Custom Search

Apr 11, 2009

ไปประท้วงที่อังกฤษ

Protesters take to the streets in Britain to decry climate change after record heatwave

South China Morning Post


ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
มติชน
วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552

ก่อนเริ่มเรื่อง ผมต้องยืนยันว่า บทความนี้ไม่ได้หวังผลทางการเมือง
หรือต้องการยกระดับการชุมนุมของเราให้ถูกหลักสากล แม้ว่าผมจะเคยใช้ชีวิตอยู่
ในต่างประเทศช่วงหนึ่ง แต่นิสัยยังเป็นคนไทยแท้แต่โบราณ ผมชอบเที่ยวและผมชอบมุง

นิสัยช่าง เที่ยวและนิสัยชอบมุงของผม นำพาให้เกิดเรื่องราวดังต่อไปนี้ โดยเริ่มต้นที่ใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ผมมาที่นี่เพื่อหวังเที่ยวเพียงประการเดียว ไม่ได้สนใจอยากมาดูบ้านใคร อีกทั้งยังไม่ได้คิดอยากติดตามคณะท่านนายกฯ ที่บังเอิญมาประชุม G20 ในช่วงเวลาเดียวกัน

ลอนดอนวันที่การประชุมจะเริ่มต้น เป็นลอนดอนที่ไม่เหมือนลอนดอน ขนาดหลานผมผู้ร่ำเรียนอยู่ที่นี่ ยังยืนยันมั่นคง อาธรณ์โชคดี วันนี้ฟ้าใสสว่างเป็นสีฟ้าสวย ไม่มีเมฆสักก้อน ลอนดอนปรกติเป็นเมืองในหมอก มีฝนตกพรำ ไม่ใช่กระจ่างตาเช่นวันนี้

เมื่อเรามีโชคก็ควรใช้ให้คุ้มค่า ผมจึงลากสาวน้อยข้างกาย มุ่งหน้าไปให้ทั่วกรุงลอนดอน หมายจะเก็บภาพสถานที่สำคัญให้ครบ จะได้นำกลับมาเขียนหนังสืออ่อยให้คุณซื้อไปอ่าน ผมเริ่มต้นที่สถานีรถไฟฟ้า จัดแจงซื้อตั๋ว Day Pass ราคา 5.6 ปอนด์ ขึ้นได้ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินและรถเมล์ฟรีตลอดวัน ก่อนนั่งรถไฟฟ้าไปสถานี Westminster ที่นี่ถือเป็นย่านรวมพลคนเที่ยวลอนดอน เพราะอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ ริมตลิ่งคือมหาวิหาร Westminster และหอนาฬิกา Big Ben ฝั่งตรงข้ามคือลอนดอยอายกระเช้าสวรรค์ขนาดยักษ์

บรรยากาศแบบท่อง เที่ยวเฮฮา เปลี่ยนเป็นดุเดือดเลือดหยด (ไม่ถึงกับพล่านเหมือนเมืองไทย) เพราะสนามหญ้าหน้าวิหารมีกลุ่มผู้ประท้วงมารวมตัวกัน เป็นการนัดชุมนุมของนักประท้วงทั่วโลก บ้างก็มาประท้วงเรื่องทมิฬในศรีลังกา บ้างก็มาเพราะตกงานวุ้ย ยังมีพวกมาเพื่อเพื่อนมนุษย์ ประท้วงการบุกอิรัคของอเมริกา อีกฝ่ายมาเพื่อเพื่อนแมวน้ำ ประท้วงการตีกบาลลูกแมวน้ำของแคนาดา ดูแล้วเร้าใจใฝ่ฝัน จนสาวน้อยข้างกายผู้ติดนิสัยรักการชุมนุม (แบบสงบสันติ) เตรียมใจลากผมไปร่วมวงกับเค้า เธอเลือกฝ่ายแมวน้ำครับ เพราะลูกแมวน้ำขนฟู ลูกแมวน้ำไม่ควรถูกตีกบาล นั่นคือเหตุผลของเธอ แต่เหตุผลของผมคือไม่ มาเที่ยววุ้ย ไม่ได้มาประท้วง

เราถ่ายภาพได้ งามหยดติ๋ง จนเสร็จสรรพจากมหาวิหารและบิ๊กเบน ตรงต่อไปที่ Tower Bridge และ Tower of London ที่นี่ก็งามหยดเช่นกัน โดยเฉพาะโคตรเพชรประดับคฑาและมงกุฎของราชินีแห่งอังกฤษ แต่ละเม็ดเห็นแล้วเท่าไข่ไก่ของจริง หลังจากวนดูเพชรอยู่ห้าเที่ยว ผมเห็นว่า สมควรต่อเวลา เราควรมุ่งหน้าไปมหาวิหารเซนต์ปอล ถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายสำหรับการถ่ายภาพ

เหตุการณ์เริ่มชุลมุนเมื่อ กลุ่มผู้ประท้วงขยายวงไปตามจุดต่างๆ เสียงรถตำรวจดังลั่นตลอดเวลา บนฟ้าก็มีเฮลิคอปเตอร์ ไม่ได้บินวนเวียนเหมือนบ้านเรา แมลงปอเหล็กบ้านเขาลอยนิ่งอยู่กับที่ เรียกว่าใครชุมนุมที่ไหน มีเฮลิคอปเตอร์ลอยสังเกตการณ์อยู่เบื้องบนตลอด แต่ผมก็ไม่เดือดร้อน เพราะเรามุดลงใต้ดิน ใช้รถไฟฟ้ามุ่งหน้าตรงไปสถานี St. Paul"s โดยกะจะแวะเปลี่ยนรถไฟฟ้าระหว่างทาง แต่รถไฟฟ้าดันไปไม่ถึงสถานีเป้าหมาย เพราะมีสถานีคั่นกลาง เรียกว่าสถานีธนาคาร Bank Station เค้าดันปิดสถานีนี้ ผมเลยต้องขึ้นมาบนดินอีกครั้ง กะเดินตะลุยไปโบสถ์ยักษ์ แต่พอออกจากตรอก จู่ ๆ ก็มีผู้คนมารวมตัวกัน แต่ละคนมองดูแล้วประหลาดดีแท้ แต่งกายไม่ค่อยเหมือนชาวลอนดอนทั่วไป มีผ้าพันคอคล้องไว้ ถึงเวลาเมื่อไหร่จะยกขึ้นมาปิดปาก (นักประท้วงที่นี่ไม่สวมหัวไอ้โม่งเหมือนบ้านเรา เข้าใจว่า สวมเมื่อไหร่มีหวังโดนตำรวจล้อคคอทันที)

สาวน้อยเอาอีกแล้วครับ เธอลากผมเดินตามไปดู ผมก็กะว่าจะเข้าไปจอยสักนิด ตามประสาคนไทยชอบมุง พอเข้าไปใกล้ เริ่มเห็นคนมารวมกันเป็นร้อย ส่งเสียงเฮ ๆ นั่นก็ไม่เท่าไหร่ คนเป็นหมื่นเราก็เคยจอยมาแล้ว แต่สักเดี๋ยวผู้คนเริ่มถอยกรูด ผมชะเง้อมองไปข้างหน้า เห็นตำรวจยืนหน้ากระดานตั้งโล่ขวางทาง เริ่มมีขวดน้ำปลิวไปหาตำรวจ ฝูงชนก็เฮหนักขึ้น เราเลิกมุงดีกว่า เค้าประท้วงเรื่องอะไรยังไม่รู้เลย จะเข้าไปจอยทำไมฟุ้ย

พอหันหลัง กลับ ผมสะดุ้งเฮือก ข้างหลังที่เคยเป็นถนนโล่ง ตอนนี้ไม่โล่งแล้วครับ มีคุณตำรวจยืนเรียงหน้ากระดานเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วข้อยจะไปทางไหนล่ะวุ้ย ผมเห็นตรอกเล็กข้างทาง จึงลากสาวน้อยผู้ส่งเสียงแจ๋ว ๆ อย่าฆ่าแมวน้ำนะ พาคุณเธอเข้าตรอก ก่อนชะงักอีกครั้ง ตำรวจมาอีกแล้วครับ ยืนเรียงแถวกันไว้ทุกทาง อย่างนี้เค้าเรียกว่าหนูติดกับ 

ผมไม่ใช่ หนู แถมยังไม่ใช่นักประท้วง เป็นแค่คนมามุงเฉย ๆ แต่คุณตำรวจเค้าไม่แยกแยะน่ะสิครับ ผมเห็นคนที่พยายามเดินผ่านไป โดนผลักกระเด็นกลับเข้ามา เฮ้ย...อย่างนี้โหดวุ้ย ไม่เห็นเหมือนบ้านเราเลย แล้วเราจะทำยังไงดีเอ่ย ? อันดับแรก ต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ขอเชิญสาวข้างกายไปเสนอหน้ายืนใกล้คุณตำรวจ เพื่อถ่ายภาพกลับมาขายหาตังค์ ด้วยใบหน้าและเครื่องแต่งกายของคุณเธอ ผมเชื่อว่า ตำรวจคงไม่คิดตีกบาลเธอลับหลัง 

สาวทำตามแบบไม่มีอาการขัดข้อง คาดว่าคงคิดอยากเสนอหน้าอยู่แล้ว คุณเธอยังแถมการยกสองนิ้วให้กล้อง เล่นเอาผู้ชุมนุมอยู่ข้างๆ เลิกตะโกนโวยวาย เปลี่ยนใจมาเป็นหัวเราะก๊าก ถือเป็นการผ่อนคลายบรรยากาศ จากนั้นผมก็ลากสาวมายืนที่มุมตึก

จากการ สังเกตของผม ตำรวจอังกฤษผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี เตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมทุกประเภท จะมีคนคอยออกคำสั่งเสียงดัง ตำรวจยืนหน้ากระดาน เดินเข้ามาทีละสามก้าว บีบล้อมผู้ชุมนุมให้อยู่ตรงกลาง จากนั้นจะใช้วิธีโจมตีแบบไม่รู้ตัว ตั้งแถวหน้ากระดานซอยกลุ่มผู้ชุมนุมออกเป็นหมู่เล็กหมู่น้อย ก่อนหาทางรวบตัวหัวโจกที่เอะอะโวยวายเป็นพิเศษ การซอยกลุ่มผู้ประท้วงทำได้เนียนมาก จนผู้ประท้วงหลายร้อย เหลือแค่กลุ่มย่อยเพียงไม่กี่สิบ กระจายเป็นหมู่ ๆ ส่วนทางอื่นเค้าก็เอารถมาขวางไว้บ้าง ใช้ตำรวจกั้นตามตรอกบ้าง คนที่จะคิดเข้าไปสนับสนุนก็ไม่มีทางเข้า แต่คนที่อยากออกจากการชุมนุมเช่นผม ก็ดันไม่มีทางออกเช่นกัน

หลังจาก ยืนดูอยู่ครู่ ผมตัดสินใจ เราไม่มีทางเดินฝ่าตำรวจไปได้ ทำอย่างนั้นยิ่งหาเรื่องใส่ตัว เทคนิคที่ควรทำคือยืนนิ่งริมตึก รอให้แถวตำรวจเคลื่อนเข้ามาหา พอคุณตำรวจพุ่งเข้ามาใกล้ ผมจัดแจงผลักแฟนไปข้างหน้า ถึงเวลาน้องต้องปกป้องพี่ ถึงพี่จะบึกแค่ไหน ขืนอัดกับตำรวจทั้งแถวมีหวังซี้แหง ขอน้องจงทำท่ายิ้มตาหยี ก่อนส่งภาษาออกไป คนไทยค่ะ ขอทางออกหน่อยนะคะ (พูดภาษาไทยทั้งดุ้น เพื่อยืนยันว่าเป็นคนไทยจริง) วิธีการนี้ดูแล้วไม่น่าได้ผลเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมเชื่อมั่นในท่ายิ้มตาหยีของเธอ เพราะขนาดผมเองยังพ่ายแพ้ต่อท่านี้มาไม่รู้กี่ที ตำรวจอังกฤษจะใจแข็งให้มันรู้ไป

แล้วมันก็รู้ไปครับ ด้วยท่ายิ้มตาหยี สาวน้อยสามารถลากผมผ่านด่านวงล้อมตำรวจ ขณะที่หนุ่มอังกฤษที่หวังมั่วนิ่มเดินตามเรามา ถูกผลักกระเด็นกลับไป พอหันกลับไปดู ผมเห็นขวดน้ำบินว่อน ก่อนเสียงคนเฮ ตามด้วยเสียงตำรวจร้องสั่งการดังลั่น เหตุการณ์ชุลมุนดังภาพข่าวที่ปรากฏในทีวีทั่วโลก มีคนโดนตีหัวแตก ถูกจับไปหลายสิบ ยังมีคนเสียชีวิตเพราะถูกผลักล้มตีลังกา (ก่อนหัวใจวายตายภายหลัง)

เรื่องราวทั้งหมดนี้ ไม่ได้ต้องการเปรียบเทียบฝีมือตำรวจไทยกับตำรวจอังกฤษ หรือต้องการสอนเทคนิคให้แก่ม็อบใดทั้งสิ้น ผมเขียนขึ้นด้วยเหตุผลสองประการ อย่างแรกคือข้าพเจ้ายังอยู่ในลอนดอน แถมนับนิ้วผิด ลืมวันส่งต้นฉบับ จึงจำต้องส่งงานข้ามโลก อีกประการหนึ่งคือยิ้มสยามผ่านการพิสูจน์แล้ว สามารถใช้ได้ในภาวะวิกฤตทั่วโลก

คนไทยยังยิ้มให้คนอังกฤษได้ แล้วคนไทยไม่คิดจะยิ้มให้คนไทย เพื่อให้วิกฤตครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดีหรือครับ
 

หน้า 8