Custom Search

Dec 10, 2010

ลัดฟ้า..เยือนถิ่นเกิด"มัตสึชิตะ"ยลของ ใช้ยุคบุกเบิก

ไทยรัฐออนไลน์
11 ธันวาคม 2553


รูปปั้นนายโคโนสุเกะ มัตสึชิตะ หน้าสำนักงานใหญ่พานาโซนิค

พลันที่ต้องเก็บกระเป๋าลัดฟ้าจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
ด้วยภารกิจร่วมชมความเก่าแก่ของแหล่งกำเนิดเครื่องใช้ไฟฟ้า
ภายใต้ชื่อ "เนชั่นแนล พานาโซนิค"

ที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยมานาน แม้การเดินทางต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง
แต่ เหลือเชื่อ ทันทีที่มาถึงสนามบินนานาชาติคันไซ ในโอซากา
ที่ตั้งอยู่บนเกาะซึ่งสร้างขึ้นมาจากขยะที่ถูกนำมาบีบอัดจนแน่นก่อนถมจนกลาย
เป็นแผ่นดิน
ความรู้สึกดีๆไม่เคยเปลี่ยนแปลง
โดยเฉพาะเรื่องของการอำนวยความสะดวก

ให้ผู้โดยสารที่ลงเครื่องมา
ที่มีรถรางไฟฟ้าไปส่งถึงในอาคาร
ไม่ต้องเดินยาวให้เมื่อยขาเครื่องทำความร้อนรุ่นคุณปู่ที่ผลิตมาใน ค.ศ.1927


มาถึงปุ๊บก็ทำงานปั๊บ จุดแรกที่ไปเยือนคือโคโนสุเกะ มัตสึชิตะ มิวเซียม
ตั้งอยู่ในสำนักงานใหญ่พานาโซนิค คอปอร์เรชั่น
ที่จัดแสดงเครื่องใช้ ไฟฟ้ารุ่นคุณปู่ยี่ห้อเนชั่นแนล
ที่คนไทยคุ้นเคย ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น พานาโซนิค ที่มีความหมายว่า
แหล่งรวมเสียง เตารีด พัดลม วิทยุเทป บางชิ้นเห็นแล้ว
ยังจำได้ว่าสมัยเด็กเคยเห็นปู่ย่าใช้กันอยู่
แต่บางชิ้นนี่สิ มองแทบไม่ออกว่า ไม่บอกไม่รู้หรอกว่าคือ
ฮีตเตอร์ หรือเครื่องทำความร้อน ในปี 1927
ที่เวลาใช้งานต้องตั้งไว้ใต้โต๊ะแล้วเอาผ้าคลุมเพื่อให้ความร้อนกระจายออกมา

นอกจากนี้ ยังมีวิทยุเครื่องแรกปี 1931
ทีวีขาวดำ ปี 1952 ทีวีสี ปี 1960
และเครื่องซักผ้าหน้าตาแปลกๆ ที่เผยโฉมครั้งแรกเมื่อปี 1952

สาธิตการใช้งานทีวีในอนาคต รับคำสั่งจากสัญญาณมือ

ท่านภัณฑารักษ์ยังเล่าผ่านล่าม ถึงประวัติของ นายโคโนสุเกะ มัตสึชิตะ
ผู้ก่อตั้งเนชั่นแนลและพานาโซนิค สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก
เพราะครอบครัวประสบปัญหาทางธุรกิจ จึงได้เรียนแค่ ป.4
ก็ต้องทำงานตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนอายุ 23 ปี ใน ค.ศ.1918
เริ่มเปิดบริษัทอุปกรณ์ไฟฟ้า ในชื่อ "มัตสึชิตะ อิเล็คทริก"
ผลิตขั้วหลอดไฟฟ้า 2 หัว และไฟหน้ารถจักรยาน
ตลอดช่วงชีวิตของนายโคโนสุเกะ

ได้สรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และใน ค.ศ.1961
มีการก่อตั้งโรงงานเป็นครั้งแรกในไทย ผลิตแบตเตอรี่ ทีวี วิทยุเนชั่นแนล
ในย่านสำโรง จ.สมุทรปราการ

ที่คนไทยคุ้นเคยชื่อนี้เป็นอย่างดี
กระทั่ง นายโคโนสุเกะเสียชีวิตในปี 1989 รวมอายุไ
ด้ 94 ปี


วัดอาซากุสะ วัดเก่าแก่ชื่อดังในกรุงโตเกียว


ชมพิพิธภัณฑ์เสร็จ ก็เป็นช่วงชมเมือง โอซากา
ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งสายธาร เพราะเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง
เป็นนครพันสะพาน เนื่องจากมีสะพานเกือบพันแห่ง แม่น้ำและสะพานเหล่านี้
เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและวัตถุดิบเข้าออกโอซากา ซึ่งเป็นประตูส่งออก
ขณะที่เมืองโกเบ ห่างจากโอซากาไปทางทิศตะวันตกราว 33 กม.
ยังคงความงามในฐานะเมืองท่าเก่าแก่ แสงไฟบนหอคอยอ่าวโกเบ
ยามค่ำคืนสวยสะดุดตา ความสูงถึง 108 เมตร

นับเป็นจุดชมวิวยามค่ำคืนที่ดีมาก เพราะเห็นวิวได้ทั้งแม่น้ำและภูเขา
หอคอยอ่าวโกเบ จุดชมวิวสูง108 เมตร

จากนั้น คณะก็มุ่งหน้าหาอนาคต นั่งรถไฟหัวกระสุนชินกันเซ็น
จากโอซากามุ่งสู่มหานครโตเกียว ค่าโดยสาร
หากคิดเป็นเงินไทยประมาณคนละกว่า 4 พันบาท
รถวิ่งด้วยความเร็ว 250 กม./ชม. ประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ก็ถึง
พานาโซนิค เซ็นเตอร์ ศูนย์แสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
มีการสาธิตระบบทำงานของนวัตกรรมแห่งอนาคต eco Ideas House
บ้านในอนาคต ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์
ควบคุมพลังงาน อุณหภูมิ และแสงสว่างอัตโนมัติ
ทำให้ได้เห็นถึงความสุขสบาย Future Life Wallทีวีในอนาคต
จอภาพ 310 นิ้ว มีเซ็นเซอร์บนจอภาพรับคำสั่ง
จากการยื่นมือสั่งงานไปข้างหน้า เพื่อเข้าเมนูต่างๆ
ซึ่งเท่าที่ได้ทดลอง รู้สึกถึงความแปลกใหม่ดีเหมือนกัน
ป้ายไฟสินค้าในย่านซินไซบาชิ ที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูป
แน่นอน
มาถึงกรุงโตเกียวทั้งที ก็ต้องแวะเที่ยวย่านชินจูกุ
ถนนคนเดินเพลินกับการช็อปปิ้ง

ที่ได้เห็นจริงแล้ว ช่วงนี้มีแต่คนไทยทั้งนั้น
เพราะคนทำทัวร์นิยมพาลูกทัวร์

มาปล่อยไว้แถวนี้อย่างน้อยครึ่งวัน
ให้เดินกันจุใจ
คนไทยบางคนก็ดูจะตื่นเต้นตื่นตาไป
กับราคาราชาแห่งผลไม้ "ทุเรียน"

ที่วางขายอยู่ตรงมุมหนึ่งของถนน
โอ้โห ทุเรียนไทยส่งมาขายญี่ปุ่นตกลูกละ 5 พันเยน

หรือเกือบ 2 พันบาท ถัดจากร้านทุเรียนไม่เกิน 50 เมตร
เห็นว่ามีร้านขายวีซีดี ดีวีดี เปิดทีวีคาราโอเกะเพลงไทยไว้หน้า
ร้านเสียงดังฟังชัด ก็ว่าจะเดินไปดูผลงานศิลปินให้ชื่นใจสักหน่อย
แต่ก็ต้องมาสะดุดกึ๊กอยู่แถวๆนั้น
เมื่อรู้ว่ามันเป็นร้านเซ็กซ์ช็อปนี่หว่า อึ้งแต่ไม่ทึ่ง

เพราะนึกไม่ถึงพี่ยุ่นจะเล่นมุกนี้มาเรียกลูกค้าคนไทย
เครื่องซักผ้าและทีวีขาวดำเครื่องแรกของมัตสึชิตะ อายุ 60 ปี

ยังดีนะที่นอกจากช็อปแล้ว คนไทยที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น
ยังนิยมเข้าวัดไหว้พระด้วย
โดยอารามที่ทัวร์ไทยชอบไปกัน ก็มี วัดอาซากุสะ
ที่แขวนโคมไฟสีแดงขนาดยักษ์ไว้หน้าประตู
ทัวริสต์ไทยชอบมาไหว้พระขอพร ไกด์บอกว่า
เพราะเจ้าแม่กวนอิมที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก
คนญี่ปุ่นเองก็เคยแปลกใจที่เห็นคนไทยเข้าวัดแล้วร้องไห้
เพราะไม่นึกว่าจะได้มาเห็นสถานที่ที่เคยเห็นในฝันมาก่อน
แต่เมื่อ ถามว่าทัวร์ไทยไปญี่ปุ่นมากขนาดนี้
แล้วทัวร์ญี่ปุ่นล่ะมาเที่ยวไทยแค่ไหน
ฟังคำตอบแล้วอึ้ง คนทำทัวร์บอกว่า
ทุกวันนี้แทบไม่มีเลย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
คนหนีไปที่อื่นกันหมด
เพราะคนญี่ปุ่นจะหยุดเที่ยวเมืองที่เกิดความสูญเสีย
จากความไม่สงบ เพื่อไว้อาลัยเป็นเวลา 1 ปี
ก่อนกลับเมืองไทย ตั้งใจไว้แน่วแน่ ต้องไม่ลืมขอพรที่วัดอาซากุสะ...
ขอให้คนไทยรักกันเถอะ.