เผยแพร่: โดย: MGR Online
คอลัมน์เพลงวาน โดย : บอน บอระเพ็ด(skbon109@hotmail.com)
“...ไร้มิตรแท้ถึงแม้ยิ่งใหญ่ ใหญ่เกินไปไม่มีใครเอา ยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่งเหงายิ่งห่าง อยู่บนทางนึกหวั่นนึกพรั่นความหนาว”
ย้อนกลับไปปี พ.ศ. 2526 หรือเมื่อ 30 ปีที่แล้ว วงการเพลงไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อ “น้าเต๋อ : เรวัต พุทธินันทน์” อดีตสมาชิกวงดนตรีในระดับตำนาน “ดิ อิมพอสสิเบิ้ล” ได้จับมือกับ “อากู๋ : ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” ก่อตั้งบริษัทแกรมมี่ เอนเตอร์เทรนเมนต์ หรือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ขึ้น
นี่นับเป็นอีกหนึ่งการพลิกโฉมวงการเพลงไทย(หรือที่ใครหลายๆคนยกให้เป็นหนึ่งในการปฏิวัติวงการเพลงไทย) เพราะแกรมมี่ในยุคน้าเต๋อได้เข้ามารังสรรค์ วางระบบที่เป็นประโยชน์อันหลากหลายต่อวงการเพลงไทย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของระบบการทำเพลง การบริหาร ผลตอบแทนที่(ค่อนข้าง)เป็นธรรมต่อศิลปิน การยกระดับมาตรฐานของนักร้อง นักดนตรี การมีสังกัดอย่างชัดเจนของคนดนตรี การจัดคอนเสิร์ตที่มีมาตรฐานในระดับสากล ฯลฯ
ในปีเดียวกันนี้น้าเต๋อในฐานะหัวขบวนแกรมมี่ได้ส่งอัลบั้ม “เต๋อ 1” ออกมาเขย่าวงการเพลงไทย
เต๋อ 1 เป็นอัลบั้มที่รวบรวมนักดนตรีชั้นนำในยุคนั้นเอาไว้หลายคนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อัสนี โชติกุล,กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา,วิชัย อึ๊งอัมพร, ไพฑูรย์ วาทยะกร, จาตุรนต์ เอมบุตร เป็นต้น
เต๋อ 1 มีทั้งหมด 10 เพลง เป็นไปตามความลงตัวของงานเพลงในยุคเทปคลาสเซท หน้าปกออกแบบเป็นภาพวาดลายเส้น งานสเก็ต รูปจมูก ปาก และ หนวด ที่ดูง่ายๆแต่ชัดเจนมองปุ๊บก็รู้ว่าว่านี่หน้าใคร ซึ่งต่อมารูปนี้ได้กลายเป็นรูปสัญลักษณ์ของน้าเต๋อไป
อัลบั้มเต๋อ 1 ที่ชื่อจำแสนง่ายแต่ดนตรีไม่ง่าย เปิดตัวกันด้วย “ที่แล้วก็แล้วไป” ขึ้นต้นมาด้วยเสียงแซกโซโฟนท่วงทำนองติดหูง่าย มาในแนวป็อบฟังสบาย มีอะคูสติกกีตาร์ตีคอร์ดฉับๆ เล่นเป็นแบ็คกราวน์คลอไปตลอด ช่วงโซโลแซกโซโฟนในท่อนกลางฟังทรงเสน่ห์ เมโลดี้สวยเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้
น้าเต๋อร้องเพลงนี้ในอารมณ์สบายๆในแบบรุ่นใหญ่ใจดี ผู้ให้อภัย กับภาษาที่สวยงาม มีสัมผัสคล้องจอง ฟังติดหู และโดนใจ(คนในยุคนั้น)เป็นจำนวนมาก “...ไม่สำคัญ เรื่องนั้น มันแค่ ฝันร้าย แม้เธอผิดพลาดไป อย่างไร ไม่แคร์...”
เพลงนี้เป็นบทเพลงรักที่แตกต่าง เพราะไม่ใช่รักที่ต้องการ เอาแต่ได้ หากแต่เป็นรักที่เข้าใจ ให้โอกาส
ที่แล้วก็แล้วไปนับเป็นเพลงที่เปิดมาดีและโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
ต่อกันด้วย “ดอกฟ้ากับหมาวัด” ชื่อเพลงที่อาจฟังดูเชย สำหรับบทเพลง(สมัยนิยม)ในยุคนี้ เพราะมันไม่มีคำฝรั่ง คำเกาหลี หรือสื่อนัยถึงเรื่องเซ็ก 2 แง่ 2 ง่าม แต่ในยุคนั้น นี่เป็นเพลงที่นำคำเปรียบเปรยในสำนวนไทยมาใช้กับเพลงไทย ได้อย่างกลมกลืน น่าฟัง เล่นคำ เล่นสัมผัสได้อย่างเยี่ยมยอด ดังตัวอย่าง “อยากจะมีคนรักซักคน แต่ว่าเราก็จนสุดหม่นหมอง หน้าตาก็ไม่น่ามอง แต่พยายามจะลองจ้องหารัก...”
ขณะที่ภาคดนตรีก็ฟังล้ำกับดนตรีกลิ่นอิเลคทรอนิคป็อบ ที่มีลูกเล่นกับจังหวะจะโคนที่ถือว่าใหม่มากสำหรับเพลงไทยในยุคนั้น
“มือน้อย” บทเพลงแสนไพเราะ ช้า ซึ้ง ละเมียดละไม อะคูสติกกีตาร์เล่นปิ๊กกิ้งอินโทรนำขึ้นมาอย่างใสปิ๊ง มีการวางทางคอร์ดที่น่าสนใจ เพลงนี้งดงามทั้งภาษาและดนตรี ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงสุดคลาสสิคของน้าเต๋อ
มือน้อยแม้จะเป็นเพลงที่สื่อถึงเด็กน้อย แต่ก็ใช้ในเรื่องความรักของหนุ่มสาวได้ดีทีเดียว
ต่อกันด้วยเพลงดังอมตะสุดเจ๋งอย่าง “เจ้าสาวที่กลัวฝน” โฟล์คร็อกที่มีความเป็นป็อบสูง ฟังติดหูง่ายทั้งดนตรีและเนื้อร้อง แถมยังเป็นเพลงที่เอื้อต่อการเล่นตามผับบาร์ และตามวงเหล้า ให้กองเชียร์ร้องตามกัน
“...หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตัวเองมืดมน อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตามความคิดเดิม ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน...”
เพลงนี้หากมองตรงๆตามเนื้อเพลง มันคือเพลงรักสอนใจไม่โหล ที่ยังคงใช้ได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนถ้าใครจะมองข้ามในมิติของความรัก นำไปเปรียบกับการใช้ชีวิตที่อย่ากลัวต่อสิ่งใหม่ๆที่ยังไม่รู้ ก็ถือเป็นนัยยะแอบแฝง ที่เปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้ตีความไปตามจินตนาการของแต่ละคน
“เศร้า” เพลงช้า ดนตรี กับเนื้อหาอารมณ์เพลงเศร้าหงอยตามชื่อเพลง เป็นบัลลาดป็อบฟังละเมียด เสียงกีตาร์ไฟฟ้าเล่นตัวโน้ตง่ายๆแต่หวานๆซึ้ง ช่วยหนุนให้ตัวเพลงมีสีสันมากขึ้น
“อยากรู้นัก” เพลงร็อกสนุกๆ จังหวะกระตุกๆ เนื้อหาเปรียบความรักกับสังขารที่ไม่เที่ยง เร่งดีกรีขึ้นไปอีกกับ “สาวเอยจะบอกให้” ที่มาในกลิ่นร็อกแอนด์โรลโจ๊ะๆ มันๆ
ต่อความมันกันอีกเพลงกับ “เพื่อนเอย” ร็อกมันๆ ตามแนวนิยมของร็อกสากลในยุคนั้น เพลงนี้ใช้คำเรียกตัวเองกับเพื่อนที่เด็กสมัยอาจจะไม่เคยได้ยินว่า“กัน” บอกเล่าพฤติกรรมความรักความจริงใจของเพื่อนรัก สมกับความว่าเพื่อนตาย ซึ่งถือเป็นเพื่อนในฝันของใครหลายๆคน แต่ไม่ใช่ประเภท“เพื่อนกูรักมึงว่ะ” ในยุคหลัง
เปลี่ยนอารมณ์มาฟัง “หมู่บ้านในนิทาน” มาในทางคันทรีร็อกสนุกๆ พูดถึงหมู่บ้านในฝันที่เป็นดังหมู่บ้านในนิทานที่ผู้คนเลยชื่นบาน ไม่มีใครร้าวราน ฉายให้เห็นภาพหมู่บ้านชนบทในอดีตที่เป็นสุข น่าอยู่ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ซึ่งวันนี้หลายๆหมู่บ้านอันแสนสุขเหล่านั้นถูก“ประชานิยม”ทำล่มสลายไปหมดแล้ว
ปิดท้ายกันด้วย “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” เปียโนหวานพลิ้วเล่นขึ้นนำมา ก่อนส่งต่อเข้าตัวเพลงที่ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดเพลงของน้าเต๋อ
“...เปรียบคนเราคล้ายดั่งขึ้นภูเขา ฝ่าไปเอาหมายตัวเราก้าวไกล สูงๆ ขึ้นไป ใครจะอยู่ข้างเรา กิเลสยุเย้าให้ปีนป่าย...”
ยิ่งสูงยิ่งหนาวเป็นการพบกันอย่างลงตัวและกลมกลืน ของภาคดนตรีที่มีความไพเราะ มีเสน่ห์ ท่วงทำนองติดหู ฟังง่าย กับภาคเนื้อร้องที่เนื้อหาภาษาสวย มีสัมผัส จังหวะจะโคน ที่สำคัญคือนัยยะของเพลงนี้ แฝงปรัชญาที่สื่อให้คนทั่วไปฟังได้ไม่ยาก ไม่ต้องตีความคิดมากให้ปวดหัว นั่นจึงทำให้เพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง นับเป็นอีกหนึ่งเพลงดังจากอัลบั้มเต๋อ 1 ที่ยังคงความอมตะมาจนถึงทุกวันนี้
มือน้อยแม้จะเป็นเพลงที่สื่อถึงเด็กน้อย แต่ก็ใช้ในเรื่องความรักของหนุ่มสาวได้ดีทีเดียว
ต่อกันด้วยเพลงดังอมตะสุดเจ๋งอย่าง “เจ้าสาวที่กลัวฝน” โฟล์คร็อกที่มีความเป็นป็อบสูง ฟังติดหูง่ายทั้งดนตรีและเนื้อร้อง แถมยังเป็นเพลงที่เอื้อต่อการเล่นตามผับบาร์ และตามวงเหล้า ให้กองเชียร์ร้องตามกัน
“...หากเธอคิด พบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตัวเองมืดมน อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำ ตามความคิดเดิม ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน...”
เพลงนี้หากมองตรงๆตามเนื้อเพลง มันคือเพลงรักสอนใจไม่โหล ที่ยังคงใช้ได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนถ้าใครจะมองข้ามในมิติของความรัก นำไปเปรียบกับการใช้ชีวิตที่อย่ากลัวต่อสิ่งใหม่ๆที่ยังไม่รู้ ก็ถือเป็นนัยยะแอบแฝง ที่เปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้ตีความไปตามจินตนาการของแต่ละคน
“เศร้า” เพลงช้า ดนตรี กับเนื้อหาอารมณ์เพลงเศร้าหงอยตามชื่อเพลง เป็นบัลลาดป็อบฟังละเมียด เสียงกีตาร์ไฟฟ้าเล่นตัวโน้ตง่ายๆแต่หวานๆซึ้ง ช่วยหนุนให้ตัวเพลงมีสีสันมากขึ้น
“อยากรู้นัก” เพลงร็อกสนุกๆ จังหวะกระตุกๆ เนื้อหาเปรียบความรักกับสังขารที่ไม่เที่ยง เร่งดีกรีขึ้นไปอีกกับ “สาวเอยจะบอกให้” ที่มาในกลิ่นร็อกแอนด์โรลโจ๊ะๆ มันๆ
ต่อความมันกันอีกเพลงกับ “เพื่อนเอย” ร็อกมันๆ ตามแนวนิยมของร็อกสากลในยุคนั้น เพลงนี้ใช้คำเรียกตัวเองกับเพื่อนที่เด็กสมัยอาจจะไม่เคยได้ยินว่า“กัน” บอกเล่าพฤติกรรมความรักความจริงใจของเพื่อนรัก สมกับความว่าเพื่อนตาย ซึ่งถือเป็นเพื่อนในฝันของใครหลายๆคน แต่ไม่ใช่ประเภท“เพื่อนกูรักมึงว่ะ” ในยุคหลัง
เปลี่ยนอารมณ์มาฟัง “หมู่บ้านในนิทาน” มาในทางคันทรีร็อกสนุกๆ พูดถึงหมู่บ้านในฝันที่เป็นดังหมู่บ้านในนิทานที่ผู้คนเลยชื่นบาน ไม่มีใครร้าวราน ฉายให้เห็นภาพหมู่บ้านชนบทในอดีตที่เป็นสุข น่าอยู่ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ซึ่งวันนี้หลายๆหมู่บ้านอันแสนสุขเหล่านั้นถูก“ประชานิยม”ทำล่มสลายไปหมดแล้ว
ปิดท้ายกันด้วย “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” เปียโนหวานพลิ้วเล่นขึ้นนำมา ก่อนส่งต่อเข้าตัวเพลงที่ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดเพลงของน้าเต๋อ
“...เปรียบคนเราคล้ายดั่งขึ้นภูเขา ฝ่าไปเอาหมายตัวเราก้าวไกล สูงๆ ขึ้นไป ใครจะอยู่ข้างเรา กิเลสยุเย้าให้ปีนป่าย...”
ยิ่งสูงยิ่งหนาวเป็นการพบกันอย่างลงตัวและกลมกลืน ของภาคดนตรีที่มีความไพเราะ มีเสน่ห์ ท่วงทำนองติดหู ฟังง่าย กับภาคเนื้อร้องที่เนื้อหาภาษาสวย มีสัมผัส จังหวะจะโคน ที่สำคัญคือนัยยะของเพลงนี้ แฝงปรัชญาที่สื่อให้คนทั่วไปฟังได้ไม่ยาก ไม่ต้องตีความคิดมากให้ปวดหัว นั่นจึงทำให้เพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง นับเป็นอีกหนึ่งเพลงดังจากอัลบั้มเต๋อ 1 ที่ยังคงความอมตะมาจนถึงทุกวันนี้
และนั่นก็คือ 10 เพลง แห่งความลงตัวจากอัลบั้มเต๋อ 1 ที่ถือเป็นงานเพลงคุณภาพชั้นเยี่ยมที่ได้รับการยอมรับมาจนถึงทุกวันนี้
เต๋อ 1 เป็นงานเพลงสไตล์ป็อบ ร็อก ที่ผสมความเป็นโฟล์ค คันทรี เจือกลิ่นแจ๊ซบางๆ แล้วสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างลงตัวน่าฟัง ทั้งเนื้อหา ภาษา ท่วงทำนอง รวมไปถึงภาคดนตรีที่ได้คนดนตรีมือเยี่ยมๆมาเล่นให้
อัลบั้มชุดนี้สามารถทำลายกำแพงเพลงไทยสากลสมัยก่อนที่การใช้ภาษาที่สวยงาม คล้องจอง มีสัมผัส สละสลวย เป็นอุปสรรคต่อการทำดนตรีให้มีความเป็นสากล มาทำให้น่าฟัง ร่วมสมัย และล้ำสมัย(ในบางเพลง)สำหรับยุคนั้น
เต๋อ 1 ได้รับการยอมรับมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นผลงานเพลงที่มีความล้ำ แปลก ใหม่(แห่งยุคสมัย) เป็นงานที่ทรงอิทธิพลชุดหนึ่งของวงการเพลงไทย ซึ่งแม้เวลาจะผ่านมา 30 ปีแล้ว แต่งานเพลงชุดนี้ยังคงทรงเสน่ห์และเจ๋งไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสัมผัสได้ เห็นจะเป็นอุดมการณ์ทางดนตรีของแกรมมี่ ที่แกรมมี่วันนี้แตกต่างจากแกรมมี่ในวันนั้นอย่างสิ้นเชิง
เต๋อ 1 เป็นงานเพลงสไตล์ป็อบ ร็อก ที่ผสมความเป็นโฟล์ค คันทรี เจือกลิ่นแจ๊ซบางๆ แล้วสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างลงตัวน่าฟัง ทั้งเนื้อหา ภาษา ท่วงทำนอง รวมไปถึงภาคดนตรีที่ได้คนดนตรีมือเยี่ยมๆมาเล่นให้
อัลบั้มชุดนี้สามารถทำลายกำแพงเพลงไทยสากลสมัยก่อนที่การใช้ภาษาที่สวยงาม คล้องจอง มีสัมผัส สละสลวย เป็นอุปสรรคต่อการทำดนตรีให้มีความเป็นสากล มาทำให้น่าฟัง ร่วมสมัย และล้ำสมัย(ในบางเพลง)สำหรับยุคนั้น
เต๋อ 1 ได้รับการยอมรับมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นผลงานเพลงที่มีความล้ำ แปลก ใหม่(แห่งยุคสมัย) เป็นงานที่ทรงอิทธิพลชุดหนึ่งของวงการเพลงไทย ซึ่งแม้เวลาจะผ่านมา 30 ปีแล้ว แต่งานเพลงชุดนี้ยังคงทรงเสน่ห์และเจ๋งไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสัมผัสได้ เห็นจะเป็นอุดมการณ์ทางดนตรีของแกรมมี่ ที่แกรมมี่วันนี้แตกต่างจากแกรมมี่ในวันนั้นอย่างสิ้นเชิง