Custom Search

Nov 15, 2010

ชี้คิดบวกพาองค์กรฝ่าวิกฤติสู่ความสำเร็จ : ดร.บุญเกียรติ โชควัฒนา

นายห้างเทียม โชควัฒนา
http://www.mop-bkc.com/
http://www.ex-mba.edu/doctor/d1.html

ข้อมูลจาก: http://www.mis.nu.ac.th/sharing/bunya1.php

ณ ห้องเรียนหลักสูตรการบริหารเชิงกลยุทธ์

คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์
มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก
วันนี้คึกคักยิ่ง เพราะ
CEO ดร. บุญเกียรติ โชควัฒนา

กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ICC International
เจ้าของแนวคิดบวก, คิดทีละเรื่อง ทำทีละหลายๆ เรื่อง,
ยิ่งแก้ปัญหายิ่งทำให้ฉลาด มาให้แง่คิด
ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการคิดการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์


ดร. บุญเกียรติไม่ได้มาท่านเดียว แต่ยกทีมจาก
บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด มาให้ความรู้แบบสุดคุ้ม!
นิสิตที่เข้าฟังการบรรยายรู้สึกเหมือนกำลังจะ workshop
หรือ เข้า Lab ก็สุดแล้วแต่จะเรียก
ในฐานะคนที่อยู่ในแวดดวงการศึกษาด้านการสื่อสาร
และสนใจเกี่ยวกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ก็ไม่พลาดงานนี้

และเห็นด้วยทันทีกับแนวคิดของคณบดี ผศ. ไพศาล อินทสิงห์
และประธานหลักสูตร ผศ. จันทร์ศรี ลีลาชินาเวศ
ว่าต้องสร้างพลัง สร้างศักยภาพนิสิต ด้วยการสร้าง Lab
เพื่อการฝึกคิด ฝึกกำหนดยุทธศาสตร์ของนิสิตระดับปริญญาโท-เอก

ด้านการบริหารจัดการที่เป็นจริง

ดร. บุญเกียรติ โชควัฒนา เริ่มต้นการบรรยายในหัวข้อ
หลักคิดและการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์อย่างผู้รอบรู้อย่างลึกซึ้งว่า ต้องคิดบวก!
โดยนำแนวคิดมาใช้ตั้งแต่เริ่มต้นการบรรยายว่า

“ในการบรรยายครั้งนี้ขอให้นิสิตตั้งจิตให้แน่วแน่ว่าจะได้รับ
ประโยชน์ไม่ใช่เฉพาะเพียงไปใช้ในการสอบ
แต่เพื่อประโยชน์ที่กว้างขวางกว่านั้นคือประโยชน์ในการทำงาน และชีวิต
การคิดเช่นนี้จะทำให้มีพลังงาน
ทำให้รู้สึกว่ากำลังทำในสิ่งที่มีประโยชน์มาก ไม่รู้สึกเบื่อ หรือ เหน็ดเหนื่อย”

พลังของการคิดบวกจะทำให้มองข้างหน้า
เห็นประโยชน์ข้างหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน!

ดร. บุญเกียรติอธิบายว่า คนเราโดยทั่วไปไม่ค่อยได้ถามตัวเองว่า
เราเป็นคนคิดบวก หรือลบ วิธีง่ายๆคือถามความรู้สึกก่อนว่า
ปกติเราคิดอย่างไร เช่น เรามักกลัว,
รู้สึกเป็นห่วง, รู้สึกสงสัยว่าทำไม, รู้สึกว่าไม่เข้าใจ,
รู้สึกว่าไม่รู้, รู้สึกว่าคิดไม่ออก, รู้สึกว่างง
ความคิดแบบนี้เป็นความคิดลบ
ความคิดแบบนี้แน่นอนว่าอาจจะฝืนไม่ให้คิดไม่ได้

แต่เน้นว่าอย่าย้ำคิดลบบ่อยๆ จะทำให้กลายเป็นคนคิดลบแบบถาวรไปเลย

แล้วคิดบวกเป็นแบบไหน ดร. บุญเกียรติอธิบายว่า
คือคนที่คิดช่วยคนอื่น คิดช่วยสังคมด้วย คือWin Win
ไม่ใช่คิดบวกแต่เรื่องของตัวเอง แบบนั้นเรียก Ego
และคงไม่ได้หมายถึงคิดบวกไปเรื่อยๆ แต่ต้องมีเหตุมีผล เช่น
ได้ยินเสียงผิดปกติในบ้านยามวิกาล
ก็คิดว่าคงไม่มีอะไร แล้วนอนต่อไป แบบนี้ไม่ใช่คิดบวก

ดร. บุญเกียรติให้ความเห็นว่า จากประสบการณ์ในการบริหารพบว่า
ความคิดอย่างหนึ่งที่เป็นประโยชน์ในการบริหารเชิงกลยุทธ์ คือ
การเดา ภาษาอังกฤษว่า guess คำนี้ไม่ได้มีความหมายในเชิงลบ
ในสังคมไทยอาจไม่ชอบคำๆนี้ แต่ในโลกของการทำงาน
มีการเดาเต็มไปหมด
เนื่องจากในการทำงานเราจริงๆไม่ได้มีข้อมูลที่รอบด้านพอ
การเดาในที่นี้หมายถึงการคิดที่มีระบบจากการตั้งคำถาม

และหาคำตอบให้กับ เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเรา
และจากการสังเกตที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจะทำให้ตัดสินใจได้

คนเรานั้นมีประสบการณ์สั่งสมมา หลายภพชาติ
ประสบการณ์นั้นไม่ได้หายไป
เราทุกคนนำประสบการณ์จากในอดีตชาติมาใช้ ซึ่งขอเรียกว่า
ปัญญาญาณ (Intuition) หมายถึงการที่สามารถรู้ได้โดยไม่มีข้อมูล
บางคนเรียนมาสูงขาด sense ขาดดุลยพินิจ ทำให้ตัดสินใจอะไรไม่ได้

ดร. บุญเกียรติอธิบายต่อไปว่า การคิดบวกมีความสัมพันธ์กับเรื่องของ “จิตใต้สำนึก”
ซึ่งเป็นจิตของเราเอง ซึ่งมีพลังมากกว่า “จิตสำนึก”
จะลองเปรียบเทียบให้เห็นภาพ คือ พลังจิต 100 เปอร์เซ็นต์
“จิตสำนึก”มีพลังเพียง 3-7 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
นอกนั้นเป็นพลังของ “จิตใต้สำนึก”
จิตใต้สำนึกมีพลังดังนี้
1. จิตใต้สำนึกรู้ในสิ่งที่อยู่ในจิตสำนึกได้

2. จิตใต้สำนึกมีแรงเหนี่ยวนำ
3. จิตใต้สำนึกไม่หลับ
4. จิตใต้สำนึกหาคำตอบให้เราได้
5. จิตใต้สำนึกจะทำงานเมื่อจิตสำนึกไม่ทำงาน
6. จิตใต้สำนึกไม่รู้ผิดรู้ถูก

จิตใต้สำนึกเป็นพลังในการคิดบวกเพื่องานและชีวิตได้อย่าง ไร.....
คำถามนี้มุ่งเป้าเพื่อนำไปใช้ในการนำงานและนำชีวิตให้ไปสู่เป้าหมาย
ในสถานการณ์ที่ข้อมูลหลายๆอย่างไม่ได้ เลิศเลอเพอร์เฟ็ค
เผลอๆเข้าขั้นวิกฤติคือไม่มีอะไรสักอย่างในมือ!

มีคำตอบที่กระตุ้นแรงบันดาลใจให้คนอย่างเราๆ
ที่อยู่ในสังคมที่อาจจะยังไม่พร้อมทั้งด้านข้อมูล
ข่าวสาร ความรู้ แต่ต้องฝ่าวิกฤติ
ตั้งแต่เรื่องของการเมืองหลังการเลือกตั้ง
เศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง

ราคาสินค้ายุคราคาน้ำมันมหาโหด ฯลฯ ให้มีความหวัง

ดร. บุญเกียรติ แนะว่า ถ้ามีเป้าหมายจะพาองค์กร
หรือสังคมให้ไปสู่เป้าหมายต้องคิดบวกบ่อยๆ
เพื่อให้ความคิดเข้าสู่จิตใต้สำนึกซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดตามที่คิดได้ คล้ายๆกับ
การอธิษฐาน ซึ่งหากพิจารณาอย่างลึกซึ้ง
ก็คือการผูกมัดกับตัวเองในการที่จะทำเรื่องดีๆ นั่นเอง

“อยากให้ทุกคนมีความเชื่อและศรัทธาอย่างแน่วแน่ว่าการเกิดมา
เป็นมนุษย์นั้นคือโอกาสที่จะได้เกิดมาเพื่อเรียนรู้ เพื่อยกระดับจิต
เพื่อทำบุญ การคิดเช่นนี้จะทำให้มีพลังมากในการทำงานและดำเนินชีวิต
และการคิดบวกเช่นนี้เกิดขึ้นได้กับคนทุกคน ทุกสถานภาพ ทุกสถานการณ์ ไม่ใช่
จะคิดบวกได้ต้องเป็นคนมีฐานะดี หรือ อยู่ในสถานการณ์ที่ดีเท่านั้น”ดร.บุญเกียรติย้ำ

ต่อคำถามที่ว่าเศรษฐกิจไทยหลังเลือกตั้งจะดีขึ้นหรือไม่?

เป็นคำถามของนิสิตในห้องเรียน
และคงจะเป็นประเด็นคำถามของคนไทยทั้งประเทศในขณะนี้

ดร. บุญเกียรติ อธิบายว่า เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นได้ อาจจะดีได้ในระดับหนึ่ง
แต่สำหรับคนที่คิดบวกจะสามารถทำให้เกิดสิ่งดีๆ เกิดขึ้นได้มาก
จะสามารถนำพาองค์กร หรือ
นำพาสังคมให้เจริญก้าวหน้าได้มากกว่า ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน
และแนะนำว่าสำหรับคนที่จะทำธุรกิจในยุคนี้ ต้องมองจากฐานศูนย์
คือฐานปัจจุบัน จะอิงอดีตไม่ได้
และต้องตอบให้ได้ว่าจะทำอย่างไรให้สำเร็จได้โดยไม่มีเงื่อนไข!


ต้องตอบให้ได้ว่าจะทำธุรกิจให้ใคร กับใคร(who)
ทำธุรกิจอะไร (what) ทำเมื่อไหร่ (when)
ทำที่ไหน (where) ทำอย่างไร (how)
นี่ต้องรู้คู่แข่ง ต้องมีข้อมูลคู่แข่ง
และทำเท่าไหร่(how much, how many)


หากมีเงินน้อยถ้าเทียบกับคู่แข่ง ก็ต้องเลือกสู้เป็นจุด
ชนะเป็นจุด ต้องขยัน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
และมีบริการที่ดี วิธีคิดเหล่านี้ก็จะช่วยได้

Mind Set สำหรับวันนี้!
คิดบวกเป็นพลังสู่ความสำเร็จ ...
ไม่ว่าจะเป็นใคร สถานภาพอย่างไร ในสถานการณ์ไหนก็คิดบวกได้!
หลังจบการบรรยายได้ยินเสียงของนิสิตคุยแลกเปลี่ยนกันว่าคงจะได้
คะแนนจาก ดร.บุญเกียรติ โชควัฒนา เต็ม100 เปอร์เซ็นต์!
สุดยอดของการคิดบวก !