Custom Search

Sep 6, 2020

5 กันยายน วันคล้ายวันเกิด “พี่เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์”


 98 EDS

 

หวัดแกมบรรจง


Rewat Forever


5 กันยายน วันคล้ายวันเกิด “พี่เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์”

ผู้ที่เปรียบเสมือน “พ่อ” ของ “พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์”

และผู้ที่เป็นแบบอย่าง เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนทุกๆคน

#98EDS #เพราะทุกวันคือวันพิเศษ

#เพราะทุกคนคือคนพิเศษ

5 กันยายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของ

” พี่เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์ ” ครับ

เรื่องราวประวัติชีวิตของพี่เต๋อ ตลอดระยะเวลา 48 ปี

มีอะไรให้ศึกษา เรียนรู้

และเป็นแบบอย่างมากมาย เพราะมันยิ่งกว่าคำว่าน่าสนใจ

แต่ทุกช่วงชีวิต มันคือประสบการณ์

และคือแรงบันดาลใจลูกใหญ่

ที่คนทุกคน ทุกวงการ ทุกสาขาอาชีพ

สามารถที่จะศึกษาได้

ซึ่งวันนี้

แอดขอหยิบเอามาเพียงช่วงเวลาหนึ่ง

ที่พี่เต๋อได้ค้นพบเพชรเม็ดโตของวงการเพลงเมืองไทย

“ ธงไชย แมคอินไตย์ ”

เรื่องราวที่ทั้งคู่เจอกัน แอดจะขอเอามา….

เล่าสู่กันฟัง…ดังนี้ครับ

ในงานประกวดร้องเพลงของ

สยามกลการมิวสิคฟาวน์เดชั่นประจำปี 2526

คือวันแรกที่พี่เต๋อ ได้เจอกับพี่เบิร์ด

โดยงานในวันนั้น จริงๆแล้วเป็นงานประกวดของคนเขียนพลง

ไม่ใช่การประกวดนักร้อง และพี่เบิร์ด

ก็ไปร้องเพลงของนักแต่งเพลงท่านหนึ่ง

ซึ่งมีพี่เต๋อไปเป็นพิธีกรในงาน

และทั้งคู่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัวครั้งแรกในห้องน้ำ

…ห้องน้ำที่นั่นมันมีแค่ 2 โถ เบิร์ดก็เห็นมีผู้ชายคนนึง

ยืนประจำการอยู่โถนึงล่ะ อีกโถนึงว่างอยู่

เบิร์ดก็เลยเสียบโถที่ว่างเลย

ระหว่างที่เบิร์ดกำลังหยิบอาวุธเตรียมยิงกระสุนอยู่นั้น

ก็หันไปเห็นว่าคนที่ยืนอยู่โถข้างๆ คือพี่เต๋อ เรวัต

พิธีกรบนเวทีนี่ เบิร์ดก็เลยจะสวัสดีพี่เต๋อ

แต่ติดตรงที่มือกำลังถืออาวุธอยู่

และตอนนั้นกระสุนก็ได้ออกไปแล้ว

เบิร์ดก็เลยบอกพี่เต๋อไปว่า

“ อุ๊ย พี่เต๋อ ขอโทษทีครับ ไม่มีมือไหว้จริงๆครับ ”

พี่เต๋อหันมาตอบแบบอารมณ์ดีว่า

“ ไม่เป็นไรไอ้น้อง พี่ก็ไม่มีมือรับไหว้เหมือนกัน ” …


พี่เบิร์ดเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวันนั้น อย่างออกรสชาติสนุกสนาน

ในการให้สัมภาษณ์ใว้ในรายการ

GOODTIME SOUNDTRACK OF LIFE

“10 เพลง ประกอบชีวิต เล่าตัวตน...ผ่านดนตรี ”

คลื่น 98.5

หลังจากทั้งคู่ปลดอาวุธแล้ว พี่เต๋อก็ได้ถามพี่เบิร์ด

ด้วยประโยคสั้นๆว่า

“ อยากทำเพลงมั๊ย ”

“ อยากครับ ” พี่เบิร์ดตอบกลับอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น พี่เต๋อก็ให้เบอร์โทรศัพท์กับพี่เบิร์ด

และก็แยกย้ายกันไป

เป็นที่รู้กันว่าพี่เต๋อ แอบเล็งพี่เบิร์ดมา

ตั้งแต่การประกวดรอบแรกๆแล้ว

แถมยังพูดติดตลกด้วยซ้ำว่า

ขอภาวนาให้พี่เบิร์ด อย่าได้รางวัลอะไรจากเวทีนี้เลย

เพราะเกรงว่าถ้าได้รางวัลแล้วจะต้องติดเซ็นต์สัญญากับ

ทางสยามกลการ

ผลการประกวดครั้งนั้น แม้พี่เบิร์ดจะไม่ได้

รางวัลนักร้องยอดเยี่ยม

แต่ก็ได้ไปทั้งสิ้น 3 รางวัลทีเดียว

ได้แก่รางวัลรองอันดับ 1 นักร้องดีเด่นประเภทเพลงไทยสากล

จากเพลง “ ชีวิตคือละคร ” ,

รางวัล Popular Vote และรางวัลพิเศษของ

ดร.ถาวร พรประภา

จากเพลง “ จุดหมายที่ปลายทาง ”

ซึ่งนั่นก็มากมายเกินพอ ที่จะทำให้พี่เบิร์ดต้องเซ็นสัญญา

กับทางสยามกลการ

แต่พี่เต๋อไม่ยอมแพ้ เค้าตัดสินใจเข้าพบกับ

คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช อดีตผู้จัดการใหญ่

บริษัท สยามกลการ จำกัดทันที

เพื่อขอเจรจานำพี่เบิร์ดมาปั้นเป็นศิลปินแกรมมี่

ทั้งๆที่ตอนนั้น แกรมมี่ก็ยังไม่ได้

เป็นค่ายเพลงที่มีชื่อเสียงอะไรมากมาย

แต่คุณหญิงพรทิพย์ ก็เห็นว่า

เด็กหนุ่มที่โดดเด่นในการร้องเพลง

และช่างโอภาราศรัยคนนี้ น่าจะไปได้ดี

ในการเป็นนักร้องอาชีพ

จึงยอมฉีกสัญญา และให้พี่เบิร์ด

เข้าสู่อ้อมกอดของแกรมมี่ในที่สุด

…หลังจากประกวดเสร็จ เชื่อมั๊ยครับ

เบิร์ดโทรศัพท์หาพี่เต๋อทุกวันเลย เพราะเราตื่นเต้นไง

เราอยากเข้าห้องอัด เราอยากร้องเพลง

จนพี่เต๋อต้องบอกให้เบิร์ดใจเย็นก่อนนะ

ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา

แต่ใจของพี่เต๋อน่ะ แกเอาตั้งแต่แรกแล้วหล่ะ…

และวันที่พี่เต๋อ เรียกเบิร์ดเข้าห้องอัดก็มาถึง

เพลงแรกที่เบิร์ดได้ร้องเลยคือเพลง “ ผ่านมาผ่านไป ”

แต่ร้องเท่าไหร่ ก็ไม่ผ่านพี่เต๋อซักที

โดยพี่เต๋อบอกว่า

เบิร์ดร้องเสียงใหญ่มาก ไม่ได้นะ

ร้องแบบนี้มันเหมือนร้องเพลงปลุกใจ

( เพราะติดมาจากการร้องเพลงบนเวทีประกวด )

พี่เต๋อก็เลยแนะนำให้เบิร์ดลองยิ้มไปด้วย

แล้วร้องเพลงไปด้วยสิ

ก็ค่อยๆดีขึ้น น้ำเสียงก็ค่อยๆบางลง

จนในที่สุดเนื้อเสียงก็ไม่ใหญ่เหมือนตอนแรกแล้ว

*** อัลบั้มชุดแรก “ หาดทราย สายลม สองเรา ”

วางแผงครั้งแรกในปี 2529 ( เรียกได้ว่าพี่เต๋อ

ฟูกฟักและคาดหวัง

กับอัลบั้มเทปชุดแรกของพี่เบิร์ดเป็นอย่างมาก

โดยใช้เวลาในการทำงานนานกว่า 2 ปีทีเดียว )

***

*** เพลง ” ฝากฟ้าทะเลฝัน ”

เป็นเพลงสุดท้ายที่พี่เบิร์ดต้องเข้าห้องอัด

โดยเพลงนี้พี่เต๋อใช้เวลาในการแต่งเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น

และเนี่องจากการจองห้องอัดเสียงในอดีต

ต้องจองคิวกันเป็นเดือนๆ

แต่พี่เบิร์ดเหลือเพลงนี้อีกแค่เพลงเดียว

ก็จะสามารถปิดอัลบั้มได้

วันหนึ่งพี่เต๋อจึงขอคิวกับห้องอัดเสียงเพิ่ม

โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ไปว่า

“ จะขอห้องเพื่ออัดเสียงให้ลูกชายหน่อย ”

ซึ่งขณะนั้นพี่เบิร์ดก็ยืนอยู่ด้วย

จึงได้ยินสิ่งที่พี่เต๋อพูด

และนี่จึงเป็นที่มาของคำว่า “ พ่อ ”

ที่พี่เบิร์ดเรียกพี่เต๋อ ติดปากตลอดมา ***


*** พี่เต๋อคอยสอนพี่เบิร์ดอย่างลงรายละเอียดเสมอ

โดยมีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่เต๋อสอนพี่เบิร์ดว่า 

“ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องคิดก่อนทำนะ

เช่น ออกจากบ้านวันนี้จะใส่ถุงเท้าอะไร ”

ซึ่งพี่เบิร์ดก็งงว่า เรื่องนี้ทำไมต้องคิด

เพราะถุงเท้ามันก็อยู่ในรองเท้า ไม่มีคนเห็น 

พี่เต๋อก็เลยบอกว่า

“เพราะเราต้องทำดี ทั้งในที่ที่มีคนเห็นและไม่มีคนเห็น”

พี่เบิร์ดวันนั้น จึงอึ้งไปพักใหญ่ พร้อมกันนึกในใจ 

“ เจอการสอนแบบนี้ เราจะไม่ฉลาดไม่ได้แล้ว ” ***

ขอขอบคุณ : นิตยสาร a day /

รายการ GOODTIME SOUNDTRACK OF LIFE

“ คลื่น 98.5 และ คุณป๊อป Alive

สำหรับหนังสือ “ บันทึกความทรงจำ เรวัต พุทธินันทน์ ”


#หวัดแกมบรรจง

#พี่เต๋อ

#เพจนี้ก็เหมือนปลามันมีเกร็ด

#เบิร์ดธงไชย

#เพจนี้ก็เหมือนจิวเวอร์รี่มันมีมุก

#Rewat



ขอบคุณ ป๋าเต็ด เป็นอย่างสูง



เพลง : ฝากฟ้าทะเลฝัน
ศิลปิน : ธงไชย แมคอินไตย์(เบิร์ด)
คำร้อง : เรวัต พุทธินันทน์
เรียบเรียง : จาตุรนต์ เอมซ์บุตร
ทำนอง : จาตุรนต์ เอมซ์บุต




จากพี่โอมถึงพี่เต๋อ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดพี่เต๋อ 5 กันยายน 2554

"Happy Birthday ครับพี่เต๋อ พี่อายุ 63แล้ววันนี้ แต่ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี๊ยวเท่ห์เสมอในใจพวกเรา ^_^ "
 


  ตะกายดาว / เรวัต พุทธินันทน์ คำร้อง เรวัต พุทธินันทน์ ทำนอง ชาตรี คงสุวรรณ เรียบเรียง ชาตรี คงสุวรรณ  
เพลง‘ตะกายดาว’

เป็นการทำเพลงประกอบละครเพลงแรกของผม
ช่วงนั้นแกรมมี่เริ่มมีบริษัทผลิตงานละครเป็นของตัวเอง
ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นบริษัทเอ๊กซ์แซ็กท์ในปัจจุบัน
พี่เต๋อบอกว่าอยากได้ทำนองเพลงประกอบละครเรื่อง
‘ตะกายดาว’
ที่มีพี่ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา
และพี่ต่าย-เพ็ญพักตร์ ศิริกุล แสดงนำ
พี่เต๋อให้เนื้อเพลงเวอร์ชั่นแรกมาแบบยาวเหยียด
ส่วนผมก็ทำทำนองตามออกมาในแนวเฮฟวี่ร็อก
ตอนที่พี่เต๋อร้อง
ผมก็โซโล่กีตาร์ไฟแลบแบบ Steve Vai เลยทีเดียว
แต่แล้ววันหนึ่ง พี่เต๋อก็บอกกับผมว่า
"โอม...เราทำเพลงนี้กันใหม่ดีกว่า เดี๋ยวคนจะหาว่าเราชุ่ย"
ซึ่งผมก็เห็นด้วย เลยแต่งกันใหม่หมดทั้งทำนองและเนื้อร้อง
ด้วยความที่เห็นตรงกันว่าเพลงประกอบละคร
น่าจะมีโอกาสที่จะฮิตได้มากกว่านี้
พอพี่เขาเปิดประเด็นมาก็ตรงใจ เพลงเวอร์ชั่นแรก
เลยถูกเก็บเข้าลิ้นชัก ไม่เคยมีใครได้ยิน
ทีนี้พี่เต๋อจึงบรีฟใหม่ว่าอยาก ได้เพลงเพราะๆ
สไตล์ Rod Stewart
ที่ฟังแล้วดูจริงใจ ติดหู  และมีความหมายลึกซึ้ง
ก็เลยได้ออกมาเป็นเพลง ‘ตะกายดาว’  เวอร์ชั่นที่ได้ยินกัน
ตอนนั้นมีเรื่องราวที่เป็นประเด็นในเขียนเนื้อเพลงตรงท่อน
แยกที่ร้องว่า
"แม้จะล้มก็คิดจะคลาน เหงื่อจะซ่านกระเซ็น
ถ้าคิดแล้วคุ้ม  จะขอไปเป็นอย่างหวัง
จะร้อนหรือหนาวก็พร้อมจะทน จะไปเป็นคนยิ่งใหญ่"
คำว่า  "หวัง" กับคำว่า "ใหญ่" ไม่สัมผัสกัน
ซึ่งเนื้อร้องแรกของพี่เต๋อจะเขียนมาว่า
"ถ้าคิดแล้วคุ้ม ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
จะร้อนหรือหนาวก็พร้อมจะทน
จะไปเป็นคนยิ่งใหญ่" แต่เวอร์ชั่นที่ได้ยินทุกวันนี้
เป็นการนำมาทำใหม่ มีการแก้เนื้อกันไปแล้ว
ผมเคยถามพี่เต๋อเกี่ยวกับประเด็นนี้
แกก็ตอบมาแบบขำๆ ว่า ถ้าจะให้สัมผัสก็ต้องแก้เป็น
"ถ้าคิดแล้วคุ้ม จะขอไปเป็นอย่างหวัง
จะร้อนหรือหนาวก็พร้อมจะทน จะไปเป็นคนขาถ่าง"
อย่างนี้ถึงจะสัมผัสกันทุกวันนี้เวลา
ผมร้องเพลง ‘ตะกายดาว’ เอง
ผมก็จะร้องเวอร์ชั่นของพี่เต๋อ
เพราะผมชอบสัมผัสที่ไพเราะของเวอร์ชั่นแรกสุด
( ส่วนหนึ่งจากหนังสือ "Your Songs , My Music - 2012 )