Custom Search

Nov 26, 2006

พ่อสอนลูก

นายทวี บุณยเกตุ

วันที่ 7 กรกฎาคม 2493

บู๊ ลูกรัก


ในจดหมายฉบับก่อนที่พ่อสอนมา หวังว่าลูกคงได้อ่านตลอดแล้วและปฏิบัติตามนั้นได้ ในฉบับนี้พ่อจะได้สอนถึงเรื่อง “กรรมดี” ต่อไป
คำว่า “กรรม” นี้แปลว่า “การกระทำ การประพฤติหรือการปฏิบัติ” ฉะนั้นคำว่า “กรรม ดี” ก็แปลว่า “การกระทำในสิ่งที่ดีการประพฤติตัวดี หรือการปฏิบัติตนดี” นั่นเอง
คนเราเกิดมาเหมือนกันหมด จะแตกต่างกันอยู่มากก็ใน (1) รูปสมบัติ (2) ชาติตระกูล หรือความมั่งคั่งสมบูรณ์และความเฉลียวฉลาด เท่านั้น

ผู้ที่ได้ทำกรรมดีไว้มากในชาติก่อน ในชาตินี้ก็อาจเกิดมาเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติทั้ง 3 ประการ (คือทั้งมีรูปสมบัติดีมั่งคั่งสมบูรณ์และตระกูลดี และมีปัญญาเฉลียวฉลาด) บางคนอาจเกิดมามีคุณสมบัติเพียง 2 ประการ หรือ 1 ประการเท่านั้นก็ได้ทั้งนี้ก็สุดแต่กรรมที่ตนได้ทำไว้ในชาติก่อน อันเป็นกรรมเก่าว่ามีมากน้อยเพียงใด ส่วนบุคคลใดได้ประกอบกรรมชั่วไว้มากในชาตินี้ก็อาจเกิดมาเป็นคนไม่สมประกอบ มีร่างกายพิการหรือทุพพลภาพหรือมีรูปร่างหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ยากจนและโง่เขลาเบาปัญญา ทั้งนี้เราไม่สามารถจะแก้ไขได้เพราะเป็นเรื่องของกรรมเก่า แต่เราจะอาศัยกรรมเก่าอย่างเดียวเท่านั้นหาได้ไม่ ต้องทำกรรมดีในชาตินี้ด้วย กรรมนั้นจึงจะส่งเสริมให้เราได้ดี มีความสุขความเจริญและมั่งคั่งสมบูรณ์

แม้กรรมเก่าจะได้ส่งเสริมให้เราเกิดมาดีแล้วก็ตาม แต่ถ้าในชาตินี้เราไม่ทำกรรมดีต่อ ก็จะหาความสุขความเจริญได้ยาก อุปมาได้เช่นเดียวกับคนที่ได้รับมรดก ถ้าไม่รู้จักใช้ ไม่รู้จักหาเพิ่มเติมมีแต่ทำลายล้างผลาญแล้ว ในไม่ช้ามรดกที่ได้มานั้นก็จะหมดไปและจะกลายเป็นคนยากจน ทรัพย์มรดกอาจหมดลงได้ด้วยการล้างผลาญฉันใด กรรมดีที่เป็นกรรมเก่าก็อาจหมดลงได้ด้วยการไม่สร้างกรรมดีต่อในชาตินี้ฉันนั้น เรื่องเช่นนี้ได้มีตัวอย่างให้เราเห็นมาแล้วมากหลาย เช่นคนที่เกิดมามีรูปสวย รวยทรัพย์ ทั้งมีปัญญาเฉลียวฉลาด แต่เมื่อได้เกิดมาแล้วก็ประกอบแต่กรรมชั่ว คือประพฤติตัวไม่ดี มีนิสัยเลว เช่นกินเหล้าเมายาเป็นอาจิณ ชอบเล่นการพนันจนติดเป็นนิสัย ชอบเที่ยวผู้หญิง คบคนไม่ดีและอยู่ในสังคมที่เลวไม่มีความขยันหมั่นเพียร ไม่มีมานะอดทน ฯลฯ อะไรต่างๆ กรรมชั่วเหล่านี้ก็จะฉุดเขาลงไปสู่ความหายนะ เช่นผู้ที่เคยมีรูปสวย ก็อาจเป็นโรคถึงกับทำให้พิการหรือทุพพลภาพ (เช่นเป็นโรคผู้หญิงทำให้จมูกโหว่ ตาบอด ปากแหว่ง ฯลฯ อะไรต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น) ความมั่งคั่งสมบูรณ์ในทรัพย์สมบัตินั้นเล่า แม้จะมีมากมายสักเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อไม่รู้จักใช้ ไม่รู้จักเก็บ ไม่รู้จักแสวงหาเพิ่มเติม มีแต่ใช้ไปผลาญไปแล้ว ในไม่ช้าก็จะหมดตัว ความเฉลียวฉลาดที่มีอยู่ก็จะเอาไปใช้ในทางที่ผิดเพราะการมั่วสุมและคบกับคนชั่ว ในที่สุดก็จะไม่มีใครคบ ซ้ำยังจะเป็นที่รังเกียจของสังคมที่ดีทั่วไปอีกด้วย และอาจถึงต้องติดคุกติดตะรางในที่สุด แต่ตรงกันข้าม คนที่เกิดมาโดยกรรมเก่ามิได้ส่งเสริมให้ดีมาแต่กำเนิด เช่นเกิดมามีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด ขี้ริ้วขี้เหร่และเกิดในตระกูลที่ขัดสนยากจน ทั้งมีความโง่เขลาเบาปัญญา แต่ถ้าในชาตินี้เขาได้ทำกรรมดี คือประพฤติตัวดี ฝึกหัดตนให้เป็นคนมีนิสัยดี มีความขยันหมั่นเพียรมานะอดทน และคอยศึกษาค้นคว้าแสวงหาความรู้อยู่เสมอแล้ว กรรมที่เขาทำดีในชาตินี้ก็จะส่งเสริมให้เขาเป็นคนดี มั่งคั่งสมบูรณ์ มีความสุขความเจริญ และมีคนนับหน้าถือตาเขาได้ และก็ได้มีตัวอย่างให้เราเห็นแล้วมากรายเหมือนกัน ฉะนั้นกรรมดีจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดที่ลูกจะต้องปฏิบัติในชาตินี้และให้เริ่มแต่บัดนี้ ในวันนี้เป็นต้นไป เพื่อกรรมดีนี้จะได้ส่งเสริมให้ลูกมีความสุขความเจริญและมั่งคั่งสมบูรณ์

กรรมดีตามความหมายของพ่อในที่นี้ได้แก่การกระทำ 3 ประการ คือ

1. ประพฤติตัวดี และมีนิสัยดี
2. มีความขยันหมั่นเพียร และมานะอดทน
3. รู้จักศึกษาค้นคว้าแสวงหาความรู้

1. ประพฤติตัวดี และมีนิสัยดี
คนประพฤติอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าประพฤติตัวดี และมีนิสัยดีนั้น
ถ้าจะจาระไนกันให้ละเอียดแล้วก็ต้องเขียนกันยืดยาวมาก ฉะนั้นพ่อจะขออธิบายแต่เพียง
ย่อๆ ว่า คนที่ประพฤติตัวดีและมีนิสัยดีนั้นต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติตนอยู่ในโอวาทคำสั่งสอนของ
พ่อแม่ พี่ ป้า น้า อา และครูบาอาจารย์ ฉะนั้นถ้าลูกปฏิบัติตนได้ตามคำสั่งของพ่อก็จะได้ชื่อ
ว่า ประพฤติตัวดี และมีนิสัยดี กล่าวคือ

1.1 มีความสุภาพเรียบร้อยและอ่อนน้อมกับคนทั่วไป โดยไม่ต้องเลือกว่าเขาผู้นั้นจะเป็นใคร
และ ต้องมีความเกรงใจ คือที่เรียกว่า มีจรรยามารยาทดีนั่นเอง

1.2. มีวาจาอ่อนหวาน ไม่โฮกฮากตึงตังและหยาบโลน

1.3 พูดแต่น้อย ให้ฟังคนอื่นพูดมากกว่าพูดเอง และให้พูดแต่เรื่องที่เรารู้จริง เรื่องใดรู้ไม่จริง
หรือเพียงแต่สงสัยก็อย่าพูด

1.4. รู้จักโอภาปราศรัยกับคนโดยทั่วไป มีการทักทายและพูดคุยตามโอกาสที่ควรพูด

1.5 รู้จักใช้คำพูด และรู้จักเลือกเวลาและสถานที่ ๆ ควรพูดเพราะคำที่ไม่ควรพูด ถ้าเราไปพูด
เข้าก็ตาม ไม่ใช่เวลาควรพูดถ้าเราไปพูดเข้าก็ตาม ไม่ใช่สถานที่ๆ จะพูดถ้าเราไปพูดเข้าก็
ตามเหล่านี้จะเป็นผลเสียหายมากกว่าเป็นผลดี

1.6 รู้จักวางตัวให้คนรักใคร่เคารพนับถือ

1.7 มีความกตัญญูรู้คุณคน อีกทั้งมีความซื่อสัตย์สุจริต คือซื่อต่อตนเอง ต่องานที่ตนทำและต่อ เพื่อนฝูง

1.8 ไม่เอาเปรียบคน ไม่เห็นแก่ตัว เมื่อถึงคราวจำเป็นแล้วก็ยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตัวให้แก่ ส่วนรวมได้

1.9 ไม่อวดดี ถือตัว หรือเย่อหยิ่ง จองหองดูถูก เหยียดหยามคนอื่น แต่จะต้องรู้จักเจียมตัว ไม่
ทำตัวให้สูงเกินกว่าฐานะที่เป็นจริง

1.10 ทำตัวเป็นคนโง่ อย่าทำตัวเป็นคนฉลาด อย่าคุยโว อวดรู้อวดฉลาด อวดร่ำอวดรวย หรือ
อวดในความเก่งกาจแม้เราจะรู้จริง ฉลาดจริง รวยจริง หรือเก่งจริงก็ตาม และต้องเป็นคน
ยอมแพ้คน เว้นแต่การยอมนั้นจะกระทบกระเทือนถึงเกียรติยศชื่อเสียงและประโยชน์
หรือผลได้เสียของเรา

1.11 เป็นคนทำอะไรทำจริง (คือพูดจริงทำจริง) และเป็นคนปากกับใจตรงกัน

1.12 มีความสามัคคีกลมเกลียวในหมู่คณะ ไม่ว่าเราจะไปอยู่ในสังคมใด ต้องเป็นผู้ที่คอย
ประสานและก่อให้เกิดความสามัคคีขึ้นในหมู่คณะเสมอ

1.13 เป็นคนรักญาติพี่น้องเพื่อนฝูงและหมู่คณะ ทั้งมีใจเมตตากรุณาโอบอ้อมอารี

1.14 รู้จักค่าของเงิน คือไม่ใช่เป็นคนขี้เหนียว แต่ก็ไม่ใช่เป็นคนสุรุ่ยสุร่าย

1.15 เป็นคนมีความยุติธรรมและเที่ยงตรง ทั้งเป็นคนเปิดเผยไม่ลับลมคมใน

1.16 มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสและร่าเริง

1.17 มีใจหนักแน่นและเยือกเย็น ไม่เป็นคนฉุนเฉียวโกรธง่าย

1.18 เป็นคนพูดจาเชื่อถือได้ คือมีวาจาสัตย์ ไม่เหลวไหลเหลาะแหละ เมื่อรับปากกับใครไว้
อย่างไร ก็ต้องทำให้ได้ตามที่รับปากไว้

1.19 เป็นคนรักเกียรติยศของตน (Self -respect) และเคารพในเกียรติของคนอื่น

1.20 เป็นคนมีความหวังดีต่อเพื่อนมนุษย์

1.21 ไม่เป็นคนปากบอน พูดจายุแหย่เสี้ยมสอนหรือส่อเสียดทั้งไม่นินทาว่าร้ายหรือตำหนิคน
อื่นโดยเห็นคนอื่นเลวไปเสียหมด

1.22 ไม่เป็นคนมีใจอิจฉาริษยา ทั้งต้องไม่มีใจพยาบาทด้วย

1.23 เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย คือเคยอย่างไรก็อย่างนั้น แม้เราจะได้ดีหรือมีฐานะมั่งคั่ง
สมบูรณ์ขึ้นอย่างไรก็ต้องไม่ลืมตัว

1.24 ไม่เสียในเรื่องการเงิน คือต้องไม่ใช่เป็นคนชอบกู้หนี้ยืมสิน ถ้ามีความจำเป็นจะต้องยืม
จากใคร ก็ต้องรีบใช้เขาโดยด่วน

1.25 ไม่เป็นคนชอบเล่นการพนันจนติดเป็นนิสัย

1.26 ไม่เป็นคนเจ้าชู้ชนิดพร่าผู้หญิง

1.27 ไม่เป็นคนกินเหล้า เมาหยำเปจนครองสติไม่อยู่ และติดเป็นนิสัย

1.28 ไม่เป็นคนเกะกะเกกมะเหรก อันได้ชื่อว่าเป็นคนพาลหรือทำตัวเป็นนักเลง

1.29 ไม่เป็นคนหูเบาเชื่อคนง่าย และไม่เป็นคนขี้ระแวงสงสัยเห็นคนอื่นเป็นศัตรูจนกว่าจะรู้แน่

1.30 ทำอะไรสะอาดมีระเบียบ ไม่มักง่ายและต้องรวดเร็วว่องไว อีกทั้งต้องเป็นคนตรงต่อเวลา

1.31 รู้จักรักษาความลับ ใครเล่าอะไรให้ฟัง ถ้าเขาบอกว่าเป็นความลับก็ตาม หรือที่เราเห็นว่า
น่าจะเป็นความลับก็ตาม จงอย่าพูดต่อไปอีก

1.32 ให้นึกอยู่ในใจเสมอว่าคนอื่นเขาฉลาดกว่าเรา จงอย่ายกตนข่มท่าน โดยเห็นคนอื่น
เลวกว่า ตน แม้เราจะดีกว่าเขาก็ตาม

1.33 เป็นคนกว้างขวาง อย่าเป็นคนคับแคบ และทำตัวให้เป็นคนตามสมัย อย่าทำอะไรนำสมัย
เลยเป็นอันขาด

1.34 อย่าทำอะไรเอาหน้า อย่าประจบสอพลอ ต่อหน้าทำอย่างไร ลับหลังเราก็ทำอย่างนั้น

1.35 อย่าทำอะไรเอาแต่ใจและนึกว่าเราทำถูกเสมอไป ให้ฟังความคิดเห็นและคำทักท้วงของ
คนอื่นบ้าง คืออย่าดื้อและอย่ารั้น

1.36 เป็นคนมีศีลธรรมดี ยึดมั่นอยู่ในศีล 5 เป็นประจำ

1.37 เป็นคนรู้จักรับผิดเมื่อทำผิด อย่ามีทิฐิในทางที่ผิด

ถ้าลูกทำได้ตามนี้ก็จะได้ชื่อว่า เป็นคนมีความประพฤติดีและมีนิสัยดี จะเป็นที่ยกย่องสรรเสริญและรักใคร่นับถือของญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง ทั้งจะเป็นที่ต้อนรับของสังคมทั่วไปด้วย

2.มีความขยันหมั่นเพียรและมานะอดทน
2 คำนี้เป็นของคู่กัน เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่สุดของคนเรา เพราะมันเป็นปัจจัยที่นำมาซึ่งความสำเร็จ เราจะมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นนี้ความขยัน แต่ขาดความอดทน เช่นนี้เราก็ยังทำอะไรให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีไม่ได้ เพราะ 2 สิ่งนี้เป็นส่วนประกอบซึ่งกันและกัน ถ้าจะเปรียบด้วย ร่างกายของคนเราก็อุปมาได้ เช่นเดียวกับแขนซ้าย และแขนขวา

ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเล่าเรียน การทำงาน การต่อสู้ การประดิษฐ์คิดค้นหรือการใดๆ ทั้งสิ้น เราจะมีความสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความขยันหมั่นเพียร และมานะอดทนเป็นที่ตั้ง สิ่งใดยากก็ต้องใช้ความเพียรและความอดทนมาก สิ่งใดง่ายก็ใช้น้อย

ยกตัวอย่างการตกปลายังต้องนั่งคอยอยู่นานๆ บางทีเป็นชั่วโมงๆ กว่าปลาจะมากินเบ็ด นี่เพียงแต่การตกปลาซึ่งเป็นของง่ายๆ ก็ต้องใช้ความเพียร และความอดทน ผึ้งหรือปลวกกว่ามันจะสร้างรังของมันขึ้นมาได้ ก็ต้องใช้เวลานาน นี่ก็แสดงให้เห็นอีกเหมือนกันว่า แม้แต่สัตว์เล็กๆ ก็ยังมีความขยันหมั่นเพียรและมานะอดทนถึงเพียรนี้ ฉะนั้นความสำเร็จใดๆ ของคนเราก็จะหนีความขยันหมั่นเพียรและความมีมานะอดทนไปไม่ได้ รถยนต์ที่มีเครื่องดี แต่ขาดน้ำมันเชื้อเพลิงและไม่มีแบตเตอรี่จะวิ่งไม่ได้ฉันใด คนที่มีความประพฤติและนิสัยดี แต่ขาดความขยันหมั่นเพียรและมานะอดทนก็จะเอาตัวรอดยังไม่ได้ฉันนั้น

3. รู้จักศึกษาค้นคว้าแสวงหาความรู้
ความรู้เป็นสิ่งสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง เพราะเท่ากับเป็นเครื่องมือที่จะนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ คนเราแม้จะมีความประพฤติดี มีนิสัยดี และมีความมานะอดทน แต่ถ้าไม่มีความรู้แล้ว ถึงจะไม่อดตายก็ยังจะเป็นคนที่มีความสุขอันสมบูรณ์ไม่ได้ ถ้าจะอุปมาเปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ ก็เหมือนกับช่างไม้ แม้จะเป็นผู้มีฝีมือดี มีความมานะอดทน แต่ถ้าขาดเครื่องมือเสียแล้ว ก็จะไม่สามารถปฏิบัติงานในอาชีพของตนให้สำเร็จไปได้ด้วยดี ฉะนั้นความรู้ก็เปรียบได้เท่ากับเครื่องมือหากินนั่นเอง

ตัวของลูกนี้ นับว่าเป็นบุญอยู่มากแล้ว ที่มีพ่ออยู่ช่วยให้การศึกษาอบรม และยังมีญาติพี่น้องคอยว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอน เด็กคนอื่น ๆ ซึ่งกำพร้าพ่อกำพร้าแม่ ทั้งไม่มีญาติพี่น้องคนใดเป็นที่พึ่ง ยังมีอีกมากนักที่กลางวันไปเรียนหนังสือ กลางคืนต้องหาบขนมขาย บางคนต้องเดินไปโรงเรียนหนทางไกลๆ ตั้งชั่วโมงกลางวันก็ต้องอดมื้อกินมื้อ เสื้อผ้าก็ต้องใส่ปุๆ ปะๆ และต้องทำความพากเพียรพยายามและมานะอดทน มีความประพฤติและนิสัยดีในที่สุดเขาก็เรียนสำเร็จมีความรู้ออกมาทำงานได้ดิบได้ดี มีฐานะมั่งคั่งสมบูรณ์ มีคนนับหน้าถือตาเคารพรักใคร่

พ่อขอสรุปว่า
(1) การประพฤติตัวดี และมีนิสัยดี
(2) การมีความขยันหมั่นเพียร และมานะอดทน และ
(3) การรู้จักศึกษาค้นคว้าแสวงหาความรู้

ทั้ง 3 ประการนี้เรียกว่า “กรรม ดี” ที่จะต้องปฏิบัติให้ได้ ถ้าลูกทำความดีทั้ง 3 ประการนี้ได้ดังคำสอนของพ่อแล้ว ก็จะมีความสุขความเจริญมั่งคั่งสมบูรณ์ มีคนนิยมรักใคร่และยกย่องสรรเสริญ

ขอให้เอาคำสอนของพ่อออกมาอ่านเสมอๆ เมื่อมีเวลาว่างแล้วจดจำและปฏิบัติตาม อะไรที่ลูกยังไม่ได้ทำหรือยังทำไม่ได้ตามคำสอนของพ่อ ก็ให้พยายามฝึกหัดทำให้ได้ ก่อนนอนทุกคืนให้สำรวจตัวเอง และถามตัวเองในใจว่า ลูกทำตามคำสั่งสอนของพ่อได้ครบถ้วนหรือยัง ถ้ายังก็ให้พยายามทำและทำให้ได้

หวังว่าลูกคงอยู่สบายดี พ่อและแม่อยู่เป็นสุขตามปรกติ คิดถึงลูกมาก

รักและคิดถึงมาก


จาก
พ่อ

นายทวี บุณยเกตุ (10 พ.ย. 2447 -3 พ.ย. 14) นายกรัฐมนตรีคนที่ 5 (รัฐบาลที่ 12) หนึ่งในขบวนการเสรีไทยและผู้แต่งหนังสือเรื่อง พ่อสอนลูก