Custom Search

Apr 2, 2017

‘เนื้อคู่’

 

เพลง พรหมลิขิต
ศิลปิน สุนทราภรณ์
เนื้อร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล
ทำนอง เวส สุนทรจามร

นพ.วิชัย เทียนถาวร

วันที่: 2 เม.ย. 60 เวลา: 13:45 น.

มติชน

ฉบับที่แล้วคุยเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ใครที่ได้เกิดจิตที่สัมพันธ์กันระหว่างคู่ใดคู่หนึ่ง ในชาตินี้เกี่ยวเนื่องโดยกรรมเก่า กรรมใหม่ และใครควรจะเป็นเนื้อคู่กัน ไม่ใช่เนื้อคู่กัน อันเกี่ยวพันมาถึงการเลือก “คน” ที่จะเข้ามาในชีวิตให้เป็น “คู่ครอง” ของเรา ควรอย่างยิ่งที่ต้องรู้ว่า “เขา” และ “เรา” มีอะไรที่คล้ายกัน หรือเหมาะสมที่จะมีชีวิตอยู่ร่วมกัน ซึ่งอาจรวมไปถึงว่า อยู่กันไปแล้ว ชาตินี้จะทุกข์หรือสุข

การจะดูเบื้องต้นว่าเป็น คู่แท้ คู่บุญ หรือ คู่เวร คู่กรรม ก็ขอให้ใช้สติ ใช้ปัญญาเลือกคู่ด้วยความประณีต ระมัดระวัง อย่ารีบร้อนตัดสินใจ “ดูนางให้ดูแม่” หรืออาจ “เลือกคู่ผิดคิดจนตาย” ดังนั้น จึงควรจะใช้เวลาตรวจสอบ ไตร่ตรอง จนรู้ถ่องแท้กับผู้ที่จะมาอยู่ร่วมกันกับเราไปตลอดชีวิตว่า คนนั้นไปกับเราได้ไหม ขออย่าเพียงตัดสินใจเพราะเห็นว่าสวย เห็นว่าหล่อ เท่ดี ลูกคนรวย มีชาติตระกูล หรือแค่เพราะรักหรือสงสาร หรือหวังว่าจะเปลี่ยนเขาได้ในภายหลัง ทางที่ดีควรดู และพิจารณากันตั้งแต่ต้น ดีกว่าจะมานั่งทุกข์ทรมานกันภายหลัง

ในทางโลกเขาบอกว่า คนเราควรมีอย่างน้อย 6 อย่าง เช่นว่า “รูปสวย รวยทรัพย์ นับวิชา มีมารยาท ชาติผู้ดี มีสังคม” แต่ในโลกธรรมท่านกล่าวว่า ควรมีความเสมอภาคสมดุลกัน 4 ประเภท ที่ควรพิจารณากัน คือ 1.ควรมี “ศรัทธา” ไปในทางเดียวกัน 2.ควรมี “ศีล” อันเป็นเครื่องป้องกันตนจากความชั่วเสมอกัน 3.ควรมี “จาคะ”

อันเป็นวิธีคิดแบ่งปัน เสมอกัน และ 4.ควรมี “ปัญญา” รู้จักมีเหตุมีผล เลือกทางที่ดีเหมือนกัน เสมอกัการมี “ศรัทธา” ไปในแนวทางเดียวกันนั้นมีความสำคัญเบื้องต้น เพราะเป็นเรื่องของ “ความคิด ความไว้ใจ” และท้ายสุดเกิดการ “ยอมรับ” และอะไรก็ได้ยอมทำตาม มีผลมากต่อการอยู่ร่วมกัน จะทำให้ไม่เกิดการขัดแย้งกัน ไม่เชื่อใจกัน ระแวงกัน หากเป็นไปได้ควรนับถือศาสนาและศาสดาองค์เดียวกัน และเชื่อในแนวทางการดำรงชีวิตแบบเดียวกัน เพราะหากเชื่อหรือศรัทธาอะไรที่ไม่ตรงกันก็จะคุยกันไม่เข้าใจ คุยกันไม่รู้เรื่อง เมื่อคุยไม่ตรงกันก็คุยกันได้ไม่นาน ก็เบื่อหน่ายเร็ว ความจริงจังมีให้กันพบเห็นได้บ่อยๆ อันนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน มีบางคู่ที่อุตส่าห์อดทน อดกลั้น เงียบ ไม่โต้แย้งก็พอจะลดระดับความแรงได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าฝึกใจมาไม่ดีพอ เรื่องที่เก็บอัดๆ ไว้ในใจ ทนไม่ได้เมื่อไร เมื่อระเบิดออกมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเลยทีเดียว มีให้พบเห็นอยู่ทั่วไป

เรื่องนี้ไม่เฉพาะ “คู่รัก” เท่านั้น ขนาดเพื่อนกัน แต่เชื่อไม่เหมือนกัน ยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทต่อกันได้ ฉะนั้น…“ศรัทธา” ที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่นคงนี้แหละ ที่จะทำหน้าที่เป็น “เข็มทิศชีวิต” สร้างคู่ชีวิตให้ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ทำให้แตกแยก เป็นเหตุที่ทำให้รักกันได้ยืนยาวอย่างแน่นอน

ประการที่ 2 การมีเครื่อง “กั้นความชั่วทั้งปวง” หมายถึงการที่ “ศีล” ก็สำคัญยิ่ง คนทั้งคู่ควรมีความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิดแบบเดียวกันหรืออย่างน้อยก็ขอให้ใกล้เคียงกันเพราะ “ศีล” นั้น เป็นต้นน้ำต้นลำธารแห่งความสุขความเจริญทั้งปวง ทำให้ไม่รังเกียจไม่ต่อต้านกันและกัน เช่น คนหนึ่งใจบุญชอบช่วยเหลือ “สัตว์” ย่อมไม่สามารถอยู่ได้กับคนที่ชอบฆ่าสัตว์ วันๆ มุ่งแต่จะเอาเปรียบคนอื่น หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเจ้าชู้สำส่อนไปเรื่อยโดยไม่สนใจกามสกปรกหมกมุ่น ย่อมน่ารังเกียจยิ่ง สำหรับคนใจซื่อหรือรักเดียวใจเดียวแน่นอน “ศีล” ที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแล้วย่อม…ทำหน้าที่สร้างความอบอุ่น เชื่อมั่นให้กันและกัน สนิทใจ ไว้วางใจกันและอยู่กันได้อย่างยาวนาน

หรือคนหนึ่งไม่โกหก ด้วยถือสัจจะความเป็นจริงไม่มีทางทนได้กับคนที่ชอบโกหกพกลมวันๆ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น หรือแม้คนที่ไม่กินเหล้าเมามายก็ไม่มีทางทนได้กับคนขี้เหล้า นักเที่ยว เป็นอันขาดหรืออาจจะทนอยู่ไม่ได้ เพราะกรรมที่ทำมาส่งผล แต่เมื่อหมดวาระของกรรมต่อกรรมแล้ว ก็ต้องแยกจากกันแน่นอนในที่สุด

ประเด็นที่ 3 การอยู่ร่วมกันมากกว่า 2 คนขึ้นไปนั้น ต้องมี “การให้” กับ “การรับ”…การให้…จาคะ หรือทานนั้น แปลว่าอย่างน้อยต้องเป็น “ผู้ให้ซึ่งกันและกัน” ในทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่ง “ให้” อยู่ข้างเดียว อีกฝ่ายคิดแต่จะ “รับ” คิดแต่จะเอาเปรียบคู่ตนเองตลอดอยู่ร่ำไป เช่น อีกฝ่ายทำงานหามรุ่งหามค่ำหาเงินมาให้ใช้ อีกฝ่ายก็ควรสละแรงปรนนิบัติดูแลบ้านเรือน ดูแลลูกคนในครอบครัวให้ดี เป็นแม่ศรีเรือน หรือเป็นพ่อก็เป็น “พ่อศรีเรือน” หากมีแต่การเอารัดเอาเปรียบกัน ไม่มีการเสียสละที่เสมอกันเป็นมูลเหตุแล้ว ย่อมอยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะว่าฝ่ายหนึ่งคิดแต่จะ “ให้” อีกฝ่ายคิดแต่จะ “รับ” คนที่ให้ก็ต้องมีวันหมดทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์

และที่สำคัญคือ หมดกำลังใจ เพราะอีกฝ่ายไม่คิดจะให้อะไรกลับมาเลย ก็จะทำให้อยู่กันยาก

ประเด็นสำคัญที่สุดเริ่มที่ 4 ทั้งคู่ควรมีต้องมี “ปัญญา” เสมอกันคือ…มีความรู้จริงเห็นชัดในสรรพสิ่ง รู้เหตุรู้ผล…รู้และทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่แค่ “ความรู้ทั่วไป” กล่าวคือ เรื่องในทาง “โลก” ก็คุยกันรู้เรื่อง ในหลายประเด็นมีความรู้เท่ากัน แต่ไม่ยกตนข่มอีกฝ่ายหนึ่งว่ารู้มากกว่า ส่วนอีกด้านคือ ปัญญาในทาง “ธรรม” มีระดับความเห็นจริงใกล้เคียงกัน หรืออย่างน้อยก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่พูดกันคนละภาษา ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนทำ หรือฝ่ายหนึ่งเอาแต่อารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญา อย่างนี้ก็คง “ทะเลาะกันบ้านแตก” เช่น ฝ่ายหนึ่งมองโลกด้วยความไม่เที่ยงไม่ยึดติดอะไรมากเพราะรู้ว่าเมื่อเกิดขึ้นก็ต้องอยู่และดับไป ทรัพย์สินนั้นไม่ใช่อริยทรัพย์ที่จะนำติดตัวไปได้ทุกชาติซึ่งมีชีวิตด้วยความ… “พอดี” แต่ตรงข้ามอีกฝ่ายอยากได้อยากมี อยากครอบครองตลอดเวลา เรียกง่ายๆ ภาษาชาวบ้านว่า “งก” แค่เรื่องเล็กก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต อย่างนี้ก็คงอยู่ร่วมกันยาก

เขาบอกกันมาว่าหากเป็น “เนื้อคู่แท้” เมื่อได้มาพบกันชาตินี้ก็จะเกิดแรงดึงดูดที่ก่อความรู้สึกแสนดีอย่างประหลาดเหมือนเข้ากันได้ทุกอย่าง เหมือนเห็นกันได้ทุกแง่มุมด้วยความเข้าใจ หากมีบุญร่วมกันเป็นตัวเสริม การพัฒนาดุลยภาพทั้ง 4 ข้อนี้ ให้เสมอกันไม่ใช่เรื่องยากไปนัก โดยเฉพาะ…การที่ฝ่ายหนึ่งปรารถนาอย่างจริงใจที่จะให้คู่ครองของตนมีความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม คนที่ได้คู่ครองที่มีคุณสมบัติครบทั้ง 4 อย่างตรงกัน ย่อมเป็นคู่ครองที่มีความสุข น่าอนุโมทนาในความรักที่จะยั่งยืน แต่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ละคนได้สร้าง “กรรม” มีทั้งดีและไม่ดีกันมามากมาย อาจส่งผลให้ได้คู่ครองที่มีความแตกต่างกัน

แต่ท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ท่านเจ้าคุณ ป. ปยุตฺโต) เคยกล่าวไว้ว่า ยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า “ถึงแม้กรรมเก่าจะมีกรรมไม่ดีร่วมกันมามากเท่าใดก็ตาม ‘กรรมดีใหม่’ ที่ทำร่วมกัน สร้างร่วมกันสามารถทำให้ดีขึ้นได้จริง และอาศัยหลักธรรมในการครองเรือนเข้าช่วยจะทำให้ชีวิตคู่ดีขึ้น ประเสริฐขึ้น…”

มีคำถามเสมอๆ ว่า “ทำไมชาตินี้ยังไม่พบเนื้อคู่เสียที?” มีวิธีแก้ไขไหม? ท่านบอกว่า กรณีที่ไม่เจอเนื้อคู่เป็นคู่ครองกันได้ในชาตินี้มีหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกัน ขอให้พิจารณาด้วยตนเองอย่างมีสติอาจจะใช่ ไม่ใช่แต่ละท่านก็เลือกนำไปประกอบในเรื่องของชีวิตท่านอย่างมีวิจารณญาณ…กล่าวคือ อาจจะเป็นด้วยว่าแรงอธิษฐานเดิมนั้นแรง และตั้งข้อแม้มากมายเหลือเกินไปหรือเกินบุญตนเอง

ท่านว่ามีวิธีการแก้ไขถ้าหากต้องการจะมีคู่ครองขอให้พิจารณาเรื่อง “แรงอธิษฐาน” เผื่อว่าอาจจะได้สมหวัง แต่จะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับบุญหรือกรรมของตนเอง

แรงปรารถนาและแรงอธิษฐาน ถึงแม้จะมีสองแรงผนวกร่วมกันมาแค่ไหน สุดท้ายการได้อยู่ร่วมกันก็ยังต้องขึ้นอยู่กับกรรมลิขิตอยู่ดี ท่านว่า แรงทั้งสองนี้ในชาติก่อน ในชาตินี้ถ้าเราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเราไปอธิษฐานอะไรไว้บ้าง มาชาตินี้ก็ยังไม่ได้เจอเนื้อคู่แท้เลย ถ้าเราไม่มั่นใจเรื่องนี้และยังอยากที่จะมีคู่อยู่ก็ต้องไปอธิษฐานแก้ขออำนาจแห่งบุญที่เราทำตั้งแต่ในอดีตชาติ และบุญใหม่ที่เราทำทั้งหมดในชาตินี้ ขอแรงแห่งบุญกุศลช่วยยกเลิกเนื้อคู่เก่า ในวันนี้เขายังไม่รู้เลยว่าเป็นใครและขออานิสงส์ผลบุญที่เราทำมาทั้งหมดจะเป็นพละปัจจัยให้นำพาคู่ในลำดับต่อไปมาพบเจอะเจอกันได้ครองคู่กัน และที่สำคัญควรอธิษฐานสเปกที่เราอยากได้ด้วย เขาแนะนำว่าอย่าให้มันสูงเกินไปนัก เอาพอดีๆ สายกลางไว้ดีที่สุดและปลอดภัยกว่าเยอะ เชื่อว่าคงจะได้ “ปิ๊ง” กันในเบื้องต้น

คนที่มีปัญหาเรื่องความรักสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการที่ชาติหนึ่งชาติใดเคยสร้างกรรมเอาไว้ และไม่รู้ว่าตนเองมีบุญมากหรือน้อย จึงควรต้องมีการสร้างบุญกุศลใหม่ให้กับตนเองเสียก่อน ให้ตนเองมีต้นทุนที่ดีในการทำอะไรอะไร ถ้ามีบุญพอก็ไม่มีใครมาห้ามเราได้ แต่ขอให้ระลึกอย่างหนึ่งเสมอว่า “บุญวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้ บุญใครบุญมัน แต่สร้างเพิ่มได้ตลอดเวลา” การสร้างบุญที่ถูกต้องและได้ผลดีที่สุดมี 10 อย่างซึ่งล้วนทำได้ง่ายๆ ทั้งนี้ ได้แก่ 1.บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน 2.บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล 3.บุญสำเร็จได้ด้วยการภาวนา 4.บุญสำเร็จได้ด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ 5.บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ 6.บุญสำเร็จได้ด้วยการให้ส่วนบุญ 7.บุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนาบุญ 8.บุญสำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม 9.บุญสำเร็จได้ด้วยการแสดงธรรม 10.บุญสำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ตรง

การสร้างบุญนี้ง่าย ทำได้ทุกวันทุกเวลา แต่เงื่อนไขสำคัญของการสร้างบุญให้ได้อานิสงส์บุญมากอยู่ที่หลัก 3 ประการ คือ หนึ่ง:วัตถุทานนั้นต้องบริสุทธ์ สอง:ผู้ให้นั้นบริสุทธิ์ สาม:ผู้รับนั้นบริสุทธิ์ ขอให้สร้างบุญกุศลอย่าให้ขาด ขอให้เป็นเรื่องสำคัญเปรียบเหมือนเราต้องกินข้าวทุกวัน เพื่อเสริมกำลังทุกวัน การสร้างบุญก็เหมือนกันที่ต้อง “สร้างด้วยตัวเอง” ตลอดเวลา คนอื่นทำให้ไม่ได้ หมั่นทำกิจให้เป็นประจำ ทุกเช้าและก่อนนอน หมั่นสวดมนต์ ทำสมาธิ และอุทิศบุญไปถึงเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง ชีวิตจะเริ่มสมหวังในเรื่อง ทุกๆ สิ่งที่ดีในชีวิตก็จะเข้ามา และด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลทั้งใหม่ และเก่า ที่เราหมั่นเพียรทำสม่ำเสมอ ผู้เขียนเองเชื่อว่า อานิสงส์ใดๆ ทั้งหมด จะเกื้อหนุนนำพาชีวิตให้ทุกท่านที่ได้ภาวนาและปฏิบัติ เกิดเนื้อคู่ มีคู่ที่ดี มีครอบครัวที่ดี

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย และเป็น “วันแห่งครอบครัว” ซึ่งจะนำพาชีวิตทุกคนในครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ปลอดภัย และโชคดีตลอดไปนะครับ

นพ.วิชัย เทียนถาวร

อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข