Custom Search

Feb 1, 2009

ศิลปะ"การแจก" : เถ้าแก่น้อย

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
หนุ่มเมืองจันท์
มติชน
23 มกราคม 2552




วันก่อน คุยกับ "ต๊อบ" อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์
"ต๊อบ"เป็นเจ้าของธุรกิจสาหร่ายทอดกรอบ
"เถ้าแก่น้อย"
เป็นเด็กหนุ่มที่ทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุ 17 ปี
ตอนนี้อายุ 24 ปียอดขาย "เถ้าแก่น้อย" ปี 2551
ทั้งในประเทศและส่งออกประมาณ 1,000 ล้านบาท
เป็น "เด็กมหัศจรรย์แห่งยุค" คนหนึ่งทีเดียววันนั้น
เขาเล่าเรื่องกลยุทธ์การตลาดที่ตั้งชื่อเองว่า
"GIVE MARKETING"กลยุทธ์นี้เขาใช้ตอนที่เริ่มเปิดตลาดใหม่ๆผลิตเท่าไร
แจก 40%ตอนแรกพ่อกับแม่ไม่ค่อยเห็นด้วยนัก
เพราะรู้สึกว่าแจกสินค้ามากเกินไปคิดดูสิครับ ขายแค่ 60
แต่ผลิต 100 เพื่อที่จะแจก 40ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น
เกือบเท่าตัวเลยเรื่องการแจกถือเป็นเรื่องปกติสำหรับสินค้าใหม่
โดยเฉพาะสินค้าเข้าปาก ซึ่งการตัดสินใจขึ้นอยู่กับ "รสชาติ"
เป็นสำคัญเพราะถ้าลูกค้าได้ทดลองชิมแล้ว
ชอบโอกาสขายก็เพิ่มขึ้นแต่เชื่อไหมครับ
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทุกคนมักจะมีรายละเอียดบางอย่าง
ที่ไม่ธรรมดาไม่ว่าจะอายุเท่าไรเรื่องการแจกสินค้าก็เหมือนกัน
"ต๊อบ" ก็มีศิลปะการแจกที่หวังประโยชน์สูงสุด
เขาเลือกแจกสาหร่ายทอดกรอบกับ "ผู้หญิง"
เป็นหลักไม่ใช่เพราะ "ผู้หญิง" คือกลุ่มเป้าหมายใหญ่
ในการบริโภคสาหร่ายทะเลทอดกรอบแต่เพราะ "ผู้หญิง"
มีลักษณะพิเศษที่ช่วยกระจายสินค้าและข่าวสารได้เร็วกว่า
"ผู้ชาย""ผู้หญิง" นั้นพอรับแจก "เถ้าแก่น้อย" ไปปั๊บ
ก็จะส่งให้เพื่อนทดลองชิมด้วย1 ซอง
กระจายไปหลายคนและถ้าอร่อยขึ้นมาก็จะ "บอกต่อ"
การคุยเรื่องของกินหรือขนมอร่อย
เป็นเรื่องปกติธรรมดาของสาวๆยิ่งถ้าสาวเจ้าแนะนำแล้ว
"โดน"เธอยิ่งภูมิใจไม่เหมือนกับ "ผู้ชาย"พอรับของแจกเสร็จ
ส่วนใหญ่จะไม่รีบฉีกซองกินเลยเก็บเข้ากระเป๋า
ว่างๆ ค่อยกินและส่วนใหญ่จะกินคนเดียวกินเสร็จ
ถ้าอร่อย "ผู้ชาย" จะบอกตัวเองว่าเข้าเซเว่นฯ
เมื่อไรจะซื้อไม่ "บอกต่อ"ศิลปะการแจกนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก
น้องคนหนึ่งที่ทำนิตยสารแจกฟรีของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
"I Travel"เขาบอกว่า
ผู้หญิงส่วนใหญ่จะรับนิตยสารแจกฟรีง่ายๆ
แต่ผู้ชายรับยากหน่อยถ้าเหลือบมองดูแล้วไม่ชอบก็ไม่รับ
ดังนั้น เขาจึงใช้กลยุทธ์เลือกรูปผู้หญิงสวยๆ
ไว้หน้าปกสวยระดับที่ทำให้ผู้ชายที่กำลังโบกมือแนวตั้งเพื่อปฏิเสธ
ต้องเปลี่ยนองศามือมาระดับแนวนอนช้อนรับหนังสือไปโดยดีครับ
ทนสายตาอ้อนวอนของสาวบนหน้าปกไม่ไหว
นอกจากนั้นเขายังบอกว่าการแจกที่มีประสิทธิภาพ
ต้องแจกในช่วงเช้าไม่ใช่ช่วงเย็นเพราะถ้าแจกตอนเย็น
คนรับเสร็จก็เอากลับบ้านอ่านแค่คนเดียวแต่ถ้าแจกตอนเช้า
คนรับจะถือหนังสือเข้าสำนักงาน1 เล่ม
อ่านหลายคนคนที่ลงโฆษณาชอบ
หรือเรื่องการแจกบัตรฟรีของผับที่เปิดใหม่ก็ต้องมี "ศิลปะ"
เหมือนกันครั้งหนึ่ง
ผมเคยคุยกับเจ้าของผับชื่อดังในอดีตตามหลักธุรกิจ
ช่วงเปิดร้านเขาจะต้องแจกบัตรฟรี เพื่อให้คนมาทดลองใช้บริการ
และทำให้ผับไม่โหรงเหรงส่วนใหญ่ "บัตรฟรี" ที่แจก
จะเป็นเหล้าฟรี หรือไม่ก็ลดพิเศษเยอะๆ
แต่การแจกก็มีศิลปะเหมือนกันไม่ใช่เจอใครก็แจก
เขาจะเลือกแจกเฉพาะผู้หญิงที่หน้าตาดีไม่ใช่ "ขี้หลี"
แต่เขามี "เป้าหมาย"เพราะถ้ามีหญิงสาวหน้าตาดีมาเที่ยวเยอะๆ
มันจะเกิดการร่ำลือในหมู่นักเที่ยวและจะเป็น "แม่เหล็ก"
ดึงหนุ่มๆ เข้ามาเที่ยวผับนี้เป็นทฤษฎี "แม่เหล็กต่างขั้ว"
เขาบอกว่าเคล็ดลับของแหล่งบันเทิงยามราตรี
นอกเหนือจากบรรยากาศของร้าน วงดนตรีอาหาร ฯลฯสิ่งที่เหมือนกันก็คือ
1.ผู้หญิงสวย
2.ผู้ชายหล่อ
3.คนต้องแน่นผู้หญิงสวย-ผู้ชายหล่อ
จะเป็น "แม่เหล็ก" สำคัญในการดึงดูดเพศตรงข้ามโดยเฉพาะ
ถ้า "ผู้หญิงสวย"เขาบอกว่าพลังดึงดูดจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าคือ
ได้ทั้งกลุ่มผู้ชายและ "ทอม"
ผมนึกเรื่อง "ศิลปะการแจก" ของธุรกิจต่างๆ ขึ้นมา
หลังจากเห็นมาตรการแจกเงินของรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็นการแจก 2,000 บาทให้
คนที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท
หรือการเพิ่มเบี้ยยังชีพให้กับคนสูงอายุ ฯลฯ
นี่คือ การแจกเงินแบบ "นักการเงิน"
โดยแท้เขาลืมไปว่าบรรทัดสุดท้ายของ "เงิน" คือ "คน"
ถ้าไม่มีบรรยากาศดึงดูดให้เขาจ่ายเงิน
หรือทำให้เขาเชื่อมั่นในอนาคต
คนที่ได้เงินเพิ่มในกระเป๋าก็จะไม่ใช้จ่ายนึกถึงคนอกหัก
กับหนุ่มสาวที่จีบกันใหม่ๆ สิครับถ้าเติมเงินในกระเป๋า
"คนอกหัก"รับรองได้ว่าเงินมากแค่ไหน
ก็อยู่ที่เดิม"คนอกหัก" เดินห้าง
ต่อให้ลดทั้งห้างก็ไม่ซื้อมีแต่คิดว่าจะโดดจากชั้นไหนดี
ไม่เหมือนหนุ่มๆ ที่จีบสาวใหม่ๆโลกเป็นสีชมพูมีเงินเท่าไร
ก็ยอมควักกระเป๋าเลี้ยงสาวหมดยอมแม้กระทั่งรูดบัตรเครดิต
เอาเงินอนาคตมาใช้"คนอกหัก" นั้น
อดีตยาว อนาคตสั้น
แต่คนที่อยู่ในความรักอดีตสั้น อนาคตยาว
ยิ่งเจอใบเสร็จบัตรเครดิตอนาคต
ผ่อนจ่ายยาวหลายเดือนเลย