Custom Search

Nov 7, 2009

จิระ มะลิกุล

สมาคมศิษย์เก่านิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Wiki




"พี่เก้ง"
เป็นคนแปลก
ฉันเชื่ออย่างนั้นมานานนม
จึงเป็
นเรื่องช่วยไม่ได้ ที่ฉันจะแอบคาดหวังไว้ล่วงหน้าว่า
ผลงานที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตการทำงาน
ที่พี่เก้งเลือกสรรมาเป็นคำตอบ
จะเป็นงานแปลก ๆ
ไม่ซ้ำแบบใคร
พี่เก้งไม่ทำให้ฉันผิดหวังเลยจริง ๆ

"ตั้งแต่วันที่น้องเกริ่น
หัวข้อสัมภาษณ์ให้ผมฟัง

ผมก็ตอบของผมในใจได้ในวินาทีนั้น
โดยไม่ได้พยายามจะหาคำตอบ
ให้เหมาะสมกับหนังสือเลยนะ"
"ผมเลือกงานสไลด์ ‘พี่ธาดา’"
ไม่ต้องอธิบายกันให้มากความแล้วกระมังว่า สไลด์
พี่ธาดา
คืออะไร นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ทุกรุ่นย่อม
ต้องเคยผ่านประสบการณ์
‘ตกกะใจหายแว้บ’
และตระหนัก ถึงพลังช็อกหัวใจ
ผู้ชมของงานชุดนี้
กันมาแล้วทั้งนั้น กระนั้น
สำหรับฉันเองแล้ว
ก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ว่า
พี่เก้งซึ่งผ่านงาน
ทั้ง
โฆษณา มิวสิกวิดีโอ รวมถึงหนังใหญ่
รวมแล้วมากมายหลายชิ้น
ได้รับคำชมเบ็ดเสร็จ
รวมกันหลายกระบุงโกยไม่ไหว
เหตุใดจึงเลือกงาน
ที่ทำตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนิสิตชิ้นนี้มาพูดถึงในคราวนี้
"มันเป็นงานที่ขณะทำเราก็มีความสุข
กระเหี้ยนกระหือรืออยากทำ
เวลาเอาไปขาย ก็จะรู้สึกพีคทุกครั้ง
"
ผมทำ ‘พี่ธาดา’ ตอนปี 2 เพื่อฉายในงานรับน้องปี1

เขาให้ส่งการแสดงกัน ผู้ชายปีผมก็น้อย
จะเอาผมไปเต้นกำรำเคียวก็เต้
นไม่เป็น
ก็เลยขอเขาทำ พี่ธาดา ไปเขียนบทกับ
ไอ้กร๋อย (กิตติพงศ์ ทุมวิภาต)


เขียนกันไปมั่วซั่ว เขียนเช้าถ่ายเย็น
อัดเสียงในห้อง MC ใช้ฟิล์มสไลด์ 2 ม้วน
ถ่ายคืนเดียว เอาเพื่อนมาถ่าย
"
พอถึงเวลาที่ได้เอางานไปฉาย..
มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทำงานแล้วรู้สึกพีค
รู้สึกเหมือนในมือเรามีไม้วิเศษ
ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย"

"ก่อนฉาย พี่เก้งไม่ได้คิดไว้ก่อนว่าจะได้ผล
ทำให้คนตกใจมากมาย ขนาดนั้น?"

" ไม่เลย แค่ทำเป็นการแสดงชุดหนึ่งนะ
จำเป็นต้องทำ ไม่อย่างนั้นต้องไปเต้นกำรำเคียว (หัวเราะ)
แต่ก็มีการคิดกันไว้ล่วงหน้าว่า
เราจะต้องออกแบบบรรยากาศ

ต้องจุดธูป เตี๊ยมกันเล่นๆ
ไม่ได้จริงจัง

แล้วพอสไลด์พูดมาถึงคำนี้ต้องมีคนไปปิดประตูดังๆ
คนดูก็จะกรี๊ดกร๊าด พี่ธาดาจะมาปรากฏกายให้เห็น
อยู่เป็นประจำ เปรี้ยง! มันเป็นคิวน่ะ
เพื่อนผมซ้อมคิวนี้ตั้งแต่ตอนบ่าย
แล้วก็จะมีอีกคนที่ต้องเดินไปเดินมา
แล้วพูดว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์นะครับ ศักดิ์สิทธิ์นะครับ’
ตั้งแต่ตี2ถึงตี4 (หัวเราะสนุก)


"พอถึงวันฉายจริง เหมือนอะไรๆ มันลงตัว
เอาน้องมานั่ง
ภาพเบลอๆบ้าง
เพราะเราปรับสไลด์ไม่ค่อยเป็น
ควันธูปก็กระจายไปทั้งห้อง
คือ น้องต้องเข้าใจว่า
ตอนที่ฉายครั้งแรกนั้น
ยังไม่เคยมีใครได้ดูมาก่อนเลย ทั้งปี1 และปีผม
คนที่กรี๊ดก็เลยมีพวกปีผมด้วย (หัวเราะสะใจ ตาเป็นประกาย)
ขณะที่ฉายนี่ ความเป็นนักสื่อสารมวลชนพลุ่งพล่านมาก
‘เฮ้ย อำนาจอยู่ในมือเราว่ะ’ รู้สึกอย่างนั้นเลยนะ
‘ทำห่าอะไรวะเนี่ย คนถึงได้กรี๊ดกันทั้งห้อง’
เปิดไฟมาเห็นน้องปี1 นั่งกอดกันกลมอยู่กลางห้อง


"งานชิ้นนี้ก่อให้เกิดหลายสิ่งหลายอย่างสำหรับผม

สิ่งที่เราเรียนมาตอนปี1 ที่เขาสอนมาตลอดว่า
สื่อมวลชนต้องมีจรรยาบรรณ เพราะว่า..อะไรพวกนี้
ผมเพิ่งเข้าใจตอนนั้นเองว่ามันคืออะไร
ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยเข้าใจเลยนะ เอ๊ะยังไงวะ
เราจะทำอะไรได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
เรามีอำนาจขนาดนั้นเลยเหรอวะ
แต่ผลจากงาน พี่ธาดา แค่เอาสไลด์ไม่กี่รูปมาต่อๆ กัน
ก็ทำให้คนโผเข้ากอดกัน ทำให้คนร้องไห้
มันส่งผลกระทบต่อคนดูได้มากขนาดนั้น
เพราะฉะนั้น พี่ธาดา จึงเป็นงานที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม"


ฉัน ย้อนถามพี่เก้งถึงสิ่งที่พี่เก้งกล่าวไว้ว่า
การได้เห็นปฏิกิริยาของน้องๆ ปี 1

ขณะดูสไลด์ พี่ธาดา ครั้งนั้นแล้ว
ทำให้รู้สึกราวกับตนมีไม้วิเศษอยู่ในมือ
ในทางกลับกัน เมื่อพบงานที่ล้มเหลว
ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม
มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า
ไม้วิเศษนั้นหายไปหรือไม่


"(นั่ง คิด) ไม่ว่ะ ผมรู้สึกเหมือนผมท่องคาถาผิด
มันเหมือนการยิงลูกโทษน่ะ
ปรกติเราก็ยิงเต็มเหนี่ยวกันทุกครั้ง
ซึ่งถ้ามันพลาด มันก็พลาดเต็มเหนี่ยว

คนดูอาจงงว่าทำไมเรายิงข้ามคาน
แต่ผมว่าตัวคนยิงเองจะไม่งงหรอก
เพราะเรารู้ว่าเราจะยิงไปไหน อ๋อ เราจะหลอก
กะจะยิงมุมบนซ้าย ยิงให้เต็มเหนี่ยวไปเลย
แต่ปรากฏว่าพอยิงไปแล้วมันดันขึ้นไปสกอร์บอร์ดโน่น
คนดูอาจจะแบบ มึงจะยิงไปไหนวะ
แต่ตัวเราน่ะรู้ ว่าเราจะยิงไปตรงนั้นไง


" อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าความผิดพลาดครั้งนั้น
จะทำให้เราสูญเสียความมั่นใจในการยิง

ผมรู้ว่า การที่เท้าโดนบอล
มันสามารถทำให้เกิดอะไรขึ้นได้หลายอย่าง
ถ้าจังหวะผิดไปเสี้ยววินาที องศาผิดไปนิดเดียว
หรือที่พื้นดันมีดินปูดขึ้นมานิดหน่อย
องค์ประกอบที่จะทำให้เท้าเราไม่สามารถกระทบบอลแล้ว
ให้ผลอย่างที่เราเคยซ้อม มาได้ มันมีอยู่เยอะ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร
ผมคิดว่าอำนาจในการยิงของเราก็ยังมีอยู่
ถ้าเรายังมีความมั่นใจว่า
ไอ้ที่อยู่ในมือเรานั้นมันคือไม้วิเศษ

"คิดว่าความรู้สึกเหมือนกำลังถือไม้วิเศษนั้น

เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนทุกสาขาไหมคะ"

"(ตอบ ทันที) ทุกสาขาครับ มันเป็น แมจิก เลยนะ
ผมไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า
นิเทศศาสตร์จะทรงอิทธิพลอะไรขนาดนี้

ยิ่งโตยิ่งรู้สึก
ยิ่งออกมาทำงานเยอะๆ ยิ่งรู้สึกมากเลย
มันเป็นสิ่งที่หมอผ่าตัดไม่ได้น่ะ คือ
จะทำให้คนสักคนคลั่งไคล้ดารา คนนี้
เอ้า หมอ คุณไปผ่าตัดให้คนนี้คลั่งดาราซิ
หมอทำไม่ได้ หมอผ่ากะโหลกได้
เปิดสมองออกมาได้
แต่จะยัดอะไรลงไปเพื่อให้คนคิดแบบนั้นได้

มันยากมากนะ
เป็นส่วนผสมทางกลไกของมนุษย์ที่ยากมาก
หมอทำไม่ได้ แต่ได้พวกนิเทศศาสตร์ มันทำได้
ทำยังไงก็ไม่รู้ อะไรบางอย่างแค่คลิกเดียว
ก็ทำให้คนพร้อมที่จะเชื่อแล้ว"


"ผมคิดว่า นิเทศศาสตร์คือการทำให้คนเชื่อมั้ง

เหมือนที่ผมเล่าให้ฟัง ทันทีที่ผมฉาย พี่ธาดา
มันเกิด..วิ้ง เกิดแมจิกในใจ ว่าเราถือไม้วิเศษอยู่ในมือ
ผมจำความรู้สึกนั้นได้แม่น และมันก็อยู่ในใจผมตลอด


"สิ่งที่สอน กันไม่ได้
นอกจากคุณจะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง
ผมจึงนำความคิดนี้
มาทำงาน กางจอ คือผมรู้ว่า
ถ้าน้องๆ ทำงานมาแล้วเอามานั่งดูกัน 2 คน
ระหว่างคนทำกับคนสอน
มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก
อย่างมากที่สุดก็รู้แค่ว่า กูเก่งเว้น

แต่มันยังไม่ใช่ความรู้สึกที่
ก้าวไปรู้ว่าเรากำลังถือไม้วิเศษ

จนกว่างานจะได้ฉายออกไป
แล้วก็มีใครไม่รู้มานั่งดูงานของเรา
คนนั้นดูแล้วไม่รู้เรื่อง
คนนู้นหัวเราะ คนโน้นก็ชม
อะไรอย่างนี้ ผมว่าเรื่องแบบนี้
เป็น แมจิก โมเมนต์ มาก


"หมายความว่า ในความคิดของพี่เก้งการจะหลุดออกไป
เป็นอะไรต่อมิอะไรในสาขาสื่อมวลชนได้
ควรจะต้องหาความรู้สึกเหมือน
ถือไม้วิเศษให้เจอเสียก่อนหรือคะ?"


" ใช่ เพราะมีคำว่า มวลชน อยู่ด้วยไง

เราพูดคำนี้กันบ่อยจนเหมือน
เราลืมนึกถึงความหมายของมันไป

เราคือ สื่อสารมวลชน เราไม่ได้สื่อสารกับตัวเอง
คนเดียวหรือสื่อสารกับใครคนใดคนหนึ่ง
แต่เรากำลังสื่อสารกับมวลชน
และความเป็นมวลชนก็มีพลังบางอย่าง
ที่พอเราไปแตะโดนแล้ว
มันจะกระจายไปได้กว้างไกลมาก"


"เพราะฉะนั้น ขณะเดียวกันมันทำให้เราสำนึกว่า
เราควรใช้ไม้วิเศษอย่างมีสำนึกด้วยใช่ไหมคะ?"

" ใช่ แน่นอนที่สุดเลย ผมเคยเห็นงานเก่าของตัวเองหลายชิ้น
แล้วรู้เลยว่า มันอันตรายมาก
เราทำไปด้วยความคะนองน่ะ

ผมว่ามันน่าเป็นห่วงมากสำหรับน้องๆ
ที่เพิ่งทำงานใหม่ๆ แล้วยังครองสติไม่อยู่

หรือคิดไม่ถึง
" บางทีก็เหมือนการเล่นทอยกองหรือทอยเส้นจะมี
เส้นบางๆ อยู่เส้นหนึ่งเราทุกคนพยายาม
จะเข้าไปใกล้เส้นนี้ให้ได้มากที่สุด
แต่ห้ามเลยนะ เพราะถ้าเลยเมื่อไหร่
ผลมันจะพลิกกลับไปเป็นความหายนะทันที"






เก้ง-จิระ มะลิกุลผู้กำกับภาพยนตร์

รู้สึกอย่างไรที่จะมีการนำเพลงของเฉลียงมาทำละครเวที

อยากดูครับ เพราะเพลงมันเก่ามาก คือผมว่าไม่ต่ำกว่า20ปี
ถือว่าเป็นเพลงในกรุ แต่ว่าถ้าเอามาเล่นใหม่เฉยๆ
ผมไม่รู้ว่ามีคนอยากฟังเยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าเอามาทำละคร
ก็น่าดูเหมือนกัน อย่าง
เพลง “เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ”สครับเอามาเล่นแล้ว
คนร้องตามทั้งหาดเลยน้อง แสดงว่าเพลงเฉลียงมันก็มี
เสน่ห์ของมันเหมือนกัน คือมันไม่ใช่เพลงที่ฟังดูลึกลับ
เหมือนที่ผมเคยรู้สึก เอ๊ะ พูดแบบนี้ดีหรือไม่ดี

ชอบเพลงเฉลียงตรงไหน

ผมชอบเนื้อร้อง ผมว่าเป็นเนื้อร้องของเพลงที่
ซับซ้อนแต่ฟังเพราะ ซับซ้อนมากแต่ว่าฟังแล้ว
มันไม่ยาก แล้วก็ลงตัวกับเมโลดี้

ชอบเพลงไหนของเฉลียงบ้าง

ผมชอบ “รู้สึกสบายดี” ผมว่าเป็นเพลงที่พูดถึง
ชีวิตธรรมดาๆ สำหรับผม มันเหมือนกับกำลัง
พูดเรื่องทางสายกลางในศาสนาพุทธเลยล่ะ
แต่ว่า มาเปลี่ยนเป็นชีวิตประจำวันได้ลงตัวมาก

ฝากอะไรถึงแฟนเพลงเฉลียงหรือแฟนละครเวที

คืออันนี้ไม่ต้องให้ชวน คือใครรู้ก็อยากดู
เพลงเฉลียงมันมีมนต์ขลัง ตรงที่ว่า ถ้าเราฟังเพลงนี้
แล้ว เห็นภาพอย่างที่เนื้อร้อง มันจะไม่ดี
ผมหวังว่าสิ่งที่เรากำลังจะได้ดูมันจะแปลกใหม่
แล้วก็พลิกความคาดหวังจากที่เราฟังเพลงเฉลียงทุกครั้งในชีวิต