Custom Search

Dec 31, 2007

ศ.น.สพ.ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์







ด้วยสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการประชุมครั้งที่ ๔๖๙
เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้พิจารณาเห็นว่า
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
ประกอบด้วย คุณธรรม มีผลงานดีเด่น เป็นที่ประจักษ์ในวงวิชาการ
ได้อุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าทางวิชาการและการศึกษาด้านสัตวแพทยศาสตร์
จนเป็นที่ยอมรับนับถือในวงการสัตวแพทย์
ในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญ สาขาวิชาสรีรวิทยาของสัตว์
และเป็นบุคคลสำคัญในการพัฒนาการศึกษาสรีรวิทยาทางสัตวแพทยศาสตร์
สมควรจะได้รับการยกย่องในวงวิชาการเป็นแบบอย่างอันดีงามให้ผู้อื่นเจริญรอยตามต่อไป
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์
สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
รางวัลเหรียญทองจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๒ หลังจากจบการศึกษา
ได้เริ่มรับราชการโดยดำรงตำแหน่งอาจารย์แผนกสรีรวิทยา
คณะสัตวแพทยศาสตร์ กรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
กระทรวงสารธารณสุข ได้เดินทางไปศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาโทและเอก
จากมหาวิทยาลัยคอร์แนลล์ สหรัฐอเมริกา
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลังจากที่กลับมารับราชการ
ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาสรีรวิทยา
และดำรงอยู่ในตำแหน่งตลอดมาจนกระทั่งเกษียณอายุราชการ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘
ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ ภาควิชาสรีรวิทยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๔
นอกจากนี้ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง คณบดี คณะสัตวแพทยศาสตร์
ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๑๖ - ๒๕๒๐ อีกด้วย
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์
ได้อุทิศตนในด้านการสอนและพัฒนาการศึกษาสาขาสัตวแพทยศาสตร์
โดยเป็นผู้ริเริ่มให้มีการสอนแผนใหม่
และมุ่งผลิตอุปกรณ์การสอนในวิชาสรีรวิทยา
จนเป็นผลดียิ่งต่อการศึกษาของนิสิต
และเป็นแบบอย่างการสอนสรีรวิทยาด้านสัตวแพทยศาสตร์ของประเทศไทย
นอกจากนั้นยังเป็นกำลังสำคัญ
ในการริเริ่มการเรียนการสอนแบบสหสาขาวิชาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก
จนเป็นผลดีต่อการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาเป็นอย่างยิ่งด้วยลักษณะความเป็นครู
อาจารย์ที่ดี เป็นผู้ที่กอร์ปด้วยคุณธรรม จริยธรรม และเมตตากรุณาต่อนิสิตและผู้ร่วมงาน
ได้อุทิศตนและทุ่มเทความรู้วิชาการ
คำปรึกษาแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่วิชาชีพแก่บัณฑิตที่จบการศึกษา
ให้สามารถบรรลุสู่ความสำเร็จ

เมื่อพ้นจากตำแหน่งราชการประจำเนื่องจากเกษียณอายุราชการแล้ว
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์
ยังคงมาทำการสอนและแนะนำงานวิจัยแก่นิสิตทั้งระดับปริญญาตรีคณะสัตวแพทยศาสตร์
และระดับปริญญาโทสหสาขาสรีรวิทยา บัณฑิตวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลอดมา นับเป็นตัวอย่างแบบฉบับที่ควรดำเนินรอยตาม
ในด้านการศึกษาวิจัย ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์
เป็นผู้ผลิตผลงานด้านการวิจัยสาขาสรีรวิทยา เป็นจำนวนมาก
ซึ่งได้รับการเผยแพร่และอ้างอิงทั้งในวารสารวิชาการและตำรา
เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับชาติและนานาชาติ
นอกจากนั้นผลงานวิจัยดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการพัฒนากิจการโคนมของประเทศ

นับได้ว่า ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์ เป็นผู้เชี่ยวชาญ
ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ทางด้านวิชาการ
เป็นผลดียิ่งต่อวิชาชีพสัตวแพทยศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง
ด้วยลักษณะความเป็นผู้นำที่ดีของศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์
ในขณะดำรงตำแหน่งคณบดี คณะสัตวแพทยศาสตร์
ได้บริหารการศึกษาให้ดำเนินไปอย่างมีระเบียบ วินัย
โดยได้รับความร่วมมือและความสามัคคีจากบุคลากรใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี
ได้บริหารงานการศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
โดยเฉพาะโครงการช่วยเหลือการผลิตสัตวแพทยศาสตรบัณฑิตให้กับประเทศเวียตนาม
ด้วยความสามารถ คุณงามความดีและอุทิศตนอย่างสูง
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์
ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสัตวแพทย์ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๒๗
จากสัตวแพทย์สมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์

โดยเหตุที่ ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์
เป็นศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ถึงพร้อมด้วยคุณธรรม และจริยธรรม
ได้ทำคุณประโยชน์แก่คณะสัตวแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และประเทศชาติ สมควรได้รับการยกย่องในวงวิชาการและวิชาชีพ
สัตวแพทย์
สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงลงมติเป็นเอกฉันท์ให้
ได้รับพระราชทานปริญญาสัตวแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
เพื่อเป็นเกียรติสืบไป



ระเบียบการพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล
แผนกสัตวแพทยศาสตร์

ก. วัตถุประสงค์

เพื่อส่งเสริมการศึกษาชั้นสูงทางสัตวแพทยศาสตร์
โดยสนับสนุนให้ผู้ได้รับพระราชทานทุน
ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาในต่างประเทศที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้


ข. ผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก

1. มีสัญชาติไทย
2. อายุไม่เกิน 30 ปีบริบูรณ์ ในวันสิ้นปีปฏิทินในปีที่คัดเลือก

3. ได้รับปริญญาสัตวแพทยศาสตร์บัณฑิตเกียรตินิยม
หรือได้รับคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรไม่ต่ำกว่า 3.25

4. มีความรู้ภาษาอังกฤษดีพอที่จะไม่เป็นอุปสรรคในการศึกษาต่อในต่างประเทศ
5. มีความประพฤติดี มีคุณธรรมสูง มีมนุษยสัมพันธ์ดี
และมีความภักดีต่อประเทศชาติและพระมหากษัตริย์

6. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี โดยมีใบรับรองแพทย์ที่คณะกรรมการแผนกฯ กำหนด

ค. วิธีพิจารณาการพระราชทานทุน

1. คณะกรรมการแผนกสัตวแพทยศาสตร์ มูลนิธิอานันทมหิดล
เป็นผู้ดำเนินการสรรหาผู้ที่สมควรจะได้รับพระราชทานทุน
โดยพิจารณาคัดเลือกจากผู้ที่มีคุณสมบัติข้อ ข.

2. คณะกรรมการแผนกฯ จะพิจารณาคัดเลือกตามแนวทางต่อไปนี้
* ผลการศึกษา
* การสัมภาษณ์ หรือวิธีอื่นๆ ที่คณะกรรมการเห็นสมควร
* ผู้ที่มีความประสงค์จะเป็นอาจารย์ในคณะสัตวแพทยศาสตร์
หลังจากจบการศึกษามาแล้วจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

* มีความขยันหมั่นเพียรอย่างยิ่ง มีความประพฤติดี
มีสติปัญญาความคิดริเริ่ม และเข้าใจปัญหาของประเทศเป็นอย่างดี

3. คณะกรรมการแผนกฯ จะนำชื่อผู้ที่เห็นสมควรได้รับพระราชทานทุน
เสนอคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เพื่อพิจารณาและ
นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิฯ

เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยชี้ขาด
4. คณะกรรมการแผนกฯ จะเสนอชื่อผู้ที่เห็นสมควรจะได้รับพระราชทานทุนปีละ 1 คน
ในกรณีที่เห็นสมควรเกินกว่า 1 คน จะเสนอขอพระราชทานเพิ่มเป็นรายๆ ไป

5. ในปีใดที่คณะกรรมการแผนกฯ และ/หรือคณะกรรมการบริหารของมูลนิธิฯ
เห็นว่าไม่มีผู้สมควรจะได้รับพระราชทานทุน จะงดไม่เสนอชื่อผู้ใดก็ได้


ง. หลักเกณฑ์ในการรับพระราชทานทุน

1. ไปศึกษาในระดับมหาบัณฑิตจนถึงปริญญาดุษฎีบัณฑิตหรือ
เทียบเท่าปริญญาดุษฎีบัณฑิต (ประเภทวุฒิบัตร)
ในสาขาวิชาที่คณะกรรมการแผนกฯ กำหนด
ในสถาบันที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำ
ได้ และต้องเป็นสถาบัน
ที่คณะกรรมการแผนกฯ ให้ความเห็นชอบ

2. ก่อนออกเดินทางจากประเทศไทยจะต้องให้สถาบัน
ที่เลือกไปศึกษาตอบรับแล้ว และทดสอบภาษาได้ถึงระดับที่สถาบันการศึกษาต้องการ

3. ผู้ที่ได้รับทุนจะไปศึกษาต่อเป็นเวลาไม่เกิน 2 ปีในระดับมหาบัณฑิต
และไม่เกิน 3 ปีในระดับดุษฎีบัณฑิต ในกรณีที่มีความจำเป็นและ
ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแผนกฯ
อาจต่ออายุของทุนได้ไม่เกินคราวละ 1 ปี

4. คณะกรรมการแผนกฯ มีสิทธิเสนอให้มูลนิธิฯ
ยกเลิกการให้ทุนถ้าการประเมินผลระหว่างการศึกษาปรากฏว่า
ผู้รับทุนมีความประพฤติไม่สมควร หรือมีผลการศึกษาต่ำกว่า
จากที่เป็นอยู่โดยปกติ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

5. ผู้ได้รับทุนพึงกลับมาทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อสถาบันการศึกษา
และวงการสัตวแพทย์ในประเทศไทย

6. ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วติดต่อกรรมการและเลขานุการของ
คณะกรรมการแผนกสัตวแพทยศาสตร์
รองศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ สมชัย พงศ์จรรยากุล
คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 50 ถนนพหลโยธิน
เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์
579-0113 ต่อคณบดี (6203, 6207)

คณะกรรมการแผนกสัตวแพทยศาสตร์ มูลนิธิอานันทมหิดล
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.อายุส พิชัยชาญณรงค์ ประธานกรรมการ
นายสัตวแพทย์ ดร.อุดม จารุตามระ กรรมการ
นายสัตวแพทย์ ปิยะ อรัญยกานนท์ กรรมการ
รองศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ สงคราม เหลืองทองคำ กรรมการ
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.เชิดชัย รัตนเศรษฐากุล กรรมการ
รองศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ สมชัย พงศ์จรรยากุล กรรมการและเลขานุการ
และผู้ประสานงาน


วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
เวลา 16:00 น.

เสด็จออกแทนพระองค์ ณ อาคารชัยพัฒนา
พระราชทานพระราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์ อายุส พิชัยชาญณรงค์
ประธานกรรมการแผนกสัตวแพทยศาสตร์ มูลนิธิอานันทมหิดล
พร้อมคณะ นำนางสาวสุกัลยา อัศรัสกร ผู้ได้รับพระราชทาน
ทุนมูลนิธิอานันทมหิดล แผนกสัตวแพทยศาสตร์ ประจำปี ๒๕๔๙
เข้าเฝ้า ฯ เพื่อกราบถวายบังคมลา
ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท - เอก สาขาเวชศาสตร์คลินิก (Clinical Sciences)
ณ มหาวิทยาลัยโคโลราโด สหรัฐอเมริกา





สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์อายุส พิชัยชาญณรงค์


วันที่ 20 เมษายน 2553 เวลา 17.12 น
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์อายุส พิชัยชาญณรงค์ ณ เมรุวัดธาตุทอง
ซึ่งถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2553 สิริอายุ 85 ปี


ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์อายุส พิชัยชาญณรงค์
เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2467 ที่จังหวัดเชียงใหม่
เป็นบุตรของ พันเอกพระยาพิชัยชาญณรงค์ (พาสน์)
กับคุณหญิงพิชัยชาญณรงค์ (อรุณ)
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
โดยได้เกียรตินิยมอันดับ 1 รางวัลเหรียญทอง
แล้วจึงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ตรี แผนกสรีรวิทยา
ในคณะสัตวแพทยศาสตร์ กรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
กระทรวงสาธารณสุข ต่อมาได้ศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอก สาขาสัตวแพทยศาสตร์
ที่มหาวิทยาลัยคอร์แนลล์ สหรัฐอเมริกา
แล้วกลับมารับราชการต่อ โดยได้โอนไปเป็นอาจารย์สอนวิชาสรีรวิทยา
ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อยมาจนเกษียณอายุราชการที่ตำแหน่ง
หัวหน้าภาควิชาสรีรวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์
ซึ่งตลอดระยะเวลาได้อุทิศตนในการถ่ายทอดวิชา
ให้แก่ศิษย์อย่างเต็มกำลังความ รู้ความสามารถ
และทำประโยชน์ให้แก่ภาควิชาเป็นอย่างยิ่ง


นอก จากนี้ยังเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาผลงานทางวิชาการ
เพื่อเลื่อนตำแหน่งของคณะสัตวแพทยศาสตร์อีกหลายมหาวิทยาลัย
ตลอดจนเป็นประธานกรรมการแผนกสัตวแพทยศาสตร์ มูลนิธิอานันทมหิดล
ซึ่งในปี 2527 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสัตวแพทย์ดีเด่น
จากสัตวแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
อีกทั้งได้มีโอกาสถวายการรักษาสัตว์เลี้ยงในพระองค์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลายครั้ง


ด้านชีวิตครอบครัวได้สมรสกับนางจำรัสรัตน์ สกุลเดิม ประนิช มีธิดา 1 คน