Custom Search

Dec 1, 2006

ครูรัก

ศรัทธา ศรัทธาทิพย์ ในวันที่ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่า...ครูรัก’
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีรายการเรียลลิตี้ของใหม่ผุดขึ้นทางเคเบิ้ลทีวี รายการอะคาเดมี แฟนเทเชีย
เพื่อตามหาสุดยอดนักล่าฝัน ที่มีแฟนรายการติดหนึบกับการติดตามความเคลื่อนไหวที่มีกล้องกว่า 60 ตัวถ่ายทอดสด 24 ชั่วโมงกับ 12 ชีวิต ที่ผ่านการคัดเลือก
จากคนนับพันให้เข้ามาใช้ชีวิตร่วมกันในบ้าน ที่เต็มไปด้วยความรู้ ...ร้อง เต้น
เล่น (ละคร) องค์ประกอบที่จะพาบรรดานักล่าฝันก้าวสู่เส้นทางสายฝัน...อย่างมืออาชีพ


‘ครูรัก’ ชายหนุ่มร่างท้วมอารมณ์ดีคนนี้ ในฐานะครูพิเศษประจำบ้าน เป็นผู้ที่มีหน้าที่สอนจริยธรรมและสอนการใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริง เพื่อให้นักล่าฝันก้าวออกไปใช้ชีวิตบนเส้นทางที่ตนฝันและในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ เขากลายเป็นโลโก้และขวัญใจคนดูในอันดับต้นๆ คนหนึ่งของรายการ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ใครจะรู้...เขาเคยปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในเทรนเนอร์มาแล้ว และครั้งหนึ่งเคยถูกเพื่อนถามกลับว่า ...“หน้าอย่างมึงนี่เหรอ จะไปเป็นครูเขา”แต่วันนี้มีคำตอบแล้วว่า เขาสามารถทำหน้าที่ครูได้ดี ด้วยลีลาการสอนที่เป็นเอกลักษณ์
หลายครั้งเราเห็นเขาเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสในการสอน วิธีพูดจา
การเข้าถึงจิตใจ และการให้กำลังใจ เหล่านี้ล้วนสัมผัสได้ถึงความรักและความหวังดี
ที่ครูคนหนึ่งพึงจะมีให้ศิษย์

บทสัมภาษณ์


>> เอเอฟซีซั่น 3 ที่เพิ่งจบไป เป็นรุ่นที่เข้าไปสอนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

เป็นรุ่นที่ไม่เหนื่อยเลยครับ เป็นการทำงานเป็นการสอนที่สบายมาก เพราะเด็กนิสัยดี ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรให้ต้องคิดหรือต้องแก้เยอะ รุ่น 3 ไม่มีปัญหาหนักใจ จะมีปัญหา เช่น ทำยังไงให้บอย (สิทธิชัย ผาบชมพู) มั่นใจมากขึ้น ทำยังไงให้ต้า (สักกทัศน์ กุลไพศาล) มีการแสดงหลากหลายอารมณ์มากขึ้นมากกว่าหล่อ ๆ เก๊ก ๆ เสียง เราจะเปิดตรงนี้เขายังไง ที่เหลือก็คือเสียงจากคนดู เสียงจากเพื่อน คือถ้าไม่นับเรื่องร้องเพี้ยน เรื่องนิสัยสำหรับเด็กรุ่นนี้น่ารักครับ ไม่ทำให้เราหนักใจ รุ่นอื่นยังจะมีมากกว่า แต่รุ่นนี้เขาเป็นเด็ก ๆ จะไม่ค่อยมีบรรยากาศของการชิงดีชิงเด่นสักเท่าไหร่ แล้วเขาก็พยายามปรับตัวอยู่ด้วยกันสบาย ๆ ไม่เรื่องมาก ทุกคนไม่มีปัญหาอะไร แม้แต่กับทีมงาน หรือเวลาขึ้นเล่นคอนเสิร์ต เรื่องเพลง เรื่องชุดก็ไม่มีปัญหา ในขณะที่รุ่นอื่นอาจจะมีปัญหาบ้างสำหรับบางคน

>> เวลาที่ต้องต่อว่าหรือตักเตือนใครสักคน กลัวกระแสแฟนคลับต่อว่าแค่ไหน

ผม ไม่ค่อยมองกระแส เพราะกระแสทำให้ครูหลายคนเป๋ไป๋ไปมา ผมว่าคนที่จะมาทำรายการนี้ได้ต้องมีความหนักแน่นอยู่แล้ว ถ้าเกิดตามกระแส เราจะเจ๊ง บางทีเด็กเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ แต่กระแสข้างนอกด่าเขามาก แล้วพอเราไปตามกระแส จู่ ๆ ครูก็มาด่าเขา เขาจะงงว่าครูเป็นอะไรวะ หรือถ้าเด็กคนไหนมีคนรักมาก คนกรี๊ดมาก ๆ อยู่ ๆ ครูก็เข้าไปตีสนิท เข้าไปโอ๋มาก ๆ มันก็ดูประหลาด หรือเขาเห่ย เขาแย่ แล้วเราไม่เข้าไปแก้ปัญหาให้เขาตรง ๆ เพราะกลัวกระแสจะต่อว่า ก็ไม่ได้ ผมไม่สนกระแสครับ แล้วค่อนข้างสวนด้วย

>> อย่างในอินเตอร์เน็ต หรือเอสเอ็มเอส ครูหลายคนมีทั้งคนชม และคนด่า

ผม ไม่เคยเหนื่อยและไม่เคยท้อ จะโดนด่าจากเอสเอ็มเอส จากในอินเตอร์เน็ต สำหรับผมกระแสไม่มีผล คือเราต้องคิดถึงธรรมชาติมนุษย์ ตอนเราเป็นนักเรียนเราไม่ได้รักครูทุกคน พอเราเป็นครู แรก ๆ เราก็ไม่ได้รักนักเรียนได้ทุกคน หรือเราทำอะไรก็จะไม่มีใครชอบเราทุกคน ถ้าเราทำใจและเข้าใจตรงนี้ ก็จะไม่หวั่นไหว แต่ความจริงเป็นเรื่องยากนะกับการที่จะไม่หวั่นไหว อย่างเป็ดก็ยังมีเรื่อง ร้องห่มร้องไห้ เพราะแฟนรายการมีหลายแบบหลายประเภท โทร.ไปขู่ฆ่าเขาก็มี แค่ในคลาสเขาไปด่าเด็กที่เขาชอบ โทร.มาอยากตายไหม เคยตายไหม อย่าให้มันมากนักนะเว้ย อะไรอย่างนี้ ซึ่งอันนี้ก็บ้าแล้ว

>> ภาพของการเป็นนักแสดงอารมณ์ดี ออกแนวตลกมีผลกับบทบาทครูแค่ไหน

ภาพ ผมก็คือนักแสดงคนหนึ่งซึ่ง บทบาทตลกบ้าบอ ยากที่คนจะให้ความเชื่อถือ ความยากคือจะทำอย่างไรให้เขายอมรับ อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้แต่คนดูหรือเพื่อนผมก็ไม่มีใครเชื่อ มันบอกว่า...หน้าอย่างมึงนี่เหรอ จะไปเป็นครูเขานี่นะ (ยิ้ม) เจ้านายเก่า ๆ เพื่อนฝูงในวงการ แรก ๆ ไม่มีใครเชื่อถือหรอก หน้าอย่างนี้มีหรือจะทำได้ แต่พอได้ทำ คนได้เห็นวิธีการ ได้เห็นการพัฒนาของเด็ก ความยอมรับก็ค่อย ๆ เกิดขึ้นมาเอง พอทำให้เขาเห็น เขาก็ยอมรับ พูดง่าย ๆ ว่าผมอยู่ในวงการมา 20 ปี ยังไม่ได้รับการชื่นชมเท่ากับอยู่ในโชว์นี้ 2 เดือนเลย

>> ถามตรง ๆ รักลูกศิษย์เท่ากันไหม

ผม รักทุกคน แต่สนิทไม่เท่ากัน แต่ไม่ได้เกลียดใคร ไม่ได้หมั่นไส้ใคร ไม่ได้อยากจะละเลยใคร รุ่น 1 อาจจะมีบ้าง แต่มาทำใจให้รักเด็กจริง ๆ คือรุ่น 2 พอมารุ่น 3 ไม่มีปัญหา คนที่ออกไปแล้วจะติดต่อกันตลอด มีกิจกรรมอะไรจะไปด้วยกัน ไปช่วยกัน สนิทกันมากน้อยแล้วแต่ ลูกศิษย์บางคนก็ห่างไป อาจจะเพราะงานเยอะ ก็ว่าไป แต่คนไหนที่สนิทจะทำงานด้วยกันอยู่เรื่อย ๆ

>> รู้สึกอย่างไรที่กลายเป็นหนึ่งในโลโก้ของรายการนี้ไปแล้ว

ถ้ามองอย่างกลาง ๆ เวลาผมดูคอมเม้นเตเตอร์พอไม่มีครูเป็ด (มนต์ชีพ สิวะศินางกูร) มันก็กร่อยจริง ๆ ...แต่ครั้งแรกผมเหม็นหน้าเขานะ (ยิ้ม) ผมยังเคยคิดในใจเลย แหม...เขาจ้างคุณมาด่า มันง่าย เขาจ้างผมมาสอน มันยาก แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เขาจ้างมาด่าก็ไม่ใช่ง่ายเลย มันยากทีเดียวแหละ แล้วก็ต้องรองรับความรู้สึกของเทรนเนอร์และแฟนคลับอีกต่างหาก บางทีคอมเม้นต์ไม่ดี จะได้ยินเสียงแฟนคลับฮือฮาโห่ตรงนั้นเลยเหมือนกัน...ผมคิดว่าถ้าเป็นโลโก้ ถ้าไม่มีเขาก็คงรู้สึกกร่อย พอมามองตัวเองอาจจะมีผลบ้างเหมือนกัน สมมุติดูครูคนอื่นสอนอาจจะรู้สึกว่ารสชาติไม่จัดจ้านถึงใจ ถึงผมจะไม่มีคำพูดเก๋ ๆ ไม่มีลุคที่แบบเมตตา ใจดี เป็นพ่อพระ แม่พระ ไม่มีคำพูดเก๋ ๆ แต่ผมจะพูดแบบเข้าใจง่าย...บางทีตัวเราดูอยู่ที่บ้านเราก็รู้สึกอึดอัดใจ เหมือนกัน เฮ้ย...ทำไมมันยังทำไม่ได้สักที ทำไมไม่บอกมันไปเลยว่ามันเป็นอย่างนี้วะ แล้วพอเข้าไปในบ้านผมก็ใส่เลย จึงเป็นไปได้ที่คนดูหลาย ๆ คนดูแล้วรู้สึกเหมือนกับผม พอผมพูดออกมาตรง ๆ มันก็เลยตรงใจเขาที่กำลังรู้สึกเหมือนผม กลายเป็นถูกใจ เลยกลายเป็นว่าถ้าไม่มีเราเหมือนขาดรสชาติจัดจ้านถึงใจไป

>> ไม่ค่อยเห็นข่าวครูรักเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวสักเท่าไหร่

ผม ยังโสดครับ ถึงแม้ว่าอายุจะ 40 แล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดความรัก เพราะผมก็มีแฟน แต่ยังไม่มีเมีย (ยิ้ม) ยังสนุกกับชีวิตโสด ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังสร้างความมั่นคงในอนาคต ยังไม่ใจร้อน และยังรู้สึกสนุกกับการเป็นโสด ยังไม่ต้องเร่งจังหวะชีวิตว่าต้องแต่งงาน ถ้าแฟนผมไม่มาบีบคั้นว่าแต่งงานเถอะ ๆ ๆ ผมก็อยู่แบบนี้ แล้วพ่อแม่ผมก็ไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครมาบอกว่าอยากมีหลาน ๆ อยากอุ้มหลานหรือแต่งได้แล้ว เลยไม่มีอะไรมากดดัน ชีวิตตอนนี้สนุกกับการทำงาน ผมยังมีบริษัทที่ต้องดูแล มีภาระเรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องโน่นนี่เยอะแยะมากมาย

>> ณ ปัจจุบันเป็นชีวิตที่ลงตัวในระดับหนึ่ง

ชีวิต ตอนนี้มีความสุขดีครับ ผมมีพี่น้องที่ดีที่จะอยู่เคียงข้าง คอยเป็นแบ็กอัพที่ดีที่จะช่วยเหลือทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน เรื่องเงินทอง เรื่องการให้คำปรึกษาบำบัดจิตใจ เจอกันก็คุยกันแต่เรื่องตลก เป็นบ้านที่มีแต่เสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา และเพื่อนผมดี ๆ ก็มีเยอะ
ลูกศิษย์ดี ๆ ก็มีเยอะ ครูบาอาจารย์อีก มันอุ่นใจ มีความสุขครับ เวลาพลาด
หรือต้องการกำลังใจ ผมไม่เคยขาด เวลาอยากจะทำอะไร ขอความช่วยเหลือใคร
ทุกคนก็พร้อมจะลุยกับเรา ผมว่าผมโชคดีนะ เพราะหลาย ๆ คนไม่ได้เป็นแบบนี้
ผมรู้สึกชีวิตมีแต้มต่อ คือมีเพื่อนดี ๆ เยอะ มีพี่น้องที่ดี


>> ตอนนี้เอเอฟยังไม่เริ่มซีซั่นใหม่ งานที่ทำอยู่ล่ะคะมีอะไรบ้าง

ผมมีออฟฟิศรับทำงานอีเวนท์ ทำรายการโทรทัศน์ แล้วก็มีงานคอนเสิร์ตของเอเอฟ 2 บ้าง งานแสดงก็ยังมีละครอยู่ ช่วงนี้จะเป็นฤดูเก็บเกี่ยว (ยิ้ม) พอเอเอฟจบ ก็จะมีงานอีเวนท์ งานโชว์ งานสอน ช่วงนี้จะเข้ามาเยอะ มันเป็นผลพวงมาจากการทำรายการ ผมต้องขอบคุณยูบีซี เพราะผมได้อะไรจากตรงนี้เยอะ อย่างตอนซีซั่น 2 ผมทึ่งมากที่คุณธนินทร์ เจียรวนนท์ เดินมาจับแขนผม แล้วบอกว่า...ครูสอนสนุก ซึ่งผมเล่นละครมา 20 ปีไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่หรือคนที่เรารู้สึกว่าเขาเก่ง มาชื่นชมเราแบบถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ แต่นี่โอ้โห...เจ้าสัวหมื่นล้านมาชมเรา (ยิ้ม) แล้วก็มีอีกหลายคนมากที่เคยร่วมงานกัน หรือหลาย ๆ คนที่ไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะอยู่กันคนละช่อง แต่เขาก็โทร.มาชื่นชม ตรงนี้คือกำลังใจที่ดีที่สุด

>> ยืนยันว่าซีซั่นต่อไป ได้เจอกันอีกในฐานะครูพิเศษ

ตอนแรกคิดว่าจะพอแล้ว ไม่เอาแล้ว อิ่มตัวแล้วไปในขณะที่คนเขายังไม่เบื่อดีกว่าเนาะ แต่พอซีซั่นใหม่มาถึง ช่วงที่เขาคัดเลือกเด็ก ฮอร์โมนเริ่มพลุ่งพล่าน (ยิ้ม) เริ่มเห็นเด็ก เริ่มรู้สึกท้าทาย เริ่มอยากจะมีโจทย์ใหม่ ๆ เราจะได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ยาที่เราให้กับคนนี้ ถ้าเราให้กับอีกคนมันจะได้ผลไหม ถ้าไม่ได้ผลแสดงว่ามันเป็นเรื่องเฉพาะคน อะไรแบบนี้ สนุกครับ สนุกกับการได้เข้าไปสอนเด็ก เข้าไปแก้ปัญหาให้เด็ก ยิ่งใครมีปัญหามากเท่าไหร่ เรายิ่งสนุกและท้าทายมากเท่านั้น

>> ทุกวันนี้ยังได้เจอะเจอติดต่อกันไหมคะกับน้อง ๆ แต่ละรุ่น

ทุกวันนี้ยังตามด่ากันอยู่ครับ (ยิ้ม) เพราะเดี๋ยวก็มีโทร.มาปรึกษาโน่นนี่ หรือบางทีผมได้ยินข่าวอะไรไม่ดีมาก็จะโทร.ไป เฮ้ย...ได้ยินมาแบบนี้ ๆ เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้หรือวะ ถึงรายการจบแต่ความเป็นศิษย์เป็นครูมันไม่จบครับ