- เพราะอะไร? การใส่หน้ากากอนามัย ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ ตามที่ผู้เชี่ยญชาญบอก เพราะหากใส่อย่างไม่ถูกต้อง จะเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น ตราบใดที่ยังเผลอแตะต้องใบหน้าตัวเองบ่อยครั้ง สรุปว่าไม่รอด
- อีกอย่างการที่เชื้อโควิด-19 ติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่ง ไม่ใช่ทางอากาศ และหน้ากากอนามัยออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งหลุดกระเด็นจากผู้ป่วยที่ใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกจากบ้าน ไม่ให้คนอื่นติดโรค
- หากคิดว่าการซื้ออุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจอย่างดีมาใส่ เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 ต้องใส่ให้ถูกต้อง เพราะเชื้อโรคมีโอกาสจะรั่วไหลเข้ามา ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ มันจะกักทุกสิ่งทุกอย่างในอากาศมาเก็บไว้ข้างใน และคนส่วนมากมักเผลอแตะใบหน้าตัวเอง
- ที่สำคัญการใส่หน้ากากอนามัย แม้จะทำให้รู้สึกว่าปลอดภัย แต่ถ้าไม่ล้างมือก่อนและหลังจากถอดหน้ากาก ความเสี่ยงจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีก จากมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว แล้วเผลอแตะสัมผัสปากหรือใบหน้า ดังนั้นถ้าไม่ล้างมือ อย่าไปสัมผัสปากหรือใบหน้า
“ถ้ามีอาการป่วยต้องใส่เลยหน้ากากอนามัย ป้องกันการแพร่เชื้อให้คนอื่น และถ้าปกติไม่ป่วยก็ต้องใส่หน้ากาก ป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ เวลาออกไปข้างนอกมีคนพลุกพล่าน หรือใส่หน้ากากผ้าแบบซักแล้วนำมาใช้ซ้ำ แค่ป้องกันละอองฝอยมาถูกตัวเรา เหมือนเราใส่หน้ากากแบบมีฝาครอบหน้า ตราบใดไม่ได้เอามือไปสัมผัสกับเยื่อบุ ไม่เอามือไปขยี้ตา เอามือไปไชจมูก จับฝีปาก หลังไปสัมผัสกับพื้นผิว ก็ไม่ติดเชื้อ ดังนั้นต้องล้างมือฆ่าเชื้อโรคทุกครั้ง หรือจะไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็ได้ หากเดินไปสวนลุมพินี หรือไปที่ไหนแล้วมีเราคนเดียว”
สิ่งที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์บอก สรุปแล้วหน้ากากอนามัย ไม่ได้ช่วยป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ 100% ซึ่งทุกคนต้องดูแลตัวเองโดยการล้างมือบ่อยครั้ง เป็นการป้องที่ดีที่สุดในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ และยอมรับว่าชุดหมีที่แพทย์สวมใส่ป้องกันเชื้อโรค ไม่สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ จะเห็นได้จากที่ผ่านมามีแพทย์ในจีนเสียชีวิต ดังนั้นอย่าพยายามเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงในที่ชุมชน หรือในพื้นที่ที่จัดกิจกรรมมีคนเป็น 100 แม้มีเทอร์โมสแกนไม่สามารถช่วยได้ เนื่องจากอาจมีคนติดเชื้อหลายรายไม่มีไข้ ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา ทำให้ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็น แต่สามารถแพร่เชื้อไปติดคนอื่นได้
พร้อมแสดงความกังวลต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แม้กระทรวงสาธารสุขมีการปรับเกณฑ์เฝ้าระวังผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนที่มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ 5 คนขึ้นไป ในสถานที่เดียวกันและสัปดาห์เดียวกันก็ตาม แต่กระบวนการควบคุมและวิธีการปฏิบัติควรทำอย่างไร โดยเฉพาะมีคนจำนวนมากยังใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ระบบขนส่งมวลชน โรงแรม และห้างต่างๆ ซึ่งการปรับเกณฑ์เฝ้าระวังผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนจึงยังไม่เพียงพอ หรือหากจะประกาศเข้าสู่เฟส 3 ไม่รู้ประกาศไปทำไม เพราะไม่มีประโยชน์ หากยังไม่มีวิธีปฏิบัติกับสิ่งที่คนใช้บริการร่วมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งน่ากลัวมาก.