Custom Search

May 21, 2020

คุณอรอุมา เกษตรพืชผล แบบบ้าน WA-947

ที่มา http://www.pd.co.th/th/reference/detail/22/onuma-kasetpeutpon

 
อรอุมา เกษตรพืชผล
เส้นทางชีวิตในแวดวงวิชาชีพสื่อมวลชน
สู่ความสำเร็จกับรางวัลชีวิต “บ้านหลังแรก”


“ชีวิตคนเราล้วนพลิกผัน ยากคำนวณ แล้วแต่ฟ้าลิขิต” คำพังเพยในนวนิยายกำลังภายในจีน ที่เราคุ้นชินและพบพานบ่อยครั้งในการอ่านนวนิยาย แต่ความจริงแล้วเป็นปรัชญา ที่นักประพันธ์เรื่องชื่อหลายๆ ท่านต่างประสบมาด้วยต้นเอง จากประสบการณ์ตรงในชีวิต สังเกตได้จากชีวิประวัตินักเขียนนักประพันธ์หลายๆท่าน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีชีวิตกลับกลายเป็นนักประพันธ์ชื่อดัง และได้รับการยอมรับจากผู้ชื่อชอบการอ่านหนังสือ เพราะหลายๆท่านั้นต่างมาจากครอบครัวยากจน หรือประสบความลำบากเมื่อครั้งวัยเด็ก จวบจนฝ่าฟันเส้นทางชีวิตมาสู่ความสำเร็จ
“อรอุมา เกษตรพืชผล” เป็นอีกบุคลากรหนึ่งในสายอาชีพสื่อสารมวลชน ที่มีเส้นทางชีวิตผกผันจาก จากชีวิตเด็กต่างจังหวัดที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิต จนกลับกลายเป็น บุคคลหนึ่งในวงการสื่อสารมวลชน ที่ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับอย่างมาก จากคนในแวดวงสื่อมวลชนและประชาชน”

คุณอรอุมา เล่าถึงชีวิตและประสบการณ์บนเส้นทางการเรียน และการทำงานในสายอาชีพสื่อมวลชนจนประสบผลสำเร็จในวันนี้ว่า “เธอ” เป็นเด็กต่างจังหวัด เติบโตที่จังหวัดสุรินทร์ ในช่วงวัยเรียนนั้นมักคลุกคลีกับกิจกรรมในโรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นนักกิจกรรมตัวยงของโรงเรียน หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ว่า ให้สอบเอ็นทรานซ์ เข้าศึกษาต่อในคณะนิเทศศาสตร์ เพราะเห็นว่าเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมระหว่างที่ศึกษาอยู่

หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์แนะแนว จึงตัดสินใจสมัครสอบเอ็นทรานซ์ เพื่อศึกษาต่อในคณะนิเทศศาสตร์ โดยเลือกคณะนิเทศศาสตร์จุฬาฯ เป็นอันดับหนึ่ง และเลือกคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นอันดับสุดท้าย ซึ่งก็สามารถสอบเอ็นทารนซ์เข้าศึกษาต่อได้ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยเลือกเรียนวิชาเอกหนังสือพิมพ์ และด้วยความเป็นคนที่ชื่นชอบการทำกิจกรรม ในระหว่างเรียนจึงเข้าร่วมกิจกรรมของคณะที่จัดขึ้นตลอดมา ทั้งกิจกรรมจิตอาสา อบรมสัมมนา ซึ่งก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้ใหญ่ในวงการสื่อสารมวลชน ทำให้ได้รู้จักมักคุ้นกับคนในแวดวงสื่อค่อนข้างมาก และจุดประกายให้ตนเองเข้าสู่วงการสื่อสารมวลชนในเวลาต่อมา

โดยหลังจากจากการศึกษาปริญญาตรี ก็สามารถเข้าทำงานจัดรายการวิทยุจุฬาฯ ซึ่งปกติไม่เคยรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนเข้าทำงานมากก่อน แต่ด้วยความที่เป็นนักกิจกรรมมีโอกาสได้รู้จัดกับคนในแวดวงและได้มีโอกาสได้เข้าทำงานในสถานีวิทยุจุฬาตั้งแต่เรียนยังไม่จบ กระทั่งในปี2540 เมื่อจบการศึกษาก็สอบเข้าทำงานที่วิทยุจุฬาฯได้ ซึ่งหลังจากทำงานจัดรายการวิทยุอยู่ไม่นาน ก็มีโอกาสได้รู้จักกับคลื่นวิทยุสถานี “ร่วมด้วยช่วยกัน” และเห็นว่ารายการดังกล่าวเป็นรายาการที่มุ่งสร้างสรรค์สังคม คล้ายกับคลื่นจิตอาสา  ทำให้ตัดสินใจเข้าไปยื่นใบสมัคร และด้วยความที่เป็นนักกิจกรรมในมหาวิททยาลัยมาก่อน ทำให้ได้รับโอกาสไปจัดรายการในคลื่นวิทยุดังกล่าว


ในช่วงแรกของการไปจัดรายการที่คลื่น “ร่วมด้วนช่วยกัน” นั้นได้รับมอบหมายให้จัดรายการในช่วง 03.00 น. และเลื่อนเวลามาจัดเร็วขึ้นจาก 0.30น. มาเป็น 01.00 -03.00 น. กระทั่งต่อมาได้รับโอกาสให้จัดรายการในช่วงกลางวัน แต่หลังจากที่ทำรายการวิทยุอยู่ช่วงหนึ่งก็มีการโอกาสได้ทำงานร่วมกับ อาจารย์ พงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา ทำให้ก้าวเข้าสู่วงการโทรทัศน์ ผลิตสื่อ ต่อมาเห็นช่องทางในอาชีพสื่อมวลชนว่าสามารถก่อตั้งบริษัทเข้ามารับงานด้านมีเดียได้ จึงจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท โอเคแมส มีเดีย จำกัด ขึ้นมารับงานบริการให้คำปรึกษา และจัดกิจกรรมทางการตลาด บริการโฆษณา (Advertising Service)  ผลิตสื่อ (Media Production)  บริการระชาสัมพันธ์(Public Relation Service) รับจัดงานสัมมนาและฝึกอบรม (Organizer Service & Training)  บริการสื่อออนไลน์ (Online Service)

หลังจากเปิดบริษัทรับงานผลิตสื่อก็ปรากฏว่าได้รับการตอบรับและไว้ใจจากบริษัทต่างๆ เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ทำให้ยอดรายได้และบริษัทมีการเติบโตอย่าง ประกอบกับบุคคลกรที่เข้ามาร่วมงานก็มีความตั้งใจทำงาน จึงส่งผลให้องค์กรมีการขยายตัวมาจนปัจจุบัน ขณะเดียวกันโดยส่วนตัวก็มีการรับงานพิธีกร รายการต่างๆ ค่อนข้างมากทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างขยายสำนักงาน เพิ่มบุคคลากร ทำให้ปัจจุบันต้องมองหาที่ตั้งสำนักงานใหม่ จากเดิมที่เปิดสำนักงานอยู่ในย่านสะพานควาย


ถามว่าเคยตั้งความหวังในชีวิตหรือไม่ว่า วันหนึ่งจะประสบความสำเร็จในสายอาชีพสื่อสารมวลชน จนสามารถสร้างครอบครัวจนมีบ้านและบริษัทของตนเองอย่างเช่นในปัจจุบัน ..?

 “ในวัยเด็กนั้นไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีหน้าที่การงานและบริษัทของตนเอง ตลอดจนสมารถสร้างบ้านหลังใหญ่ของตนเองได้ เพราะจริงๆ แล้วความฝันแรกในวิชาชีพคือต้องการเป็นครูสอนนักเรียน ไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นผู้ประกาศข่าว เพียงแต่คิดหวังมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีที่อยู่อาศัยเหมาะสมตามกำลัง และรายได้ของตนเอง แต่เมื่อเราทำงานหนัก จนมีหน้าที่การงานขยับสูงขึ้นมา รายได้มากขึ้น ความคิดหวังของเราก็เติบโตตามอาชีพและรายได้”คุณอรอุมากล่าวอธิบายแนวคิดและเล่าต่อว่า

...หากถามว่าวันนี้ ประสำความสำเร็จในชีวิตแล้วหรือยัง? พอใจกับชีวิตในวันนี้หรือยัง ก็ตอบได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่หากถามความพอใจก็ต้องบอกว่า ยังต้องการที่จะสร้างและขยายบริษัทให้มีรายได้มากขึ้น สามารถช่วยลูกน้องในบริษัทให้มีรายได้มากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น และช่วยเหลือสังคมได้มากกว่าในปัจจุบันนี้ เพราะเมื่อเรามีรายได้มีชีวิตที่ดีขึ้นควรตอบแทน คืนแก่สังคมด้วย

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของงานนั้นแม้ต้องการที่จะให้มีงานเข้ามามากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่จะรับงานทุกอย่างโดยไม่คัดกรอง เพราะหลังจากที่มี ลูกชายแล้วทำให้ต้องแบ่งชีวิตการทำงานและเวลาให้แก่ครอบครัวมากขึ้น ซึ่งก็โชคดีที่เราเป็นเจ้าของกิจการเองทำให้สามารถเลือกรับงานได้มากขึ้น ทำให้ไม่มีปัญหาในการแบ่งเวลาให้ครอบครัว 



สำหรับสาเหตุที่ตัดสินใจมาเลือกซื้อที่ดินและสร้างบ้านหลังปัจจุบันนี้ เดิมทีคิดจะซื้อบ้านจัดสรรในโครงการดีๆ โครงการหนึ่ง แต่ก่อนที่จะแต่งงานนั้นพอดีมีโอกาสได้ซื้อที่ดินในย่านหลักสี่ ซึ่งซื้อมาในราคาถูก ประกอบกับในช่วงที่ตระเวนดูบ้านจัดสรรในโครงการต่างๆ สามีไม่ชอบและไม่ถูกใจบ้านในโครงการจัดสรร แม้ว่าจะตระเวนดูโครงการมาหลายโครงการ ขณะเดียวกันสามีเองต้องการจะสร้างบ้านในที่ดินที่มีอยู่ จึงตัดสินใจให้สามีเป็นคนตัดสินใจเลือกสร้างบ้านเอง ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่ช่วยตัดสินใจเรื่องเล็กน้อยๆ ในการสร้างบ้านและเลือกวัสดุก่อสร้างรวมถึงเลือกเฟอร์นิเจอร์บ้าง

ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจเลือกใช้บริการ สร้างบ้านกับ พีดีเฮ้าส์ นั้นเดิมทีได้ติดต่อบริษัทรับสร้างบ้านรายอื่นด้วย โดยให้เสนอแบบบ้านและทำราคาก่อสร้างมาเสนอด้วย เพื่อจะตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง กระทั่งสุดท้ายสามีเป็นคนตัดสินใจเลือกใช้บริการสร้างบ้านกับ พีดีเฮ้าส์ ซึ่งตรงนี้อาจเพราะ พีดีเฮ้าส์ มีทีมงานขายที่เก่งและขยันตามงาน ทำให้สามีตัดสินใจเลือกสร้างบ้านด้วย ซึ่งก็ยอมรับว่างานก่อสร้างและการติดตามงานนั้นทำได้ดีในระดับหนึ่ง ช่างที่มีก่อสร้างบ้านก็เก่ง และระหว่างก่อสร้างอยู่ก็มีการหารือกับสามีอยู่ตลอดเวลา คงต้องยอมรับว่าขณะก่อสร้างบางครั้งเองก็มีงานที่ต้องการแก้ไข และมีการเปลี่ยนแปลงแบบบ้านบ้างในบางส่วน รวมถึงการเปลี่ยนวัสดุก่อสร้างด้วย ซึ่งเจ้าของบ้านและผู้รับสร้างบ้านต้องติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา


“ยอมรับว่าในการสร้างบ้านหลังนี้ตัวเองมีส่วนร่วมน้อย ทำให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านน้อยมาก แต่หากสร้างบ้านหลังใหม่ต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะต้องสร้างบ้านใหม่และออฟฟิศใหม่ และสร้างบ้านให้ลูกอีกหลัง จะต้องมีส่วนร่วมมากกว่านี้ กล่าวคือจะต้องทราบรายละเอียดของบ้านมากกว่าครั้งแรก เพื่อให้ทุกรายละเอียดตรงความต้องการมากที่สุด ดังนั้นบ้านหลังต่อไปตั้งใจว่าจะเข้าดูงานขณะก่อสร้างใกล้ชิดมากขึ้น เพราะตอนนี้มีความรู้เกี่ยวกับบ้านมากขึ้นแล้ว”

คุณอรอุมากล่าวว่า สำหรับข้อคิดของผู้ที่อยู่ระหว่างจะสร้างบ้านเองนั้น อยากให้ค่อยๆ คิดก่อนตัดสินใจและศึกษาแบบบ้านรายละเอียดของบ้านให้มากๆ อย่าเลือกเพราะราคาถูกโดยไม่ศึกษา ควรจะต้องทราบรายละเอียดของวัสดุก่อสร้างให้มากที่สุด รวมถึงการเลือกวัสดุตามที่ต้องการ เพื่อไม่ต้องมีปัญหามาเปลี่ยนวัสดุในภายหลัง ซึ่งอาจจะทำให้งบบานปลายในภายหลัง

อย่างไรก็ตามโดยรวมๆแล้วบ้านหลังแรกที่สร้างกับ “พีดีเฮ้าส์” นี้ถือว่าไม่ผิดหวัง ได้ตามแบบที่ต้องการ หากจะให้แนะนำแก่ผู้ที่ต้องการสร้างบ้านแก่คนรู้จักหรือคนอื่นๆ ก็ต้องบอกว่ามีความรับผิดชอบดี แต่ไม่ว่าจะเลือกสร้างบ้านกับใครก็ตามอยากให้ผู้ที่จะสร้างบ้านมีการศึกษาแบบบ้านและรายละเอียดก่อนตัดสินใจเสมอ เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาในภายหลัง