Custom Search

Apr 27, 2010

จุดเทียนแห่งธรรมให้สว่างไสวทั้งแผ่นดิน


ประเวศ วะสี
มติชนออนไลน์
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553


ธรรม กำลังนำไทยพ้นมิคสัญญีกลียุค

เพราะธรรมใหญ่ที่สุด ธรรมมีอำนาจที่สุด
แม้เทวดา พระอินทร์ พระพรหม ก็เคารพธรรม
พระศาสดาก็ทรงเคารพธรรม จะเห็นได้ว่าในสภาวะที่วิกฤติสุด ๆ
จะเข้าสู่ประตูมิคสัญญีกลียุค ความรู้ก็ดี
เหตุผลก็ดี อุดมการณ์ก็ดี อำนาจก็ดี
ไม่มีพลังพอที่จะพาเราออกจากวิกฤติ
เพราะความรู้ก็ดี เหตุผลก็ดี อุดมการณ์ก็ดี อำนาจก็ดี
ตกเป็นเหยื่อของกิเลสได้ง่าย ทฤษฏีก็กลายเป็นทิฏฐิไป
ศาสตร์ก็กลายเป็นศาสตรา พากันไปสู่ความรุนแรงได้
ธรรมนั้นเหมือนทฤษฎีศาสตร์ หรืออุดมการณ์


ธรรมวิชัย หรือการชนะด้วยธรรม
กำลังปรากฎบนฟากฟ้าประเทศไทย


ธรรมที่ซึมซ่านอยู่ทั่วไปในแผ่นดินไทยอย่างหนึ่งคือ
คนไทยส่วนใหญ่ หรือคนไทยเกือบทั้งหมดไม่ต้องการความรุนแรง
เจตนารมณ์ของสังคมที่ปฏิเสธความรุนแรง
ช่วยกำกับพฤติกรรมของการต่อสู้
จนเกิดกติกาว่าถ้าใครใช้ความรุนแรงจะแพ้
สังคมไทยได้ผ่านการทดสอบที่ยิ่งใหญ่มาแล้ว
มีผู้จงใจใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าผู้คน
มาหลายครั้งตั้งแต่ ๒๕๕๑ เป็นต้นมา
โดยหวังจะยั่วยุให้เกิดจลาจลเผาบ้านเผาเมือง
และมิคสัญญีกลียุค แต่ก็ไม่สำเร็จ
คนไทยไม่บ้าคลั่งเสียสติล้างแค้น
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ๗ ตุลาคม ก็ดี หรือ
๑๐ เมษายนก็ดี การที่ทหารยอมบาดเจ็บ
และตายโดยไม่ใช้อาวุธตอบโต้
ช่วยไม่ให้เหตุการณ์บานปลายอย่าง
ที่ผู้ก่อความรุนแรงต้องการ
นับเป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่
และชัยชนะของสันติวิธี


การใช้อาวุธร้ายแรงเข่นฆ่าทั้งประชาชนผู้ชุมชนุมและ ทหาร
ถือเป็นความอำมหิตสุดๆ ที่ต้องการยั่วยุอย่างรุนแรงที่จะให้เกิดจราจล
แต่ไม่สำเร็จ แสดงว่าสังคมไทยมีความอดทนอดกลั้นสูง
แสดงให้เห็นว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องของกลุ่มคนส่วนน้อย
สังคมไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการความรุนแรง
มีความเคลื่อนไหวเรียกร้องไม่ต้องการความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
มีแต่สันติวิธีเท่านั้นที่ได้ผล ความรุนแรงไม่ได้ผล
ธรรมย่อมชนะอธรรม คนไทยอาจจะตระหนกตกใจ
และรู้สึกหมดหวังต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น
แต่ดูจริงๆแล้วคนส่วนน้อยที่ใช้ความรุนแรงกำลังพ่ายแพ้
คนส่วนใหญ่ผู้ไม่ต้องการความรุนแรงจะชนะ
สังคมไทยกำลังชนะด้วยธรรมหรือธรรมวิชัย
ของให้มีความมั่นใจในธรรม
ช่วยกันจุดเทียนแห่งธรรมให้สว่างไสวทั้งแผ่นดิน
ประเทศไทยจะพ้นมิคสัญญีกลียุค
ไปสู่สังคมสันติสุข


ขอจงทำธรรมให้ สมบูรณ์ทั้ง ๓ ประการคือ


๑.สันติธรรม ประกอบด้วยความเมตตา กรุณา
อภัยธรรม ขันติธรรม ไม่พยาบาท ทำบุญทำทาน
ไหว้พรสวดมนต์ อุทิศส่วนกุศลให้ทุกฝ่าย
รวมทั้งผู้ที่คิดว่าขาดกุศลธรรม
ปฏิเสธความรุนแรงทุกชนิด
ทั้งกาย วาจา ใจ บนเส้นทางแห่งอหิสา
ตัวอย่างเล็กๆของชาวอโศกธานี
ในวันที่ ๒๕ เมษายน ที่มีกลุ่มคนยกพวกไปกดดัน
กลับยิ้มแย้มแจ่มใสเอาน้ำไปเลี้ยงกลุ่ม
ที่มากดดันด้วยความเมตตากรุณา
ทำให้ความรุนแรงเกิดขึ้นไม่ได้
นี่แหละเป็นชัยชนะของสันติอหิงสา สันติบท
เป็นเส้นทางที่ปลอดภัย จะมีคนมาร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ
ขอให้ทำให้มาก เคลื่อนไหวให้มาก
จนสันติธรรมซึมซ่านไปทั่วแผ่นดินไทย
จำกัดความรุนแรงให้เล็กลงๆ


๒.นิติธรรม กฎหมายเป็นกฎกติกาเพื่อการอยู่ร่วมกันด้วยสันติ
กระบวนการสันติธรรมต้องส่งเสริมสนับสนุนความเข้มแข็งของนิติธรรม
ในอนาคตสังคมไทยต้องปลอดอาวุธ
ไม่ใช่เต็มไปด้วย เอ็ม ๗๙ อาร์พีจี เอ็ม๑๖ ฯลฯ
เยี่ยงปัจจุบัน ระบบความายุติธรรมต้องพร้อม
บริบูรณ์ทั้งระบบป้องกัน ระบบรักษา
และระบบฟื้นฟู (Restorative Justice)


๓.สังคมธรรม สังคมที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
จะต้องมีความเป็นธรรมในส่วนที่ลึกที่สุด
ต้องมีการเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความ
เป็นคนของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
มีความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ
ทางสังคม ทางกฎหมาย ทางการเมือง การปกครอง
สังคมต้องมีความเข้มแข็งที่จะกำหนดความเป็นธรรมได้
การขาดความเป็นธรรมเป็นบ่อเกิดของความขัดแย้งรุนแรง
คราวนี้เมื่อความรุนแรงเฉพาะหน้าระงับไปได้ด้วยสันติธรรม
และนิติธรรมตามข้อ ๑ และ ๒
คนไทยทุกภาคส่วนจะต้องรวมตัวกันร่วมคิดร่วมทำในข้อ ๓ คือ
สังคมธรรม มิฉะนั้นความรุนแรงที่ระงับไปชั่วคราวจะกลับมาใหม่
คนไทยต้องปฏิรูปประเทศไทยให้เกิดความเป็นธรรมทุกด้าน


ธรรมเป็นใหญ่ ธรรมมีอำนาจที่สุด
ขอให้คนไทยทุกฝ่ายมีศรัทธาในธรรม
ใช้ธรรมปฏิปทาให้สมบูรณทั้ง ๓ ประการ คือ
สันติธรรม นิติธรรม และสังคมธรรม


ขอให้จุดเทียน แห่งธรรมให้ส่องสว่างทั้งแผ่นดิน
ธรรมวิชัยจะทำให้ไทยก้าวข้ามมิคสัญญีกลียุค
ไปสู่สังคมสันติสุขศรีอาริยะได้