Custom Search

Mar 30, 2011

”นิ้วกลม”กับหนังสือเล่มใหม่”ความสุขโดยสังเกต”




นิ้วกลม
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554
www.facebook.com/Roundfinger.BOOK

เคยคิดจะโฆษณาหนังสือตัวเองผ่านมติชนสุดสัปดาห์มาหลายครั้ง
ก็ได้แต่คิดครับ มิกล้าทำ
พอคิดจะทำก็คิดในใจว่า ควรจะโทร.ไปขออนุญาต "ผู้ใหญ่"
อย่างพี่ตุ้ม-หนุ่มเมืองจันท์เสียก่อน
แต่พอลองคิดต่อไปอีกหน่อย ก็ได้คิดถึงคำกล่าวที่คนโบราณว่าไว้
"เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด"
จึงลองเหลือบมองคอลัมน์ของ "ผู้ใหญ่"
อย่างคอลัมน์ "ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ"
ได้เห็นสัจธรรมแห่งชีวิตว่า "ผู้หลักผู้ใหญ่"
เขาโปรโมตหนังสือของตัวเองผ่านคอลัมน์ในมติชนสุดสัปดาห์แทบทุกครั้ง ทุกงานหนังสือ
ไม่ได้ทำแบบเนียนๆ แต่เล่นกันแบบโจ่งแจ้งกันเลยทีเดียว
หากเทียบระดับการประกาศก็น้องๆ
รถกระบะขายผักที่มีลำโพงติดอยู่บนหลังคารถ
แล้วเรียกลูกค้าผ่านลำโพงด้วยเสียงอันดังว่า
"ผักบุ้ง คะน้า ขิง ข่า ตะไคร้ มะเฟือง
มะไฟ มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ มาแล้วจ้า"

ระดับนั้นกันเลยทีเดียว

ครั้น "ผู้ใหญ่" ยืดอกเดินนำแบบนั้น
แล้วผู้น้อยอย่างเราจะไม่ทำตามก็กระไร
วันนี้จึงตัดสินใจเดินตาม "ผู้ใหญ่" โดยพลัน
ครับท่านผู้อ่าน วันนี้ผมจะมาโฆษณาหนังสือเล่มใหม่

แหม แก้ตัวเสียยืดยาว

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมถือกล้องคู่ใจ
เดินออกจากบ้านไปพร้อมอารมณ์ดีเต็มกระเป๋า
ตั้งใจว่าวันนี้จะออกไปเก็บ "ความสุข" กลับบ้าน
ไม่ใช่ "ความสุข" ของตัวเอง แต่เป็น "ความสุข" ของคนอื่น
เดาว่าน่าจะหลากหลาย
ระหว่าง ที่เดินอยู่บนทางเท้าในวันที่แดดร้อนระอุ
ผมก็เหลือบไปเห็นเจ้าหมาน้อยสามตัว
กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ใต้พุ่มชาดัดข้างถนน
นอนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
น่ารักน่าชัง หลับตาพริ้มสมเป็นวันพักผ่อน

เอ...หรือแค่ได้นอนในที่เย็นๆ ก็เป็น "ความสุข" แล้ว

พอ เดินลงเรือเพื่อล่องแม่น้ำเจ้าพระยา
กะว่าจะไปลงที่ท่าเตียน ก็ได้เห็นพี่ชายคนหนึ่ง
กำลังนอนฟุบอยู่บนเรือตามลำพัง
สงบเงียบ เพราะยังไม่มีคนลงมาในเรือ เสียงกรนเบาๆ คลอเสียงคลื่น

เอ...หรือแค่ได้พักผ่อนในที่เงียบๆ ก็เป็น "ความสุข" แล้ว

พอ เรือเริ่มเดินเครื่อง เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น
พี่ชายคนเดียวกันตื่นขึ้นมา
เขาจัดแจงยัดหูฟังเข้าไปในรูหูซ้ายขวาของเขา
ผมเห็นเขาหลับตาพริ้ม แย้มยิ้มน้อยๆ

"ความสุข" อาจหมายถึงการได้มีโลกส่วนตัวก็เป็นได้

หลัง จากนั้น ไปอีกสองท่าเรือ
มีพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นอุ้มลูกน้อยตัวเล็กๆ
ขึ้นมานั่งตรงข้ามกับผม ผมเห็นคุณพ่ออุ้มลูกตัวน้อย
ไปนั่งบนตักของเขา
แล้วชี้ชวนให้ดูข้างทางที่เรือแล่นผ่านไป
ทั้งคู่ยิ้มอย่างเพลิดเพลิน

"ความสุข" อาจหมายถึงการได้อยู่กับคนที่เรารัก

ระหว่าง กำลังจ้องมองสองพ่อลูกอยู่เพลินๆ
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากตรงกลางเรือ
กลุ่มชายหนุ่มชาวอินเดียกำลังหัวเราะร่า
เพราะเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มโดนน้ำในแม่น้ำสาด
เข้าใส่เต็มหน้าจากแรงกระแทกของ ท้องเรือ

"ความสุข" อาจเกิดจากการได้เห็นเพื่อนเดือดร้อน (ฮ่าฮ่า)

เมื่อ ลองมองเฉไปนิดเดียว
ก็ได้พบกับคุณป้าคนหนึ่งกำลังเงยหน้ารับลม
ปล่อยให้สายลมลูบไล้เส้นผมให้ปลิวไสว
ราวกับนางแบบหนังโฆษณาแชมพู
ป้าแกหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

"ความสุข" อาจเกิดจากการได้สัมผัสส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

ผมลงจากเรือขึ้นไปที่ท่าเตียน
เห็นสาวแหม่มสองคนหัวเราะคิกคัก
ระหว่างยกกล้องถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ฟากตรงข้ามของแม่น้ำ

"ความสุข" อาจเกิดจากการได้เดินทางไปเห็นสิ่งใหม่ๆ

พอเดินออกมาจากท่าเรือ
ผมเหลือบไปเห็นคุณพี่คนหนึ่ง
กำลังปอกสับปะรดอยู่อย่างเชี่ยวชาญ
แปลกดีที่ใบหน้าเขามีรอยยิ้ม

"ความสุข" อาจเกิดจากการที่เรามีสมาธิกับอะไรสักอย่าง

พอ เดินผ่านสวนสาธารณะเล็กๆ ริมแม่น้ำ
ผมหยุดนั่งมองฝรั่งชาย-หญิงคู่หนึ่งกำลังเล่นกายกรรมคู่
ทำท่าประหลาด ผู้หญิงนอนหลังชนพื้น
ยกแขนขาขึ้นมารับน้ำหนักของผู้ชาย
ที่ทำท่าบิดไปมาคล้ายๆ โยคะ
หน้าตาพวกเขาแลดูมีความสุขมาก
ผมเดาว่า พวกเขาน่าจะฝึกฝนร่วมกันมาเป็นเวลาไม่น้อย

"ความสุข" อาจเกิดจากการได้พบคนที่ไปด้วยกันได้

แถวท่าเตียน ท่าพระจันทร์ สิ่งที่พบเห็นได้เป็นประจำคือ
เซียนพระ พวกเขาหยิบแว่นขยายขึ้นส่องพระ
และแลกเปลี่ยนคำพูดกันอย่างสนุกสนาน

"ความสุข" อาจเกิดจากการที่ได้ใช้เวลากับสิ่งที่ชอบ

ใกล้ๆ แผงพระ ยังมีแผงขาย "ความสุข"
ชนิดอื่นอีกมากมาย อาทิ หนังสือเก่า ของเก่า
ของเล่น อาหาร น้ำดื่ม นาฬิกาเก่า สร้อย แหวน กำไล ฯลฯ
เมื่อลองคิดดูแล้ว มนุษย์เราต่างผลิตสิ่งต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมา
เพื่อตอบสนองความสุขของตัวเองทั้งนั้น

ผมเหลือบไปมองคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำ แล้วเกิดคำถามว่า

"ความสุข" ราคาถูกหรือแพงกันแน่นะ

เมื่อ หันกลับมาก็ได้เห็นรถเข็นขายซาลาเปา ขนมจีบ
ที่มีตัวหนังสือเขียนด้วยหมึกสีน้ำเงินไว้บนสังกะสีของตัวรถว่า
"ชีวิตนี้เพื่อลูก หัวใจนี้เพื่อเธอ" โดย "หนุ่มชรา"

"ความสุข" อาจเกิดขึ้นเมื่อได้ทำเพื่อคนที่เรารัก

เมื่อเดินไปถึงท่าพระจันทร์ ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง
กำลังนั่งให้หมอดูดูลายมือ แล้วไถ่ถามถึงอนาคตของตัวเอง

บางที "ความสุข" อาจจะไม่ได้อยู่ในปัจจุบันก็เป็นได้

เหลือบ มองไปอีกนิดหนึ่ง เห็นชายคนหนึ่งกำลังนั่งดูดไอติม
ด้วยหน้าตาจริงจังอย่างยิ่ง ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ
ดูเหมือนไอติมแท่งนั้นทำให้เขามีความสุขขึ้นมาได้พอดู

"ความสุข" อาจไม่ยากอย่างที่คิด

ที่ท่าเรือตอนขากลับ ผมเห็นศิลปินหนุ่มผมยาว
แต่งตัวเซอร์ๆ ยืนพิงเสารอเรือออกจากท่า
พร้อมกับใช้นิ้วสางผมหยิกๆ ของเขาเป็นระยะ

บางคนอาจมี "ความสุข" จากการได้เป็นอิสระ
จากกฎระเบียบมาตรฐานทั่วไปของสังคม

ที่ท่าเรือเดียวกันนั้นเอง มีพระภิกษุรูปหนึ่งนั่งนิ่ง
สงบรอเรือออกจากท่าอยู่เช่นกัน

ขณะที่สำหรับบางคน "ความสุข" อาจเกิดขึ้นเมื่อครองตนอยู่ในวินัย

เมื่อเรือมาจอดเทียบท่า เราทุกคนก็เดินขึ้นเรือลำเดียวกัน

ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของแต่ละคน



ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ในหนึ่งวันที่
ผมลองเดินออกจากบ้านไปสังเกต "ความสุข" ของผู้คน
และเก็บ "ความสุข" กลับมาบ้าน

นี่น่าแปลกก็คือ ขณะที่จ้องมองผู้คนเหล่านั้น
ตัวผมเองก็มีความสุขไปด้วย

สุขที่ได้เรียนรู้ "ความสุข" จากคนอื่น

ผมคิดว่า วิถีทางหนึ่งที่อาจทำให้เรามีความสุขมากขึ้น
คือการทำความเข้าใจว่า อะไรทำให้เรามีความสุข

เมื่อ เราพอจะรู้ว่า อะไรทำให้เรามีความสุข
สถานการณ์แบบไหน ภาวะแบบไหน
การทำอะไร ผู้คนแบบไหน ทำให้เรามีความสุข
เราก็น่าจะพอจัดสรรชีวิตของตัวเอง
ให้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น
ใกล้ผู้คนแบบนั้น หรือสิ่งๆ นั้นได้

และเราก็น่าจะมีความสุขมากขึ้นได้เช่นกัน

การที่จะทำแบบนั้นได้
เราคงต้องเริ่มจากการ "สังเกต" ความสุขของตัวเองและคนอื่น

ผม ลองใช้เวลา "สังเกตความสุข" ของตัวเองและคนอื่นมาสักระยะหนึ่ง
หลายครั้งก็เขียนถึง "ความสุข" เหล่านั้น
ผ่านทางหน้ากระดาษของคอลัมน์นี้
วันนี้สิ่งที่เขียนไว้หนาพอที่จะรวมเป็นรูปเป็นเล่มได้แล้ว

ตามที่สัญญาไว้ครับ ผมจะมาโฆษณาหนังสือเล่มใหม่ (หุหุ)
"ความสุขโดยสังเกต" คือชื่อของมัน
เป็นการสังเกตเพื่อหานิยามของความสุขโดยสังเขป
โดยแอบหวังว่า ผู้อ่านจะมีความสุขเพิ่มขึ้นบ้างระหว่างที่ได้อ่าน
สามารถไปสังเกตหาหนังสือเล่มนี้ได้ที่ "บูธมติชน" ในงานหนังสือครับ
บางทีเราอาจไม่ต้องรู้ก็ได้ว่า "ความสุข" คืออะไร
แต่สิ่งที่น่ารู้ก็คือ "ความสุข" เกิดขึ้นจากอะไร
คล้ายๆ "ความรัก" นั่นแหละ
ไม่สำคัญว่าเรารู้ความหมายหรือไม่ แต่สำคัญว่าเรามีมันหรือเปล่า
และการเริ่มจากการมีหนังสือที่มีชื่อเกี่ยวกับ "ความสุข" ไว้กับตัว
ก็ดูจะเป็นนิมิตหมายที่ดีมิใช่น้อยนะครับ
ผม จะไปแจกลายเซ็นในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 26-27 มีนาคม
และอาทิตย์ที่ 3 เมษายน ที่บูธมติชน
เวลาสี่โมงเย็นถึงห้าโมงเย็นครับ
ใครไปเดินงานช่วงนั้นก็แวะไปทักทาย ส่งยิ้ม ส่งป๊อกกี้ให้กันได้นะครับ
เพราะการได้พบปะผู้อ่านก็นับเป็น "ความสุข" อย่างหนึ่งของผู้เขียน
"ความสุข" ที่ "สังเกต" ได้จากรอยตีนกาข้างตาหยีๆ ที่กำลังยิ้ม
สามารถ เข้าไปชม "คลิปหนัง" จากการสังเกตความสุขที่เล่ามาได้ในยูทูบ
โดยเสิร์ชคำว่า "ความสุขโดยสังเกต"

หรือสามารถเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของผมตามที่อยู่ด้านบนได้ครับ