Custom Search

Feb 23, 2010

อาทิตย์เที่ยงวัน: มายาจิต = วิทยาศาสตร์ ของ วิน เอี่ยมอ่อง

เชตวัน เตือประโคน
รายการโทรทัศน์วันนั้นตรึงผมให้ติดอยู่กับที่
ไม่ใช่ด้วยรูปแบบของรายการที่น่าสนใจ
หรือด้วยผู้ดำเนินรายการเป็นบุคคลที่ผมคลั่งไคล้ใหลหลง
หากแต่บุคคลที่ทางรายการเชิญมานั่นต่างหาก
ที่คล้ายจะสะกดจิตผมให้นิ่งงันเลยทีเดียว
หนุ่มไทยที่พูดภาษาไทยไม่ค่อยชัด
(เนื่องจากไปโตที่อเมริกาตั้งแต่ 4 ขวบ) คนนั้น
เรียกตัวเองว่า "นักมายาจิต"ไม่ใช่ "มายากล"
ไม่ใช่ "การสะกดจิต" แต่ความสามารถของเขานั้น
เป็นวิทยาศาสตร์ ที่เจ้าตัวบอกว่า เป็นเหตุเป็นผล
สามารถพิสูจน์ได้ โดยศาสตร์นี้
เขาเริ่มสนใจศึกษาด้วยตัวเองมาตั้งแต่วัยรุ่น
ก่อนจะพัฒนาขยับขยายเรื่อยมา
กระทั่งตัดสินใจเลือกเรียนระดับปริญญาโทในที่สุด
"วิน (วิชยุทธ) เอี่ยมอ่อง" คือ นักมายาจิต
ที่ตรึงผมให้นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์อย่างจดจ่อชายหนุ่มบอกว่า
จิตวิทยาเป็นงานอดิเรกที่สนใจมาตลอด
จึงชอบดูพฤติกรรมมนุษย์
ว่าทำไมเขาถึงทำอย่างโน้นอย่างนี้
เพราะถ้ารู้ความคิดมนุษย์ ก็เริ่มจะควบคุมเขาได้
ไม่ใช่ด้วยพลังจิต แต่ด้วยวิทยาศาสตร์ด้านจิตวิทยา
ตอนหนึ่งที่เขาทดสอบกับผู้ชมในรายการ...
วินเชิญผู้เข้าชมรายการคนหนึ่งขึ้นมา
จากนั้นก็ให้ยืนนิ่งๆ โดยเขาจะใช้มายาจิต
ทำให้คนคนนั้นล้มลงไม่น่าเชื่อ!!!
วินทำได้และไม่ใช่กับแค่ผู้เข้าชมรายการเพียงคนเดียวเท่านั้น
คราวนี้เขาลองให้คนทั้งห้องส่งลุกขึ้นยืน
โดยเขาจะใช้มายาจิต ทำให้คนเหล่านี้ล้มลงเช่นกัน
ซึ่งการแสดงของเขาในวันนั้น
คนในห้องส่งกว่า 80% ต่างล้มลงนั่งอย่างที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
พิธีกรสอบถามความรู้สึกของผู้รับการทดสอบ
แต่ละคนต่างบอกว่า เหมือนมีพลังบางอย่าง
ดึงให้พวกเขาทิ้งตัวลงนั่งแต่วินกลับบอกว่า
"นี่ไม่ใช่การสะกดจิต""มันเป็นวิทยาศาสตร์ คือ
ผมบอกให้ทุกคนลุกขึ้นยืน และบอกว่า
ข้างหลังมีเก้าอี้ มีเบาะนุ่มๆ รอรับอยู่ คุณจะล้มลง
จากนั้นผมก็โน้มน้าวพวกเขาด้วยคำพูดของผม
สำหรับคนที่เปิดใจก็จะคล้อยตาม
สมองที่ตีความว่าล้มลง ว่ามีเบาะนุ่มๆ รองรับอยู่นั่นแหละ
ที่เป็นสิ่งที่ทำให้คุณล้มลง
คุณทำตัวเอง ผมเพียงเป็นผู้ช่วยเท่านั้น"
วินอธิบาย และว่า สำหรับคนที่ไม่ล้ม (บางส่วน)
ก็เพราะไม่ยอมเปิดใจ ยังแข็งขืน
สมองเลยไม่ตีความตามนั้นหรืออย่างรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของมนุษย์
ชายหนุ่มจากอุบลราชธานี
ที่ไปเติบโตต่างประเทศผู้นี้ก็สามารถอ่านออก...เช่น
คำพูดของคน เขาสามารถแยกแยะได้ว่า "จริง" หรือ "ไม่จริง"
ฟังแล้วน่ากลัวระคนน่าค้นหาเหลือเกิน
สำหรับชายหนุ่มผู้นี้อีกครั้งที่เขาทดสอบ
การแสดงที่เป็นวิทยาศาสตร์ของเขา...ในห้องปิด
มีผู้เข้ารับการทดสอบประมาณ 5-6 รายนั่งอยู่
ชายหนุ่มอธิบายให้ผู้เข้ารับการทดสอบแต่ละคนฟังถึงกติกา
โดยเขาให้ทุกคนเดินออกไปข้างนอก
แล้วถ่ายเอกสารลายมือของตัวเอง
นำกลับเข้ามาอย่าให้เขาเห็น
จากนั้นก็ยื่นให้เขาโดยคว่ำหน้ากระดาษไว้...
วินหายไปจากห้องพร้อมลายมือของแต่ละคน
ราวชั่วโมงครึ่ง เขากลับมา
และยื่นลายมือกลับคืนให้แต่ละคนอย่างถูกตัว (น่าทึ่งขั้นที่หนึ่ง)
เท่านั้นยังไม่พอ พร้อมกับแผ่นกระดาษลายมือที่เขายื่นคืนเจ้าของนั้น
ยังมีคำทำนายต่างๆ ดังเช่นที่หมอดูเขาทำนายกันแถมให้ด้วย
ทุกคนอ่านคำทำนายนั้นแล้วบอกว่า
วินเป็นหมอดูที่แม่นมาก
คำทำนายที่เขาให้มานั้นตรงกับตัวเองเหลือเกิน (น่าทึ่งขั้นที่สอง)
เมื่อผู้เข้ารับการทดสอบชื่นชมวิน (ต่อหน้ากล้อง)
เป็นที่เรียบร้อย คราวนี้วินให้แต่ละคนแลกเปลี่ยน
คำทำนายของกันและกันอ่านปรากฏว่า...
คำทำนายของทุกคนเหมือนกันหมดเลย!
(น่าทึ่งขั้นที่สาม ออกจะงงๆ เล็กน้อย)
วินออกมาอธิบายว่า คำทำนายของแต่ละคนก็เหมือนกันนั่นแหละ
ทำนายไว้หลายๆ เรื่องที่เหมือนกัน
แต่สมองมนุษย์ ก็เลือกแต่จะจดจำสิ่งที่ตรงกับตัวเองมากที่สุด
และเชื่อว่ามันเป็นคำทำนายของตัวเอง
โดยโยนอีกหลายๆ คำทำนายที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองนั้นทิ้งไป
ไม่จดจำ (น่าทึ่งเป็นที่สุด -
เรื่องนี้ทำไมคนชอบดูหมอหลายๆ คนถึงคิดไม่ถึง)
นี่คือเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการดูหมอที่เป็นวิทยาศาสตร์ของชายชื่อ วิน
ที่สุดแล้ว คล้ายวินจะบอกเราว่า สิ่งต่างๆ ที่ดูเหลือเชื่อนั้น
ล้วนเกิดจากการตีความของสมองนั่นเอง
อยู่ที่ว่า เราจะทำความรู้จักกับมัน
และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวได้มากที่สุดแค่ไหน เท่านั้นเอง หน้า 20 นสพ มติชน 6 กค 51