Custom Search

Oct 30, 2009

เส้นทางชีวิตมวยของ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์

แสนศักดิ์ หรือ 'บุญส่ง มั่นศรี' ผู้มีชื่อเล่นว่า 'แสบ' เมือง
จังหวัดเพชรบูรณ์ เกิดเมื่อ 13 สิงหา
คม พ.ศ. 2495
เริ่มก้าวแรกบนถนนนักมวยในแบบมวยไทย
มาก่อน
ในการชกมวยไทยครั้งแรกๆ ใช้ชื่อว่า 'แสนแสบ เพชรเจริญ'
หรือ 'แสบทรวง เพชรเจริญ' เมื่อเข้ามาในกรุงเทพมหานคร
ได้อยู่กับค่าย 'เมืองสุรินทร์' ของ 'จอมตบ' สนอง รักวานิช

และเริ่มมีชื่อเสียงเมื่อเข้ามาอยู่ในค่ายมวยนี้ ของ
สนอง รักวานิช นักทำมวยมืออาชีพ

โดยชกในรุ่นเฟเธอร์เวทและประสบชัยชนะด้วยหมัดซ้ายมาตลอด
กระทั่งได้เป็นแชมป์มวยไทย
รุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวต (140 ปอนด์) ของเวทีลุมพินี
โดยชนะ สรศักดิ์ ส.ลูกบุคคโล จากนั้นก็ขึ้นชก
กับนักมวยแถวหน้าของเมืองไทยยุคนั้น

ไม่ว่าจะเป็น วิชาญน้อย พรทวี, ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์,
พุฒ ล้อเหล็ก, คงเดช ลูกบางปลาสร้อย
และผุดผาดน้อย วรวุฒิ เป็นต้น


แสนศักดิ์ เป็นนักมวยที่มีช่วงแขนยาวกว่าปกติ
และหมัดซ้ายหนักโดยธรรมชาติ
แสนศักดิ์ถูกทัก
จาก 'พญาอินทรี' เทียมบุญ อินทรบุตร

ว่าหมัดซ้ายหนักขนาดชกวัวล้มได้
ทำให้แสนศักดิ์
เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง
อย่างที่ไม่เคยเชื่อมาก่อน
แสนศักดิ์
เคยชกมวยสากลสมัครเล่น
ในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 7
ที่ประเทศสิงคโปร์
โดยชนะน็อกรวดทุกครั้ง
จนได้ครองเหรียญทอง

โปรโมเตอร์ใหญ่ เทียมบุญ อินทรบุตร
จากจุดนี้เอง โปรโมเตอร์ใหญ่ เทียมบุญ อินทรบุตร

จึงหนุนให้แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์
เบนเข็มเข้าสู่ถนน
สายอินเตอร์โดยใช้แผน 'บันไดสามขั้น'
คือ ให้แสนศักดิ์ชกเพียง 3 ครั้งได้เป็นแชมป์โลก
เพราะมั่นใจในพลังหมัด
เป็นอย่างมากแผนบันไดสามขั้นนี่เอง กลายเป็นสถิติโลกมาจนปัจจุบัน

โปรโมเตอร์ใหญ่ เทียมบุญ เป็นคนตั้งฉายาว่า
'หมัดซ้ายทลายโลก'
แต่ต่อมา
แสนศักดิ์ตั้งชื่อว่า 'หมัดซ้ายสีชมพู'
เพื่อให้คลายความดุดัน ดูไม่น่ากลัวจนเกินไปนัก
แต่ แสนศักดิ์ป้องกันตำแหน่งแชมป์ไว้ ได้เพียงครั้งเดียว
โดยการเอาชนะน็อก
เท็ตสุโอะ 'ไลอ้อน' ฟูรูยาม่า
นักมวยชาวญี่ปุ่นเท่านั้น
จากนั้นได้ไปป้องกันตำแหน่ง
กับ มิเกล เวลาสเควซ นักมวยชาวสเปน
ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน
แสนศักดิ์ถูกจับแพ้ฟาล์วในยกที่ 4

เนื่องจากไปชกเวลาเควซล้มลงในช่วงระฆังตีบอกยกหมดเวลา
เสียแชมป์โลกทันที ฝ่ายไทยพยายามประท้วง

แต่ก็ไม่เป็นผล อีก 4 เดือนต่อมา
แสนศักดิ์จึงได้โอกาสแก้มือที่ประเทศสเปนอีกครั้ง

คราวนี้ แสนศักดิ์เป็นฝ่ายชนะน็อกไปเพียงแค่ยกที่ 2
ได้กลับมาเป็นแชมป์โลกในสมัยที่
2 จากนั้น
แสนศักดิ์ได้ป้องกันตำแหน่งไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง

และบางครั้งเป็นไฟต์แห่งความทรงจำ
ที่ยังคงตรึงใจแฟนมวยอยู่จนทุกวันนี้

เช่น ชนะน็อก มอนโร บรู๊คส์ นักมวยชาวอเมริกันไปอย่างสุดมัน
ในยกที่ 15
ที่จังหวัดเชียงใหม่
ชนะคะแนน ซาอูล แมมบี้
นักมวยชาวอเมริกันอีกคน
ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น
แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์
ขณะชกกับ โธมัส เฮิร์นส์
เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2522
ที่สหรัฐอเมริกา
แสน ศักดิ์ เสียแชมป์โลก

ในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 8 ของสมัยที่ 2 กับ คิม ซาง ฮัน
นักมวยชาวเกาหลีใต้
เมื่อปลายปี พ.ศ. 2521
ถึงกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
ถิ่นของผู้ท้าชิงเอง

โดยแพ้น็อกไปในยกที่ 13 เนื่องจากสภาพร่างกาย
ของแสนศักดิ์ไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า

และสายตาก็เริ่มมีปัญหา จากนั้นแสนศักดิ์ได้ไปชก
นอกรอบที่ประเทศฟิลิปปินส์ก็แพ้นักมวยเจ้าถิ่นอีก
และอีก 3 เดือนต่อมา ก็บินไปชกที่สหรัฐอเมริกา

กับ โธมัส เฮิร์นส์ ซึ่งเป็นดาวรุ่งในขณะนั้น
ซึ่งแสนศักดิ์ไม่อาจสู้อะไรเฮิร์นส์ได้เลย
เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปในยกที่ 3 แสนศักดิ์ชกมวย
ครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2524
ที่จังหวัดร้อยเอ็ด
โดยเป็นโปรโมเตอร์จัดการแข่งขันเอง

โดยเป็นการชิงแชมป์ภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF)
กับนักมวยชาวเกาหลีใต้ แต่ก็แพ้คะแนนขาดลอยอีก
จึงต้องแขวนนวมไปในที่สุด


สรุปเกียรติ
ประวัติ
แชมป์โลกรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท WBC (2518-2519)
o ชิง 15 กรกฎาคม 2518 ชนะน็อค เปริโก เฟอร์นันเดซ (สเปน)
ยก 8 ที่ อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก
o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 25 มกราคม 2519 ชนะคะแนน ไลอ้อน ฟูรูยามา (ญี่ปุ่น) ที่ โตเกียว
o เสียแชมป์ 29 มิถุนายน 2519 แพ้ฟาล์ว มิเกล เวลาสเควซ (สเปน) ยก 4 ที่ สเปน

แชมป์โลกรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท WBC (2519-2521)
o ชิง 29 ตุลาคม 2519 ชนะน็อค มิเกล เวลาสเควซ (สเปน) ยก 2 ที่ สเปน
o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 15 มกราคม 2520 ชนะน็อค มอนโร บรูค (สหรัฐ) ยก 15 ที่ จ.เชียงใหม่
o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 2, 2 เมษายน 2520 ชนะน็อค กัตซ์ อิชิมัตสึ (ญี่ปุ่น) ยก 6 ที่ โตเกียว

o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 3, 17 มิถุนายน 2520 ชนะคะแนน เปริโก เฟอร์นันเดซ (สเปน) ที่ สเปน
o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 4, 20 สิงหาคม 2520 ชนะน็อค ไมค์ เอฟเวอเรส (สหรัฐ) ยก 6 ที่ จ.ร้อยเอ็ด
o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 5, 22 กันยายน 2520 ชนะคะแนน ซาอูล แมมบี้ (สหรัฐ) ที่ จ.นครราชสีมา
o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 6, 30 ธันวาคม 2520 ชนะน็อค โจ คิมปัวนี่ (ฝรั่งเศส) ยก 13 ที่ จ.จันทบุรี

o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 7, 8 เมษายน 2521 ชนะน็อค ฟรานซิสโก โมเรโน (เวเนฯ) ยก 13 ที่ จ.สงขลา
o เสียแชมป์ 30 ธันวาคม 2521 แพ้น็อค คิม ซางฮุน (เกาหลีใต้) ยก 13 ที่ กรุงโซล เกาหลีใต้
ชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากสุขภาพไม่อำนวย
o ชิง แชมป์ OPBF รุ่นเวลเตอร์เวทเมื่อ
5 ธ.ค. 2524 แพ้คะแนน ซุง แจ ฮาง ฮวาง
ชุงแจ
นักชกเกาหลีใต้ที่ เวทีมวยชั่วคราวบึงผลาญชัย จ.ร้อยเอ็ด
ในศึกชิงแชมป์สหพันธ์มวยภาคตะวันออกและแปซิฟิก (OPBF)

เนื่องจากปัญหาทางสายตา
ช่วงที่แสนศักดิ์เป็นแชมป์โลก

นับได้ว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังคนนึงเลยทีเดียว
แสนศักดิ์เป็นคนที่นิสัยดีเฮฮาเพื่อนฝูงรัก
ทำให้แสนศักดิ์มีภรรยาคนแรกในชีวิตคือ 'ปริม ประภาพร'

ดาราสาวชื่อดังในสมัยนั้น และมีลูกชายที่เกิดกับภรรยาคนนี้
ชื่อ 'เกรียงศักดิ์'
ซึ่งแสนศักดิ์เป็นคนตั้งเอง
โดยให้ตรงกับชื่อนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น

(พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์)
และมีชื่อเล่นว่า 'คิง'
ชีวิตหลังแขวนนวม หลัง แขวนนวม
เพราะสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม

และมีปัญหาด้านสายตาอีกแสนศักดิ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก
เพราะนับจากเสียแชมป์โลกครั้งสุดท้ายไปแล้ว
เงินทองที่เคยมีอยู่
นับ 10 ล้านที่เคยเก็บหอมรอบริบ
จากการชกมวยก็ร่อยหรอ ผู้จัดการที่ปลุกปั้นมา
คือ 'สนอง รักวานิช'
ก็เสียชีวิต กลุ่มผู้สนับสนุนก็ทยอย
จากไป
หนำซ้ำยังโดนหลอกจากเพื่อนฝูงและคนรู้จัก
รวมถึงคนในวงการมวยด้วย
การชกครั้งท้าย ๆ ของแสนศักดิ์

เจ้าตัวถึงขนาดลงทุนเป็นโปรโมเตอร์เอง
ซึ่งก็ขาดทุนอีก
เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น
ผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคชาติไทย
ที่เพชรบูรณ์
บ้านเกิด ก็ไม่ได้รับเลือก
จนในที่สุด
สายตาข้างขวาที่มีปัญหาของแสนศักดิ์บอดสนิท

ส่วนตาข้างซ้ายได้รับการผ่าตัดจนมองเห็นได้

และได้รับความช่วยเหลือจากการกีฬาแห่งประเทศไทย
และจากสภามวยโลก โดยอาศัยอยู่กับ
ภรรยาคู่ชีวิต
นางศศวรรณและ ด.ญ.ปานวาด มั่นศรี
ลูกสาวบุญธรรม อายุ 13 ปี ที่ดินแดง กรุงเทพฯ
ล่าสุดเมื่อต้นปี 2551 แสนศักดิ์ตกเป็นข่าวอีกครั้ง
เมื่อบ้านของเขาย่านดินแดงถูกพายุฝนจนหลังคาถล่ม
ซึ่งแสนศักดิ์ต้องประกาศ
ขอรับความช่วยเหลือในการซ่อมหลังคาในครั้งนี้

จาก บุคคลต่างๆในวงการมวย เพราะว่า
ค่าใช้จ่ายมากหลายหมื่นด้วยกัน

และก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี
แสนศักดิ์เสียชีวิตลงในวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552
เวลา 15.00 น.
ที่โรงพยาบาลราชวิถี
ด้วยอาการลำไส้ฉีกขาด
เนื่องจากเป็นหลายโรครุมเร้าด้วยกัน
โดยแสนศักดิ์เข้ารักษาตัวตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน
ได้รับการผ่าตัดแล้วแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น
จนเสียชีวิตในที่สุด ด้วยวัย 57 ปี
ช่าง
บังเอิญเหลือเกินที่วันเสียชีวิต ของ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์
ยังตรงกับวันที่ 'โผน กิ่งเพชร' อดีตแชมป์โลกคนแรกของไทย

ได้แชมป์โลกรุ่นฟลายเวท มาครอง
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2503
ด้วย
แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์
นักมวยชาวไทยผู้ยิ่งใหญ่

เป็นคนเก่งที่มีความสามารถ
ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ

ได้สู้สงครามชีวิตอย่างทรหด
เพราะกรำศึกมวยอย่างหนัก

จนตาพิการ ทำการงานไม่ได้
เงินทองที่ได้มาพร้อมกับ
ชื่อเสียงหายไป
เพื่อนฝูงห่างหาย

แม้ชีวิตลำบากมากขึ้น โรครุมเร้า แต่แสนศักดิ์ยัง
โชคดีที่มีครอบครัวเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้าง

เพราะแม้ว่าแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์
จะจากไปแล้ว แต่ตำนาน 'หมัดซ้ายสีชมพู'

ก็ยังอยู่ในใจคนไทยตลอดไป








Credit: Thai Classic