Custom Search

Oct 20, 2009

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ THE Idol คนบันดาลใจ











THE Idol
“คนบันดาลใจ” จะพาไปพบกับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ชื่อที่หลายคนรู้จัก ในฐานะนายกรัฐมนตรี ของเมืองไทยคนปัจจุบัน
แต่กว่าจะมาเป็นอภิสิทธิ์ในทุกวันนี้ เขาไม่ได้มาเพียงเพราะโชคช่วย
แต่เป็นเพราะแง่มุมที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
จาก ด.ช.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะในวัย 9 ขวบ
กับการเปิดโลกทัศน์รับรู้ข่าวสารการเมือง
ที่กระทบความรู้สึกของเขาเข้าอย่างจัง กับเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ พ.ศ.2516
และจากความสนใจในวัยเด็กนี้เอง ที่กลายมาเป็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริง
ที่จะก้าวเข้ามาสู่ถนนสายการเมือง ถนนเส้นที่ต้องพร้อมเสี่ยงกับทุกเหตุการณ์
ที่ไม่มีใครอยากเจอ และในวันนี้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” วัยเพียง 44 ปี
เขาได้พิสูจน์ตัวเองบนถนนสายการเมืองได้สำเร็จ
และไปถึงจุดสูงสุดของการเป็นนักการเมือง
ที่ใครหลายคนอยากสัมผัส กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเมืองไทย


อภิสิทธิ์ หวังเพิ่มค่าเฉลี่ย การอ่านคนไทย



“อภิสิทธิ์” เปิดโครงการส่งเสริมการอ่าน เน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ยันเพิ่มค่าเฉลี่ยการอ่านคนไทยเป็นเท่าตัวภายในปี 2555 เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 6 ก.ย 52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการอ่าน เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และวันที่ระลึกสากลแห่งการเรียนรู้ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจำเป็นที่ คนเราทุกคนจะต้องมีความสามารถในการปรับตัว เรียนรู้ อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ซึ่งทักษะดังกล่าว เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ จะทำให้แต่ละคนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมๆกับการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ที่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทั้งหมดมีความจำเป็นใน เรื่องการพัฒนาและความก้าวหน้า ทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศ ซึ่งรัฐบาลตระนักถึง ความสำคัญของการเรียนรู้อย่างมาก จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา โดยมุ่งเน้นสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อสังคมการเรียนรู้ เช่นภาคเศรษฐกิจ ได้เริ่มต้นโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งถือว่า เป็นการผลักดันเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ในภาพรวม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการเรียนรู้ สำหรับสังคม ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ซึ่ง ครม.ได้มีมติเห็นชอบไปแล้ว และการริเริ่มโครงการดังกล่าว ถือเป็นโครงการหนึ่งที่มีความสำคัญมาก ในการผลักดันให้การปฏิรูปการศึกษาและ การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ประสบความสำเร็จ เพราะการอ่านเป็น เครื่องมือสำคัญที่ทรงพลังสำหรับทุกคน และเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาตลอดชีวิต และเป็นการสร้างโอกาสที่ดีสำหรับทุกคน ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงประกาศ เป็นวาระแห่งชาติและจะประสานกับทุกหน่วยงาน เพื่อให้มีส่วนร่วมในการผลักดันเรื่องนี้ไปสู่ความสำเร็จให้ได้ และจากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ หลายครั้งพบว่าการอ่านของคนไทยยังอยู่ใน เกณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การผลักดันให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 2 เม.ย.ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เป็นวันรักการอ่าน เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอ่าน และขวนขวายให้เกิดทักษะการเรียนรู้อย่างมีระบบ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการปฏิรูปการศึกษา และโดยส่วนตัวตนได้สัมผัสคุณค่าของการรักการอ่าน ซึ่งการผลักดันเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกัน ซึ่งเรามีเป้าหมาย ที่จะเพิ่มการอ่านโดยเฉลี่ยของคนไทยให้ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ภายในปี 2555 และเด็กที่อยู่ในระบบโรงเรียนที่ยังอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็จะต้องหมดไปภายในปี 2555 เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงหวังว่าทุกภาคส่วนของสังคม จะเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นปัจจัยที่จะชี้ขาดความสามารถ ของประเทศไทยในอนาคต ที่มา : คมชัดลึกออนไลน์