Custom Search

Jun 1, 2010

เปิดหัวใจโสดสนิท?! "เสธ.ไก่อู" ผู้พันยอดรัก



คุณภาพ ล้วน-ล้วน โฆษก คมช. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด

สกุณา ประยูรศุข
มติชน
วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550






"ไก่อู" เป็นชื่อเล่นของชายวัย 44 ผู้นี้
ที่ปัจจุบันคุ้นหน้าคุ้นตากันทางจอแก้ว
เพราะทำหน้าที่ "โฆษก" คมช.-คณะมนตรีความมั่นคงแห่
งชาติ
ขณะเดียว กันมีหมวกอีกใบเป็น
รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารบก

ครอบครัวพื้นเพอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
พ่อเป็นตำรวจ แม่เป็นครู แต่ต้องแยกย้ายจากกัน
เพราะฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวไม่เอื้ออำนวย
"ไก่อู" ในฐานะลูกคนกลาง ถูกยกให้
"ป้าและย่า" ไปเลี้ยงที่เพชรบุรี

ส่วนพี่ชาย-ไก่โรส และน้องชาย-ไก่งวง
พ่อและแม่พาโยกย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ จ.นนทบุรี


วัยเด็กเรียนหนังสือตามปกติที่โรงเรียนอรุณประดิษฐ เพชรบุรี
จนถึง ม.ศ.1 จึงย้ายมาอยู่กับครอบครัว
เข้าเรียนต่อ ม.ศ.2-3 ที่โรงเรียนวัดบางขวาง จ.นนทบุรี


สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่
23
ถือเป็นรุ่นสุดท้ายที่เรียนในโรงเรียนนายร้อย ถนนราชดำเนิน

ก่อนจะเข้าร่วมขบวนเดินตามสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ไปเข้าที่ตั้งแห่งใหม่ ที่เขาชะโงก จ.นครนายก


ด้วยภารกิจการเป็น "โฆษก คมช." เรื่องร้อนๆ ของ พ.อ
.สรรเสริญ
ได้กลายเป็นหัวข้อดุเด็ดเผ็ดมันในเว็บต่างๆ เวลานี้

ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นเรื่องที่ "ทุกข์ใจมาก"

"เขาว่าผมได้ดีเพราะ เป็นเด็กถือกระเป๋า

เกิดมาผมไม่เคยถือกระเป๋าให้ใคร..."

จริง-เท็จ เป็นเช่นไร?

หาคำตอบได้จากเรื่องราวส่วนหนึ่งของชีวิต ที่บันทึกไว้--

- มาเป็นทหารเพราะอะไร?

ตอนเรียนจบ ม.ศ.3 แม่ไม่มีเงินให้ไปเรียนกวดวิชาไปสอบเข้าเตรียมอุดม
เพื่อจะเอ็นทรานซ์ เลยไปซื้อหนังสือที่สนามหลวงมาอ่าน
สมัยก่อนมีหนังสือเก่าขายที่สนามหลวง
เป็นวิชาเคล็ดลับภาษาอังกฤษ ของอาจารย์ธง ลีพึ่งธรรม
เสร็จแล้วไปลองสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร โชคดีสอบได้

แม่ก็บอกว่าเรียนเป็นทหารดีแล้วลูก เพราะว่าหลวงออกเงินให้
เราเองไม่มีสตางค์มากถึงขนาดไปเรียนไอ้โน่นไอ้นี
และไม่มั่นใจด้วยว่าเมื่อจบ ม.ศ.5
แล้วจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือเปล่า


- วันแรกไปเรียนโดนหนัก?


วันแรกของโรงเรียนเตรียมทหารเขามีระบบการ ซ่อมขอ
งเขา
แต่ถือว่าธรรมดา เพราะว่าถ้าเด็กที่มีชีวิตไม่ได้สบายนัก
เข้าไปก็รับสภาพได้ทุกคน
วันแรกผมโดนทั้งพุ่งหลัง ม้วนหน้า งอเข่าขึ้นนั่งวิดพื้น


- นึกว่าเป็นแบบโหดๆ อย่างในหนังเรียกลุกมาวิ่งกลางดึก สาดน้ำ?
อย่าง นี้มีอยู่แล้ว แต่ว่าโดยส่วนใหญ่โรงเรียนเขาพยายามไม่อยากให้พูดถึง
เรื่องที่มันดูเป็น เรื่องนอกรีต เช่น ปลุกมากลางดึก
ให้ลงไปแล้วปั่นให้อ้วก-อ้วกมาก็เอามาสระผมต่อ

เราก็ไม่อยากทำ แต่ว่าตอนเราเป็นนักเรียน
แรกๆ เราอาจจะเข้าใจน้อย ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น

แต่พอเป็นนักเรียนชั้นสูงๆ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม

- แล้วทำไมต้องทำอย่างนั้น?


อันนี้ ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยการแกล้ง ไม่ใช่เพราะสนุก

แต่เขาอยากให้นักเรียนได้รับความกดดันทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เพื่อให้สามารถคุ้นเคยกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้

อารมณ์ของความผิดหวัง ความเหนื่อย ความหิว ความง่วง
แล้วยังสามารถทำงานได้ ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายไ
ด้
ให้ทุกคนต้องพบกับความผิดหวัง


- ช่วงที่ยังเรียนอยู่เคยเห็นเขาปฏิวัติกัน?

ครับ ระหว่างที่เรียนก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้น
รู้สึกจะเป็น "กบฏ 9 กันยา"ที่มีการยิงเสาอากาศขอ
ง พล.1
มีรุ่นพี่เขาเป็นผู้บังคับกองร้อยที่ ม.พัน 4 ชื่อรักเกียรติ พันธ์
าติ
เขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วยมาเล่าให้ฟัง

- พวกที่ทำปฏิวัติปฏิรูปต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเดียว?

ถ้า รุ่นเก่าๆ คงจะเป็นอย่างนั้น แต่รุ่นใหม่ปัจจุบันเท่าที่รับราชการมา
เหตุผลเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้น การจะตกลงใจทำอะไรสักอย่าง
ไม่ได้หมายความว่าทหารจะต้องปฏิบัติตามที่
ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้อย่างเดียว ความจริงมัน
มีกฎหมาย
มีระเบียบแล้วว่าอะไรก็แล้วแต่ ที่เราได้รู้ว่ามันเป็นเรื่อ
งที่ขัดต่อกฎหมาย
ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เราสามารถปฏิเสธไม่ปฏิบัติได้

และสามารถร้องไปยังผู้บังคับบัญชาในระดับสูงเหนือ 1 ขั้นขึ้นไป
ให้รับทราบโดยเร็วที่สุด อันนี้คือระเบียบหลักเกณฑ์ที่เข
ามีไว้

- ก่อนหน้านี้เคยคิดไหมว่าตัวเองสักวันต้องเข้าร่วมเหตุการณ์แบบนี้

ไม่ ได้คิดเลย แต่ตอนหลัง-หลังจากจบมาแล้ว
มาอยู่กองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์

เป็นหน่วยทหารม้ายานเกราะ ได้อยู่ในเหตุการณ์หลายครั้ง
ที่ทหารนำกำลังออกไป รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อปี 2535 ด้วย
ตอนนั้นผมเป็นผู้บังคับกองร้อย

เขาสั่งนำกำลังพลออกไปตามภารกิจ
คือเรื่องของการรักษาความปลอดภัย
อยู่บริเวณถนนราชดำเนิน


ในระหว่าง ทางที่ออกมาเห็นได้ชัดว่าชาวบ้านที่
เขายืนดูรถเราที่วิ่งผ่านไป อาจจะไม่ได้ยินเสียงเขา

เพราะเครื่องยนต์มันดัง
แต่เราอ่านปากเขาได้ รู้ว่ามันเป็นคำด่า (หัวเราะ) ก็.
.ไม่เป็นไร
เพราะเราคิดว่าเราไม่ ได้ไปฆ่าใคร

- มีช่วงเวลาที่ตัดสินใจลำบาก?

ตอนเป็นผู้ บังคับกองร้อยไม่เท่าไหร่

เพราะอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้บังคับกองพันอีกที
มาลำบากใจช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
เขาให้กางลวดหนามหีบเพลง
เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมขยายตัวมาทางพื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
พอได้รับคำสั่งผมก็พาลูกน้องมากั้น
พอกั้นเสร็จมีกลุ่มบุคคลที่เรามองว่าเหมือน

เป็นกลุ่มบุคคลที่จัดตั้งขึ้นมา
มาพูดแหย่ แซวทำนองเอาเสียงเฮ...
เพราะคนที่ตามมามีเยอะ พอพูดก็เฮ...ปรบมือ


เสร็จ แล้วมีรถมอเตอร์ไซค์มาป่วน

เราไม่ได้ว่าอะไรเพราะถือว่ากำลังพลอยู่ในความควบคุมของเรา
ทุกคนมีอาวุธมาก็จริง แต่ไม่มีกระสุน
มีมาเพื่อเป็นเครื่องประกอบให้เกิดความเกรงขาม
เป็นการป้องปรามเท่านั้น

และบอกทุกคนว่าให้ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น
ให้ทำใจให้สบายและให้ยืนห่างจากรั้วลวดหนาม


สักพักมีรถตู้คันหนึ่ง วิ่งมาแล้วเอาลวดหนามหีบเพลงที่เรากา
งไป
เกี่ยวกับกันชนด้านหน้าของรถ
จากนั้นเขาขับถอยหลังไปทางกลุ่มที่มาเชียร์ ไปไกล..ลล..พอ
สมควร
แล้วเขาเอาเท้าปลดลวดหนามหีบเพลง
ทีนี้มันก็กระเด้งฉิว..วว...มาโดนทหารที่ยืนเข้าแถวอยู่
หน้าแหกเป็นรอย เพราะลวดหนามหีบเพลงจะมีตัวสังกะสีห้อยติดอยู่
เลยคุยกับรุ่นพี่เขาเป็นพันตรี

บอกอย่างนี้ผมเอากำลังขึ้นรถกลับพื้นที่ดีกว่า
ตอนนั้นที่ตั้งเราอยู่ด้านหลังทำเนียบรัฐบาล
ตัดสินใจกลับเลย แล้วไปรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ว่าถ้าอยู่อย่างนั้น มีเหตุการณ์แล้วเราทำอะไรไม่ได้

นอกจากการยืน มันไม่เกิดประโยชน์
ทำให้ทหารขาดศรัทธาในผู้บังคับบัญชา

ขาดศรัทธาในคนที่มาเคลื่อนไหว
จะเกิดความเป็นปฏิปักษ์กันเปล่าๆ
ให้มายืนอยู่เฉยๆ อย่างนี้อย่ามาดีกว่า

- แล้วทำไมเขาเลือกมาเป็นโฆษก

ช่วงขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการกองปฏิบัติ การจิตวิทยา

ของกรมกิจการพลเรือนทหารบก พอปฏิบัติหน้าที่ได้พักใหญ่
ผู้บังคับบัญชา คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
มอบหมายภารกิจให้ลงไปปฏิบัติงานที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ไปเดือนกว่าๆ
เสร็จแล้วกลับขึ้นมาไม่นาน มีเหตุการณ์ปฏิรูปการปกคร
อง
ผมได้ไปช่วยงานการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารของ คปค
.
อยู่มาวันหนึ่ง คปค.แปรไปเป็น คมช.
เจ้ากรมตามผมให้ไปพบ พล.อ.สมเจตน์ บุญถน
อม
ท่านก็พาไปพบ พล.อ.สนธิ อีกที
เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่โฆษก คมช.


- เขาเห็นแววอะไร?

เข้าใจว่าเวลาที่กองทัพบกมีงานกิจกรรมต่างๆ

ผมมักจะได้รับมอบหมายให้เป็นพิธีกรในงาน
จริงๆ ผมไม่ถนัดเรื่องพูด ถนัดร้องเพลงมากที่สุด
ชอบสนุกสนานมากกว่า คนที่ชอบมาก ศรคีรี ศรีประจว


- แสดงว่าที่บ้านมีคาราโอเกะ

ครับ (หัวเราะ) หลังเที่ยงคืนเขียนหนังสือเสร็จแล้วรอดู
ข่าว
ก็ร้องเพลงเสียก่อน ผมนอนดึก

ตีหนึ่งกว่าๆ ถึงตีสอง และตื่นเช้าประมาณตีห้า
ผมแต่งงานเมื่อปี 2542 ภรรยาชื่อศิขริน แก้วกำเนิด
นามสกุลเดิม เอกะวิภาต มีรีสอร์ทอยู่ที่ราชบุรี
ชื่อเดือนล้อมรีสอร์ท ตอนนี้ก็ยังทำอยู่


ภรรยา ผมเป็นคนมีสตางค์ ผมเป็นคนไม่มีสตางค์

เพราะฉะนั้นเรารู้จักเจียมตัวของเราว่าขนาดไหน
ไม่ไปเอาสตางค์เขามาใช้
ขณะเดียวกันเราก็ต้องทำหน้าที่สามีที่จะให้เขา
ส่วนจะให้มากน้อยแค่ไหนก็ตามกำลัง

เขาคงไม่ต้องการเอาเงินเราไปใช้จ่าย
แต่เป็นกำลังใจว่ามีสามีกับเขาคนหนึ่ง

ก็ให้ทำหน้าที่ อย่างนั้นมากกว่า

ภรรยา ผมเป็นคนไม่เรื่องมาก โกรธยากลืมง่าย

- มาอยู่ตรงนี้แล้ววางอนาคตตัวเองไว้อย่างไร?

ถ้ามองย้อนไปตอนวัยเด็ก มันไม่มีอะไรอย่างนี้อยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นวันหนึ่งมาได้ขนาดนี้ มีเพื่อน
มีหน้าที่การงานในระดับที่ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจ
ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว

วันข้างหน้าก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปให้ดีที่สุด
ส่วนทำแล้วจะสำเร็จไม่สำเร็จจะได้รับการแต่งตั้ง

เป็นโน่นเป็นนี่อย่างที่คาด หวังหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร
- ตั้งใจว่าเป็น พล.อ.ก่อนเกษียณ หรือเป็น ผบ.ทบ.อย่างนี้
ผมว่าทหารทุกคนมีเป้าหมายในชีวิต และทุกคนอยากเป็น ผบ.ทบ.
อยากเป็นนั่นเป็นนี่ แต่พอผ่านมาสักระยะคนจะรู้กำลังตัวเองว่าที่ฝันไว้นั้น
เราจะเป็นได้หรือเปล่า เรียกว่าถูกสกรีนด้วยตัวของเราเ
อง
จนปัจจุบัน "ตูตั้งเป้าแค่ 5 เสือ ทบ.ก็พอแล้ว"

เพราะปัจจุบันคนเข้าใจว่าคนที่ จะเป็น ผบ.ทบ.
น่าจะมาจากหน่วยคุมกำลัง อย่างน้อยจะต้องเป็นผู้พันมา
คนที่เป็นหน่วยคุมกำลังก็รู้สึกเห็นด้วย
เพราะตัวเองมีโอกาส
แต่คนที่อยู่ฝ่ายเสนาธิการก็รู้สึกไม่เห็นด้วย
ว่าจริงๆ คนคุมกำลังกับเสนาธิการใครมันฉลาดกว่ากัน


มาวันนี้ผมไม่ค่อยมั่นใจ

แล้วว่าการคัดเลือกผู้บังคับบัญชาระดับสูงๆ
พิจารณาอะไรบ้าง ก็ลดเป้าหมายลงมา

"เอาวะ เสธ.ทบ.ก็พอแล้วตู" (หัวเราะเสียงดัง)


- คมช.ใกล้จะหมดหน้าที่แล้ว


ไม่เป็นไร ก็มาเป็นรอง ผอ.อย่างเดียว ไม่รู้สึกเสียดาย
ถ้าถามผม-ผมนับถอยหลังนะ ว่าเมื่อไหร่จะหมดภารกิจจาก คมช.
แต่ไม่ใช่นับถอยหลังเพราะด้วยความรู้สึกไม่ชอบ คมช. ไม่
ใช่
นับถอย หลังเพราะใจจริงๆ เรามีความรู้สึกว่า
"คมช.เป็นความจำเป็นที่น่ารังเกียจ" คำนี้ผมไม่ได้คิดเอาเอง
ผมเอามาจากท่านเจ้ากรมผม พล.ต.สุรศักดิ์
ผมเองมีความรู้สึกแบบเดียวกับท่านว่า

คมช.เป็นความจำเป็นที่น่ารังเกียจ

ตอน หลังๆ ผมพยายามลดบทบาทลง
ไม่พยายามไปบู๊กับพรรคการเมืองใด


- นี่ขนาดไม่นะ

ผมทำตามหน้าที่เท่านั้น เราทำหน้าที่แล้วเราย่อหย่อน
เราก็ต้องได้รับเสียงตำหนิติติงเหมือนกัน
ซึ่งอาจเป็นเสียงจากคนในกองทัพด้วยกัน ...

ไปเรียกมันมาทำงานทำไม โง่ ซื่อบื้อ ชี้แจงก็ไม่เข้าใจ
พูดจาไม่ฉาดฉาน ชี้แจงหนักไปก็ไม่ดีกลายเป็นว่า
ไปรุกไล่บี้ใครต่อใครจนไม่มีที่ยืนในสังคม ก็ไม่ขนาดนั้น


- ในสายตาที่เป็นโฆษกมองสถานการณ์ตอนนี้


ผมว่า ทุกฝ่ายจับจ้องมองกองทัพอยู่ขณะนี้
เพราะว่าบทบาทหน้าที่ของ คมช. ของกองทัพก็ครือๆ กัน


วันนี้เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาออกมาแล้ว
เราจะไปทำแบบเดิมก็ไม่ได้
ถือว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต้องวางตัวเป็นกลาง

หลาย คนจะถามว่า เอ๊ะเจตนารมณ์ตอนแรกล่ะ
มันเหมือนเดิมหรือเปล่า เขาคงกำลังดูอยู่ว่าสิ่งที่เราเล่าให้สังคมฟัง
ว่าวันนี้กับวันก่อนแนวความคิดเราเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในประเ
ด็นตรง
-วางตัวเป็นกลางทางการเมือง- มันจริงหรือไม่ เขา
กำลังจับตาดูกันอยู่
- งานเครียด

ผมอาจดูหน้าตาสดใส แต่ผมเป็นคนอมทุกข์

กลับบ้านไปชอบคิดถึงเรื่องเก่าๆ
ในอดีตที่รู้สึกว่ามันเป็นความทุกข์
แล้วฟังเพลงเศร้าๆ มันเป็นความสุขที่ตกอยู่ในห้วงความทุกข์ เป็นอย่างนี้


- คิดอย่างไรกับคำว่าทหารหัวสี่เหลี่ยม

ต้องมาเรียนหนังสือแข่งกัน
ถึงจะรู้ว่าหัวสี่เหลี่ยมหรือไม่สี่เหลี่ยม


หัวสี่เหลี่ยม อาจจะหมายถึงว่าเรียนหนังสือเก่งจริง

เท่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยหรือเปล่า
เพราะเรียนแต่วิชาทหาร เรียนแต่การต่อสู้
ซึ่งไม่ใช่เลย เพราะโรงเรียนนายร้อยสอนวิชาการ
แบบเดียวกับที่มหาวิทยาลัยสอน
ต้องมาเรียนแข่งกันดู-นี่ความหมายแรก

ความหมายที่สอง หัวสี่เหลี่ยมอาจจะหมายถึง
เรื่องของแนวความคิดอยู่ในกรอบ เหมือนม้าลำปางหรือเปล่า
เจ้านายสั่งอย่างไรต้องอย่างนั้น ณ ปัจจุบันผมว่าไม่
ใช่
ทุกคนต้องฟังเหตุผล ทุกอย่างต้องมีเหตุผล
คนที่ออกคำสั่งต้องมีเหตุผลที่ให้เขาฟังแล้วน่าเชื่อถือ
เพราะสิ่งต่างๆ ผลกระทบมันกลับมาที่ตัวเองว่าสั่งไปแล้ว

แล้วเหตุผลดูไม่น่าเชื่อถือ
สายตาที่มองกลับมาดูแคลนหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น ณ วันนี้


ผมว่าไม่ ใช่ความเป็นสี่เหลี่ยม


- ชีวิตตอนนี้

ที่เป็นทุกข์อยู่ทุก วันนี้--ในเว็บด่าพ่อล่อแม่ผมเรียบ
ก็รู้สึกไม่สบายใจว่า เอ๊ะ..ทำไมคนคิดกันถึงขนาดนี้
ยอมรับว่าสิ่งที่เราทำอาจทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจ
แต่ว่าสิ่งที่หลายคนเรียกร้องกันอยู่ คือความสามัคคี สมานฉันท์

ผม ไม่สบายใจเพราะถึงขนาดว่า
"มันได้ดิบได้ดีเพราะเป็นเด็กถือกระเป๋าให้นาย เดินตามนาย"
ซึ่งมันขัดกับชีวิตของผม-ผมไม่เคยเดินถือกระเป๋าให้ใคร

ไม่เคยเดินตามเจ้านายคนไหน เพราะผมไม่เคยเป็น ทส.ของใคร

ผมเป็นลูก ของข้าราชการตำรวจธรรมดาคนหนึ่ง
แม่เป็นครูธรรมดา ไม่มีญาติเป็นคนมีอำนาจคับฟ้าคับ
เมือ
ผมรับราชการเติบโตมาด้วยตัวของผมเอง
การได้โอกาสตรงนี้เป็นความสามารถที่ผู้บังคับบัญชามองเห็น


เสธไอ ซ์-พล.ต.ไตรรงค์ อินทรทัต

เป็นคนดูแลผมมา เคยสอนผมว่า
ถ้าใครมอบหมายภารกิจให้-ให้ทำเต็มความสามารถ
อย่ามาเล่าปัญหาให้เขาฟังจนกว่าจะแก้ปัญหาเสร็จ
เพราะนี่คือพวกปัญหาเยอะ
แต่ให้มาถามได้เมื่อแก้ปัญหาเสร็จแล้ว

ว่าเหมาะสมหรือเปล่า

- อันนี้ผมจำตลอด-








ทีมข่าวหน้าสตรี

ไทยรัฐ
: เรื่อง/ภาพประกอบ


ต้านกระแสไม่อยู่จริงๆกับความฮอตและมาแรงสุดๆของ
ปรากฏการณ์ เสธ.ไก่อูฟีเวอร์

ที่ส่งให้โฆษกกองทัพบก "พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด"
แจ้งเกิดจากการรับหน้าที่

โฆษกประจำศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.
คอยประกาศชี้แจงสถานการณ์ต่างๆอัน
เนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
นอกจาก ศอฉ.จะถูกแปรสภาพกลายเป็น
"ศูนย์ไก่อูฉกหัวใจ" ในชั่วข้ามคืน

ชื่อเสียงของผู้พันไก่อูยังกระหึ่มไปทั่วโลกไซเบอร์หลายเว็บไซต์
เปรียบเทียบความหล่อของนายทหารอารมณ์ดีกับหนุ่
มหล่อระดับชาติ เช่น
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพระเอกชื่อดัง "เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์"
พร้อมตั้งฉายาให้หวานเจี๊ยบว่า ผู้ก่อการรัก และสุภาพบุรุษผู้พันไก่อู
ปรากฏการณ์ไก่อูฟีเวอร์ยังไม่หยุดเท่านี้
เพราะสาวน้อยสาวใหญ่หลากหลายวงการยังรวมก
ลุ่มเป็นแฟนคลับ
ตั้งแฟนเพจในหน้าเฟซบุ๊กให้ผู้พันไก่อูมากมายสารพัด
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนรัก "พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด"


กลุ่มคนชอบพี่ไก่อู อันเนื่อง มาจากเห็นหน้าพี่ไก่อูทุก 2 ชั่วโมง
และกลุ่มมั่นใจว่าคนไทยหลายคนเต็มใจ

รวมเงินซื้ออายครีมให้ เสธ.ไก่อู อย่าง ไรก็ดี
แม้แฟนคลับจำนวนไม่น้อยจะยืนยันว่าไม่ได้ชอบ "เสธ. ไก่อู"
เพราะความหล่อ ทว่า ทึ่งกับบทบาทและความดีของผู้พันยอดรัก
แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว คำถามยอดฮิตที่แพร่กระจายทั่วอินเตอร์เน็ตยามนี้ก็คือ
ผู้พัน เจ้าเสน่ห์แต่งงานมีลูกมีเมียหรือยัง ชอบผู้หญิง
แบบไหน
ทำยังไงถึงจะ พิชิตหัวใจผู้พันสุดหล่อได้
ในขณะที่บางกระแสลือให้หึ่งว่า ผู้พัน ขวัญใจมหาชนแกล้งแอ๊บแมน
เพราะแท้จริงชอบไม้ป่าเดียวกัน!!


มีเสียงลือสารพัด ช่วยเคลียร์ให้ชัดๆได้ไหม "เสธ.ไก่อู" มีลูกมีเมียหรือยัง
(อืมม์) เคยแต่งงาน ไม่มีลูก แต่แยกกันแล้ว

ขออนุญาตไม่เป็นข่าว นะครับ
เพราะเรื่องมันเกิดมานานหลายปีแล้ว
ไม่อยากให้กระทบคนอื่น

แล้วข่าวเมาท์ว่าเป็นเกย์ล่ะคะ
ไม่ได้เป็นครับ



สาวๆคงดีใจที่รู้ว่าผู้พันโสดสนิท?!


มันก็ไม่โสดหรอก...อายุขนาดนี้แล้ว


ถ้างั้นเจ้าชู้อย่างที่ร่ำลือหรือเปล่า

(ยิ้มเจ้าเล่ห์) เป็นผู้ชาย...ก็มีบ้างนิดหน่อย
แต่สัญญาไว้ว่าจะไม่เล่าเรื่องในบ้านให้ใครฟัง


รู้สึกยังไงบ้างกับกระแสไก่อูฟีเวอร์

ก็ เป็นความปลื้มปีติ เป็นกำลังใจให้ทหารทุกคนครับ
เพราะความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกิดจากผู้บังคับ บั
ญชา
หรือไก่อูเพียงลำพัง แต่เกิดจากทุกคนที่อยู่ในตำแหน่ง

และทำหน้าที่ของตนเอง
จนทำให้เกิดผลตอบรับในทางบวก มากกว่าลบ คือมีคนรักดีกว่าคนเกลียดครับ


ฮอตขนาดนี้ คิดว่าตัวเองหล่อกว่านายกฯอภิสิทธิ์ แ
ละเคน-ธีรเดช ไหมคะ
หล่อ เหรอ...ดูไม่ออกว่าหล่อเลย!!
โห...ตอนเด็กๆน่าเกลียดมาก ต้องเอารูปมา
ให้ดู

ผมถ่ายกับพี่น้องสามคน มีไก่โรส-ไก่อู-ไก่งวง
ผมเหมือนเด็กที่พ่อแม่เก็บมาเลี้ยง เพราะดำอยู่คนเดี
ยวในบ้าน
ที่เหลือเขาขาวกันหมด ไม่กล้าเทียบกับท่านนายกฯหรอกครับ
ท่านเป็นคนหล่อจริง หล่อพิศ ยิ่งดูยิ่งหล่อ
นั่งประชุมอยู่ด้วยกัน ผมยังแอบมองท่านเลย
ท่านเป็นคนหล่อจริงๆ คือจมูก ผิวพรรณ หน้าตา ทรงผม ลั
กษณะได้หมด
แต่ไอ้ไก่อูมันหล่อฉาบ คือดูดีเผินๆ

แต่พอลงรายละเอียดก็ไม่เท่าไหร่ ส่วนน้องเคนก็เป็นพระเอกในดวงใจ
วันนี้ไอ้ไก่อูอาจดูแรง เรตติ้งดีกว่า
แต่จริงๆมันไม่ใช่หรอก
มันเป็นช่วงการเมืองที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนทั้งบ้านทั้งเมือง

ชีวิตช่วงนี้เปลี่ยนไปเยอะไหมคะ


ก็ ปกติทุกอย่าง...ยังอยู่แฟลตทหาร
ซึ่งผมชอบเรียกว่าคอนโด เพราะดูดีกว่า (หัวเราะ)
ไม่มีบ้านเป็นของตัวเองเหมือนเดิม
ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีใช้มีกิน สามารถผ่อนรถได้
มีเงินพอดูแลแม่ พอจับจ่ายใช้สอย
ถ้ามีเหลือก็ต้องเก็บบ้าง เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง
และสิ่งที่ทำอยู่ เสมอไม่เคยเปลี่ยนคือ
การตักบาตรวันเสาร์อาทิตย์ หรือวันไหนที่สะดวกตั

จะแวะไปแถวตลาดประชานิเวศน์ตั้งแต่เช้าตรู่

ใส่บาตร เสร็จเรียบร้อย ก็จะมานั่งกรวดน้ำ
และแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลตามลำดับ
ถ้าออกไปข้างนอกก็มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปบ้าง
ยิ้มจนเหงือกแห้ง แต่ก็เป็นความสุขดี
มีคนส่งดอกไม้ ส่งของกิน ส่งอายครีมมาให้ (หัวเราะ)
แต่ว่าเราก็ต้องแบ่งเวลาด้วย เรื่องการงานต้องไม่เสีย
เพราะหน้าที่หลัก คือผู้อำนวยการกองปฏิบัติการ
จิตวิทยา
ของกรมกิจการพลเรือนทหารบก
ส่วนการเป็นโฆษก ศอฉ.เป็นหน้าที่ที่ได้รับม
อบหมาย


แฟนคลับฝากถามว่า ผู้พันชอบทานอะไร

ชอบ กินอะไรซ้ำๆเดิมๆ เช่น ตอนเย็นกินข้าวต้มหมู ในเซเว่น
ที่เอามาเวฟ ใส่แม็กกี้ ใส่พริกไทย ก็ยังทาน อยู่เกือบทุกวัน
มื้อกลางวันก็ทานง่ายๆที่กองทัพบกจัดไว้เป็นสวัสดิการ คนละ 10 บาท
ทานได้หมดทั้งข้าวผัดกะเพรา ข้าวราดแกง
แต่ถ้าวันหยุดก็ทานตามห้างฯ พวกฟูจิ ซิสเล่อร์ และเอ็มเค
แต่ที่คนลือว่าชอบไข่ปลาคาเวียร์ ไม่รู้เอามาจากไหน
เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยทาน

ถามว่าชอบ อะไรพิเศษ
ก็ชอบกินอาหารทะเล ผัดไทยไม่ใส่เส้น
และชอบบะหมี่ที่ปรุงรสจัดๆ แต่ไม่ชอบปลาร้า

มีเคล็ดลับอะไรดูแลตัวเองให้หน้าเด็ก?!

ไม่ ได้มีอะไรเลย คงเพราะไม่แตะเหล้าบุหรี่
แต่ ถ้าเพื่อนๆไป
เที่ยวกัน
เราดื่ม เป๊ปซี่ดื่มโค้กก็สนุกได้
พวกครีมบำรุงก็ไม่เคยใช้
อย่างมากก็ใช้เจลล้างหน้า เรื่องออก
กำลังกายก็ไม่เคย เข้าฟิตเนส
จะเล่นทุกอย่างที่ขวางหน้า
แต่ชอบที่สุดคือเตะตะกร้อ

อารมณ์ดีแบบนี้ มักจะปรี๊ดด้วยเรื่องอะไร


จะ ทนอะไรที่สกปรกเลอะเทอะไม่ได้เลย!!
ชอบอะไรที่เรียบร้อย
ในออฟฟิศต้องจัดให้เนี้ยบทุกอย่าง
ในรถก็ต้องสะอาดทุกซอกมุม
หรืออย่าง รองเท้าก็ต้องเนี้ยบ
ไม่เขลอะ ไม่ขาว ไม่ชอบให้ส้นรองเท้าเอียง!!
แต่ว่าไม่ใช่เป็นคนสำอาง ไม่ได้ใช้เครื่องสำอาง
แค่สบู่ มีดโกน แปรงสีฟัน คนให้อายครีมมาก็ทาบ้าง

เวลาเครียดๆมีวิธีจัดการยังไง

จะ จัดการกับตัวเองก่อน โดยหนีให้ห่างจากคนอื่น
ไม่อยากให้คนเห็นเวลาอารมณ์เสีย กลัวจะพูดไม่ดีใส่คนอื่น
พออารมณ์เสียปั๊บ จะคว้ากุญแจรถสตาร์ตเครื่อง
และเปิดแอร์นั่งอยู่ในรถคนเดียว
เปิดเพลงดังๆ แล้วตะโกนอยู่ในรถตามประสาผู้ชาย

พออารมณ์ดีขึ้น ค่อยออกมาเจอผู้คน

ให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ ถ้าต้องประเมินผลงาน ที่ผ่านมา

คง ประเมินผลงานตัวเองไม่ถูก
ต้องถามคนทั่วไปว่าเบื่อหน้าไอ้ไก่อูหรือยัง
ถ้าเบื่อมันแล้ว แสดงว่า หมดความสามารถ
แต่ถ้ายังรับฟังข้อมูลข่าวสาร แล้วยัง

เข้าใจเจตนารมณ์ก็แสดงว่าพอได้ผลอยู่บ้าง

คนส่วนใหญ่ชื่นชมว่า
ผู้พันมีส่วนสำคัญในการปรับภาพลักษณ์ กองทัพให้ ทันสมัย


คง ตกบันไดพลอยโจนมากกว่า
คือผมมาอยู่ตรงหน้าที่นี้พอดี ซึ่งผู้บังคับ
บัญชามอบหมายให้ทำ และบังเอิญเป็น
เรื่องทุกข์ร้อนของประชาชนที่เดือดร้อนจากการ ทำมาหากิน
จากการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นปกติ คนจึงให้ความสนใจเยอะ
เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว ประกอบกับเรื่องชี้แจงของ ศอฉ.
มีรายละเอียดปลีกย่อยมาก และออกอากาศช่วงหลังข่าวพอ
ดี
เลยเหมือนบังคับคนให้ต้องดูข้อมูลต่างๆที่นำเสนอออกไป
ถือว่าช้าด้วยซ้ำ เพราะเราเป็นภาคราชการ
ถ้าเร็วเกินไปแต่ขาดความถูกต้อง ก็จะไม่น่าเชื่อถือ
ฉะนั้นต้องตรวจสอบข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำอีก สิ่งที่ ศอฉ.
พยายามทำมาตลอดคือ ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกสบายใจ
และเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ประสงค์จะทำร้ายผู้ชุมนุม
ไม่อยากให้เกิด ความสูญเสีย แต่ต้องการให้การชุมนุมยุติ
เพราะมันไม่ใช่ชุมนุมปกติ


ใครเป็นคนเตรียมข้อมูลต่างๆที่นำมาตอบโต้ในแต่ละวัน

มี กันอยู่ 2 คนหลักๆครับ คือ ผม และพันตรีหญิงศิริยา เขื่องศิริกุล
แต่ความจริงมีกรมฝ่ายเสนาธิการต่างๆอยู่ในทีม ศอฉ.ด้วย
ก็จะมานั่งคุยกันหลังประชุมว่า พวกเราจะชี้แจงเรื่องอะไรบ้างในแต่ละวัน
โดยส่วนตัว ผมจะไม่จด ไม่เขียนสคริปต์เพื่อไปนั่งอ่านหน้าจอ
เพราะคนเป็นโฆษกต้องเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องก่อน
แล้วเล่าด้วยลีลาคำพูดของเราเอง เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย

คำศัพท์ใหม่ๆ เช่น กระชับวงล้อม และขอคืนพื้นที่ ใครเ
ป็นคน บัญญัติขึ้น

ก็ ช่วยๆกันคิด แต่คำว่ากระชับวงล้อมเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
คือผมพูดกับน้องฝ่ายเสธ.ว่าจะไม่อะไรกันเลยเหรอ
ปล่อยไว้อย่างนี้ก็อยู่กันเหมือนเดิมตลอด
อย่างน้อยมันน่าจะกระชับวงล้อมนะ น่าจะตะล่อมให้
เข้ามาอยู่ในพื้นที่เป็นสัดส่วน ไม่งั้นมันกระจายเลอะเทอะไปหมด
ก็เป็นคำที่มีความหมายตรงตามการปฏิบัติ
เพราะเราไม่ได้ต้องการสลายการชุมนุม


ผลงานโดดเด่นขนาดนี้ สนใจลงเล่นการเมืองไหมคะ

ไม่เคยคิด!! ไม่ชอบเรื่องการเมือง
วันข้างหน้าเมื่อจบงานแล้ว เกษียณ อายุแล้ว ก็จบแ
ค่นี้...ไม่เอาแล้ว

อายุเพิ่ง 47 เอง วางแผนใช้ชีวิตหลังเกษียณ แล้วเหรอ

(หัวเราะ) หลังเกษียณคงไม่ทำอะไรแล้ว ว่า
จะพักผ่อน เที่ยวที่โน่นที่นี่บ้าง ทำสิ่งที่อยากทำ
แต่ ที่ฝันไว้มากที่สุดคืออยากมีบ้านหลังเล็กๆเป็นของ ตัวเอง
ก็พยายามเก็บเงินอยู่ เคยลองทำธุรกิจรถแท็กซี่ แต่ก็เจ๊ง
จนเป็นหนี้เป็นสิน ต้องไปทำงานที่สนามม้ากับเสธ.ไอซ์อยู่พักหนึ่ง
เดินจดบัญชี เขียนเช็ค เก็บเช็ค ไม่ได้ทุจริตใคร
จนกระทั่งสามารถเคลียร์หนี้สินได้หมด ทำให้เข็ดแล้ว
แม่เคยเตือนว่าอย่าทำเลย เพราะเราเป็นประเภทไม่เคี่ยว
ใครติดตังค์ไม่มีจ่ายก็ไม่ว่า แต่พอติดนานๆเข้า
มันไม่มีช่วงกลางๆ ประนีประนอมไม่เป็น
จะเลยไปถึงจุดปรี๊ดเลย ไม่จ่ายใช่ไหม
ก็ต้องไปลุย กับมัน
แม่เลยบอกว่า ถ้าเป็นอย่างนี้เดี๋ยวติดคุก เลิกซะดีกว่า!!