Custom Search

Nov 20, 2009

เฉินหลง : Jackie Chan



เฉินหลงเกิด วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2497
ที่ย่านวิคตอเรียพีกของฮ่องกง

มีชื่อเล่นว่า ซิงหลง
มีชื่อจริงว่า "ชานกงซัง"
หรือหมายความว่า "เกิดที่ฮ่องกง"
พ่อของเฉินหลงชื่อ "ชาร์ลส์" แม่ชื่อ "ลีลี่"

เดิมอยู่เมืองจีนแต่หนีออกมาอยู่ฮ่องกง
สมัยสงครามกลางเมือง
ตอนเด็กๆพ่อแม่ตั้งชื่อเล่นให้อย่างน่ารักน่าเอ็นดูว่า
สมัยสงครามกลางเมือง

ตอนเด็กๆพ่อแม่ตั้งชื่อเล่นให้อย่างน่ารักน่าเอ็นดูว่า "เป๋าเป่า"
หรือ "ลูกระเบิด" เพราะชอบนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเบาะ
เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน
เขาเกือบถูกพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าขายให้

กับหมออังกฤษในราคาแค่ 26 เหรียญ

แต่แล้วพ่อแม่ของเขาก็ได้ล้มเลิกความคิดนั้น

พ่อของเขาทำงานเป็น "พ่อครัว" แม่ทำงานเป็น "แม่บ้าน"

ให้กับเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสในฮ่องกง
เฉินหลงก็เติบโตมาในสถานทูต

เมื่ออายุถึงเกณฑ์ก็เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนหนานหัว
เมื่อเฉินหลงอายุ ได้ 7 ขวบ พ่อก็ส่งเขาเข้าโรงเรียนอุปรากรจีน
โดยที่ตัวของพ่อกับแม่นั้นต้องไปทำงานเป็นพ่อครัวกับแม่บ้าน

ที่สถานทูตใน ออสเตรเลีย และที่โรงเรียนนั้นเอง
ที่ทำให้เฉินหลงได้เรียนรู้ชีวิตที่โดดเดี่ยว
เพราะเขาต้องห่างครอบครัวเป็นเวลานาน

แต่ที่นั่นก็ทำให้เฉินหลงได้พบเพื่อนร่วมสาบานอย่าง
หงจินเป่า และ หยวนเปียว เฉินหลงเรียน
จบเมื่ออายุ 17 ปี เขาได้ไปสมัครเข้าร่วมทีมสตันท์

ในวงการหนังฮ่องกงในช่วงที่ บรู๊ซ ลี ยังมีชีวิตอยู่
แต่เมื่อ บรู๊ซ ลี ได้ตายไป ทำให้เฉินหลงต้องตกงาน

เพราะวงการหนังฮ่องกงกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ
แต่แล้วเฉินหลงก็ไปสะดุดตาผู้สร้างหนังอย่าง
หลอเหว่ย ผู้กำกับหนัง Fist of Fury ของบรู๊ซ ลี
โดยเขาต้องการปั้นดาราแอ๊คชั่นมาแทนบรู๊ซ ลี
โดยเฉินหลงได้ แสดงหนังในตอนนั้นทั้งหมด 10 เรื่อง ได้แก่

New Fist of Fury (1976)
Shaolin Wooden Men (1976)Eagle Shadow Fist (1977)Half a Loaf of Kung Fu (1977)
Killer Meteors (1977)To Kill with Intrigue (1977)
Snake and Crane Arts of Shaolin (1978)

Magnificent Bodyguards (1978)Spiritual Kung Fu (1978) และ
Dragon Fist (1978)โดยทั้งหมดนี้ไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่เรื่องเดียว

จุดประสบความสำเร็จเมื่อเฉินหลงออกจากสังกัดของหลอเหว่ย
และไปแสดงหนังให้กับ Seasonal Film เรื่อง
Snake in the Eagle's Shadow (1978)

ทำให้ชื่อของเฉินหลง กลายเป็นดาราดังเพียงช่วงข้ามคืน

เพราะสามารถทำเงินอย่างมหาศาลในฮ่องกง

จากนั้นเฉินหลงก็ ได้นำแสดงใน Drunken Master (1978)
โดยเฉพาะเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะประสบความสำเร็จในฮ่องกงเท่านั้น
แต่ยังประสบความสำเร็จทั่วเอเชียอีกด้วย
และเมื่อเฉินหลงหมด
สัญญากับหลอเหว่ย
เขาก็มุ่งหน้าไปที่สังกัดอย่าง Golden Harvestซึ่งในอดีตบรู๊ซ ลี เคย
เป็นดาราประจำของค่ายนี้
โดยที่สิทธิการทำหนังในค่ายนี้ เฉินหลงเป็นคนสามารถเลือกเองได้
ผลงานเรื่องแรกในค่ายนี้คือเรื่อง The Young Master (1980)ซึ่งสามารถทำรายได้ 10 ล้านเหรียญฮ่องกงเป็นเรื่องแรกจากนั้นเฉินหลงก็มีโอกาสไปแสดงหนังอเมริกาเป็นครั้งแร

ในThe Big Brawl (1980)
(หรือ Battle Creek Brawl )
ผลลัพธ์ที่ได้คือไม่ประสบความสำเร็จเลย
จากนั้นเขาก็แสดงเป็นตัวประกอบในหนังแนว Road Movie
อย่าง
Cannonball Run (1981)
และ Cannonball Run 2 (1982)
เรียกได้ว่าการไปเล่นหนังอเมริกาของเขานั้น
ล้มเหลวไม่เป็นท่า

หลังจากนั้นเฉินหลงก็
ได้กลับมาทำหนัง
ในฮ่องกงกับร่วมกับ 2 สหายอย่าง

หงจินเป่า และ หยวนเปียว
โดยผลงานที่ทั้งสามได้แสดงด้วยกันมี 6 เรื่อง คือ
Winners and Sinners (1983)Project A (1984)Wheels on Meals
(1984)
My Lucky Stars (1985)

Twinkle Twinkle Lucky Stars (1986) และ
Dragons Forever (1988) เป็นเรื่องสุดท้าย
(แต่เรื่อง Heart of Dragon (1985)

เฉินหลงกับหงจินเป่าแสดง แต่หยวนเปียวอยู่ในส่วนกำกับคิวบู๊ )แต่เฉินหลงกลับมาประสบความสำเร็จอย่างสูงอีกครั้ง
ในหนังตำรวจร่วมสมัยอย่าง Police Story (1985)โดยเรื่องนี้ทำให้เฉินหลงได้รับรางวัลม้าทองคำ
(ตุ๊กตาทองฮ่องกง) ถึง 2 รางวัล
คือ
ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและ
ออกแบบฉากต่อสู้ยอดเยี่ยม

แล้วเฉินหลงก็หวนไปแสดงหนังอเมริกาอย่าง

The Protector (1985) ซึ่งก็ล้มเหลวอีกครั้ง
จากนั้นเฉินหลงก็แสดงหนัง
ในฮ่องกงหลายเรื่องตลอดมาเรื่อยๆ เช่น

Armour of God (1987)Police Story 2 (1988)
Miracles ฮอลลีวูด

และการไปเปิดตลาดอเมริกาครั้งที่สองของเฉินหลงก็เป็นผล
เมื่อ Rumble in the Bronx (1995)
สามารถเปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่ง
ในบ็อกซ์ออฟฟิสของอเมริกา

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1996
สามารถทำรายได้ตลอดการฉายถึง 32.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากนั้นเฉินหลงก็มีหนังท็อปฟอร์มหลายเรื่องในเวลาต่อมา เช่น

Thunderbolt (1995)Police Story 4: First Strike (1996)Mr. Nice Guy (1997) และ Who Am I? (1998)
และการแสดงหนังอเมริกาของเฉินหลงในรอบหลายปีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเฉินหลงนำ แสดงใน Rush Hour (1998)ที่นำแสดงคู่กับ Chris Tucker
ผลก็คือประสบความสำเร็จอย่างสูง

เพราะสามารถทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิส ถึง 141.1 ล้านเหรียญ

และ 244.3 จากทั่วโลก
จากนั้นเฉินหลงก็มีโอกาสเล่นหนังทั้งในฮ่องกง

และอเมริกาสลับกันหลายๆครั้ง เช่น
Gorgeous (1999)
Shanghai Noon (2000)
The Accidental Spy (2001)
และเฉินหลงก็กลับมาเล่นหนังภาคต่ออย่าง
Rush Hour 2 (2001) และ
Shanghai Knights (2003)ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเหมือนเคย
ปัจจุบันเฉินหลงเปิด
บริษัทสร้างหนังอย่าง JCE Movies Limited

ซึ่งเขาเป็นทั้งผู้สร้างและนำแสดงในหนังของตนเอง
หนังของเขาเรื่องแรกในบริษัทที่เขานำแสดง คือ
New Police Story (2004)
จากนั้นก็สร้างออกมาเรื่อยๆ เช่น

The Myth (2005) และ
Rob-B-Hood (2006)