปลอดภัยและการจราจรในทุกจุด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร พร้อมครอบครัว
ได้เดินทางไปทำบุญที่ศาลหลักเมือง พร้อมเผยว่า
การเดินทางกลับของนายทักษิณถือเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 37 ปี และเป็นของขวัญของทุกคนในบ้าน
พร้อมยืนยันด้วยว่า นายทักษิณไม่ใช่ตัวประกันทางการเมือง เข้าใจว่าคุณพ่อถูกแยกออกจากการเมืองได้ยาก
แต่คุณพ่อไม่ได้คิดถึงเรื่องการเมืองหรือเรื่องเป็นตัวประกัน ท่านแค่รอวันที่จะได้กลับมาอยู่กับลูกหลานเท่านั้น

Aug 20, 2023

Top 10 lesson from the book – Be The Best version of yourself


Luka John Benjmin

1. Don’t delay

Thinking about running that marathon? Register today. Eager to pursue that degree? Start preparing your application.

The first step to doing anything worthwhile is beginning. And while it can be quite challenging to make that initial leap, without kicking off the process, you won’t get anywhere.

2. Prioritize what matters to you – not others

You’ll never feel fulfilled if you live trying to meet someone else’s expectations. Instead, channel your effort and energy toward what matters to you.

That may be your family, travel, or reading a good book regularly. Only you can determine what’s most important to your happiness and sense of purpose in life.

Spend time around people who encourage positive self-talk and make you feel good about yourself.

3. Don’t sweat the small stuff

Unexpected events will undoubtedly arise as you go through life. You’ll make errors and embarrass yourself. That’s okay. Learn from your mistakes and setbacks and be grateful for the progress you’re making.

4. Accept help from others

Your pride can hold you back from accepting praise and evolving. Try to work against this, and accept help rather than denying it.

There’s no need to travel the road to find your best self alone. BetterUp coaches are here to help keep you accountable and provide the perspective you need to carry on when the going gets tough.

5. Take a break from social media

Platforms like Twitter, Facebook, and even Linkedin are deeply embedded in our lives. But even as social media keeps us connected and informed, it can lead to comparison and self-doubt.

If you find that scrolling your feeds leaves you feeling down, not uplifted, try to establish boundaries. And if you feel inadequate as you browse social media, remember people tend to post their highlights, not low moments.

6. Celebrate small victories

The little things matter.

Celebrating even small wins will give you the motivation to keep going until you reach your final goal. If you’re focusing on one big goal, try splitting it into steps so that you’re seeing progress. Don’t forget to reward yourself as you hit benchmarks and milestones!

7. Exercise daily

Exercise brings a wealth of positive effects to your everyday life:

According to a study from 2017, exercise creates better blood flow to the hippocampus region of your brain a region that’s crucial for your memory. This translates into better working memory and focus. You’ll be more productive and efficient.

• Physical activity also clears your mind and delivers a rush of oxygen to your tissues that helps your organs work more efficiently, which gives you more physical energy.

• And, of course, exercise makes a big difference to your long-term health, helping prevent chronic health conditions such as type to diabetes and high blood pressure, according to the Mayo Clinic. Your best self is a healthy self.

8. Speak up for yourself

Your opinion is important. Stand up and speak up. It may be nerve-wracking, but the more you practice, the more confident you’ll feel.

9. Embrace failure

In order to experience growth,

you’ll need to get out of your comfort zone.

You’ll never develop new skills, discover new interests and passions, or experience personal growth without risks.

Failure can be the best teacher if you take the time to reflect and do the work to learn from it.

10. Stop looking for short-cuts

These don’t exist when it comes to self improvement. It takes patience and hard work Period.

3 extra tips to be the best version of yourself

As you strive toward authenticity and being the best possible version of you, it’s wise to remember the following:

1. Your values

Whether it’s family, trust, loyalty, hard work, or kindness, what you value is at the core of what defines you. Your personal values define how you view the world and others in it.

2. Your strengths

Everyone has both hard and soft skills, and is capable of accomplishing a ton. Focus on developing your strengths – these will help you overcome hurdles.

3. The importance of self compassion

You may feel like you’re traveling in a completely different direction than others, especially if you’re not where you want to be. Take a moment to appreciate what your mind and body do for you. You’ll get there.

Thank you for reading 📚 ❤️ 

Aug 15, 2023

เพชร โอสถานุเคราะห์ (2497 - 2566)


Noppadon Viroonchatapun


เพชร โอสถานุเคราะห์ เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2497 อายุ 69 ปี เป็นบุตรชายของ สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์

ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และ ปองทิพย์ โอสถานุเคราะห์

จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านการตลาดจาก Southern Illinois University สหรัฐอเมริกา

สมรสกับ อ.นฤมล โอสถานุเคราะห์ มีบุตรชาย 2 คน คือ คุณภูรี และ คุณภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์

จากข้อมูลของ Forbes Thailand เผยว่าเขาเป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของกิจการโอสถสภา

ที่เริ่มต้นทำกิจการมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6

จากการเป็นธุรกิจร้านขายยา
และได้ต่อยอดธุรกิจจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทต่างๆ
รวมถึงเครื่องดื่มบำรุงกำลังจนเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
เพชร โอสถานุเคราะห์ เคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
โดยเป็นผู้นำทัพปรับโฉมองค์กรและนำโอสถสภาเข้าตลาดหุ้น และปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการ
และกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ของบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) มีความสัมพันธ์ทางครอบครัวระหว่างกรรมการและผู้บริหารได้แก่
เป็นหลานของนายสุรินทร์ โอสถานุเคราะห์
เป็นพี่ของนายรัตน์ โอสถานุเคราะห์
เป็นลูกพี่ลูกน้องของนายนิติ โอสถานุเคราะห์
เป็นลูกพี่ลูกน้องของนายธนา ไชยประสิทธิ์
เป็นลูกพี่ลูกน้องของนายประธาน ไชยประสิทธิ์
และเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายธัชรินทร์ โอสถานุเคราะห์
เขาเป็นผู้ก่อตั้งเอเจนซี่โฆษณา Spa Advertising
(ปัจจุบันคือ บริษัท สปา – ฮาคูโฮโด จำกัด)
และก่อตั้งนิตยสารผู้หญิงรวมถึงรายการโทรทัศน์ผู้หญิงวันนี้
ที่โด่งดังในยุค 80-90
ปัจจุบัน เพชร โอสถานุเคราะห์ ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด และอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ทั้งนี้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก่อตั้งโดยครอบครัวของเขามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 เดิมมีชื่อว่า “โรงเรียนไทยเทคนิค”
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “วิทยาลัยไทยเทคนิค” และเพื่อความเหมาะสมที่จะเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่เปิดสอนระดับปริญญาตรี
จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “วิทยาลัยกรุงเทพ” (Bangkok College) ในปี พ.ศ. 2508 ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2527
ทบวงมหาวิทยาลัยได้อนุมัติให้เปลี่ยนสถานภาพเป็น “มหาวิทยาลัยกรุงเทพ” (Bangkok University)
ในช่วงที่เขาทำหน้าที่อธิการบดีได้เป็นผู้ให้นิยาม “มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยสร้างสรรค์”
พร้อมทั้งสร้างแลนด์มาร์กอย่าง BU  Diamond หรือ ตึกเพชร ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสร้างสรรค์
นอกจากนี้ยังมองเห็นวิกฤติ Education Disruption เพื่อเป็นการศึกษาแบบไร้พรมแดน
อีกทั้งต้องพัฒนาการเรียนการสอนให้ตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการของเด็กเจเนอเรชัน Z
ส่งผลให้มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวกันขนานใหญ่
ดังนั้นเขาจึงได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการยกเครื่องรูปแบบการเรียนการสอนทั้งระบบ เช่น
การเปิดสาขาวิชาใหม่ๆ ที่ตอบรับโลกยุคดิจิทัล อาทิ หลักสูตรเกมและสื่ออินเทอร์แอคทีฟ, การผลิตสื่อนวัตกรรม,
การผลิตอีเวนต์และการจัดการนิทรรศการและการประชุม, การตลาดดิจิทัล, การวางแผนการเงินและการลงทุน ฯลฯ
โดยมุ่งสร้าง “บัณฑิตพันธุ์ใหม่” ผู้พัฒนาขีดความสามารถให้เหนือกว่า AI
หรือปัญญาประดิษฐ์ อีกทั้งยังเป็นผู้นำประกาศจุดยืนว่า “โลกเปลี่ยน การศึกษาต้องเปลี่ยน”
นอกจากในมุมของการเป็นผู้บริหารและทายาทโอสถสภาแล้ว เพชร โอสถานุเคราะห์ ยังเคยมีผลงานเพลงในปี พ.ศ. 2530
จนเป็นที่โด่งดังถึงปัจจุบันอย่างเพลง “เพียงชายคนนี้ (ไม่ใช่ผู้วิเศษ)”
ที่อยู่ในอัลบั้มแรกชื่อ “ธรรมดา ... มันเป็นเรื่องธรรมดา”
รวมทั้งเคยมีผลงานแต่งเพลง “หมื่นฟาเรนไฮต์” ให้กับวงไมโครอีกด้วย
ด้านไลฟ์สไตล์ของเขายังเป็นคนชื่นชอบงานศิลป์โดยเฉพาะงานศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Art)
โดยกำลังทำโครงการด้านศิลปะวัฒนธรรมและการศึกษาที่มีชื่อว่า “โครงการ Dib Bangkok”
หรือ Dib Bangkok Museum of Contemporary Art
ที่มีเป้าหมายเพื่อวางรากฐานของวงการศิลปะ วัฒนธรรม และการศึกษาของประเทศต่อไป

ไม่มีใครหรืออะไรหรอกที่สมบูรณ์แบบ #มาตาลดา


เข็นเด็กขึ้นภูเขา


วันนี้ในละครมาตาลดา คนดูได้เห็นชีวิตในอดีตของ ‘บุญฤทธิ์’ พ่อของ ‘เป็นหนึ่ง’ และคงเข้าใจมากขึ้นว่า เพราะอะไรบุญฤทธิ์จึงได้มาเป็นอย่างที่เขาเป็น กลายเป็นพ่อที่เข้มงวดอย่างมากกับลูกชายในทุกวันนี้

บุญฤทธิ์เป็นเด็กกำพร้าที่โตมาในวัด ชีวิตไม่ได้รับโอกาสเหมือนเด็กทั่วไป แม้จะเรียนเก่งแต่ขาดทุนทรัพย์ ทำให้ถูกเพื่อนชวนไปมีส่วนร่วมในการหาเงินในทางที่ผิด จนเพื่อนถูกจับ แต่ว่าบุญฤทธิ์รอดพ้นมาได้ ในที่สุดก็สอบชิงทุนจนได้มาเรียนในกรุงเทพ และประสบความสำเร็จในการทำงาน

เมื่อมามีลูกชาย เขาจึงเป็นพ่อที่บังคับกดดันลูกเรื่องการเรียน ต้องเรียนเก่งและขีดเส้นชีวิตให้ลูกเป็นแพทย์ เพราะคิดว่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบ การเรียนดีเลิศ มีอาชีพที่ดีเลิศ จะสร้างความสุขให้กับลูกได้ เขาไม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ไม่มีความสุขแบบที่เขาเติบโตมา

แต่ผลที่ได้กลายเป็นว่า เป็นหนึ่งลูกชายของเขากลับไม่มีความสุขนัก มีความอึดอัดกดดัน และไม่กล้าที่จะทำอะไรหลายๆ อย่าง เพราะมีความเปราะบางในใจ

หมอเคยคุยกับเด็กหลายคนที่มีความทุกข์ง่าย จากความรู้สึกกลัว ที่จะไม่ดีพอ กลัวจะไม่สมบูรณ์แบบพอ ทำให้กลายเป็นหลีกเลี่ยง ไม่กล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่มั่นใจ ทำให้อาจเสียโอกาสหลายๆ อย่างในชีวิต เป็นความเปราะทางในจิตใจ

ในความเป็นจริง มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร มีความสามารถโดดเด่นแค่ไหน ล้วนแล้วแต่ไม่มีทางที่จะสมบูรณ์แบบทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์

อุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต ทำให้เราต้องต่อสู้ ฝ่าฟัน ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงของชีวิต จึงเป็นเรื่องธรรมดา

ความผิดพลาดหรือความไม่สมบูรณ์แบบเล็กๆ น้อยๆ เป็นสิ่งจำเป็นในแบบฝึกหัดชีวิตของคนๆหนึ่ง ถ้าเราพร้อมยอมรับในข้อบกพร่อง ความไม่สมบูรณ์แบบของเราได้ เราจะกล้าพอที่จะทำและเอาชนะความกลัว ความเปราะบางในใจ สามารถก้าวต่อไปได้บนเส้นทางเดินของชีวิต

สำหรับพ่อแม่ บางครั้งด้วยความรักลูก ทำให้เกิดความคาดหวังมาก อยากให้ลูกทำสิ่งต่างๆ ให้ดี ไม่ผิดพลาด จนการกระทำและคำพูดทำให้ลูกรู้สึกกดดัน ว่าตัวเองจะไม่ได้รับการยอมรับถ้าทำได้ไม่ดี หรือผิดพลาด จนอาจกลายเป็นตัวตนของเขาเองที่ยึดถือความสมบูรณ์แบบ และไม่มีความสุขในระยะยาว

สิ่งที่พ่อแม่จะช่วยให้ลูกๆ เข้าใจในเรื่องนี้ คือการ ทำใจเป็นกลาง ที่สำคัญต้องยอมรับความเป็นตัวตนของลูก

แม้ว่าลูกอาจจะเลือก หรือทำอะไรผิดพลาด อาจไม่ดีเลิศในความคิดพ่อแม่ แต่พ่อแม่ควรทำความเข้าใจและยอมรับ ตรงนั้นทำให้ลูกเข้าใจว่า เขาก็มีคุณค่าพอที่จะได้รับความรัก เติบโตและอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้อย่างภาคภูมิใจ

และไม่ต้องรู้สึกอับอายในความผิดพลาดหรือความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง

ที่สำคัญพ่อแม่เองก็ต้องทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น บอกตัวเองว่า แม้เราจะผิดพลาดไปบ้าง อาจล้มเหลวในวันนี้ แต่ไม่ได้หมายถึงเราต้องพังทลายไปตลอด เราทำไม่ได้เรี่องในวันนี้ แต่พรุ่งนี้เราทำใหม่ได้ มองทุกอย่างที่เกิดเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้เราได้เรียนรู้

เรื่องของความสำเร็จ และความผิดพลาด เป็นเรื่องธรรมชาติและธรรมดาของชีวิตมนุษย์ที่ต้องพบเจอ

ในวันที่ไม่สมบูรณ์แบบ ผิดพลาดและพ่ายแพ้ .. มันไม่ใช่ The end of the world แน่นอน

ไม่ว่าจะเป็น บุญฤทธิ์ นิด เป็นหนึ่ง มาตาลดา หรือใครๆ .. รวมถึง ‘ตัวเราเอง’

หมายเหตุ: ในการเขียนบทความนี้ หมอไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ จากบริษัทหรือผู้เกี่ยวข้องกับละคร เพียงแต่ได้รับชมและประทับใจ จึงขอเขียนแบ่งปันข้อคิดที่ได้สู่ผู้อ่านค่ะ

#หมอมินบานเย็น

Aug 12, 2023

วันแม่ในวันที่แม่ไม่อยู่


พศิน อินทรวงค์


ในวันแม่ มีลูกๆหลายคนที่แม่จากไปแล้ว
ทิ้งไว้เพียงความคิดถึงที่ไม่อาจหวนคืน
แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่าเสียใจไปเลย
เพราะส่วนหนึ่งของแม่ ก็ยังอยู่ในตัวเราเสมอ
หากรักแม่ คิดถึงแม่
ก็จงดูแลชีวิตของตนให้ดี
ทำตัวเองให้มีความสุข
ใช้ชีวิตที่ท่านมอบให้
อย่างงดงาม และรู้คุณค่า
เท่านี้ก็ถือว่า...
เราได้ทดแทนพระคุณของท่านแล้ว
และหากท่านมองอยู่
จากดินแดนแสนไกล
ท่านก็คงรู้สึกภูมิใจ
และมีความสุขกับเราไปด้วย
รักของแม่เป็นสิ่งประเสริฐ
บริสุทธิ์ อ่อนโยนกว่ารักใดๆ
แม่คือความทรงจำล้ำค่า
แม้ไม่มีแม่แล้ว แต่อิ่มอุ่น ผูกพัน
ฝังลึก... ในใจ....

บทความนี้ แทนกำลังใจ
ให้ลูกๆทุกคนที่คิดถึงแม่นะครับ

***ติดต่อ พศิน อินทรวงค์***
วิทยากร/บรรยาย/หนังสือ/บทความ
https://www.facebook.com/talktopasin2013
***ติดตามช่องยูทูป***
พศิน อินทรวงค์ - Pasin Intarawong
https://www.youtube.com/channel/UCccGJ9suemcJiF6WQqxUuGQ

วันที่ 12 สิงหาคม 2566 วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง



พระพันปีหลวง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล
เฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา

ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ จาก Kapook!

ความจริงที่โหดร้าย

 

พงศ์พัฒน์ คิดประเสริฐ

ท้ายสุดก็ต้องเจอกันทุกคนหนีไม่พ้นหรอก

'ควรจัดบ้าน' ก่อนเจ็บหนัก หรือ ก่อนตาย

สถานการณ์ที่คนส่วนใหญ่ประสบก็คือ 'ของล้นบ้าน' ไม่รู้ว่า…ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับของที่สะสมไว้, เบื่อหน่ายกับของที่มีอยู่เต็มไปหมด,

ไม่กล้าย้ายบ้าน เพราะกลัวต้องขนย้ายของ ที่มี, ฯลฯ ที่เลวร้ายสุด...หากตายไปแล้ว…ของเหล่านี้…จะไปอยู่ที่ไหน …และจะทำอะไรกับมันดี…ก่อนที่จะถึงวันนั้น …มีหนังสือเล่มหนึ่งให้คำแนะนำที่น่าสนใจ

~ ทุกคน…ที่เป็นผู้สูงวัย…ล้วนมีสิ่งของที่รักและหวงแหน… ไม่ว่าจะเป็นของธรรมดา……เครื่องแก้ว …พระเครื่อง…ปืน…แสตมป์…นาฬิกา…แหวน…ตุ้มหู…กำไล…หนังสือ …อัลบั้มรูปภาพครอบครัว …มีด…ปากกา …ไฟเช็ค ฯลฯ ที่เก็บเอาไว้…หรือสะสม…มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก…หรือ…ตอนเป็นหนุ่มสาว

~ ความจริงที่โหดร้าย…คือ…เมื่อท่านจากโลกนี้ไปแล้ว…ไม่มีอะไร…จะประกันได้ว่า…คนอื่นเขาจะรักใคร่ใยดี …ทะนุถนอม…เห็นคุณค่า…ของสิ่งของเหล่านี้เหมือนตัวท่าน…เพราะเขาไม่ใช่ท่าน…ย่อมมีรสนิยมที่แตกต่างไป

~ รูปภาพบางรูป…เช่น…รูปที่ถ่ายกับพ่อ/แม่…ที่ท่านรักดังดวงใจ …อาจถูกโยนทิ้งลงถังขยะไปก็ได้…เพราะคนอื่น…เขาไม่เห็นว่ามีความหมาย …

~ หนังสือชื่อThe Gentle Art of Swedish Death Cleaning (2018) เขียนโดย Margareta Magnusson ให้คำตอบแก่สถานการณ์ดังกล่าว…เพื่อความสุขของท่านและลูกหลาน…และเพื่อปิดบังสิ่งที่ท่านไม่ต้องการให้ลูกหลานรู้…หรืออาจทำให้ลูกหลานหมางใจกัน…หรือทำให้เกิดความรู้สึกดูแคลนท่าน

~ เกือบทุกคน…ล้วนมีของติดตัวมาตั้งแต่เด็ก…ตั้งแต่เป็นหนุ่มสาว …ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า…เอกสาร…หนังสือ …เฟอร์นิเจอร์ …ถ้วยโถโอชาม… อัลบั้มรูปภาพ …ของสะสมเก่าใหม่…เก็บซ่อนสะสมในกล่อง…ในตู้…ในเซฟ…หรือ…กองไว้ที่ไหนสักแห่งในบ้าน …แค่คิดจะรื้อโยนทิ้งไปบ้าง…เพราะรกบ้าน…ก็อ่อนใจแล้ว …

~ ลองคิดดู…ถ้าท่านตายไป…ลูกหลานจะเหนื่อยเป็นภาระแค่ไหน…กับการที่ต้องรื้อสิ่งของเหล่านี้ …ต้องเสียเวลา…และแรงงาน…คัดเลือกของ…หรือไม่ก็โยนทิ้งไปเสียทั้งหมด

~ Magnusson นักเขียนสวีเดนบอกว่า ตนเองมีอายุอยู่ 80 แล้ว อยู่มาทั่วโลก ย้ายบ้าน 17 หน มีลูก 5 คน เมื่อสามีจากไป แต่งงานกันได้ 48 ปี ก็ต้องย้ายจากบ้านมาอยู่อพาร์ทเม้นท์ ทำให้เธอนึกถึงคำว่า 'death cleaning'…กระบวนการจัดบ้านให้เรียบร้อย…เมื่อตระหนักว่าตนเองเป็นไม้ใกล้ฝั่ง เธอให้คำแนะนำดังนี้

(1) ก่อนเริ่มจัดบ้าน ยอมรับก่อนว่าความตาย…เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับทุกคน…โดยเฉพาะผู้สูงวัยมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งไม่ต้องการให้ความตายของตนเองเป็นภาระแก่ผู้อื่น

(2) วัยที่ควรเริ่ม 'จัดบ้าน' คือ 65 ปี ยังแข็งแรงพอจัดการได้ …หรือ การจากไปของคนรัก …กำลังจะเลิก…หย่าร้าง…หรือมีบ้านที่เล็กลง เตรียมตัวไปอยู่บ้านคนชรา

(3) death cleaning ไม่ใช่แค่จัดให้เป็นระเบียบ แต่หมายถึง พิจารณาสิ่งของที่มีทั้งหมดอย่างละเอียด ว่า…อะไรจะทิ้ง…อะไรจะมอบให้ใคร…อะไรจะขาย...อะไรจะเก็บไว้…เพื่อการมีชีวิตอยู่จนถึงบั้นปลาย

(4) เริ่มต้น 'จัดบ้าน' …โดยมุ่งไปที่ของใหญ่…ที่เก็บไว้โดยไม่ใช้ก่อน…เช่น ตู้เสื้อผ้า …เฟอร์นิเจอร์ …ตู้พลาสติก 4 ลิ้นชัก…อุปกรณ์กีฬา…ที่ไม่ใช้แล้วมอบให้คนที่ต้องการ...ลูกหลาน…คนชอบพอกัน

…อย่าเริ่มที่สิ่งเล็กๆ เช่น จดหมายเก่า …รูปเก่า …ภาพเก่า …เพราะใช้เวลานาน …การอ่าน…การเลือกทิ้งของเหล่านี้…ทำให้นึกถึงความหลัง …เกิดความรู้สึกเก่าๆ…จนเหนื่อยใจเสียก่อน'จัดบ้าน'ได้สำเร็จ

(5) เมื่อจัดการของชิ้นใหญ่ได้…โดยตัดใจเรื่องความผูกพันทางใจกับสิ่งของเหล่านี้ที่มีมาแต่อดีต...จงคิดว่า…ตายไป…ก็ไม่พบมันอีก…และไม่รู้ชะตากรรมของมัน …จัดการมันตอนนี้…ยังกำหนดได้ว่าให้ใครเป็นเจ้าของ

(6) สิ่งสำคัญคือ…จงทำลายจดหมาย…บันทึกเอกสาร…สิ่งพิมพ์…รูปถ่าย…ข้อเขียน…สิ่งของ…ที่เปิดเผยความลับส่วนตัว…เพราะทำให้ตนเองดูไม่ดี…ไม่อยู่ในทำนองครองธรรม…ในสายตาลูกหลาน...สร้างความรู้สึกลบ…เกี่ยวกับตนเองโดยไม่จำเป็น

(7) รูปภาพทั้งหมด…แปรให้อยู่ในไฟล์ดิจิทัล…เพื่อความคงอยู่ต่อไป…หากลูกหลานสนใจ …หากเก็บไว้เป็นภาพอย่างเก่า…อาจผุพัง…และถูกโยนทิ้ง…เพราะไม่เห็นความสำคัญ

(คุยกับลูกหลานในเรื่องความตายอย่างเปิดเผยว่า …จะให้สิ่งใดแก่ใคร…เมื่อตายไปแล้ว …พร้อมด้วยเอกสารแสดงเจตจำนง…เพื่อไม่ให้ลูกหลานทะเลาะกัน…อิจฉาริษยากัน …ต้องใส่ใจประเด็นนี้…ไม่สมควรให้การตายของตน…เป็นสิ่งบั่นทอนความรักสามัคคีของลูกหลานต่อไปในอนาคต

~ Magnusson บอกว่า…ลูกหลานอยากได้ของดีๆ บางชิ้น…ที่ได้เลือกสรรมาแล้วแต่…ไม่ต้องการของทั้งหมด …เพราะในสายตาของเขานั้น…ส่วนหนึ่งเป็นขยะ

~ ให้คิดว่า…เมื่อเกิดมา…ก็ไม่ได้มีอะไรติดมือมา…ตอนจากไป…สิ่งของที่เราสะสมมานั้น…เป็นสมบัติชั่วคราว…ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราอยู่บนโลกนี้ …ไม่ควรทำให้มันตกเป็นภาระของลูกหลาน…มันควรเป็นสิ่งสร้างสรรค์สำหรับลูกหลานในชั่วคนต่อไป

 Cr. ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ