Custom Search

Jul 22, 2020

"เปิ้ล หัทยา" เปิดใจหมดเปลือก หลังสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ยอมรับยังคิดถึง "ตั้ว ศรัณยู" อยู่เสมอ


Komchadluek

"เปิ้ล หัทยา" เปิดใจหมดเปลือก หลังสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ยอมรับเข้มแข็งขึ้น แต่ก็คิดถึง "ตั้ว ศรัณยู" อยู่เสมอ
รายการคุยแซ่บ Show ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ได้สัมภาษณ์ เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง
ที่มาเปิดใจหลังจากสูญเสียคนรักอย่าง ตั้ว ศรัณยู ด้วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย

ณ ตอนนี้หัวใจเป็นยังไงบ้าง ?
เปิ้ล : เราก็ต้องรู้นะ ว่าเราต้องทำอะไร เรารู้ว่าตรงไหนเราควรที่จะนิ่ง
ตรงไหนเราควรจะเป็นยังไงถ้าถามว่ายอมรับมั้ย? เราก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถามว่าโอเคมั้ย?
ก็ไม่ได้เต็มร้อยนะคะ อาจจะด้วยประสบการณ์ที่พอเรามีอายุที่มากขึ้นเราจะรู้แล้วละว่าชีวิตเราต้องเจออะไรบ้าง
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ แต่ตอนนี้เรายังมีชีวิตอยู่ แล้วเราต้องทำยังไง
ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่า จริงๆพี่เปิ้ลไม่ได้ยากจะออกมาพูดอะไรแล้วล่ะ
หลังจบสัมภาษณ์การแถลงข่าวไปเสร็จ แต่วันนี้ที่พี่เปิ้ลอยากมาเตือนใครหลายๆคน

เปิ้ล : คือบางทีพี่เปิ้ลคิดว่าเราอาจจะลืมเรื่องของการดูแลสุขภาพทั้งที่เราคิดว่าเราแข็งแรงแล้ว
พี่ตั้วเป็นคนที่แข็งแรงนะคะ แต่ว่าพี่ตั้วมีไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว ตั้งแต่หนุ่มๆ
ซึ่งจริงๆแล้วไวรัสตับอีกเสบบีเนี่ย อาจจะมีหลายคนที่เป็นแล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
เพราะพี่ตั้วเขาตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปีนะคะ มีแค่ปี 61 และปี 62 ที่ไม่ได้ไปตรวจ

พี่คิดว่าจุดกำเนิดมันมาจากตรงนั้นเลยหรอ ?
เปิ้ล : พี่ว่าเมื่อไม่ได้ไปตรวจร่างกายก็เลยไม่รู้ว่ามันไปถึงไหนแล้ว เพราะว่าทุกปีตรวจร่างกายเราจะรู้
เพราะเวลาเช็กร่างกายเราจะเช็กหมดเลยว่า ค่าตับเป็นยังไง สภาพร่างกายเป็นยังไง
พี่ตั้วจะรู้หมดทุกอย่าง แต่ว่าสองปี อาจจะงานหนัก และอาจจะคิดว่าตัวเองแข็งแรง
เป็นมาตั้งนานยังไม่เห็นเป็นอะไร แล้วตับอาจจะไปทำงานหนักตอนนั้นรึป่าวมันก็ไม่แน่ใจ

สาเหตุที่มีการลามไปถึงขั้นนั้น พี่เปิ้ลคิดว่ามันเกิดจากอะไร ?
เปิ้ล : อาจจะทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เครียด หรือบางอย่างที่เราไม่ทราบว่า
ทำไมตับถึงทำงานหนักเกินไปจนกระทั่งตับอักเสบกลายพันธุ์เป็นมะเร็ง
แต่พี่ตั้วเป็นคนออกกำลังกาย เลือกทานอาหารที่ดีๆ
อาหารพี่ว่าอาจจะมีจุดพลาดอะไรบางอย่าง

แสดงว่าเรื่องการใส่ใจ ตรวจสุขภาพ การดูแลตัวเอง ณ วันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ?
เปิ้ล : สำคัญพี่เปิ้ลพูดจริงๆว่าพี่เปิ้ลตรวจร่างกายตอนอายุแตะเลข 5 ที่ใกล้ๆจะเลข 6 ละ
ไม่ค่อยเช็กร่างกายเลย เพราะคิดว่าตัวเองแข็งแรง
แต่ก็มีเช็กบ้างแต่เป็นการเช็กที่ไม่ละเอียด แต่ว่าตัวเองมีคลอเรสเตอรอลที่สูงประมาณ 200
ถ้าเราไม่ตรวจร่างกายเราคงไม่รู้ว่าเราคลอเรสเตอรอลสูง
ส่วนไวรัสตับอักเสบ B เราไม่เป็น ลูกทั้งสองก็ไม่เป็น

กลับมาทางสภาพจิตใจพี่เปิ้ล เริ่มกลับมาทำงานแล้ว เริ่มลุยงานเต็มที่ ?
เปิ้ล : ก่อนที่พี่เปิ้ลจะกลับมาทำงาน พี่เปิ้ลก็นิ่งอยู่พักใหญ่นะ
คือจัดรายการนี่ยังจัดรายการวิทยุไม่ได้ ก็ต้องแบบเลิกจัดช่วงนั้น เพราะจัดไม่ได้

ส่วนทางด้าน หนุน หนัง พี่เปิ้ลว่าโชคดีที่หนุนเรียนจบพอดี
ส่วนน้องหนังก็กลับมาจากเกาหลี ดันเจอโควิด-19 ก็ยังไม่ได้กลับไปเกาหลี
เลยได้มีเวลาอยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายของพี่ตั้ว ซึ่งมันก็แบบกระทันหัน เราก็อึ้งๆไป

ณ เวลานี้พี่เปิ้ลเข้าใจกับการสูญเสียแล้วรึยัง แล้วแข็งแกร่งขึ้นมากขึ้นมั้ย ?

เปิ้ล : มันต้องเข้าใจนะ ส่วนลูกพี่ว่าเขาเข้าใจแต่เขาก็ยังเจอคำถามว่าทำไม ถ้าเราหาทางเลือกอื่น
ถ้ามันมีแบบนี้ มันอาจจะไม่ถึงขั้นนี้มั้ยแม่ หรือทำไมพ่อน่าจะบอก คือพี่ตั้ว
เขาเลือกที่จะไม่พูด พี่ตั้วเป็นคนที่ไม่ใช่คนที่พูดเยอะอยู่แล้ว คือเขาจะพูดอะไรที่รู้สึกว่าเป็นประโยชน์ต่อชีวิต
เขาจะไม่ค่อยพูด ฉันเป็นนู้น ฉันเป็นนี่ พี่ตั้วแทบจะไม่บอกใครเลยว่าตัวเองเป็นอะไร
แล้วตอนนั้นอยู่ในช่วงโควิด-19 เขาคงคิดว่าเราจะไปนั่งบอกใครทำไมว่าเราเป็นอะไรคนอื่นเขาก็มีปัญหาของเขาเยอะแยะแล้ว
ทั่วโลกเขาก็มีปัญหาเรื่องโควิด เราจะต้องบอกด้วยหรอว่าเราเป็นอะไร เราก็ดูแลรักษาของเราไป
จนกระทั่งน้องหนุน น้องหนัง ก็บอกว่าเราน่าจะไปหาวิธีอื่นที่ให้มันมีหลายๆทาง
เขาก็ยังคงมีอะไรคาใจของเขาอยู่

ถึงแม้ว่าพี่ตั้วจะไม่อยู่แล้ว พี่ยังคงมีความรู้สึกว่า นั่งอยู่กับลูกพี่ตั้วยังคงอยู่รอบตัวหรอ?
เปิ้ล : อืม พี่ก็ยังรู้สึกว่าแบบเหมือนพี่ตั้วยังอยู่ ไม่มันคงเป็นแค่ความรู้สึกมั้ง
บางทีมันก็บอกไม่ได้นะ ความรู้สึกบางทีมันก็ไม่มีเหตุผล มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกของเราเท่านั้นเอง

พี่เปิ้ลมีฝันถึงพี่ตั้วในช่วง 7 วันแรก หรือ 10 วันแรกบ้างมั้ย ตามความเชื่อโบราณ
ถ้าฝันพี่ตั้วเขาจะกลับมา พี่เปิ้ลมีฝันบ้างมั้ย ?

เปิ้ล : ไม่มีเลยค่ะ แต่อาจจะมีได้กลิ่น ถ้าฝันไม่มีเลย แต่ส่วนน้องหนุน น้องหนัง
เขาสงสัยว่าทำไมเวลาเจอคนนั้น คนนี้เขาจะบอกเขาฝันถึงพี่ตั้ว แล้วทำไมเราไม่ฝัน

ประโยคสุดท้ายที่พี่ตั้วพูด เขาพูดอะไรบ้าง ?

เปิ้ล : ไม่แน่ใจ คือที่แปลกคือพี่ตั้วจากไปวันที่ 10 เป็นวันเดียวกับที่แม่พี่ตั้วเสียชีวิต
ซึ่งความรู้สึกวันนั้นทุกคนพยายามขอให้ผ่านวันนั้นไป เพราะทุกคนรู้ไง ภาวนา
ขอให้ผ่านวันนี้ไป ขอให้ผ่านวันนี้ไป แต่เขาก็เลือกที่จะไปวันเดียวกัน

หลังจากที่ผ่านเรื่องนี้มา พี่และลูกๆคุยกันมากขึ้น ส่วนใหญ่คุยเรื่องอะไรกัน ?
เปิ้ล : คือเราเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างสนิทกันเยอะ บางที 22.00-00.00 น. นอนกับหนุน
หลังเที่ยงคืนไปนอนกับหนัง เราก็จะคุยกัน ส่วนทางด้านหนุนเนี่ยจะเห็นพี่ตั้วเริ่มมีอาการเจ็บหลังที่หกล้มตั้งแต่ช่วงตุลาคมปีที่แล้ว
หนุนเลยค่อนข้างที่จะเข้าใจเห็นอาการของพ่อ แต่หนังอยู่เกาหลีมาตลอด หนังเขาก็จะมีคำถามเยอะ เช่น
แม่ว่าพ่ออยู่แถวนี้มั้ย แม่ว่าพ่อจะรู้มั้ยว่าเราคิดถึงเขา พ่อจะรู้มั้ยว่าหนูเนี่ยนะโมโหจริงๆทำไมพ่อต้องไป
ทำไมไม่มาหาเรา ทำไมต้องไปหาคนอื่น ซึ่งน้องหนังเขาจะมีคำถามตลอด

แล้วปลอบใจกันยังไง ?
เปิ้ล : เราก็ให้กำลังใจกันมากกว่า อย่างเช่นหนังก็ต้องกลับไปเกาหลี
มีสิ่งที่หนังต้องทำ ส่วนน้องหนุนเขาเรียนจบแล้วเขาทราบว่าพ่อมีละครที่ค้างอยู่
ก็ได้มีการประชุมพูดคุย ในที่ประชุมก็มีเพื่อนสนิทพี่ตั้วอย่างพี่หมีเขาเป็นผู้กำกับเหมือนกัน
เขาก็จะมาช่วยกำกับ ส่วนพี่ออฟก็อาจจะมาช่วยบ้างเพราะพี่ออฟเองก็งานเยอะ
แสดงว่าหลังจากนี้ละคร หนัง ที่พี่ตั้วสร้างมาคนที่จะมาสืบทอดก็น้องหนุน ?

เปิ้ล : คิดว่ายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่ว่าเราก็มีทีมงานที่แข็งแรงนะคะ
เพราะเรามีทีมงานที่ทำด้วยกันมาค่อนข้างจะหลายเรื่องทีมงานก็ยังคุยกันอยู่
ก็ยังมาประชุมบท มาดูตรงไหนที่จะต้องถ่ายต่อ แต่ก็ยังมีแอบห่วงเหมือนกัน
เพราะว่าละครที่ถ่ายอยู่ค่อนข้างยาก

ทางด้านทีมงาน ลูกน้อง เวลาประชุมจะต้องเจอพี่ตั้ว แต่ตอนนี้ไม่เจอ
เขามีความรู้สึกยังไงกันบ้างคะ ?

เปิ้ล : ทีมงานก้คงคิดถึงพี่ตั้ว เพราะว่าเขาผูกพันธ์กันนะคะ
คือเขาทำงานกันมานานมาก

พี่ตั้ว-พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ คือตำนานที่แสดงละคร และสนิทกัน เปิ้ล : พี่อ๊อฟพูดยังไงบ้าง ?

เปิ้ล : พี่เปิ้ลว่าพี่อ๊อฟน่าจะเป็นคนที่รู้ใจพี่ตั้วหลายเรื่อง
ตั้งแต่ช่วงงานแห่ขันหมากพี่อ๊อฟเป็นคนเตรียมงานตลอดเลย
อาจจะมีบ้างที่ต่างคนต่างงานยุ่งก็อาจจะมีหายๆไปบ้าง
แต่พี่อ๊อฟก็มาตั้งแต่ช่วงก่อนสุดท้ายก่อนที่พี่ตั้วจะจากไป พี่อ๊อฟก็มาเยี่ยมตลอดเลย

ถ้าสมมุติพี่ตั้วดูรายการอยู่อยากบอกอะไรเขา ?
เปิ้ล : ก็จะบอกว่าช่วยมาหาที่บ้านหน่อย ช่วยมานั่งเวลาเรา 3 คนคุยกัน
เพราะเวลาคุยกันพี่ตั้วชอบบอกเราพูดวกไปวนมา บางทีมันอยู่เรื่องเดิมอยู่พี่ตั้วจะบอกว่า
ยังไม่เปลี่ยนเรื่องคุยกันอีกหรอ 3 คนเนี่ย อยากให้มานั่งคุยกับเรา

จริงๆพี่เเปิ้ลเป็นคนกลัวผีมากนะ ตั้งแต่พี่ตั้วจากไป
ไม่รู้ทำไมเราถึงไม่กลัวอีกเลย เขาจะมาในรูปแบบไหนก็แค่อยากรู้เขาอยู่ไหน
ถ้าสมมุติว่าพี่ตั้วมาหาพี่ยืนต่อหน้าเลย พี่จะพูดอะไรกับเขาประโยคแรก ?

จริงๆพี่เเปิ้ลเป็นคนกลัวผีมากนะ ตั้งแต่พี่ตั้วจากไป ไม่รู้ทำไมเราถึงไม่กลัวอีกเลย

เขาจะมาในรูปแบบไหนก็แค่อยากรู้เขาอยู่ไหน ทำอะไร เป็นยังไง สบายดีมั้ย เจอใครบ้าง