Custom Search

Apr 23, 2010

สบายๆสไตล์สีกากี : บูชาเทพเจ้ากวนอู กับ "พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร"

ทีมข่าวรายงานพิเศษ : เรื่อง นัทพล ทิพย์วารีอมร : ภาพ
คม ชัด ลึก


ภายในสำนักงานผู้บังคับการ กองปราบปราม

การกระทำผิดต่อเด็กเยาวชนและ สตรี (ปดส.)
ริมถนนพหลโยธิน มีผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียน
เข้าไปร้องขอความช่วยเหลืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


จนบางครั้งถึงกับ เกิดความวุ่นวายเมื่อเรื่องถึงหูสื่อมวลชน
กระนั้น "พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร" ผบก.ปดส.
ก็ยังเจียดเวลาอันแสนยุ่งเหยิงมาพูดคุยกับ "คม ชัด ลึก"
ถึงวันสบายๆ สไตล์สีกากี ที่ส่วนใหญ่จะเน้นไป
ที่การกราบไหว้บูชาและศรัทธาตั้งมั่นดำเนินรอยตาม
"เทพเจ้ากวนอู" เทพแห่งความซื่อสัตย์
ตามความเชื่อของคนจีนนั่นเอง

เพียงก้าวผ่านประตูห้องทำงานรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูใบหน้าสีแดงเข้ม
น่าเกรงขามทว่าสง่างาม ตั้งเด่นอยู่
และยังมีอยู่ตามมุมต่างๆ รวมแล้ว 4 องค์ใหญ่
"ใครไม่แน่จริงอย่าไหว้เทพเจ้ากวนอู
เพราะเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์
ซื่อตรงเป็นตัวแทนแห่งความกล้าหาญ ใครบูชา
และดำเนินรอยตามได้คนผู้นั้นจะมีความเจริญ
ตรงกันข้ามใครโกงกิน ไม่มีความซื่อสัตย์
ก็จะต้องถูกลงโทษร้อยเท่าพันเท่าเช่นกัน"
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ เอื้อนเอ่ยทักทายอย่างอารมณ์ดี

เมื่อ 35 ปีก่อนครั้งยังเป็นนักศึกษา
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 2516
นายวิสุทธิ์สนใจใคร่รู้และชื่นชอบในประวัติศาสตร์
ความกล้าหาญและซื่อสัตย์ ของเทพเจ้ากวนอู
จากหนังสือแปลจากต้นฉบับภาษาจีน
ทำให้รู้ถึงความเป็นมาของแม่ทัพผู้ปราบโจรผู้ร้าย
และผู้หาประโยชน์ในทางมิ ชอบ จนได้เป็นเทพเจ้า
กระทั่งเก็บเอาไปฝันว่าตัวเองเคยเป็น
ทหารเอกของกวนอูเมื่อตื่นขึ้นมาจึง
อธิษฐานว่าหากความฝันเป็นจริง
ขอให้ได้เทพเจ้ากวนอูมาบูชา โดยไม่ต้องซื้อหา
ครั้นแล้วในวันเกิดของพ่อในปีเดียวกันนั้นเอง
มีคนนำเทพเจ้ากวนอูขนาด 12 นิ้วจากประเทศจีน
มามอบให้เป็นของขวัญวันเกิด แล้วพ่อก็มอบต่อให้แก่วิสุทธิ์
ซึ่งเจ้าของบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก
แทนที่พ่อจะให้พี่ชายคนโตกลับให้เขา
ทั้งที่เป็นลูกคนที่ 6 จากทั้งหมด 8 คน เป็นผู้ชาย 5 ผู้หญิง 3
นับตั้งแต่นั้นมาวิสุทธิ์มีโอกาสบูชาเทพเจ้ากวนอู
จากญาติสนิทมิตรสหายที่นำ มามอบให้จน
เข้ารับราชการตำรวจ รวมแล้วทั้งที่บ้านและ
ที่ทำงานมีเทพเจ้ากวนอูองค์เล็ก
องค์ใหญ่ ทรงม้า ทรงมังกร ฯลฯ
กว่า 30 องค์ นอกจากนี้
ยังพกเหรียญเทพเจ้ากวนอูไว้ในกระเป๋าสตางค์
เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ
ถึงความซื่อสัตย์อยู่ตลอดเวลาด้วย
"เทพเจ้ากวนอูอยู่ในใจผมตลอด ทุกครั้งที่ทำงาน
เข้าไปจับกุมคนทำผิดกฎหมาย ผมไม่เคยเกรงกลัวใคร
หลายครั้งเหมือนกันที่ไปกระทบผู้ใหญ่ ถูกเด้ง
แต่ถ้าทำด้วยความซื่อสัตย์แล้ว
อย่ากลัวงานที่ทำจะเป็นเกราะป้องกันเราเอง"

ในวิกิพีเดียให้คำนิยาม "เทพเจ้ากวนอู" เอาไว้ว่า
กวนอูเป็นหนึ่งในห้าทหารเสือแห่งจ๊กก๊ก
และน้องร่วมสาบานคนรองของเล่าปี่และเตียวหุย
หน้าแดงเหมือนผลพุทราสุก
จักษุเรียวงามคล้ายนกการเวก
คิ้วโก่งดั่งตัวหนอนไหม หนวดเคราสีดำงามยาวละเอียด
มีง้าวมังกรเขียวยาว 8 ศอก หนัก 82 ชั่งจีนเป็นอาวุธคู่กาย
ร่วมต่อสู้กับเล่าปี่ตลอดชีวิตต่อสู้ด้วย
ความจงรักภักดี คุณธรรม และความกล้าหาญ
ถึงจะพ่ายแพ้ศึก และยอมเป็นข้ารับใช้โจโฉ
แต่ใจก็ยังคงภักดีต่อเล่าปี่เพียงผู้เดียว
สร้างชื่อเสียงลือไกลด้วยการสังหารฮัวหยง
แม่ทัพของตั๋งโต๊ะโดยสุรายังอุ่นๆ อยู่
เอาชนะงันเหลียงและบุนทิว 2 แม่ทัพของอ้วนเสี้ยว
ฝ่า 5 ด่าน สังหาร 6 แม่ทัพของโจโฉ
และยังครองใจผู้คนไม่ว่าเลียวฮัวและจิวฉอง
รวมถึงเตียวเลี้ยวแม่ทัพของโจโฉและฮองตง
ที่แม้เคยเป็นศัตรู ขี่ม้าเซ็กเธาว์อาชาชั้นยอดของลิโป้

ต่อมาได้เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วอยู่ร่วมกับ
กวนเป๋งบุตรบุญธรรมกับจิวฉอง
ภายหลังถูกแผนกลยุทธ์ของลกซุนและลิบองฆ่าตาย
แต่ถึงจะตายไปก็ยังทำให้ลิบองตายตามไปด้วย
หลังจากนั้นก็ได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์
หลายคนอาจหาเวลาไปไหว้พระทำบุญตักบาตร
ช่วงวันพระหรือเทศกาลสำคัญ แต่สำหรับ ผบก.ปดส.
แบ่งเวลาช่วงเช้าอันเงียบสงบอยู่ในห้องพระ
กราบไหว้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ตั้งจิตแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่และผู้มีพระคุณ
แล้วจึงบูชาเทพเจ้ากวนอู
หากวันไหนมีปัญหาก็จะใช้เวลาอยู่ในห้องพระนานหน่อย
ขอพรจากเทพเจ้ากวนอูให้ปัญหาคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
เป็นเช่นนี้เสมอ จนกลายเป็นกิจวัตรสบายๆ
สไตล์สีกากีที่คนรอบข้างต่างก็รู้ดี

"ผมจับทุกอย่างที่พบว่าเป็นการกระทำผิด
ทุกวันนี้ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนนับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเป็นมือปราบจั่นเจา มือปราบน้องแนท
มือปราบปักเป้า มือปราบค้ามนุษย์
มือปราบเปาบุ้นจิ้น มือปราบแรมโบ้ 2 มือปราบเทปผีซีดีเถื่อน
เยอะมากผมจำไม่ได้แล้ว"
พล.ต.ต.วิสุทธิ์กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ท่ามกลางฉายามากมายนี้
นายตำรวจชื่นชอบฉายามือปราบปักเป้ามากที่สุด
เขาให้เหตุผลว่าเป็นเพราะปลาชนิดนี้อันตรายมาก
คนไทยไม่รู้ ไม่มีใครให้ความสนใจ
จึงคิดเพียงว่าต้องทำงานตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
และเมื่อตายไปก็อยากทำคุณต่อประเทศชาติ
จึงบริจาคร่างกายให้สภากาชาดไทย
เอาไว้ทำประโยชน์ให้แก่นักศึกษาแพทย์ต่อไป
...กลิ่นไม้หอมและเครื่องบูชามาลัยดอกมะลิฟุ้ง
อบอวลมาจากรูปปั้นไม้หอมแกะ
สลักเทพเจ้ากวนอูขนาดเท่าคนจริงในท่านั่งชันเข่า
มือขวาถือดาบ เด่นสง่าอยู่ในห้องทำงานผบก.ปดส.
หนวดและเคราทำมาจากผมจริง
เสมือนเป็นเครื่องย้ำเตือนความซื่อสัตย์ของผู้เคารพบูชา

ล้อมกรอบ
ประวัติกวนอู
เดิมทีแผ่นดินจีน เป็นสุขมาช้านานแล้วเกิดศึ
ครั้นศึกสงบแล้วก็เป็นสุข เป็นวัฏจักรวนเวียนมา
จวบจนสมัยพระเจ้าเลนเต้ เกิดขบถโจรโพกผ้าเหลือง
เล่าปี่ซึ่งมีเชื้อพระวงศ์ฮั่นได้พบกับเตียวหุยและกวนอูเกิดต้องชะตากัน
จึงทำพิธีสาบานเป็นพี่น้องร่วมสาบานในสวนดอกท้อ
ออกปราบโจรโพกผ้าเหลือง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมากวนอูก็สวามิภักดิ์ซื่อสัตย์ภักดีต่อเล่าปี่เรื่อยมา

ต่อมาโจโฉสถาปนาตัวขึ้นเป็นมหาอุปราช
เล่าปี่รวบรวมสมัครพรรคพวกคิดกำจัด
แต่แผนแตกทำให้เล่าปี่และเตียวหุยต้องหลบหนีไป
ส่วนกวนอูอยู่รักษาครอบครัวเล่าปี่ที่เมืองแห้ผือ
โจโฉเข้าเกลี้ยกล่อม กวนอูยอมเข้าด้วยโจโฉแต่มีข้อแม้อยู่ 3 ประการคือ
1.จะอยู่รับใช้พระเจ้าเหี้ยนเต้มิใช่โจโฉ
2.ขออยู่รับใช้พี่สะใภ้ทั้งสองมิให้ใครกล้ำกราย
3.หากรู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่ไหนจะรีบไปหาโดยไม่รีรอ

ระหว่างนี้โจโฉเอาใจแต่งโต๊ะเลี้ยงทุกวันมิได้ขาด
เพื่อหวังให้กวนอูลืมเล่าปี่ วันหนึ่งได้ยกม้าเซ็กเธาว์ให้
กวนอูดีใจนัก ด้วยคิดว่าจะได้รีบไปหาเล่าปี่ได้เร็วขึ้น
และเมื่อได้ข่าวพี่ใหญ่กวนอูจึงพา
ครอบครัวเล่าปี่หักด่านรายทางไปหาจนได้

ครั้งหนึ่งโจโฉคิดกำจัดซุนกวนซึ่งกำลังเป็นใหญ่ทางใต้
จึงยกทัพเรือลงไปปราบปราม แต่ถูกอุบายให้ผูกเรือเป็นแพติดกัน
เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารที่ชำนาญแต่การรบบนพื้นดินเกิดเมาคลื่น
สุดท้ายถูกเผาจนแตกทัพเรือ
โจโฉหนีไปทางไหนก็เจอแต่ทหารของซุนกวนและเล่าปี่
สกัดกั้นไว้ทุกทางคับขัน ยิ่งนัก
กระทั่งไปพบทางเข้าลำกุ๋นซึ่งเป็นซอกเขาเล็กๆ
พอพ้นก็หัวเราะขึ้นว่าหากขงเบ้งให้คนมาคุมอยู่ด้านนี้
เห็นตัวจะมิรอดแน่ ครั้นแล้วก็ได้ยินเสียงประทัด
กวนอูยืนถือง้าวสกัดหน้าอยู่
โจโฉเห็นท่าจะมิรอดแน่เพราะมีทหารเหลือติดมาแค่
ร้อยเศษจึงอ้อนวอนให้กวนอู ปล่อยตัว
กวนอูนึกถึงสมัยโจโฉเลี้ยงดูนึกสงสารจึงปล่อยตัวไป
ด้วยวีรกรรมทั้งสองเรื่องนี้เองที่ทำให้
กวนอูได้ชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ซื่อตรง !