Custom Search

Apr 22, 2009

ประชุมต่อต้านการเหยียดผิวของยูเอ็นล่ม


นิติภูมิ นวรัตน์
เปิดฟ้าส่องโลก
ไทยรัฐ
23 เมษายน 2552

ผู้อ่านท่านครับ ผมไม่ค่อยเชื่อน้ำยาการประชุมต่างๆ
ของสหประชาชาติ เท่าที่ผ่านมาหลายสิบปี
ผมเห็นมีแต่พูดๆๆๆ และทุกอย่างก็ NATO
คือ No Action, Talk Only มีแต่พูด แต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติ
ประเทศใหญ่ทรงอิทธิพลก็ยังคงมีอำนาจเหนือประเทศเล็กชาติน้อย
กฏเกณณฑ์ที่ออกมาใช้บังคับกับประเทศเล็กชาติน้อยเท่านั้น
สำหรับชาติใหญ่ หรือกลุ่มประเทศตะวันตกที่ชุมนุมสุมหัวรวมตัวกันได้เป็นกลุ่มเป็นก้อน
ยูเอ็นไม่เคยมีน้ำยากับกลุ่มประเทศพวกนี้ให้เห็นเป็นรูปธรรมสักที

ทว่า มีการประชุมหนึ่ง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก นั่นคือ
การประชุมว่าด้วยการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติของสหประชาชาติ ซึ่ง พ.ศ. ๒๕๕๒
ปีนี้ จัดที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เห็นชื่อหัวข้อการประชุม
ทุกประเทศก็น่าจะมาประชุมสุมหัวกันโดยพร้อมเพรียงกันใช่ไหมครับ
เพื่อให้โลกน่าอยู่ขึ้น เพราะการประชุมอย่างนี้จะนำไปสู่การปฏิบัติต่อมนุษย์
ทุกผู้ทุกนามบนโลกนี้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ
อย่าเอาเรื่องสีผิวและเชื้อชาติมาเป็นข้ออ้าง
ไม่เฉพาะสีผิวและเชื้อชาติเท่านั้นนะครับ
สิ่งที่ไม่ควรนำมาใช้ในการตัดสินมนุษย์ด้วยกันเลยก็คือ เพศ ภาษา ศาสนา
ความคิดเห็นทางการเมือง ทรัพย์สินเงินทอง ชาติกำเนิด ฯลฯ
หลายสังคมบนโลกใบนี้ เอาเรื่องอย่างนี้มาอ้าง
ทำให้ผู้คนบางพวกมีแต่โอกาส บางพวกก็ไร้โอกาส

ผมชมนายบารัค โอบามา ในเรื่องอื่นๆ แต่เรื่องการกระชุมว่าด้วยการเหยียดสีผิวฯ
นิติภูมิขอประณามหยามหมิ่นนายโอบามา
ทั้งที่แกมีชาติกำเนิดเกิดมาเป็นคนผิวสี
สังคมอเมริกันให้โอกาสจนทำให้โอบามากลายเป็นผู้นำชาติอันดับ ๑ ของโลก
ทว่าโอบามาคนเดียวกันนี้นี่แหละ ที่โผล่หน้าออกมาแถลงเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว
ว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่เข้าร่วมประชุมว่าด้วยการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติครั้งนี้
ผมเองทราบตอนลงจากเครื่องบินกลับมาจากจังหวัดกระบี่ ยังนึกในใจเลยครับว่า
ถ้าอเมริกาไม่เข้า ก็ต้องมีชาติสมุนอีกหลายชาติทำตาม
แล้วก็จริงครับ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์
และโปแลนด์ ประกาศตามอเมริกาว่าจะไม่เข้าร่วม

ประเทศพวกนี้กลัวว่า ชาติมุสลิมซึ่งมีจำนวนมากกว่า
จะใช้เวทีนี้โจมตีอิสราเอล ชาติรัฐลูกรักของอเมริกาและตะวันตก
นอกจากนั้นยังกลัวว่า ประเทศมุสลิมทั้งปวงจะออกแถลงการณ์ร่วมไปในทาง
ห้ามไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาอิสลาม
สหรัฐอเมริกาห่วงอิสราเอลมากซะจนไมยอมให้ความสำคัญ
กับมนุษย์จำนวนหลายร้อยล้านคนที่ต้องทุกข์ทรมานกับการถูกเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ
จึงไม่เขาร่วม

แต่ก่อนตอนโน้น ผมก็ไม่เคยทราบนะครับ
ว่าจะมีมนุษย์บนโลกของเราใบนี้ทุกข์ทรมานจากการ
ถูกเหยียดผิวและเชื้อชาติมากขนาดไหน
จนกระทั่งเมื่อนิติภูมิได้รับชวนให้ไปนั่งเป็นประธาน
“การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณาร่างรายงานประเทศ
ตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (ร่างที่ ๕)
ซึ่งจัดตามพันธกรณีข้อ ๙ ของอนุสัญญาฯ”
ในความรับผิดชอบของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็เลยสนใจปัญหานี้และพบว่าเป็นปัญหาของมนุษยชาติ
ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ผู้อ่านท่านที่ตามข่าวการประชุมนี้ทางหน้าจอโทรทัศน์หรืออินเตอร์เน็ต
ก็คงเห็นจากข่าวแล้วนะครับว่า เมื่อนายมะห์มูด อะห์มาดิเนจัด
ประธานาธิบดีอิหร่านขึ้นกล่าวสุนทรพจน์
บรรดาตัวแทนของของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปต่างก็วอร์คเอาท์
บอยคอตต์ด้วยการเดินออกจากห้องประชุมทันที

อาจจะเป็นเพราะนายอะห์มาดิเนจัดแกเป็นคนพูดแรงเกินไปหน่อย
แกเคยบอกว่า การที่นาซีฆ่ายิวในสงครามโลกครั้งที่ ๒ นั้นเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้น
แกเคยวิจารณ์รัฐบาลอิสราเอลว่าเป็นรัฐบาลเหยียดผิว
เพราะเหยียบย่ำปาเลสไตน์ แถมยังบอกว่า
อิสราเอลมีระบบการปกครองที่อำมหิตและเหยียดผิว
บั้นปลายท้ายที่สุด นายอะห์มาดิเนจัดก็ออกมาเรียกร้อง
ให้โลกลบแผนที่อิสราเอลออกจากแผนที่โลก

สหประชาชาติเป็นองค์กรเสือกระดาษ เกรี้ยวกราดเอาเรื่องได้เฉพาะชาติเล็กประเทศน้อย
เมื่อผู้อ่านท่านเห็นการแบ่งฝ่ายของประเทศในโลกใบนี้แล้ว
ท่านก็สามารถจะเข้าใจได้ว่า โลกใบนี้มีแต่ความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย
แบ่งพรรคแบ่งพวก คนไหนพวกข้า พวกนี้ถูกตลอด ทำอะไรก็ถูก
คนไหนไม่ใช่พวกข้า ทำอะไรก็ผิดหมด